รถบัสไปพุกามจอดสนิทเพื่อรับเรา แน่นอนว่าที่นั่งเต็ม แต่ก็ยังดีที่ยังพอมีที่นั่งเสริมตรงกลางทางเดิน ที่ต้องนั่งตัวแข็งหลังตรงไปตลอดทาง แต่ความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ก็ทำให้ร่างกายผมไม่อาจฝืนจึงเผลอหลับ แต่ยังไม่ทันได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อชายพม่าที่นั่งข้างๆ สะกิดว่าถึงท่ารถแล้ว

หลังจากลงจากรถเราก็ยืนเด๋อๆด๋าๆเหมือนเช่นเคย พร้อมกับความงงงวยว่า นี่เมืองพุกามหรือ ทำไม่ถึงมืดและเงียบได้ขนาดนี้ แต่สุดท้ายเราก็ได้รู้ว่าเมืองที่เรายืนอยู่นี้ไม่ใช่พุกามอย่างที่เราคิด แต่คือเมืองยองอู (Nyaung U) แล้วเจ้าเมืองยองอู นี้คือเมืองอะไร ?

ความสับสนเกิดขึ้นกับเราอีกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่าเรานั่งรถผิดคันหรือนี่ แต่ไม่น่าผิดนะ เพราะในเมื่อสอบถามเด็กรถแล้ว อีกทั้งภายในรถก็มากไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งพวกเขาคงไม่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยวเมืองที่ไม่เคยได้ยินชื่อเช่นนี้หรอกน่า

ก่อนที่ความสับสนจะเกิดมากขึ้นไปกว่านี้ เราก็ถูกห้อมล้อมด้วยเหล่ารถม้า ผมจึงเข้าไปสอบถามชายขี่รถม้าคนหนึ่ง ถึงความสับสนระหว่างเมืองยองอู กับ พุกาม เขาจึงให้ความกระจ่างว่า รถบัสจะมาจอดที่เมืองยองอูซึ่งเป็นเมืองใหม่ มีสถานีขนส่ง และมีที่พัก แต่พุกามซึ่งเป็นเมืองเก่านั้น ไม่มีที่พัก และต้องต่อรถเข้าไป ได้ยินเช่นนั้นความสับสนจึงคลี่คลาย

เราเช่ารถม้าคันที่เราสอบถาม เพื่อให้ไปส่งยังโรงแรมในตัวเมืองยองอู หนุ่มน้อยนามว่า โกเล็ง ผู้เป็นคนขี่รถม้าพาเราไปพักที่ อีเดนโมเทล (Eden motel) ซึ่งอยู่ใกล้ๆตลาด ในราคาคืนละ 10 เหรียญสหรัฐ

เราสอบถามโกเล็งว่า หากจะเช่ารถม้าเที่ยวเมืองพุกาม เขาคิดราคาเท่าไหร่ โกเล็งตอบว่าคิดวันละ 15,000 จ๊าต โดยพาเที่ยวตั้งแต่เช้ายันพระอาทิตย์ตกดิน เราจึงนัดหมายให้โกเล็งมารับเราอีกครั้งที่หน้าโรงแรมในเวลา 8 โมงเช้า

ทีแรกกะว่าจะขอหลับสักงีบ แต่เอาเข้าจริงๆ หลังจากอาบน้ำ ตาก็สว่าง จึงชวนแท่งออกเดินท่องตลาดเช้า แต่ก่อนที่เราจะออกจากโรงแรม ผู้จัดการโรงแรมได้สอบถามว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวพุกามใช่ไหม เราตอบว่าใช่ เขาจึงถามเราว่ามีบัตรเข้าเมืองพุกามหรือยัง ถ้ายังจะต้องซื้อบัตรคนละ 10 เหรียญสหรัฐ ซึ่งราคานี้ตรงกับข้อมูลที่อ่านมา เราจึงซื้อบัตรผ่านผู้จัดการโรงแรม โดยหลังจากที่เราจ่ายเงิน เขากลับบอกเราว่า ตอนนี้ยังเช้า เจ้าหน้าที่ยังไม่มาทำงาน ไว้ตอนเย็นเขาจึงจะนำบัตรมาให้ แต่นี่เราเที่ยวพุกามแค่วันเดียวเอง ถ้าได้บัตรเย็นนี้จะมีประโยชน์อะไร จึงถามผู้จัดการว่า ในเมื่อยังไม่ได้บัตร แล้ววันนี้เราจะเข้าเมืองพุกามได้ไหม เขาตอบว่าไม่มีปัญหา พร้อมยื่นนามบัตรโรงแรมให้ โดยบอกว่าหากเจ้าหน้าที่ตรวจ ให้บอกว่าพักที่นี่

