Masala Cafe ร้านอาหารอินเดียเปิดใหม่ ย่านสาธุประดิษฐ์

          อาหารอินเดียเป็นหนึ่งในอาหารต่างชาติ ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในบ้านเราพอสมควร จุดเด่นก็คือพวกเครื่องแกง และเครื่องเทศ ซึ่งถ้าคนไทยเรามีโอกาสได้กินจะอ๋อเลยว่า กลิ่นและรสแบบนี้แหละคืออาหารอินเดีย แต่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบอาหารอินเดียเลย เหตุผลส่วนใหญ่ก็คือ กลิ่นเครื่องเทศแรงไป นอกจากนี้พอพูดถึงอาหารอินเดีย ส่วนใหญ่ก็นึกถึงแต่พวก butter chicken กันกับแป้งนาน (naan) เมนูกินเล่นก็ Samosa อะไรประมาณนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วอาหารอินเดียก็มีเมนูที่หลากหลายมากไม่ต่างจากอาหารไทยนะ 

          ดังนั้นรีวิวนี้ "กิน จน จน"  จะพาไปรู้จักกับร้านอาหารอินเดีย ที่มีการปรับสูตรให้ลดกลิ่นเครื่องเทศลง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศรุนแรง และยังมีเมนูที่หลากหลายมาก กับร้านอาหารอินเดียเปิดใหม่ "Masala Cafe" ค่าาาา

          "Masala Cafe" เป็นร้านอาหารอินเดียที่ตั้งอยู่ในซอยสาธุประดิษฐ์ 19 หรือนราธิวาส 24 เดินทางมาได้โดยขับรถมาเอง หรือไม่ก็นั่ง Taxi ค่ะ Search ชื่อร้านจาก Google Map ได้เลย มาถึงปุปจะเจอร้านอยู่ใต้คอนโด Fortune Condotown 1 

          เราจะเจอกับร้านสีขาว 1 คูหา ป้ายชื่อร้านชัดมากค่ะ ดูจากนอกร้านไม่เหมือนร้านอาหารอินเดียเลยค่ะ

          เล่าก่อนว่า ก่อนจะมาเป็น Masala Cafe แบบทุกวันนี้ ทางร้านเคยเปิดเป็นร้านอาหารอินเดียแบบ Vegetarian food มาก่อนค่ะ แนว ๆ อาหารเจนี่แหละ เพิ่งจะเพิ่มเมนูเนื้อสัตว์มาได้ไม่นาน มีบริการทั้งกินที่ร้านและซื้อกลับบ้านค่ะ

          ไม่ใช่อะ นี่ไม่ใช่ร้านอาหารอินเดียแน่ ๆ 555555 คือร้านตกแต่งแบบคาเฟ่ตามชื่อร้านเลย โทนสีขาวทั้งร้าน ตกแต่งผนังด้วยรูปภาพและวอลเปเปอร์ มีไฟแบบ Modern Chandelier ด้วย มีโต๊ะสีดำประมาณ 6-7 โต๊ะ สมมติว่าเรายังไม่เห็นคนดูแลร้านและเมนูอาหาร ก็ไม่มีทางเดาถูกว่าเป็นอาหารอินเดียแน่ ๆ ค่ะ 55555

          เจอแล้วค่ะ อย่างแรกที่แสดงถึงความเป็นอาหารอินเดีย คือจานค่ะ 55555 จานเป็นลายแบบนี้เลย เค้าเรียกลายไรอะ ดอกบัวบานหรอ 55555

          และอีกอย่างที่แสดงความเป็นร้านอาหารอินเดียที่ชัดยิ่งกว่าจาน คือพี่ ๆ เจ้าของร้านค่ะ 55555 พี่ ๆ น่ารักมากเลย อธิบายอาหารได้เข้าใจ service mind เต็มร้อย

          หน้าตาเมนูของทางร้านค่ะ แต่ละเมนูราคาไม่แพงนะ ปกติมากสำหรับอาหารอินเดีย บางอย่างเป็นเมนูที่เราเคยรู้จักหรือเคยกินมาก่อน แต่หลาย ๆ เมนูก็ไม่เคยรู้จักเลยค่ะ

และนี่คือทั้งหมดของเมนูที่เราจะได้ลองในมื้อนี้ค่ะ 

          เริ่มจากเมนูแรก หลายคนอาจจะเคยเห็นเมนูนี้จากรูปจากเน็ตมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เมนูนี้ชื่อว่า "Masala Dosa" หรือ โดซ่า เป็นแป้งแผ่นโคตรใหญ่ ใหญ่มากค่ะ เพิ่งเคยเห็นของจริง 55555 ครั้งแรกที่ได้ลองโดซ่าเหมือนกัน Texture ด้านนอกกรอบมากเหมือนแป้งเครป แต่ด้านในจะมีความขุย ๆ คล้ายกับผิวของขนมบ้าบิ่นบ้านเราอะ แล้วก็จะมีกลิ่นไหม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของโดซ่า 

