สวัสดีครับ,

เชื่อว่าหลายๆคนฝันว่าอยากจะออกไปเที่ยวยาวๆหลายวัน แบบ Backpack ไม่มีแพลน ไม่มีการจองโรงแรมล่วงหน้า ปล่อยให้เวลาและสถาณการณ์เป็นผู้กำหนดทิศทางของทริป 

ครั้งนี้ผมมีเวลาหยุดหลายวันเนื่องจากที่ทำงานให้หยุดพักร้อนติดกันหลายวันเพราะบริษัทที่ทำงาน ขอความร่วมมือให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนล่วงหน้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากโควิดแบบนี้ ถึงจะเป็นเวลาที่แย่ๆสำหรับคนที่เป็นลูกจ้าง แต่หากเราใช้เวลานี้ออกไปเปิดโลกกว้าง ท่องเที่ยวแบบไม่มีแพลน ชอบที่ไหนก็อยู่ที่นั่นคนเดียวดูสักครั้ง มันก็เป็นกำไรอย่างหนึ่งซึ่งในช่วงสถาณการณ์ปกติเป็นไปได้ยากที่จะหยุดหลายวันติดต่อกันแบบนี้

ทริปเที่ยวคนเดียวของผมครั้งนี้ ไม่ได้คิดอะไรมากเลย หลังจากที่ทราบว่าจะต้องหยุด ความคิดว่าจะต้องไปอีสานก็โผล่ขึ้นมาทันที และ จุดหมายของทริปนี้คือที่ภาคอีสาน นครพนม - มุกดาหาร- บึงกาฬ - หนองคาย

การเดินทางส่วนมากทั้งทริป เครื่องบินจาก ดอนเมือง ไปที่นครพนม โดยสารรถตู้ และ มอเตอร์ไซค์เช่า

เริ่มมาดูกันครับ ทริปนี้ผมเริ่มจากจังหวัด นครพนม

การเดินทางจากดอนเมือง มายังสนามบินนครพนมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโดยสารการบิน แอร์เอเชีย พอมาถึงสนามบินแล้วนั่งรถตู้ที่เข้าไปยังตัวเมืองภายในสนามบินได้เลย ค่าโดยสาร 100 บาท หลังจากมาถึงนครพนม แจ้งรถตู้ให้จอดบริเวณในตัวเมือง เพื่อหาที่พักใกล้ๆชุมชนและสามารถเดินเที่ยวไปที่ต่างได้ครับ

เริ่มกันที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช จุดนี้จะว่าไปก็เป็นจุด Center ของเมืองนครพนม ที่ใครมาเที่ยวจังหวัดนี้ต้องมาขอพรสักการะกันทุกคนครับ

หลักจากมาตั้งหลักที่นี่หาร้านข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็หาที่พักใกล้ๆ และจองก่อนเลย 3 คืนเพื่ออยากจะลองอยู่ในเมืองนี้ดูก่อนว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบก็จะได้ไปจังหวัดอื่นต่อ

บริเวณริมฝั่งโขงในตัวเมือง นครพนมบริเวณลานพยานาค ที่เห็นฝั่งตรงข้ามคือแคว้นคำม่วน ประเทศลาว

ได้ที่พักแล้ว เปิดจองใน Internet ได้โรงแรม R PHOTO เฉลี่ยคืนละ 650 บาทไม่รวมอาหารเช้าครับ หลังจากได้ที่พักแล้วก็ติดต่อโรงแรมสำหรับเช่ามอเตอร์ไซค์กับที่ล้อบบี้ รายวันละ 350 บาท มัดจำ1,000 บาท

เนื่องจากทริปแต่ละจังหวัดค่อนข้างสะเปะสะปะ เพราะไม่มีแพลน 555 เอาเป็นว่าผมจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดที่ผมไปมาแทนแล้วกันนะครับ

1.ช่วง 17.00 แนะนำให้ล่องเรือชม 2 ฝั่งของแม่น้ำโขง บริเวณไกล้ๆกับลานพญานาค ค่าบริการคนละ 40 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินจากบนเรือได้เลยครับ

