อ่านรีวิวก่อนหน้าได้ที่ รีวิวทริปภูเก็ต 3 วัน นอน 3 ที่ เที่ยว 3 หาด: หาดยะนุ้ย หาดในหาน หาดกะตะ

https://th.readme.me/p/3307


จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนว่ายน้ำไม่เป็นต้องขึ้นรถไฟครั้งแรกในชีวิตไปนอนบนแพกลางแม่น้ำแควน้อย?

"รถไฟ" อาจจะกลายเป็นตัวเลือกในการเดินทางสู่เมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างกาญจนบุรีของใครหลายๆคน กลายเดินทางในครั้งนี้เราเริ่มจากสถานีรถไฟธนบุรีโดยรถไฟฟรีสายธนบุรี - น้ำตก เราใช้บัตรประชาชนรับตั๋วฟรีมา ตามตารางรถไฟออกเวลา 7:50 น แต่เอาเข้าจริงๆก็เลทอยู่ดี พอถึงประมาณ 8:00 น. นิดๆ รถไฟสายหวานเย็นของเราก็ออกตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆไป ไม่เร่งรีบอะไร

แต่ไม่เป็นไร เรามาเที่ยวเอาบรรยากาศ รถไฟก็หวานเย็นไปเรื่อยๆ เราก็นั่งชิลล์ๆกับบรรยากาศท้องทุ่งสองข้างทางไปเรื่อยๆ ก็เพลินดีเหมือนกัน

เวลาเกือบ 11 โมง เราก็เดินทางมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่มาขึ้นรถไฟที่สถานีนี้เพื่อไปน้ำตกไทรโยคน้อยและจะผ่านเส้นทางสายรถไฟสายมรณะด้วย

ผ่านสะพานมาได้สักพัก เริ่มหิว แต่ไม่ต้องห่วง บนรถไฟจะมาคนมาขายของเรื่อยๆ หิวเมื่อไหร่ก็กิน นั่งจิบน้ำอัดลมเย็นๆชมวิวให้ชื่นใจก็ดีเหมือนกันนะ

หลังจากที่นั่งมา(นาน)พอสมควร และแล้วรถไฟก็พาเรามาถึงเส้นทางรถไฟสายมรณะที่สร้างในสมัยสงครามโลกครั้ง 2 ส่วนประวัติความเป็นมาอะไรนั้น กูเกิลมีคำตอบ พวกเราไม่มีความรู้ 5555
เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามหน้าผาหินเลียบแม่น้ำแควน้อย ริมแม่น้ำก็จะมีแพที่พักด้วย


เวลาประมาณเกือบบ่ายสอง รถไฟน้องหวานเย็นของเราก็ทำภารกิจสำเร็จแบบค่อยเป็นค่อยไป ภายในสถานีจะมีรถรับส่งไว้บริการ ต่อรองรากันเอง อารมณ์ประมาณรถแดงเชียงใหม่

ถ้าดูแแผนที่จากเว็บไซต์ขอ์งรีสอร์ทจะเห็นว่าตัวรีสอร์ทห่างจากสถานีน้ำตกไม่มาก ประมาณ 10 กม. ทางเลี้ยวเข้าจะอยู่ประมาณหลัก กม. ที่ 128 ให้สังเกตป้ายดีๆ จะเป็นป้ายไม้เขียนด้วยตัวหนังสือสีขาว ตอนเราไปคนขับพาหลง ขับเลยไปจนถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ ช่องเขาขาด ไหนๆก็มาแล้ว ขอแวะดูสักหน่อย เพื่อจะได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์มาประดับสมองสักนิด 555

สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสถานฑูตออสเตรเลีย ทำไมน่ะหรอ? เพราะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้จับเชลยศึกทางสงครามจำนวนมากและบังคับให้ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ โดยมีจำนวนกว่า 12,000 คนที่เป็นชาวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจำนวนอีกกว่า 60,000 คนที่เป็นชาวเอเชีย

ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมภาพถ่าย ข้อมูล และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ เราจะได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ ความทุรกันดารและความโหดร้ายของการตกเป็นเชลยศึกสงคราม

จากข้อมูลที่อ่านในพิพิธภัณฑ์ทำให้รู้ว่ามีการเริ่มสร้างทางรถไฟที่จุดช่องเขาขาดแห่งนี้ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2486 เชลยที่ถูกบังคับให้เป็นแรงงานต้องทำงานกว่าวันละ 18 ชม. ในช่วงที่ถือว่าร้อนที่สุดของประเทศไทยในสภาวะขาดแคลนน้ำและอาหาร (เชลยจะได้กินข้าวแค่เพียง 2 มื้อต่อวันเท่านั้น)

พอเราได้เห็นภาพเหล่านี้มันยิ่งทำให้รู้สึกเห็นใจพวกเขาไม่อยากให้ในโลกนี้มีสงครามเลย มันไม่เคยส่งผลดีให้ใคร หลายชีวิตต้องสูญเสีย หลายชีวิตต้องบอบช้ำไปตลอดกาลจากความทรงจำที่เลวร้ายในช่วงสงคราม

ภาพข้างบนคงเป็นที่มาของคำว่า "ช่องเขาขาด" แรงงานถูกบังคับให้ขุดเจาะผ่านหินขนาดใหญ่โดยไม่มีอุปกรณ์ทุ่นแรงที่เราเห็นในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนกะกันทำงานทั้งวันทั้งคืน ถ้าใครที่อยากเห็นบรรยากาศจำลองให้ดูหนังเรื่อง The Railway Man ในปี 2013 มีสถานที่แห่งนี้เป็นฉากในหนัง ถ่ายทำในประเทศไทยเกือบทั้งเรื่อง เป็นเรื่องราวจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ดูเเล้วได้อะไรจากหนังเยอะมาก ทำให้ได้รู้ว่าไม่ควรมีสงครามเกิดขึ้นอีกต่อไป