          วิธีกินก็คือ ฉีกแป้งมาเป็นแผ่นพอดีคำ แล้วก็ใส่เครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาด้วยกันค่ะ กินอาหารอินเดียอย่าไปกลัวมือเลอะค่ะ จกเท่านั้น ยืนหนึ่ง 5555555 สูตรของทางร้านจะมีมันฝรั่ง แล้วก็ซอสมะพร้าว ซอสที่ base ด้วยมะเขือเทศ แล้วก็น้ำราดอีกอย่าง 

          เราลองแยกกินแป้งโดซ่ากับซอสแต่ละอย่างมาแล้ว บางซอสจะเป็นรสผักเลย จืด ๆ บางซอสจะติดเปรี้ยว จากนั้นเราก็พบว่า ใส่ทุกอย่างด้วยกันเลยดีสุดค่ะ มันจะพอดี

          เมนูต่อไปชื่อ "Samosa" อ่านว่า ซา-โม-ซ่า เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นกะหรี่ปั๊ปอินเดียค่ะ ซึ่งซาโมซ่าเองก็มีหลายแบบนะคะ บางร้านก็จะกรอบไปเลย ส่วนของร้านนี้จะเป็นแบบซาโมซ่าไส้เยอะค่ะ แป้งไม่ได้กรอบมากแต่เน้นอัดไส้มาแน่น ๆ ไส้จะเป็นไส้มันฝรั่ง พอเป็นสูตรนี้รสชาติจะอร่อยคล้ายกะหรี่ปั๊ปบ้านเราเลยค่ะ 

          แต่ไฮไลท์ของเมนูนี้คือ ซอสที่ให้มาด้วยกันค่ะ เราไม่รู้ว่าทำจากอะไร แต่เป็นซอสหวาน ความรู้สึกเหมือนจิ้มซอสสตรอว์เบอร์รี่เลยค่ะ พอเอามาจิ้มอันนี้เหมือนกลายเป็นอีกเมนูไปเลย จากของคาวกลายเป็นของหวาน แปลกมาก จิ้มกับไม่จิ้มคือไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นถ้าจะกินแบบของคาว กินเปล่า ๆ แต่ถ้าจะกินเป็นของหวาน จิ้มซอสค่ะ

          เมนูนี้คือ "Naan" หรือ นาน เป็นอาหารหลักของคนอินเดียค่ะ เปรียบเสมือนเป็นข้าวของบ้านเรานี่แหละ แล้วเมนูนานนี่ก็มีหลายสูตรด้วยนะแล้วแต่ร้าน ของร้านนี้จะไม่ได้ plain ขนาดนั้นนะ จะมีการปรุงมาด้วยค่ะ และจากการที่เสิร์ฟนาน ก็แปลว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่จานหลักแล้วค่าา

          เมนูจานหลักเมนูแรก ชื่อเมนูว่า "Tandoori Chicken" เป็นไก่ย่างแบบอินเดีย อันนี้เราเพิ่งรู้นี่แหละว่าอินเดียมีเมนูไก่ย่างด้วย พอลองชิมแล้วรู้สึกว่า ไม่เหมือนไก่ย่างบ้านเราที่หวานนำ เปรียบเทียบรสชาติให้เห็นภาพชัด ๆ เลย อันนี้คือไก่สะเต๊ะค่ะ 5555 ที่บอกว่าเหมือนไก่สะเต๊ะเพราะว่า ไก่จะหอมเครื่องเทศที่หมักมา ถ้าไม่ได้จิ้มอะไร คือกลิ่นจะเด่นสุด แต่รสชาติจะไม่ได้ชัดขนาดนั้น เน้นกินกับซอสที่ให้มาค่ะ วิธีกินคือ ให้บีบมะนาวใส่ไก่ แล้วก็จิ้มกับซอสสีเขียวที่ให้มาค่ะ ซอสตัวนี้จะ base ผัก กินแล้วสดชื่น 

          เมนูนี้คือ "Butter Chicken" เรียกได้ว่า เป็นเมนูที่ Mass ที่สุดของอาหารอินเดียเลยก็ว่าได้ คนไทยเราที่เคยกินอาหารอินเดีย จะคุ้นกับเมนูนี้เป็นอย่างดีค่ะ เป็นแกงไก่ที่คล้ายกับแกงกะทิบ้านเรา แต่ base หลักของรสชาติเป็นรสเนยค่ะ จะเรียกว่าเป็น แกงไก่รสเนย ก็ว่าได้ สำหรับคนไทย เราถือว่าเป็นเมนูที่เข้าใจง่ายที่สุดค่ะ อร่อยมากกก ใครจะกินราดข้าวก็กินไป แต่สำหรับเรา เมนูนี้ กับนานเท่านั้น 55555

