ทริปนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญครั้งนึงในชีวิต เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีความคิดที่อยากจะไปเดินเขา เข้าป่าเลย แต่เพราะเราอยากจะทำอะไรแปลกใหม่และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เลยตัดสินใจไปดอยหลวงเชียงดาว เราได้อ่านรีวิวค่อนข้างเยอะและเกือบทุกรีวิวบอกว่า การไปดอยหลวงเชียงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก ต้องอยุ่กับธรรมชาติจริงๆ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ ตอนแรกก้รู้สึกท้อใจนิดหน่อย คิดว่าเรานี่นะจะไปเดินเขา แต่ก็เอาไหนๆก็ไหนๆและ ลองดูสักตั้ง

      ก่อนถึงวันเดินทางประมานเดือนสองเดือนก่อน ได้มีการเตรียมตัวร่างกาย เช่น ออกกำลัง วิ่ง เดินเร็ว เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ ในตอนที่เดินขึ้นเขา เรียกง่ายๆว่าวอร์มอัพร่างกายก่อนนั้นเอง 55555 

       ในที่สัุดวันที่เดินทางไปเชียงใหม่ก้มาถึง เราเดินทางด้วยรถบัสทัวร์ของนครชัยแอร์ นั่งสบายมากมีที่ชาร์จมือถือ ของกินนี่ไม่ต้องพูดถึง ปากไม่ได้หยุดกินเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ เราเลือกเดินทางจากกรุงเทพตอนกลางคืน ถึงที่เชียงใหม่ก็เช้าพอดี พอถึงที่เชียงใหม่ด้วยความที่อากาศ ณ ตอนนั้นดีมาก อากาศเย็นถึงขั้นหนาวเลยหละ นี่ขนาดในตัวเมืองนะ ยังหนาวเลย แต่สายๆก็อุ่นขึ้นแล้ว เราใช้เวลาในตัวเมืองเชียงใหม่ 1 วัน 

วันต่อมา ในที่สุดวันนี้ก้มาถึง วันที่เราจะได้ขึ้นไปชมความสวยงามของธรรมชาติบนดอยหลวงเชียงดาว และได้ใช้ชีวิตที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ถึงขั้นไม่มีห้องน้ำด้วย เอาสิ้ จะเป็นยังไง

พวกเราไปถึงที่อุทยานประมาน 8-9 โมงเช้า เพื่อจะไปถึงจุดที่พักไม่ดึกมาก เพราะการเดืินไปนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดินของแต่ละคน ใครเดินเร้วก็ไปถึงเร็ว ส่วนใครเดินช้านะเหรอ ไม่ต้องพูดถึงเลย ก็ต้องถึงค่ำๆโน้นเลย 

       ก่อนขึ้นเจ้าหน้าที่ก็บอกข้อมูลต่างๆในการเดินทางและการรักษาความสะอาด เพื่อให้ธรรมชาติไม่เสื่อมโทรม คงความสวยงามให้แก่คนรุ่นหลังได้ดูกันต่อไป (แอบบอกนิดนึง คนที่จะไปโปรดเตรียมทิชชู่เปียกและทิชชู่ธรรมดาไว้ด้วยน้าาาา แล้วก็ถุงดำไว้เก็บขยะด้วยหละ) 

พวกเราได้เริ่มออกเดินทาง ช่วงแรกๆพวกเรายังคงมีพลังเหลือล้นกันอยู่ เดินไป วิ่งไป ล้มไปด้วย เพราะว่าดินลื่น ต้องหาไม้ค้ำมาค้ำไว้ระหว่างเดิน พวกลูกหาบของพวกเราเดินนำและสัมภาระของพวกเราไปไกลกว่าตัวพวกเรามาก 555555 โอเคยังไงก็ต้องสู้ต่อ พวกขนม น้ำ หรือยาดมก็ยังเต็มกระเป๋า ในใจคิดว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึง มาแล้วนี่เนอะ ^^ 


