สวัสดีจ้าา กลับมาอีกแล้วทริปแรกประจำปั 2564  ทริปนี้เกิดจากผมจะไปถ่ายทางช้างเผือกแรกของปีนี้ และอยากไปลุยยอดผาตัดพาเจ้าไทรทันไปพิชิต แต่เมียบอกอยากนอนที่ชิวๆ ก็เลยต้องจบคนละครึ่งทางขึ้นไปเที่ยวผาตัด และลงมากางเต็นท์ข้างล่างที่ทุ่งแสลงหลวงมีห้องน้ำสะดวกสบายลานกว้างขวาง ว่าแล้วก็ไปกันเลยจ้าา ลูกสาวครบ 8 เดือนแล้วทริปนี้

เอาตัวอย่างทีเด็ดให้ชมก่อนทริปนี้ ทางช้างเผือกใกล้ๆผาหัวสิงห์ภูทับเบิก

ยอดผาตัด

ทะเลหมอกที่เขาตะเคี่ยนโง๊ะ

และลานกางเต็นท์ทุ่งแสลงหลวง

ตารางทริปนี้

เดินทางวันที่ 10/2/64 

ออก5ทุ่มขึ้นทับเบิกตอนตีสาม ถึงตรงผาหัวสิงห์ถ่ายดาวทางช้างเผือกและไปดูหมอกที่ไร่ริมผา กลับมาถ่ายที่ผาหัวสิงห์อีกทีลงมาแวะกินข้าวผาซ่อนแก้ว แล้วขึ้นผาตัด และลงมานอนที่ทุ่งแสลวงหลวง

วันที่สอง ออกไปถ่ายทะเลหมอกที่เขาตะเคี่ยนโง๊ะและกลับมาเที่ยวทุ่งแสลงหลวงไปถึงศาลาดุษิต และ แวะCedar คาเฟ่ก่อนกลับ

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D7200 tokina 11-20 fix35 tamron 70-300 vc 

และคลิปจาก Iphone 12 ทริปแรกที่ใช้ VDO จาก Iphone เกือบ 100% มีจาก Gopro บางส่วนครับ

มาดูคลิปกันก่อนอ่านได้

อันนี้คลิปเต็มๆ

และคลิปเฉพาะผาตัดล้วนๆเอาใจสายออฟโรดครับ

เริ่มออกเดินทางรับสาวๆที่นนทบุรีประมาณ 4 ทุ่มครึ่งใช้เส้นทางสระบุรีลพบุรีตามปกติที่คุ้นเคย เร็วบ้างช้าบ้าง วันที่ไปเป็นวันธรรมดาพอเลยสระบุรีมาแล้วรถก็ช่างน้อยเหลือเกิน ขับเพลินๆก็ถึงตีนทับเบิกตอนตี 3 หน่อยๆ 

ขึ้นเขาต่อทันทีครั้งแรกของการขึ้นทับเบิกกลางดึก แต่ดูท่าจะปลอดภัยกว่าตอนกลางวันไม่มีรถสักคัน ไม่ต้องเสียวข้างทางเพราะมืดมองไม่เห็นเหว แถมข้อดีอีกข้อวิ่งบนเขาตอนกลางคืนคือมีไฟรถส่องถ้ามีรถสวนมาก็จะรู้ทันที  

วันนนี้ตั้งใจจะมาถ่ายทางช้างเผือกเลยรีบขึ้นมากลางดึก หลังจากถึงผาหัวสิงห์ ด้วยความที่มาครั้งแรกก็เลยไม่รู้ว่าต้องขับไปต่ออีกได้เห็นว่ามืดมากเลยจอดแค่ตรงนี้ 

หลังจากจอดแล้วสาวๆก็นอน ผมก็ตาลุกวาวก็ดวงดาวมันระยิบระยับเจิดจรัสขนาดนี้ใครจะนอนลง ใส่เสื้อกันหนาว คว้ากล้องกางขาตั้งกล้องจัดแจงมุมแล้วก็ถ่ายไปเรื่อย เริ่มถ่ายเวลา ตี3.47 

