หนีเมืองหลวง ไปฝากตัวฝากใจอยู่กับธรรมชาติดีกว่า เก็บตัว WFH อยู่บ้านนานไปใจจะเริ่มพังแล้วคงต้องหาอะไรที่มาเยียวยารักษาแล้วแหละ ขอที่เงียบๆสงบๆ ห่างไกลผู้คน จุดหมายที่เราเลือกคือที่ “River Kwai RESOTEL” จังหวัดกาญจนบุรี ยิ่งได้ไปพักผ่อนในช่วงนี้เหมาะมากจ้า คนพักน้อยไม่แออัด อากาศดี โล่งปลอดโปร่ง สูดหายใจได้เต็มปอด แถมยังมีโปรโมชั่นห้องพักดีๆ จะพักนาน 7 วัน หรือคืนเดียวก็มีให้เลือกหลากหลายราคา ไปตามต่อได้ที่เว็บไซด์ของรีสอร์ทนะ

ที่นี่คงยังเปิดให้บริการอยู่ แต่ต้องท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตราการของสาธารณะสุข แบบ New Normal ค่ะ เว้นระยะห่าง และต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ มีทำแบบสอบถามคัดกรองผู้เข้าพักก่อนด้วยค่ะ

รีสอร์ทนี้อยู่ในกรุ๊ปของ SERENATA Hotels & Resorts Group (www.serenatahotels.com) สำหรับกรุ๊ปนี้เค้าจะมีอยู่หลายจังหวัดเลยนะ อย่างเช่นที่ กรุงเทพ เชียงใหม่ เชียงราย หัวหิน กาญจนบุรี เกาะยาว ลำปาง สุโขทัย สมุย ซึ่งแต่ละที่จะมีจุดเด่นและสไตล์ที่แตกต่างออกกันไป

สำหรับที่ River Kwai RESOTEL นั้น ต้องบอกก่อนว่าเราเคยไปพักที่นี่มา 2-3 ครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยได้รีวิวเลย เหตุผลที่เลือกมาพักที่นี่เพราะติดใจกับบรรยากาศของเค้าหล่ะ และมีความใกล้ชิดธรรมชาติ โลเคชั่นที่ดีงามอยู่ติดริมแม่น้ำแควน้อย บริเวณรีสอร์ทมีต้นไม้เยอะมากถึงมากที่สุด เหมือนกับว่าเราเข้ามานอนอยู่ในป่าเขาลำเนาไพรเลยล่ะ

รีสอร์ทตั้งอยู่ที่อำเภอไทรโยค ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 65 กม. ห่างไกลพอสมควรนะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้แวะเที่ยวที่ตัวเมืองก่อนเลยยังไงก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว จะมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า สุสานดอนรัก

ครั้งนี้เราได้มาแวะที่นี่ค่ะ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” สร้างขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานที่นี้ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดกาญจนบุรีเลยนะ ใครมาเที่ยวจะต้องแวะถ่ายรูปชมวิวแม่น้ำแคว และเดินเล่นบริเวณรางรถไฟนี้ จุดนี้จะเป็นเส้นทางผ่านของรถไฟสายมรณะซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีรถไฟวิ่งสัญจรไปมาปกติค่ะ

หลังจากเที่ยวที่ตัวเมืองกาญจนบุรีแล้ว ก็ขับรถมาที่รีสอร์ทเลยค่ะ จับ GPS เป็นชื่อรีสอร์ท จะมีจุดสังเกตุคืออยู่ใกล้ๆถ้ำละว้า เป็นเส้นทางท้องถิ่น ถนนเป็นปูนไม่ใช่ดินแดงนะ ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ทางเข้ารีสอร์ทอยู่ขวามือมีลานจอดรถกว้างขวางจอดได้หลายคันนะ มีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงลานจอดรอต้อนรับอยู่ และสักพักจะมีเจ้าหน้าที่ขี่รถพ่วงสามล้อมารับกระเป๋าสัมภาระไปไว้ที่ Lobby ให้

เราต้องมาทำการเช็คอิน รับกุญแจห้องพักที่ตรงจุดนี้ก่อนนะ อาคารตรงนี้เค้าจะเรียกว่า Club House ด้วยความที่สร้างจากไม้ทำให้มันดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ด้านหน้าจะมีสระว่ายน้ำสีเขียวมรกตดูแปลกตาไม่เหมือนกับที่อื่น