          เมนูต่อไปเป็นเมนู "Chicken Biryani" หรือก็คือ ข้าวหมกไก่ ที่คนไทยเราคุ้นกันเป็นอย่างดีค่ะ เพราะข้าวหมกไก่เป็นอาหารอิสลามขึ้นชื่ออะเนาะ 

          สิ่งที่แตกต่างจากข้าวหมกไก่บ้านเรา อย่างแรกคือข้าวค่ะ ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวอินเดีย เม็ดยาวกว่าข้าวบ้านเรา รสชาติคล้ายกัน ต่างกันที่ Texture นิดหน่อย 

          และอีกอย่างที่ต่างกันคือ ซอสที่กินกับข้าวหมกไก่ บ้านเราจะคุ้นกับซอสสีเขียว ๆ เปรี้ยวหวานเผ็ด แต่ของอินเดีย ข้าวหมกไก่จะกินกับโยเกิร์ตค่ะ ชิมแล้วก็คือโยเกิร์ตเลย กินด้วยกันแล้วแปลกมาก ละเข้ากันเฉยเลยนะ

          เมนูของคาวสุดท้าย คือ Daal Makhani เป็นเมนูที่ไม่คุ้นที่สุดสำหรับเรา เป็นแกงถั่ว กวนกับซอสมะเขือเทศ และเครื่องเทศต่าง ๆ เดาว่านี่น่าจะเป็นเมนูที่ร้านขายมาตั้งแต่สมัยเป็น Vegetarian Food 

          เราไม่สามารถหาเมนูไหนมาเปรียบเทียบรสชาติได้เลย เพราะไม่เหมือนกับเมนูอะไรเลยในบ้านเราค่ะ 55555 คือเป็นแกงถั่วกวนเลยอะ เราไม่ได้รสชาติของมะเขือเทศนะ แต่เพราะมะเขือเทศนี่แหละที่ทำให้แกงนี้รสชาติเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นถั่วอย่างเดียวมันก็คงเค็มและมันเนาะ อันนี้กำลังดี ถ้านึกรสชาติไม่ออกจริง ๆ ให้นึกซะว่า เป็นถั่วที่มีรูปลักษณ์เป็นแกง จะเข้าใจได้ง่ายค่ะ กินกับนานแล้วดีมาก

          และเมนูของหวานตบท้ายชื่อว่า "Gulab Jamun" อ่านว่า กุหลาบ จามัน อธิบายรสชาติก่อน ตัวก้อนกลม ๆ นี่ จะ Texture เหมือนแป้งทอดค่ะ นุ่ม ๆ แน่น ๆ ที่ชื่อเมนูว่า กุหลาบ เพราะมีส่วนผสมของกุหลาบจริง ๆ ทำให้ได้กลิ่นค่ะ แล้วซอสที่ราดมาเป็นน้ำเชื่อมปรุงรสค่ะ 

          บอกก่อนว่าเมนูนี้หวานมาก ถ้าใครไม่ค่อยกินหวานจะตกใจเลย แต่ว่ามันมีเหตุผลที่ต้องหวานแบบนี้ เพราะตลอดมื้อเรากินแต่เมนูที่เน้นเครื่องเทศ เลยจะทำให้มีรสชาติติดค้างในปาก เมนูนี้จึงทำมาเพื่อล้างรสเครื่องเทศ เราเองพอกินเมนูนี้ปิดท้าย ยังรู้สึกเลยว่า ของหวานปิดท้ายมื้อนี้ มันต้องรสนี้แหละ

          สรุปจากการที่ได้ลองแต่ละเมนูที่รีวิวมาด้านบน เรารู้สึกได้ว่า ร้าน "Masala Cafe" นี้มีจุดเด่นสำคัญที่สุดคือ เค้ามีการปรับสูตรให้เข้ากับคนไทยค่ะ คือมีการคงรสชาติตามแบบ Traditional เอาไว้ แต่ลดกลิ่นของเครื่องเทศลง เราเคยกินอาหารอินเดียมาบ้าง เราจึงรู้สึกได้ว่า ร้านนี้แต่ละเมนู กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงเลย ดังนั้นเราคิดว่าร้านนี้เหมาะมากสำหรับคนที่มากินอาหารอินเดียเป็นครั้งแรก หรือเคยกินแต่ไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศแรง ๆ รับรองว่าร้านนี้จะทำให้คุณเปลี่ยนใจแน่นอนค่ะ

          ทิ้งท้ายรีวิวนี้ด้วยรายละเอียดของทางร้านนะคะ แล้วกลับมาเจอกันใหม่ในรีวิวหน้ากับ "กิน จน จน" น้า บ๊ายบายยย


Masala Cafe

Location : https://goo.gl/maps/brCPxad7KM...

Fanpage : https://web.facebook.com/MasalaCafeBangkok

#indianfoodbangkok #narathiwas24 #masalacafe 

#รีวิวอาหารอินเดีย #อาหารอินเดีย

กินจนจน : Poor Eater

 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 18.14 น.

ความคิดเห็น