2.มืดๆหน่อย มาเดินถ่ายรูปเล่น ตรงลานพญานาค ถ้ามาศุกร์-อาทิตย์จะมีถนนคนเดิน ของกินอร่อยๆราคาถูกเพี๊ยบ แต่ไม่วุ่นวายนะครับ 

3.ตอนเช้าปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง ค่าเช่าจักรยานรายวันประมาณ 70-100 บาท

นครพนมเขามีเลนส์ปั่นจักรยานที่ยาวมาก เกือบ 20 กิโลเมตรเป็นแนวยาวไปยังเรียบแม่น้ำโขง ตั้งแต่สะพานมิตรภาพ - ท้ายเมือง

4.ช่วงเย็นๆปั่นจักรยานมาทางท้ายเมือง จะพบเจอวัด ศรีโคตรบูร อยู่ฝั่งประเทสลาว แต่อยู่ฝั่งไทยสามารถมองเห็นและขอพรได้เช่นกันครับ

5.วัดนักบุญอันนา หนองแสง สามารถปั่นจักรยาน หรือ ขี่มอเตอรืไซค์มาได้ครับ จากลานพญานาคมาประมาณ 10 นาที อยู่ติดกับแม่น้ำโขง

6.วัดพระธาตุนคร อยู่ติดกับแม่น้ำโขงเหมือนกัน ใครที่เกิดวันเสาร์ ควรมาสักการะเพราะเป็นพระธาตุประจำวันเสาร์

7.หาดแห่ จากตัวเมืองนครพนมสามารถขี่มอเตอร์ไซค์มาได้ครับ ใกล้ๆกับ พระธาตุพนม

8.วัดพระธาตุพนม ถ้ามาถึงนครพนมแล้ว ควรที่จะต้องมาสักการะครับ ระหว่างทางถ้าเจอร้านค้าขายน้ำรากบัวเย็นๆ แนะนำให้ลองซื้อมาดื่มครับ หวานเย็น ชื่นใจ เท่าที่ถามแม่ค้าเขาบอกว่ามีขายเฉพาะในอำเภอ ธาตุพนม

9.ศูนย์วิทยาศาสตร์โลกใต้น้ำ ข้างในก็จะเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ มีปลาบึก และปลาน้ำจืดต่างแสดงให้เรียนรู้ ค่าเข้า 40 บาท

10. วัดพระธาตุเรณู ระหว่างทางที่ขี่มอเตอร์ไซค์กลับจาก พระธาตุพนม กลับมายังตัวเมืองนครพนม สามารถเเวะเยี่ยมสักการะได้ครับ จากทางแยกถนนเส้นหลักมาประมาณ 10 กิโลเมตร

ภาพพระอาทิตย์ตกดินระหว่างทางกลับมายังตัวเมือง สวยจริงๆครับ Slow life ลมเย็นๆได้กลิ่นต้นข้าวในทุ่งนา สดชื่น

สำหรับจังหวัดนครพนมผมยกให้เป็นหนึ่งจังหวัดที่อยู่แล้วมีความสุข ผู้คนเป็นมิตรและที่สำคัญเที่ยวคนเดียวปลอดภัย และ ค่าครองชีพไม่แพงครับ

กิจกรรมแนะนำสำหรับใครที่ต้องการมาพักผ่อน คือ วิ่ง และปั่นจักรยานบริเวณทางเลียบเเม่น้ำโขง

-----ไปต่อกันที่จังหวัด มุกดาหารกันต่อครับ

การเดินทางนั่งรถตู้โดยสารจาก บขส นครพนมไปมุกดาหารค่าโดยสารประมาณ 80 บาทใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองครับ ทริปนี้พักที่ HOP IN ค่าห้อง 450 บาทใกล้ตัวเมือง แต่มุกดาหาร หาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ไม่ได้ ทริปนี้ก็จะเป็น การใช้บริการจ้างรถ TAXI 80% ทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงไปนิด ฉะนั้น จองที่พักก่อน แค่2 คืน

มุกดหารเป็นจังหวัดเล็กๆอยู่ติดแม่น้ำโขงเหมือนกันครับ ติดกับประเทศลาว แขวง สุวรรณเขต หรือ สะหวันนะเขต ของประเทศลาว สถานที่เที่ยวส่วนมากจะเป็นวัด เท่าที่ผมได้ไปมา เพราะถ้าเป็นที่เที่ยวไกลๆจำเป็นต้องเช่ารถยนต์ขับ มาครับมาดูสถานที่เที่ยวกันครับ 