อากาศตอนนั้นหนาวมากลมก็แรง และแล้วช้างเชือกแรกของปีนี้ก็ออกมา พลาดไปหน่อยตรงที่ไม่รู้ว่าขับไปต่ออีกหน่อยจะเป็นผาหัวสิงห์ ฉากหน้าคงจะสวยกว่านี้ ไว้ค่อยมาใหม่ล่ะกัน

ฉาบไฟให้เห็นรถมั้ง แล้วก็ตั้งกล้องถ่าย Time laps เป็นชั่วโมง จนตี 5 กว่า สาวๆปวดฉี่เลยขับไปที่ยอดภูทับเบิกหาห้องน้ำ 

แล้วก็เลยลงไปจอดอีกรอบที่ไร่ริมผา เลยจัดช้างอีกรอบตรงที่จอดรถ จากนั้นสาวๆก็นอนต่อ ไอ้ผมก็ดีดอย่างกับคนดูดอะไรมา เดินไปเดินมาไม่มีง่วง 555 คนมันชอบถ่ายรูปก็งี้

มาได้อีกมุมโค้งสุดท้ายก่อนแสงจะมา ใบนี้ที่ระเบียงไร่ริมผา ครบองค์ประชุม ทั้งดาวตก ช้างเผือก ทะเลหมอก พระอาทิตย์ แสงไฟในเมือง และแสงทไวไลท์ แต่มุมภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

และแล้วก็เช้า เช้านี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ที่ไร่ริมผาก็เห็นมีรถจอดไม่กี่คัน เป็นการมาเที่ยวทับเบิกที่คนน้อยที่สุดที่เคยมา ก็มันวันธรรมดานี่หน่า

มีทะเลหมอกแต่ว่าอยู่ไกลต้องใช้ 300 ดึงเข้ามา

พระอาทิตย์ดวงน้อยๆ

สรุปว่าสาวๆก็ยังเมาขี้ตาหน้าตายังไม่ได้แต่งเลยไม่ได้ลงมาถ่ายรูปตรงนี้ ก็เลยขับกลับไปที่ผาหัวสิงห์ที่ตั้งใจไว้

มาถึงแล้ว โอ้ววันนี้ไม่มีใครเลยจริงๆ แหมพลาดจริงๆเมื่อตอนถ่ายช้างถ้ามาตรงนี้คงจะแจ่ม มุมช้างขึ้นตรงนี้เลย

เห็นทุ่งกังหันลมไกลๆ

ลูกสาวตื่นแล้ววว

พาลูกสาวเดินไปที่ยอดหัวสิงห์หน่อย

ลมเย็นหนาวมากตอนนี้ กลัวลูกไม่สบายเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยบนนี้ วิวสวยงามครับน่ามานอนมากตรงนี้ไว้รอบหน้าจะมาใหม่นะชอบบรยากาศ

ซูมกลับไปดูสมาชิกทริปนี้ หญิงสาวทั้งคัน ทริปนี้พาสาวๆมาเที่ยว

แบกของมาเต็มลำขนาดว่านอนคืนเดียว 555 แต่ก็นะ จะนอนคืนเดียวหรือสามคืนมันก็ต้องขนเท่ากัน ฉนั้นทริปหน้านอนสักสองคืนท่าจะดีนะ

7 โมงกว่าแล้วได้เวลาไปต่อ อากาศที่รถยังบอกว่า 14 องศา หนาวดีจริงๆ

ลงมาเรื่อยๆรถน้อยมากๆ จอดถ่ายอีกหน่อยตรงระหว่างทาง ขาวๆไกลๆนั้นหมอกนะไม่ใช่น้ำ

ลงจากทับเบิกก็ไปหาข้าวเช้ากินที่ผาซ่อนแก้ว รอบนี้ผมไมไ่ด้เดินเข้าด้านในกินข้าวแล้วถ่ายแค่รอบนอก

ออกมาถ่ายกับผาตัดไกลๆ เดี่ยวจะไปอยู่บนยอด 

จากผาตัดวิ่งมาเข้าบ้านเข็กน้อย เข้ามาไม่นานสังเกตขวามือก็จะเจอป้ายนี้คือมาถูกทางแล้ว ป้ายบอกอีกประมาณ 10 กิโลเมตร เริ่มเข้าทางนี้ตอน 10.47 น.

