เจดีย์สีทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของพม่า นามว่าชเวมอดอว์ ตั้งโดดเด่นเมื่อเราเข้าสู่เขตเมืองพะโค แต่เราตั้งใจเก็บเจดีย์นี้ไว้ชมแบบเต็มๆในวันพรุ่งนี้ เวลาที่ยังพอมีเหลือของเย็นนี้เราจึงใช้ไปกับการเดินเล่นชมตลาดพะโคในยามเย็นก่อนที่ตลาดจะวาย

เราเดินข้ามแม่น้ำพะโค แม่น้ำสายสำคัญเพียงสายเดียวแห่งกรุงหงสาวดีในอดีตนั้นไม่ได้กว้างใหญ่อย่างที่คิด โดยมีลักษณะคล้ายลำคลองสายเล็กๆ ที่ไหลอย่างอ้อยอิ่งลงใต้ เพื่อไปบรรจบกับแม่น้ำย่างกุ้ง

ความพลุกพล่านของผู้คนในตลาดยังคงอยู่ แม้ว่าตลาดจะใกล้วายเต็มที และนอกจากผู้คนที่พลุกพล่านแล้ว ที่ตลาดแห่งนี้ยังมากมายไปด้วยกองขยะ ทั้งที่เกลื่อนพื้นและกองเป็นภูเขาขยะลูกย่อมๆ สำหรับบ้านเรือนนั้นก็ดูทรุดโทรมเกินกว่าคำว่าคลาสสิค จนอดคิดไม่ได้ว่า หากพระเจ้าบุเรงนองได้มาเห็นวิถีชีวิตของผู้คน และบ้านเรือนของเมืองพะโคในวันนี้ พระองค์จะทรงเชื่อหรือไม่ว่านี่คือปัจจุบันของกรุงหงสาวดี ราชธานีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

ทันทีที่พระอาทิตย์เริ่มฉายแสง เราก็ออกจากโรงแรมเพื่อตระเวนเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองพะโค เช้านี้เหมือนอาการไข้ได้หายไปจากผม โดยหารู้ไม่ว่าสำนวน “คลื่นมักสงบ ก่อนพายุลูกใหญ่จะมาเยือน” กำลังเกิดขึ้นกับผม

เราเริ่มการท่องเมืองพะโคที่กลุ่มวัดวาอารามที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับการไปสถานีรถไฟและสถานีขนส่ง โดยเมื่อผ่านสะพานข้ามรางรถไฟ เราก็เลี้ยวขวาเข้าไปในทางเส้นเล็กๆ ที่บ้านเรือนบางตา เพียงไม่นานเราก็มาถึงวัดมหากัลยาณีสีมา (Maha Kalyani Sima) วัดแห่งนี้มีความเก่าแก่ตั้งแต่ยุคที่เมืองหงสาวดียังเป็นของมอญ โดยพระเจ้าธรรมเจดีย์ (Dhammazedi) ทรงสร้างไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2019

ในสมัยของพระองค์นั้น ถือเป็นยุคเฟื่องฟูยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ชนชาติมอญ โดยเฉพาะในเรื่องพระพุทธศาสนา เนื่องจากมีการส่งคณะสงฆ์ไปศึกษาพระพุทธศาสนาถึงเกาะลังกา หรือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน  หลังจากคณะสงฆ์เดินทางกลับมา พระองค์ก็โปรดให้สร้างวัดกัลยาณีสีมาแห่งนี้ขึ้น โดยเป็นการสร้างจำลองมาจากวัดกัลยาณี ในศรีลังกา และด้วยความเก่าแก่ของวัดที่มีอายุกว่า 500 ปี ทำให้เหมือนมีบรรยากาศแห่งอดีตแผ่ตัวปกคลุมทุกพื้นที่ภายในวัด โดยเฉพาะเจดีย์องค์เก่า ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้

ฝั่งตรงข้ามวัดมหากัลยาณีสีมา เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปยืน 4 ทิศ (Four Figures Paya) ซึ่งเป็นการสร้างตามความเชื่อเรื่องภัทรกัปป์ โดยเชื่อกันว่านับจากอดีตถึงปัจจุบันมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วทั้งหมด 4 องค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสป และพระสมณโคดม เหมือนเช่นเดียวกับที่อนันดาพยา ในพุกาม

พระนอนที่สร้างจากปูนองค์โต ปรากฏให้เราเห็น เมื่อเราเดินออกจากพระพุทธรูปยืน 4 ทิศ เรารีบเดินตรงเข้าไปหา ใช่แล้ว พระนอนที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องเป็นชเวตาเลียว แห่งเมืองพะโคแน่นอน แต่เอ...ทำไมพระพุทธรูปจึงเป็นปูนปั้น ไม่ได้งดงามอย่างที่คิด อีกทั้งยังประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง และที่สำคัญ เหตุใดบรรยากาศโดยรอบจึงดูเงียบเหงาขนาดนี้ เพราะไม่มีชาวพม่ามานมัสการสักคน ไม่สมกับเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของเมืองพะโครองจากชเวมอดอว์เลย แล้วคำตอบของข้อสงสัยต่างๆก็ถูกเฉลยให้เราได้รู้ ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา


กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15.17 น.

ความคิดเห็น