1.วัดภูมโนรมย์ หรือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองมุกดาหาร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านในวัดจะมี มีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่สวยงามอลังการ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ของมุกดาหาร นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ ให้ได้สักการะขอพรอีกด้วย จากด้านบนของของพระใหญ่สามารถมองเห็นประเทศลาว

ด้านบนใต้ฐานองค์พระใหญ่เป็นจุดชมวิวได้อย่างสวยเลยครับ

2.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เป็นสะพานที่เชื่อมต่อแขวงสะหวันนะเขด ในประเทศลาว จ้างรถTaxi ไปกลับ ประมาณ 400 บาทจากโรงแรมที่พัก ช่วงเย็นๆมีร้านค้าอาหารหมูจุ่ม หมูกระทะ ส้มตำ อาหารท้องถิ่นและที่นั่งริมน้ำโขง นั่งชิลทานอาหารในช่วงเย็น

3.แก่งกะเบา ตั้งอยู่ใน เขตบ้านนาแกน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ในพื้นที่ของแก่งกะเบายังมีแลนด์มาร์คที่โดดเด่น คือ รูปปั้นพญานาคหินอ่อน "พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช" ลำตัวสีขาวหันหน้าไปทางลำน้ำโขงมีความงดงามและสง่างาม ช่วงเย็นๆหลังจากพระอาทิตย์เริ่มจะตกแล้ว สามารถเดินลงไปเที่ยวถ่ายรูปบริเวรแก่งตรงริมฝั่งโขงได้ครับ 

บริเวณใกล้ๆที่พักมีลานเครื่องดื่มและอาหารอยู่ใกล้ๆ หากใครชอบนั่งฟังเพลงและ ชิวๆอย่างไรลองแวะมาครับ (ตลาดมารวย)

มุกดาหารสำหรับผมก็โอเคครับ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าเที่ยว แต่ด้วยติดปัญหาเรื่องการเดินทางทำให้ไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่ ทริปนี้ผมจึงพักแค่ 2 คืนและวันรุ่งขึ้นก็นั่งรถตู้กลับไปยังนครพนม และ พักที่นครพนม 1 คืนก่อนที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไปจังหวัดบึงกาฬต่อ

----- จังหวัดบึงกาฬ 2 คืน 3วัน

หลังจากที่กลับมาจังหวัดพนมจาก มุกดาหารพอรุ่งเช้าก็โทรไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์จากร้านเดิมอีกครั้ง เพื่อที่จะเดินทางไปยังจังหวัด บึงกาฬ ถนนระหว่างจังหวัดอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ระยะทางจากนครพนม - บึงกาฬประมาณ 180 กิโลเมตร ในระหว่างทางผมก็จะจอดแวะที่เที่ยวต่างๆ 

1.น้ำตกภูถ้ำพระ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บริเวณบ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม การเดินทางเข้ามายังน้ำตกจะต้องจอดมอเตอร์ไว๕ืไว้ยังท่าเรือแล้วนั่งเรือเข้ามา 40 บาทใช้เวลาประมาณ 15 นาทีแล้วเดินต่อไปยังจุดน้ำตกประมาณ 15 นาที  

คนน้อยมากครับ ช่วงนี้ ถ้ามาหน้าฝนคิดว่าน่าจะสวยมากๆ

2..บึงโขงหลง จากน้ำตกภูถ้ำพระใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 50 นาที ลักษระจะเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ช่วงเย็นๆมีนกและชมพระอาทิตย์ตกดินสวยดีครับ 

กลับเข้ามายังตัวเมือง หาที่พักใกล้ๆแม่น้ำโขง คืนละ 700 บาท เนื่องจากเริ่มจะล้าจากการขี่มอเตอร์ไซค์ระยะไกลเลย สรุปพักที่นี่ 2 คืนไปเลย ไม่อยากจะเสียเวลาไปหาโรงแรมใหม่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อที่จะได้มีเวลาไปเที่ยวยังที่ต่างๆครับ