ช่วงแรกก็เป็นทางดินสลับปูนบ้างทางปกติไม่ได้โหดอะไร

ทริปนี้มีน้องมอเตอร์ไซต์มาแจม น้องเขาทักมาในเฟสพอดีเห็นว่าผมจะมาวันนี้น้องจะมาเที่ยวอยู่ก็เลยขอขึ้นมาพihอมกันนัดเจอตรงแถว ปตท ก่อนบ้านเข็กน้อย

ถึงแล้วทางลงไปเนินรับเแขก

เดินเช็คไลน์กันนิดนึง

ให้น้องขึ้นมาก่อน แล้วก็เกิดเหตุน่าหวาดเสียว เมื่อน้องมาผิดไลน์ทำให้ล้มไปที่ร่องซ้ายเกือบตกเหวว ดูได้ในคลิปด้านบน ผมก็ตกใจมากตอนนั้นร้องเสียงหลงเลยในคลิป เสียดายว่าตกใจไปหน่อยเลยแพนกล้องตามจังหวะช็อตเด็ดไม่ทัน 

ยกเย่อกันไปมาหลายรอบก็ยังขึ้นไม่ได้

ไปเรียกสาวๆลงมาช่วยเชียร์เป็นกำลังใจ

ในที่สุดรอบนี้ก็ขึ้นได้รอคนมาถ่ายรูปก็ไม่บอก

ตาเราบ้าง สำหรับเนินรับแขกนี้สำหรับสี่ล้อไม่ค่อยมีปัญหา ค่อยๆไต่มาได้สบายๆไม่ยาก แต่สำกรับสองล้อมอไซต์นี้ถ้าเลือกไลน์ผิดก็ยากเอาเรื่องยิ่งถ้ารถหนักอาจจะลำบากได้ 

ชิดซ้ายผ่านเนินแรกแล้วตบไปชิดขวา

4L ไปเรื่อยๆ

ตรงนี้ก็หวาดเสียว ตอนแรกมองไม่เห็นว่าน้องไปล้มอยู่ปลายเนินโค้งมันบัง พอมาถึงเห็นน้องล้มเลยต้องจอดคาเนินลงไปช่วยน้องก่อน

น้องก็ยกจนเริ่มหมดแรง หนักไม่เบานะนี่ เจ้า M-slaz ถ้ารถพวกไม่เกิน 125 ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าเกินนี้ที่ไม่ใช่รถวิบาก ก็ค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควรต้องหาเพื่อนมาหลายคนหน่อยครับ 

ไปต่อๆ

ลูกสาวไปหลบในร่มกับป้าก่อน

ชันไม่ชันดูเอารูปนี้แหงนนซะ

เลยเนินนี้ก็ไม่ค่อยโหดทางดินไปรื่อยๆ มีร่องลึกบ้าง

เนินนี้ก่อนถึงเนิน VIP เหมือนจะเสียวๆแต่ไม่มีไรไปได้สบายทางเรียบๆ

ทุกครั้งผมจะให้น้องนำหน้าไปก่อนเพราะถ้าตามเราจะน้องกินฝุ่นแน่นอน 

ด้วยความที่ก่อนหน้าเรามาวันนึง มีพายุเข้ารอบนึงมีฝนตกไปแต่ไม่ได้ชุดใหญ่มาก แต่ก็ทำให้ บางช่วที่เป็นป่าทึบแดดส่องไม่ถึงเลยยังมีโคลนหนังหมูลื่นเอาการ สำหรับสองล้อที่ไม่ใช่สายวิบาก นี้บอกตรงๆว่าไม่หมู

อันนี้น้องไม่ได้จะกลับรถแต่มันลื่นผิดทางจนตูดเลยไปข้างหน้า ได้ชาวบ้านมาช่วยด้วยอีกแรกบอกตรงๆว่าสองคนยังเหนื่อย จากนั้นช่วงนี้จะเป็นป่าทึบสลับช่วงโล่ง น้องก็ลื่นล้มอีกจนหมดแรง น้องเลยตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง เพราะกลัวจะแย่เนินสุดท้ายอีกเพราะล้อตอนนี้ดินไม่สลัดแล้ว ก็เลยจอดไว้แล้วนั้งกระบะไปด้วยกัน 

