Dream Destination : เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

1 ในจุดหมายปลายทางในฝันที่นักเดินทางหลายคนอยากไป..

ทริปนี้ผมใช้เวลาในการวางแผนที่จะไปถึง 2 ปี เนื่องจากเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจองยากลำดับต้นๆ ของประเทศ ในทุกๆ ปี อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเดินทางศึกษาเส้นทางธรรมชาติได้แค่ เดือน 3-4 เท่านั้น คือช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ปีนี้อุทยานเปิดถึงแค่เดือนมกราคมเท่านั้น และในการจองหนึ่งครั้ง จองได้แค่ครั้งละ 5 คน / กลุ่ม ซึ่งทุกกลุ่มที่จะไปต้องอาศัยดวงล้วนๆ ว่าใครจะโทรจองได้ ทริปนี้ที่ผมจองได้ โทรไปทั้งหมด 142 สาย สายแถบไหม้!!!!

#การจอง

-โทรจองก่อนไปล่วงหน้า 7 วัน (นับวันที่โทรจอง)

- โทรที่เบอร์ 034510979 และ 0982520359 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

- ในแต่ละวันรับนักท่องเที่ยงวันละไม่เกิน 60 คน (จองได้ครั้งละ 5 คน ต่อ 1 กรุ๊ป)

- เมื่อโทรติดจะต้องแจ้ง ชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, เลขบัตรประชาชนของทุกคน และจัดส่งเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของผู้เดินทางทุกคนภายใน 1 วันของที่จองได้ ไปที่ Email : [email protected]

2-3 วัน ก่อนเดินทางไป เจ้าหน้าที่จะโทรมาคอนเฟิร์มการเดินทางอีกครั้ง

#การเดินทาง

ผมเดินทางโดย รถตู้กาญจนบุรี ที่ ขนส่งหมอชิต ซื้อตั๋วที่ตึก D (นั่งกลับบ้านประจำ)

พอถึงเมืองกาญจน์ มีรถให้เลือกเดินทางไปทองผาภูมิ 2 อย่าง

อย่างแรกรถเมล์กาญจนบุรี - สังขละ สีแดง หรือ อย่างที่สอง รถตู้กาญจนบุรี - ด่านเจดีย์สามองค์ ผมเลือกนั่งรถตู้ครับไวดี บอกพี่คนขับรถว่าลงตลาดทองผาภูมิ จากนั้นก็ต่อรถสองแถวสีเหลือง บ้านอีต่องครับ ขึ้นในตลาดทองผาภูมิ นั่งไปยาวๆเลยครับ 1-2 ชั่วโมง

ใครที่ชอบเที่ยวคนเดียวแบ็กแพ็กไม่มีรถส่วนตัวเหมือนผมแนะนำให้มากางเต็นท์นอนที่จุดชมวิวเนินกูดดอย อยู่ในอุทยานทองผาภูมิเลยครับ วิวดีมาก ห้องน้ำสะอาดครับ (หนาวมากลมแรงทั้งคืน)

(จุดชมวิวเนินกูดดอย) วันที่ผมไปหนาวมากครับ  ประมาณ 16 องศา

และในวันกำหนดเดินขึ้นเขาช้างเผือก ต้องไปลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประชาชนตัวจริง ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เวลา 06.00-08.00 น. แนะนำให้ลงทะเบียนแต่เช้านะครับ ถ้ามาคนเดียว เพราะต้องใช้เวลารอรถสองแถวเพื่อไปหมู่บ้านอีต่องอีก

ลงทะเบียนเสร็จแล้วให้เดินทางไปยังหมู่บ้านอีต่อง 

รถสองแถวจะจอดส่งหน้าหมู่บ้านเลยครับ ก่อนเดินไปลงทะเบียนให้ไปติดต่อลูกหาบแล้วก็หาอะไรทานให้เรียบร้อย และซื้ออาหารสำหรับใช้ชีวิตบนเขาให้เรียบร้อยเลยนะครับ (เตรียมของกินสำหรับ 3 มื้อบนเขา) 

การลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่หมู่บ้านอีต่องต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริงและตั๋วอีกครั้ง ภายในเวลา ก่อน 09.45 น. ใครมาหลังจากนี้ถือว่าสละสิทธิ์ทุกกรณีนะครับ (ใครที่ต้องการจ้างลูกหาบให้ไปติดต่อจ้างได้ที่ข้างๆ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านอีต่อง ก่อนลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่) 

จุดลงทะเบียนหาง่ายมากครับ  เดินเข้ามาจากป้ายหมู่บ้าน เดินตรงมาตลอดเลย จะเจอป้ายนี้ 

ก่อนเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก แนะนำให้ซื้ออาหาร-น้ำ สำหรับมื้อเที่ยงติดไปให้พร้อม สำหรับกินระหว่างทาง เพราะเดินค่อนข้างไกล และสำหรับ อีก 2 มื้อบนเขา คำนวณไปดีๆ นะครับ จะได้ไม่ต้องแบกหนักมาก แนะนำเป็นอาหารแห้งสำเร็จรูปเหมือนผม (บะหมี่+ขนมปัง) ต้มน้ำอย่างเดียว ***ย้ำสำหรับเรื่องน้ำและอาหารสำคัญมากครับสำหรับสายแบ็กแพ็กเที่ยวเหมือนผม***

ลงทะเบียนในหมู่บ้านเสร็จแล้วก็เดินกันต่อครับ  

จุดลงทะเบียนจุดต่อไปรออยู่ ขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโล จะเจอป้ายจุดเริ่มต้นครับ 


เป้าหมายดูเหมือนไม่ไกล  แต่ โค-ตะ-ระ ไกล เดินมาถึงจุดนี้ก็เริ่มขาอ่อนแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

อันนี้จุดเริ่มต้นของจริง! ถึงจุดนี้จะมีพี่เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วลงทะเบียนอีกรอบ จุดสุดท้ายละครับ ถ้าใครเผลอทำตั๋วหล่นหายก็เตรียมตัวเดินลงได้เลยครับ อิอิ พี่เจ้าหน้าที่เขาทำตามหน้าที่ครับ เพื่อความเป็นระเบียบป้องกันคนนอกที่ไม่ได้จองแอบมาด้วย

ระหว่างทางจะเจอวิวแจ่มๆ สวยเลยครับ เดินไปหยุดดูวิวไป เดินเลื่อยๆ จะเร็วจะช้า ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวก็ถึง ฮ่าๆ ๆ       8 กิโลเอ็ง!!! เรื่องแดดไม่ต้องถามครับ ถ้าถือปลามาด้วย ก็จะได้กินปลาแดดเดียวเป็นมื้อเย็นพอดี ^^

ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเดือนมกราคม วันที่ 2-3 มกราคม เป็นช่วงที่ทุ่งหญ้าบนเขากำลังกลายเป็นสีทอง สวยแปลกตาไปอีกแบบครับ ใครที่ชอบแนวแบบทุ่งหญ้าสะวันน่าน่าจะรู้สึกว๊าวมากๆ เพราะสวยมากครับ ต้องมาดูเอง อธิบายไม่ถูก 5555555

ชอบวิวตรงนี้ที่สุดแล้วครับ ภูเขาเล็กใหญ่ที่ซ้อนสลับกันเป็นเลเยอร์ มองไปแล้วคิดถึงบ้าน 5555 ภูมิใจในตัวเองที่อดทนเดินขึ้นมาได้ ^^

และนี่คือจุดกางเต็นท์ของผม [มีห้องน้ำเป็นส้วมหลุมนะครับ] อยู่ในช่องหุบเขาระหว่างเนินช้างพลายและเนินขึ้นสันคมมีด เดินมาถึงจุดกางเต็นท์นี้พี่เจ้าหน้าที่จะให้ทุกคนกางเต็นท์นอนพักเอาแรง ช่วงสักประมาณ 15.00 น. พี่เจ้าหน้าที่จะมาตามรวมตัวเพื่อขึ้นสันคมมีดและเขาช้างเผือก ใครที่กลัวเจ็บมือก็อย่าลืมหยิบถุงมือไปด้วยนะครับ น้ำ กล้อง รองเท้า เตรียมตัวให้พร้อมครับ ทางชัน และอันตรายมาก 