3.หินสามวาฬ ภูสิงห์ จากตัวเมืองบึงกาฬขี่มอเตอร์ไซค์มาประมาณ 40 นาทีกด GPS จากมือถือนำทางมาได้ครับ ถนนถือว่าดี เดินทางสะดวกครับ ด้านบนจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปเยี่ยมชม มีค่าบริการถ้าเหมารถขึ้นไปคนเดียวทางเจ้าหน้าที่คิดราคาเหมา 500 บาทตลอดทาง แต่ผมแชร์กับคนอื่นๆ6 คนก็หารค่าใช้จ่ายกันครับ

4.น้ำตกเจ็ดสี อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บ้านดอนเสียด ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา ช่วงที่ผมไปน้ำค่อนข้างน้อย เห็นพี่ๆที่พักบอกว่าถ้ามาหน้าฝนในช่วงที่น้ำตกเยอะๆ เวลาน้ำตกกระทบกับแสงแดดเเล้วจะมีสีรุ้ง การเดินทางต้องจอดรถไว้ที่ลานจอด ไม่มีเจ้าหน้าที่ ทริปนี้ผมเดินเข้าไปคนเดียวไม่มีนักท่องเที่ยว ระยะทางเดินประมาณ 5 กิโลเมตร ระหว่างทางเป็นป่า สลับกับหน้าผาหิน มีป้ายบอกทางบ้างเป็นบางจุด หากใครไปคนเดียวแนะนำให้สังเกตุทางกลับให้ดีๆครับ บางจุดทำให้หลงได้เหมือนกัน และ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล

5.ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬการเดินทางจากน้ำตกเจ็ดสีมาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยมอเตอร์ไซค์ ลักษณะจะเป็นภูเขาและมีสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันได เวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ด้านบนจะมีสถานประติบัติธรรม แนะนำให้นำน้ำดื่มติดมือขึ้นมาด้วยครับ

**ใครที่กลัวความสูงอาจจะต้องหาเพื่อนไปด้วยครับ

6. ถ้ำนาคา เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ และตั้งอยู่ใกล้กับ วัดถ้ำชัยมงคล ความสวมงามแปลกตาของที่นี่กก็คือ รูปทรงของหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างเหมือน พญานาค การเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำขึ้นไปชม ทริปผมมาถึงเช้าและต้องจองคิวผ่านระบบ เนื่องจากแต่ละวันทางอุทยานจำกัดคนขึ้นไปข้างบน ค่าเข้า 40 บาทและมีค่ามัดจำขวดน้ำ รวมทำประกันประมาณ รวมๆน่าจะ 100 บาท

หลังจากเดินขึ้นมาสักระยะ ก็จะเจอจุดไฮไลค์ที่ทุกคนอยากจะมาเยี่ยมชม ดูแล้วก็คล้ายๆญานาค อย่างที่คนอื่นๆกล่าวไว้เหมือนกันครับ ในนี้ทางเจ้าหน้าที่ ที่พาเราขึ้นมาจะเป็นผู้พาเราลงไปดู เสร็จแล้วก็มีพาไปเยี่ยมชมเจดีย์ และ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างไว้บนเขาครับ

บึงกาฬรวมๆสถานที่ท่องเที่ยว ค่อนข้างเยอะ แต่ต้องมีรถส่วนตัว หรือเช่ามาแบบผมซึ่งจะทำให้การเดินทางไปยังจุดต่างๆได้สะดวกครับ สำหรับบึงกาฬผมพักเพียงแค่ 2 คืน และ อีกที่เหลือตัดสินใจไปยังจังหวัดหนองคายต่อ

-----หนองคาย

จากบึงกาฬมายังหนองคาย ขับมอเตอร์ไซค์มาประมาณ 2 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากก็จะคล้ายๆกันคือ วัดที่เกี่ยวโยงกับพญานาค

1. ระหว่างทางผมก่อนจะเข้าไปยังตัวเมือง หนองคาย ผมแวะ วังบัวแดง พื้นที่กว่า 2,600 ไร่ ในเขต 2 ตำบลของอำเภอเมืองหนองคาย จะเป็นบึงขนาดใหญ่ มีชาวบ่านให้บริการเรือนำเที่ยวเหมาละ 200 บาท ทางลุงคนที่พายเรือบอกว่าเวลาที่เหมาะสมสำหรับมาเยี่ยมชมคือต้องมาก่อนเที่ยง เพราะดอกบัวจะบานรับแสงแดด 