แต่พอเห็นบรรยกาศระหว่างทางแล้ว รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกรอบ นี่แหละธรรมชาติจริงๆ คุ้มมากๆเลยที่มาที่นี่ พื้นที่เขียวขจี อากาศก็ดีมาก ทำให้เรารู้สึกต้องเดินไปให้ถึงจุดเป้าหมายให้ได้เลย 

พวกเราก้เดินต่อมาเรื่อยๆ สูงขึ้นสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ อากาศก็เย็นลง ทำให้เวลาเหนื่อยหายใจค่อนข้างลำบาก แต่พวกเราก็สู้ ใช้เวลาประมาน 5-6 ชั่วโมง พอเห็นเต๊นท์ปุ๊ปขอเข้าไปพักร่างกายแปปนึง หลังจากนั้นเรามาทันช่วงที่รอดูพระอาทิตย์ตกก็เลยเดินขึ้นต่อไปอีกจนถึงจุดชมวิว 

นี่คือป้ายของชัยชนะของพวกเรา ในที่สุดพวกเราก็ทำสำเร็จ และมันคุ้มมากที่เราเหนื่อยเดินทางมาทั้งวัน

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

พาโนรามา

หลังจากนั้นพวกเราก็ลงไปยังจุดที่พักของพวกเรา ถึงช่วงอาหารค่ำกันแล้ว พวกเราเตรียมอาหารสำหรับคืนนี้ไว้ เป้นอาหารระดับภัตตาคารเลยทีเดียว นั่นก็คือ......

55555 ใช่แล้วมาม่าใส่ไข่ อาหารที่เรากินกันทั้งหมด 11 คน ถึงจะเป็นเมนูที่เบสิกแต่มันเป็นอาหารที่เราคิดว่าอร่อยมาก เพราะเรากินท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศและอากาศที่แสนจะดี ทุกอย่างลงตัวมาก Perfect ค่ะ หลังจากกินเสร็จ เก็บข้าวของเรียนร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอนในเต๊นท์ 

พอเช้าอีกวัน พวกเรากินอาหารเช้าแบบฝรั่ง ก็คือ ขนมปังกับไส้กรอก เครื่องดื่มก็คือ กาแฟ เป้นอาหารเช้าที่ลงตัวมาก เจอกับอากาศหนาวและกาแฟร้อนๆ ลงตัวสุดๆ ก่อนเก็บเต๊นท์ ก็ถ่ายรูปเกี่ยวความทรงจำกันสักหน่อย

ภาพนี้มีพี่ลูกหาบที่คอยดูแลเรื่องที่นอนให้แก่พวกเรา

หนาวไม่หนาวให้ดูจากการแต่งตัวของพวกเราได้เลย 55555555

ดื่มด่ำกับธรรมชาติเรียบร้อยถึงเวลาที่เราต้องกลับสักที การมาเดินเขาครั้งนี้ บอกเลยประทับใจมากรู้สึกได้ชาร์จแบตให้กับร่างกายจริงๆมีกำลังใจจากการเดินเขาครั้งนี้มาก ถ้าเราผ่านการเดินเขาหลวงดอยเชียงดาวมาได้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องกวังหรือกังวลอีก อยากขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจมาในครั้งนี้ 

       และสุดท้ายก่อนจะจบการรีวิวนี้ อยากจะแนะนำคนที่อยากจะทำอะไรใหม่ๆเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่กล้าทำ บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเหนื่อย ใช่ มันเหนื่อยแต่มันคุ้มมากกับการที่เราได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติมากๆแบบนี้ นี่แหละเรียกว่าธรรมชาติบำบัดของจริง 

        ปล.ห้องน้ำไม่มีจริงๆ ใครอยากจะทำธุระต้องข้างทาทงเลยนะจ้ะ และอย่าลืมพกทิชชู่แห้งและเปียกไปด้วย อีกอย่างอย่าลืมเก้บขยะทั้งหมด ของเราหรือที่เจอตามข้างให้ลงไปด้วยน้า ทำให้ธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้อยู่กับเราไปนานๆๆๆ และให้คนรุ่นหลังไว้ด้วย ขอบคุณนะคะธรรมชาติ


Nathanan Pakornsutthirat

 วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 14.10 น.

ความคิดเห็น