แล้วก็มาถึงเนิน VIP วันนี้ทางเรียบแล้ว แต่ยังโคตรชันเหมือนเดิม 

ดูในรูปเมหือนไม่ชันแต่เดินก็หอบแดกครับ

เนินนี้พาเสียวไปรอบตามในคลิป ใส่ 4L เกียร์ 2 เลี้ยงรอบมาที่ 2000 กว่า พอถึงโค้งขวาเผลอยกคันเร่งรอบตก พันกว่ารถไม่ไป ดับเลยจ้าา ต้องเลียครัชออกตัวคาเนิน VIP ให้รอบมันได้ 2000 รถจึงทะยานขึ้นได้สบายๆ อันนี้เป็นนิสัยของเจ้าไทรทันตัว 2.4 Mivec นี้ที่ต้องรู้ใจนิสัยเครื่องยนต์มันหน่อย ทอร์คเขามาช้ากว่าชาวบ้านรอบพันกว่านี้ไม่มีแรงต้องให้รอบอยู่ที่ 2000 ไปนี้แรงบิดมาเต็มถึงจะมีแรงไต่ปกติ

ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงเวลา 13.00 น. ใช้เวลาไป ประมาณ 2 ชั่วโมง

วิวสวยงามกว้างไกล

มีกระบะคันเดียววันนี้ มีเจอเวฟขึ้มาคันนึง สำหรับรถเล็กอย่างที่บอกขึ้นไม่ยากครับรถเบาๆยกง่าย

เดินลงมาถ่ายตรงหน้าผา

เห็นผาซ่อนแก้วไกลๆ

ไอลูกสาวหลับจ้าา มันคือเวลานอนกลางวันของหนู ยังไงหนูก็หลับได้ พ่อก็ไม่กล้าปุกลูกมาถ่าย แม่ก็เลยอดถ่ายด้วยเลย 555 ไว้รอบหน้าค่อยขึ้นมานอนล่ะกัน

ให้สาวถ่ายให้มุมนี้ขับไปอีกยอดนึง

อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ลงครับเดี่ยวจะถึงเย็น

สวยงามถูกใจเก็บไปอีกหนึ่งเขาเจ้าไทรทัน

ขาลงไม่ยากอะไรทางเดิมสบายๆคัรบ มอไซต์น้องก็ชิวๆ 

มีเสียวก็เนินรับแขกเมหือนเดิม แต่ขาลงก็สบายค่อยๆปล่อยครัชไหลลงไป

แบบนี้ที่เขาเรียก ซ้ายผา ขวาเหว

ที่เดิมขาขึ้นเลย มันเป็นเนินชันลงแถมเอียงขวาอีก ถ้าไม่เอียงซ้ายนี้อาจจะคว่ำได้ สาวเลยลงไปช่วยทริปนี้พาสาวๆมาออกกำลังกาย

ลงมาได้อย่างปลอดภัยทั้งสองคัน 

พอลงมาไอ้ลูกสาวตื่นแล้ววมาถ่ายรูปกับพ่อหน่อย

ลูกคงงง อ้าวตอนแรกก่อนหลับก็แถวนี้ ตื่นมาก็ที่เดิมอีกและ 555

ขาลงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจนถึงออกบ้านเข็กน้อย จากนั้นก็แวะเติมน้ำมันอีกสัก 800 ตรงแยกแคมป์สน

มาถึงทุ่งแสลงหลวงบ่าย สี่โมงพอดี เวลากำลังสวยแดดอ่อนๆ

วันนี้คนไม่เยอะเลือกที่กางเต็นท์กันสบาย 

เลือกทำไรข้างๆรถ อยู๋ช่วงกลางๆจะได้ใกล้ห้องน้ำด้วย

กินข้าวก่อนลูกสาวพ่อแม่จะกินบ้าง

มื้อเย็นสันนี้ต้องหมูกระทะ แก้หนาว 

กางเต็นท์เสร้จกเริ่มกินกันเลยห้าโมงกว่า เพราะข้าวกลางวันไม่ได้กิน กิข้าวที่ผาซ่อนแก้วตอนสายๆแล้วซื้อไก่ที่ปั้มรองท้องตอนเติมน้ำมันเมื้อกี้มา