2.วัดผาตากเสื้อ ตั้งอยู่ในอำเภอสังคม วัดจะตั้งอยู่บนเขา สามารถมองเห็นวิวของประเทศลาว บริเวณภายในวัดก็จะมีลานกระจกที่ยื่นออกไปชมวิวแม่น้ำโขง

3.ถ้ำดินเพียง วัดถ้ำศรีมงคล ตั้งอยู่ในอำเภอสังคม จากวัดผาตากเสื้อมาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายในก็จะเป็นถ้ำธรรมชาติ ที่ค้นพบโดยชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า คนในพื้นที่เชื่อว่าเป็นถ้าของพญานาค ที่มีทางออกทะลุไปถึงแม่น้ำโขง ด้านในสามารถเยี่ยมชมได้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ พาเข้าไปรวมถึงอธิบายของแต่ละจุดและความเป็นมาไม่มีค่าเข้าเยี่ยมชม เราสามารถร่วมทำบุญที่ตู้รับบริจาคตามกำลังศรทธาครับ

หลังจากเที่ยวที่ต่างๆทั้งวันแล้ว และเนื่องด้วย มีนาคม อากาศค่อนข้างร้อน ผมจึงตัดสินใจกลับที่พัก เพื่อพักผ่อน หาร้านนวดไทย ขนมอร่อยๆ พักอยุูในตัวเมือง ไม่ออกไปไหน 1 วัน พอวันรุ่งขึ้นก็ตัดสินใจจะขับรถกลับ ไปนครพนมและ พักอีก 1 คืนแล้วก็กลับบ้าน จะว่าไป 8 วันเวลานั้นช่างผ่านไปเร็วจริงๆ

ช่วงเย็นๆออกมาหาโรตีทาน และ น้ำผลไม้ปั่นบริเวณ ลานพญานาค ระแวกนี้มีร้านหมูกระทะ ปลากระทะ หลายร้านเลยครับ

รุ่งขึ้นขับมอเตอร์ไซค์กลับไปนครพนม ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตรก็มีแวะวัดไทย อีก 1 วัดสุดท้ายครับ

วัดไทย อยู่ติดกับแม่น้ำโขง

-----ถึงนครพนมแล้ว One Night Stay ก่อนกลับบ้าน

คืนสุดท้ายสำหรับ ทริปนี้จบลงที่ จังหวัด นครพนมอีกครั้ง คืนนี้เป็นคือนวันเสาร์มีถนนคนเดิน หลังจากเที่ยวและพักผ่อนชาร์ทแบตแบบเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลากลับมาบ้านที่ กรุงเทพ จากตัวเมืองนครพนมมาสนามบินสามารถนั่งรถตู้จากในตัวเมืองเข้ามาได้เหมือนขามาครับ ค่าดดยสารประมาณ 100 บาท

งบนี้ทั้งทริปใช้เงินประมาณ 10,000 บาทในส่วนของค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ ที่พัก และ อาหาร รวมถึงค่าเข้าเยี่ยมชมต่างๆ ( ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน) สำหรับผมถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่ลำบากเพราะว่าที่ทำงานได้รับผลกระทบกับโควิด ซึ่งทำให้รายได้จากการทำงานหายไปบางส่วน แต่เกี่ยวกับการได้ออกมาเที่ยว ออกมาค้นหาตัวเอง ชาร์ทแบตให้ตัวเองยาวๆ ได้พบเจอเพื่อนใหม่ระหว่างทาง ซึ่งมันก็เป็นโอกาศที่ดีที่หากเป็นช่วงสถาณะการณ์ปกติ คงจะทำไม่ได้ครับ

#สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ฉะนั้นอย่าไปฟังสิ่งที่คนอื่นเขาพูดกัน ออกเดินทางไปเห็นด้วยตาตัวเองดีกว่าครับ เราอาจจะเจอสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นก็ได้ใครจะรู้

#เที่ยวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน

เที่ยวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน

 วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.35 น.

ความคิดเห็น