ขาขึ้นสันคมมีดเนินแรกก็ชันเลย 55555 ที่ผ่านมาคือเด็กๆ ไปเลย กล้ามเนื้อน่องทำงานได้ดีเยี่ยมมากครับ

ช่วงนี้หลายคนอาจจะกลัวถอดใจถอยหลังกลับไปจุดกางเต็นท์ ซึ่งก็ยอมรับว่า อันตรายจริงๆ  ถ้าเผลอลื่นหรือปล่อยมือจากเชือกตกลงไปนี่ไม่ต้องพูดถึง เจ็บหนักแน่นอน เพราะสันเขาสูงมากครับ (ดูคลิปประกอบได้ที่ IG : kkkkeng_pt ครับ ขายของหน่อย ^^ ) ผ่านช่วงที่เรียกว่าสันคมมีดมาได้ก็ชิวๆ เลยครับ เดินสบายเหมือนสวนหลังบ้าน 

อีกจุดที่ผมชอบมาก ทิวเขามองไปสุดลูกหูลูกตาชวนให้คิดถึงว่า ถ้าวันนึงมีแฟนอยากพาแฟนมาด้วย ถือเป็นการทดสอบไปในตัว ^^ รำบากแบบนี้ใครจะอยากมาด้วยฟร๊ะ!!!!!!

มุมมหาชนเลยครับจุดนี้ ใครมาแล้วไม่ขึ้นมาถ่ายมุมนี้ถือว่ามาไม่ถึง ถ้ามาในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่อากาศหนาวหญ้าเขียวๆ น่าจะดูสวยแปลกตาไปอีกแบบนะครับผมว่า ❤️ แต่ก็แอบคิดในใจเส้นทางที่เดินมาว่า เราผ่านมาได้ยังไง!!!! 555555 สันเขากว้างไม่ถึง 2 เมตร

และนี้ก็คือเส้นชัยของผม ผลของความอดทน คือเส้นชัย จุดหมายปลายทางในฝันที่ผมอยากมามากที่สุด ❤️

“ไว้มีเงิน มีเวลา มีจังหวะดีๆ เราออกเดินทางไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ที่ที่เราสบายใจ . . .”

__________ FOLLOW ME IG : kkkkeng_pt  ________

#ค่าใช้จ่าย

- ค่ารถตู้ไปกาญจนบุรี 120 บาท

- ค่ารถตู้ไปตลาดทองผาภูมิ 115 บาท

- ค่ารถสองแถวสีเหลืองไป อทช.ทองผาภูมิ 70 บาท

- ค่ากางเต็นท์ 30 บาท

- ค่าเข้าพื้นที่อุทยานฯ  40 บาท

- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง หารเฉลี่ย 12 คน คนละ  268 บาท

- ค่าประกันอุทยานศาสนา 10 บาท

- ค่าเช่าเต็นท์ 150 บาท [ผมพกเต็นท์มาเอง]

- ค่าเช่าถุงนอน 70 บาท [ผมพกถุงนอนมาเอง]

- ค่าเช่าชุดผ้าห่ม 65 บาท

- ค่าลูกหาบ 30 กก. 1500 บาท /ถ้าเกินคิดเพิ่มกิโลกรัมละ 50 บาท

- ค่าของกินโดยรวมประมาณ 200-400 บาท (แล้วแต่การกินของแต่ละคน)

#เขาช้างเผือก #รีวิวเขาช้างเผือก #กาญจนบุรี #เดินป่า #ปีนเขา #รีวิวกาญจนบุรี #ที่เที่ยวทางธรรมชาติ #ที่เที่ยวกาญจนบุรี #khaochangphuak #kanchanaburi

คนติดเขา : The Mountain Addict

 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 21.04 น.

ความคิดเห็น