น้องหมู M-zlas วันนี้มากางเต็นท์ด้วยกับเราเพราน้องไม่ได้มีแพลนไปไหนก็เลยชวนน้องเขามาด้วย ได้เพื่อนใหม่กันไปอีกคนมิตรภาพใหม่ๆเกิดขึ้นได้เสมอ

ขอมอบเพลงนี้ให้แม่ครัวทุกคนนน

บรรยากาศใต้ต้นสน อากาศเริ่มเย็นๆ

ก่อนจะมืดอาบน้ำลูกสาวก่อน ชอบจริงๆอาบน้ำ Outdoor

แลบลิ้นไปทีแฮร่

พอฟ้ามืดอากาศก็หนาว 

ยิ่งมืดยิ่งหนาว จนควันออกปากหนาวใช้ได้เลยอากาศน่าจะไม่เกิน20องศา

ถ่ายแสงไฟตอนกางคืนหน่อย

ดวงดาวสวยมากๆคืนนี้จะตื่นมาถ่ายช้างอีก

ดื่มด่ำบรรยากศถึงสี่ทุ่มกว่าก็นอน สวนลูกสาวมีร้องหงิงๆตอนสามทุ่มกว่า แต่พอถึงเวลาก็หลับก่อนสี่ทุ่มอย่างง่ายดาย อากาศหนาวมากนอนสบายเลย

ตื่นออกมาตีหาด้วยความหนาวเหน็บใจก็กะจะถ่ายช้างรูดซิปเปิดเต็นท์มาโอ้ววขาวโพลนอยู่ในหมอก ก็ยังเดินฝ่าความหนาวมายังลานเช็คให้แน่ใจว่าถ่ายช้างไม่ได้ จะได้ไปนอนต่อ 555 บอกตรงๆโคตรหนาวววที่สำคัญไม่มีเสื้อกันหนาวเลย ที่ใส่เมื่อวานตอนเช้สนนั้นขอยืมสาวๆเขามาใส่ตอนไปถ่ายดาวเมื่อคืน 555

กลับมานอนต่อเมียนอนขดตัวเป็นกุ้ง  แต่ลูกสาวหลับสบายดูหลับสนิทดีมาก เหมือนจะชอบอากาศเย็น

พอ 7 โมง ก็ชวนกันลองออกไปเขาตะเคี่ยนโง๊ะเผื่อจะมีทะเลหมอกเพราะที่นี้ขาวโพลนแน่นแบบนี้มีลุ้นไปอยู่ที่สูงๆหน่อย

บรรยากาศยามเช้า

หมอกแน่นสุดๆ ไม่เห็นอะไรเลย

ขับออกมาแค่ 10 นาทีเท่านั้นเราก็มาถึงเขาตะเคี่ยนโง๊ะ มีทะเลหมอกจริงๆด้วย มันสวยงามมาก 

ที่นี้มีวิว 360 องศาเลย 

ไปดูอีกด้านที่พระอาทิตย์สาดส่อง

มันช่างดงามเกินบรรยาย

ทะเลหมอกที่ไม่ได้แน่นเต็มพื้นที่แต่ทำให้แสงกระทบกับต้นไม้เกินเป็นแสงและเงาซ้อนกันที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ

ภูเขาสลับซับซ้อนเป็นเลเยอร์ๆ 

เช้านี้ฟินจริงๆ

ที่นี้เคยมาแล้วรอบนึงแต่รอบก่อนไม่มีทะเลหมอก

แต่ในทุกสถานที่มันมีช่วงเวลาในตัวของมันเอง เราแค่ต้องมาให้ทุกเวลา

ความน่าตื่นเต้นเวลาออกไปเที่ยวคือธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้ อย่างเช่นครั้งนี้แหละ ที่ไม่ได้คิดว่าจะมีทะเลหมอกสวยๆให้ดูเพราะเป็นช่วงกุมภาหน้าฝนก็ไม่ใช่