เวลาที่เดินผ่านช่องเขาขาดแห่งนี้ รู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของสงครามและความทารุณที่มนุษย์จะสามารถทำต่อเพื่อนร่วมโลกด้วยกันได้อย่างโหดเหี้ยม ภูเขาหินทั้งถูกตัดด้วยฝีมือมนุษย์ที่บังคับทารุณเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีนับหมื่นนับแสนชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับสงคราม ณ ที่แห่งนี้ "ช่องเขาขาด"


หันหลังให้กับอดีตและนำความผิดพลาดเหล่านั้นมาเป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนว่า เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรมาให้ได้ มันได้มากกว่าความรู้ทางประวัติศาสตร์จริงๆ ต้องขอขอบคุณลุงที่ขับรถหลงทางจนได้มาหลงรักที่นี่ ได้เวลาเลี้ยวรถกลับไปรีสอร์ทกันแล้ว ท่าเรือรีโซเทลนั่นคือที่ที่เราต้องไป

ทางรีสอร์ทจะมีเรือไว้รับส่งลูกค้าที่มาพักฟรี เราไปถึงท่าเรือประมาณเกือบ 4 โมงเย็น เรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่บ่ายโมง แต่ถ้ามาหลังจาก 6 โมงเย็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง พอไปที่ท่าเรือจะมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าเราพักที่ไหน คือที่นี่จะเป็นท่าเรือที่ใช้ร่วมกันของรีสอร์แพริมน้ำหลายเจ้า แต่ละที่ก็จะมีเรือบริการของตัวเอง

ครั้งแรกที่เห็นรีสอร์ท ตออยู่บนเรือที่แทบจะกระโดดลงจากเรือแล้วรีบว่ายไปให้ถึงรีสอร์ทเพราะอดจไม่ไหวแล้ว แต่ติดที่ว่ายน้ำไม่เป็น 5555 มันสวยมากจนบรรยายไม่ถูกกันเลยทีเดียว


ต้องยกให้เป็นสุดยอดรีสอร์ทริมน้ำที่หรูและโรแมนติกจริงๆ ห้องพักเป็นแบบวิลล่า มีความเป็นส่วนตัวมากๆ ห้องพักทุกห้องจะเชื่อมกันด้วยทางเดินไม้ ด้านหน้ารีสอร์ทเป็นแม่น้ำแควน้อย ด้านหลังเป็นป่าและภูเขา

แค่มองจากแตียงก็เห็นวิวแม่น้ำแล้ว

ห้องพักถูกแอบแบบมาให้เข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี สร้างจากไม้ทั้งหลัง หลังคามุงหญ้า เป็นความหรูแบบมีระดับมาก เก็บสัมภาระเรียบร้อยเราก็เดินสำรวจรอบๆรีสอร์ทว่ามีอะไรบ้าง ที่นี่มีกิจกกรมให้ทำเยอะมาก เช่น นั่งช้างชมป่า เที่ยวสวนผลไม้ของชาวบ้าน เดินป่าเที่ยวถ้ำละว้า หรือจะเล่นน้ำล่อแพก็ไม่ว่ากัน ส่วนพวกเรานั้นขอไปนั่งชิลล์ๆริมแม่น้ำดีกว่า

น้ำใสมาก ปลาก็เยอะมากเช่นกัน


ให้อาหารปลาอย่างสนุกสนานกันไป คนก็เริ่มหิวบ้าง ซี่โครงหมูทอดกระเทียวอร่อยแบบต้องเลียจาน

กะไว้ว่ากินเสร็จก็มานั่งเอาขาแช่น้ำที่ระเบียงห้องคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย

คืนนั้นเป็นการนอนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิต เตียวนุ่มมาก นอนฟังเสียงน้ำไหลผ่านคือที่สุด แต่ที่ต้องตื่นเช้าเพราะเวลาเรือวิ่งผ่าน คลื่นจะแรงพอสมควร ตัวบ้านก็สั่นกันไป เหมือนกับแผ่นดินไหว

มันก็คุ้มนะที่จะตื่นเช้าๆแล้วเจอกับบรรยากาศแบบนี้เป็นอย่างแรก

เต็มอิ่มกับบรรยากาศเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปนอนต่อให้เต็มอิ่มบ้าง เตียงนุ่มมาก บรรยากาศน่านอนมาก

ตื่นมาอีกรอบก็ได้เวลาอาหารพอดี เป็นอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ มีทั้งอาหารเช้าแบบไทยๆและแบบตะวันตก เลือกได้ตามใจชอบ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะลืมเอากล้องไป และด้วยความขี้เกียจก็ไม่มีใครกลับมาเอากล้องเช่นกัน 5555 อิ่มก็ออกมานั่งเล่นชมวิวจนกว่าจะถึงเวลาเช็คเอาท์

เราแจ้งเช็คเอาท์กับเรือรอบ 11 โมงเช้า พร้อมกับพูดกับพนักงานว่าเราจะกลับมาอีก...


We Travel



อ่านรีวิวก่อนหน้าได้ที่ รีวิวทริปภูเก็ต 3 วัน นอน 3 ที่ เที่ยว 3 หาด: หาดยะนุ้ย หาดในหาน หาดกะตะ

https://th.readme.me/p/3307

We Travel

 วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.53 น.

ความคิดเห็น