แม้ยังคาใจกับเรื่องบัตรเข้าเมืองพุกาม แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เราจึงเดินออกจากโรงแรมสู่ตลาดเช้า โดยผ่านร้านค้าห้องแถวหน้าทางเข้าตลาดซึ่งสร้างด้วยไม้ สูงเพียงชั้นเดียว ในเวลานี้บรรดาร้านค้ายังไม่เปิดร้าน แต่ภายในตลาดนั้นคึกคักตั้งแต่เช้า มีทั้งผักสดและผลไม้วางขายมากมาย รวมถึงท่อนตะนาคาสำหรับผัดหน้า และสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของตลาดพม่าคือ บรรดาดอกไม้สวยๆ ซึ่งบางทีอาจมากกว่าผักและผลไม้รวมกันเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากอาหารจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตแล้ว ดอกไม้สำหรับบูชาพระ ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของชาวพม่าเช่นกัน

แน่นอนเราไม่ได้อาหารใดติดมือจากตลาดเช้า เพราะเป็นตลาดสด แต่เราก็สามารถหาอาหารเช้ากินได้อย่างไม่ยาก โดยฝั่งตรงข้ามตลาดเป็นที่ตั้งของร้านโรตีร้านใหญ่ของเมือง ชาวพม่าจะเรียกโรตีว่า แปปะลาตา โดยทั่วไปแล้ว หน้าตาและกรรมวิธีการทำนั้นไม่ต่างจากเมืองไทย แต่สำหรับร้านนี้กระทะที่ใช้ทอดโรตีนั้นไม่ใช่กระทะแบนๆแบบที่คุ้นตา แต่เป็นกระทะก้นลึกที่เต็มไปด้วยน้ำมัน โรตีที่นี่จึงมีลักษณะทอดแบบเดียวกับการทอดปาท่องโก๋ โดยเราสั่งโรตี พร้อมซามูซา มากินคู่กับกาแฟร้อนๆ

เรากลับถึงโรงแรมในเวลาที่ยังไม่ถึง 8 นาฬิกา แต่โกเล็งพร้อมรถม้าก็มาจอดรออยู่หน้าโรงแรมแล้ว ก่อนที่การเดินทางสู่พุกามจะเริ่มขึ้น เราบอกให้โกเล็งพาเราไปซื้อตั๋วเรือล่องแม่น้ำอิรวดีสู่มัณฑะเลย์ ซึ่งกล่าวกันว่าทิวทัศน์สองฝั่งน้ำนั้นงดงามยิ่งนัก แต่เราก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเรือล่องอิรวดีสู่มัณฑะเลย์นั้นไม่ได้มีทุกวัน และที่สำคัญ ไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าในแต่ละสัปดาห์จะมีในวันไหน หรือบางทีทั้งสัปดาห์อาจไม่มีเรือเลยก็ได้ อย่างเช่นสัปดาห์นี้ ไม่มีเรือสักลำ


จากตั๋วเรือล่องอิรวดี จึงจำใจต้องเปลี่ยนเป็นตั๋วรถโดยสาร และจากการสัมผัสชีวิตริมสายน้ำ จึงเปลี่ยนเป็นสัมผัสคนพม่าอย่างใกล้ชิดในวันรุ่งขึ้น


ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองเก่าพุกาม โกเล็งถามเราว่าเรามีบัตรเข้าเมืองราคา 10 เหรียญสหรัฐแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีเดี๋ยวเขาจะพาไปซื้อ ผมตอบกลับไปว่า เมื่อเช้าฝากผู้จัดการโรงแรมซื้อแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้บัตร จะติดปัญหาอะไรไหม โกเล็งส่ายหน้า ว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะในปัจจุบัน ภายในเมืองพุกามไม่มีการตรวจบัตร แต่ให้ถือเป็นหน้าที่ของโรงแรมที่พัก หรือรถม้านำเที่ยวเป็นผู้พานักท่องเที่ยวไปซื้อบัตรเข้าเมือง ซึ่งในเวลานั้นเราไม่รู้เลยว่า การเที่ยวพุกามในวันนี้ของเราถือเป็นการเที่ยวฟรี ทั้งๆที่เราจ่ายค่าบัตรเข้าเมืองไปแล้ว 10 เหรียญสหรัฐ

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14.41 น.

ความคิดเห็น