เวลาตั้งใจมาหน้าฝนกลับไม่เจอ แต่วันที่มาแบบเบลอๆ กลับเจอแบบจังๆ

จุใจมั้ยทริปนี้

บอกเลยว่าฟินมาก

ลูกสาวตื่นแล้วว

ขออภัยที่ลงรูปลูกเยอะหน่อย คนเห่อลูก อิอิ

ถ่ายกันจนหนำใจถึง 8 โมง ก็ขับกลับ

ขับกลับไปเที่ยวต่อในศาลาดุสิตา ระบะทางประมาณ 3 โลกว่าจากลานกางเต็นท์ 

หมอกบางช่่งอย่างแน่น และเริ่มจางลงๆจากแสงแดดที่แดเผ่า เวลานี้ตอน 8 โมงกว่า 

สวยงามไม่เบามาทริปนี้คุ้มค่าจริงๆ

ขับกลับมาตรงกลางหมอก อย่างกับในหนังหมอกกินคน

ตรงนี้ชอบมากบ่อน้ำที่มีสายหมอกไรบนผืนน้ำ และเงาสะท้อนของไม้

กลับมาที่ลานกางเต็นท์

ถ่ายเซ็ทคุณลูกกับคุณแม่สักชุด

คุณพ่อขอบ้างดิ

ทริปนี้สองของเต็นท์ใหม่ ใหญ่นอนสบายดีมาก ราคาก้เป็นมิตร  4200 บาท แนะนำ อีกรอบคนที่กำลังหาเต็นท์ครอบครัวไม่เกิน 4 คนดีเลย Vidalido Instant L ครับ หลับสบายระบายอากาศได้ดี

มากันที่มื้อเช้ากันต่อ มื้อเช้าแสนอร่อยของผมไม่พ้นมาม่าแน่นอน 

แต่รอบนี้ขอยกระกับมีของเล่นใหม่เรียกว่า Hot Cup ถ้วยร้อย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไม่ต้องเติมน้ำร้อน

เหมาะสำหรับคนขี้เกียจต้มน้ำร้อนหรือวันที่ไม่สดวกอุปกรณ์ไม่พร้อม เจ้านีเหมาะมาก แค่ใส่น้ำเปล่าธรรมดาลงไปใต้ถ้วยจะมีถุงทำความร้อน แล้วใส่น้ำที่มาม่าเราปกติ รอประมาณ 3-5 นาที มันจะร้อนจี๋เหมือนต้มน้ำเลยครับ

นี้ดูไขสุกเลยร้อนแบบร้อนสุดๆและร้อนนานมาก ปกติน้ำต้ม พอเดือดแล้วก็ค่อยๆเย็น นี้มันร้อนนานมากๆ จนบางทีก็รู้สึกว่าอยากทานแบบอุ่นยกซดน้ำบ้าง 555 ถ้วยที่ผมกินเป็นรสชาบูน้ำดำ รสชาติหวานๆอร่อยดีเลยครับ ส่วนเรื่องปริมาณนี้ก็ปกติพอๆกะแบบซองทั่วไปเลย ทีเด็ดคือตรงใช้น้ำเปล่านี้แหละครับ

อ่านแล้วถ้ายังงงดูคลิปกันได้ครับ แล้วก็ฝากกดซับตะไคร้กดกระดิ่งด้วยนะครับ อิอิ

อันนี้รสหมาล่า ท็อปปิ่งอื่นเราใส่เองนะครับ จริงมีแค่มาม่าปกติ แซ่บๆดีรสดี

วันนี้เราชิวมากไม่มีโปรแกรมไปไหนเลยอยู่จนเกือบเที่ยง ลูกสาวก็นอนรอบสาย

เลยได้เซ็ทคุณแม่เดี่ยวๆ

ก็เลยเป็นช่วงคนเห่อเมียต่อ 

รอลูกสาวตื่นก็อาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมกลับ

หนูน้อยหมวกเหลือง

ถ่ายรูปรวมกันหน่อย

รูปหมู่สักภาพก่อนจะแยกย้ายกับน้องหมู วันนี้น้องเดินทางกลับมาจากภาคอีสานเห็นว่าจะไปหาเพื่อนต่อที่ขอนแก่น บินเดี่ยวเลย

ปิดท้ายป้ายทุ่งแสลงหลวง เวลาเที่ยงตรงแดดตรงกระบาลกันเลย

นู้นเส้นทางที่ไปเมื่อเช้าทางไปศาลาดุสิตา

ก่อนออกจจากเพชรบูรณ์แวะเติมพลังคาเฟ่สักร้าน

ที่ Cedar Cafe คาเฟ่ท่ามกลางป่าสน @เขาค้อ

สถานที่ไม่ใหญ่มากแต่โอบล้อมไปด้วยต้นสน

และยังมองเห็นวิวทึ่งกังหันลมอีกด้วย

นานๆจะยิ้มให้ถ่ายสักที

เค้กสีสันสวยงาม

เติมคนละอก้วแล้วไปกันต่อเดินทางกกลับ

ปิดท้ายระหว่างทาง ไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่วิ่งอออกจากคาเฟ่จะกลับเพชรบูรณ์ เจอพอดีเลยจอดหน่อย

มีลานกางเต็นท์ด้วยไม่แน่ใจว่าเปิดหรือยังหรือกำลังสร้างดูใหม่ๆ แต่วิวสวยใช้ได้เลยแหละอนาคตอาจจะดังนะครับที่นี้

จากกนั้นก็ออกจากเพชรบูรณ์ บ่ายสองกว่า ยิงยาวววๆ

ปิดท้ายท้ายสุดแวะร้านอาหารพี่สาว ไหนๆแล้วขอโปรโมทหน่อยอันนี้ไม่ได้ค่าจ้างใดๆ เพราะพี่สาวแท้ๆของผมเอง ใครผ่านมาลพบุรีเที่ยวเขื่อนป่าสักหรือจะขึ้นลงไปเพชรบูรณ์ ฝากร้านอาหารครัวชาวซอยไว้ด้วยนะครับ อยู่ตรงแยกพัฒนานิคมที่จะเลี้ยวมาเขื่อนป่าสัก เข้ามาจากแยกถนนหลักแค่ 400 เมตรทางซ้ายมือครับ 

อาหารมีหลากหลายสเต็กก็อร่อน อาหารไทยก็เด็ด รับประกันความอร่อยจ้าา อิอิ

จากนั้นก็เดินทางกลับต่อส่งสาวๆนนทบุรีถึงบ้านเราดอนเมือง 4 ทุ่มกว่า เป็นอันจบทริปสมบูรณ์แบบ เกินคาดทริปนี้เจอแต่ที่สวยๆทั้งที่เป็นที่ซ้ำๆแทบทุกที่ แต่ช่วงเวลาต่างกันความสวยงามก็แตกต่างออกไป ยังคงเป็นเสน่ห์ให้ผมชอบที่จะออกเดินทางอยู่เสมอครับ

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

ค่าน้ำมัน
วิ่งไป 993 โล +ไมล์เพี้ยนไป7.2% ได้ 1064 โล
เติมน้ำมันไป 1500 จำนวน 64.25
ที่เขาค้อ 800 จำนวน 33.68 ลิตร
ที่ลพบุรีค่ากลับ 400 จำนวน 16.98 ลิตร
รวมค่าน้ำมัน 2700 บาท 114.91 ลิตร เหลือขีดเดียวเกือบหมด
เท่ากับโลละ2.53 บาท 9.2กิโลต่อลิตร การขับขี่ทางดำ 100-130 ปกติ และขึ้นเขาซะเยอะทับเบิกเขาค้ออละผาตัดใช้ 4H 4HLC 4LLC ครบทุกโหมดก็เลยได้ 9 โลลิตร

ค่าน้ำมัน 2700
ของ7-11 600
ไก่ย่างห้าดาว 170
ของกินหมูทะและเครื่องดื่ม 1000
ค่าเข้าอุทยานและค่ากางเต็นท์ 390
ค่าเฟ่ ต้นสน 537
ข้าวเย็นวันกลับ 500
รวมทั้งหมด 5897 หาร 5 คน ตกคนละ 1179 บาท
จบการรายงาน
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า จะพาลงใต้บ้าง วันนี้สวัสดีจ้าา


เหลี่ยมพาเที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 00.40 น.

ความคิดเห็น