ชั้นล่างจะเป็นในส่วนของ Reception ส่วนชั้นสองเป็นห้องอาหาร ไม่ว่าจะอาหารเช้า เที่ยง เย็นจะบริการอยู่ที่ห้องอาหารนี้ทั้งหมด และชั้นสามจะเป็นห้องทำสปา และนวดแผนไทย

ห้องพักของที่นี่จะเป็นลักษณะเหมือนกระท่อมน้อยๆในป่าใหญ่ มีให้เลือกถึง 5 แบบห้องพัก(Jungle Chalet / Deluxe (Garden View) / Deluxe River View / Plunge Pool Jacuzzi Villa / Superior Triple) มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นบ้านแฝด หรือแบบแยกเป็นหลังๆ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสุดสุด และทุกห้องจะมีระเบียงหน้าห้องไว้นั่งเล่นชิลล์ๆ ด้วย

ห้องที่เราได้มาพักคือ Deluxe River View จะเป็นห้องที่อยู่โซนหน้าสุด เราสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้จากในห้องพัก หรือมานั่งเล่นบริเวณระเบียงหน้าห้อง มีจัดมุมเก้าอี้และม้านั่งเล็กๆไว้ให้ด้วย ภายในห้องพักกว้างพอสมควรนะ ยังมีพื้นที่เพียงพอที่จะเพิ่มที่นอนเสริมได้อีก ด้วยความที่เพดานสูงทำให้ดูห้องโปร่งไม่อึดอัด ห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่ มีการตกแต่งที่โมเดิร์นขึ้นแต่ยังคงเน้นวัสดุไม้เป็นหลัก ให้ความรู้สึกว่าได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีครบครันตามมาตรฐานโรงแรม ทีวี ตู้เย็น ไดร์เป่าผม กระติกน้ำร้อน ชุดชากาแฟ และมินิบาร์

ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้ดี แยกห้องสุขากับห้องอาบน้ำ และมีอ่างล่างหน้าอยู่ตรงกลาง ทุกห้องจะไม่มีอ่างอาบน้ำนะ เป็นฝักบัวทุกห้องเลย

เค้าว่าห้องนี้เด็ดสุดมีแค่ห้องเดียวเท่านั้น Plunge Pool Jacuzzi Villa เราไม่ได้พักห้องนี้แต่ขอเข้ามาถ่ายรูปหน่อย ด้านนอกจะเป็นประตูลงกลอนไม้แบบดั้งเดิม เปิดเข้ามาก็จะเห็นอ่างจากุซซี่อยู่ตรงหน้าเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเห็นนะเพราะเค้าจะมีรั้วไม่ไผ่กั้นโซนไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว ภายในห้องพักเป็นแบบเดียวกันกับห้องที่เรานอน ขนาดห้องนอนก็เท่ากันแต่จะมีพื้นที่หน้าห้องที่กว้างกว่า

ถึงแม้ว่าห้องพักจะไม่ได้เป็นแพอยู่บนแม่น้ำ แต่พื้นที่รีสอร์ทอยู่ติดริมแม่น้ำแควน้อย ถ้าเราเดินลงไปตามทางข้างล่างจะมีแพริมน้ำอยู่ บางคนที่เดินทางเข้ามารีสอร์ทโดยทางเรือจะมาลงเรือตรงจุดนี้ ถัดไปก็จะเป็นแพที่เค้ามีจัดเปลให้เรานอนเล่นนั่งเล่นรับลม ชมวิว เอาเท้าจุ่มน้ำสบายๆ

ที่นี่มีสระว่ายน้ำบริการถึง 2 สระเลยนะ มีสระเดิมสีเขียวมรกตจะอยู่ตรงหน้า Club House และอีกสระที่เป็นสระใหม่สีฟ้าสดใส และมีขนาดใหญ่กว่า

สำหรับอาหารเช้าตอนนี้จะเป็นแบบเซตมีให้เลือกหลายอย่าง เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม สลัดหรือ American Breakfast เจ้าหน้าที่เดินมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ไม่ต้องเดินไปตักอาหารเอง เพราะต้องเว้นระยะห่างจ้า

อิ่มแล้วก็ไปเดินย่อยสักหน่อย มีจุดให้เช่าจักรยานด้วยนะ หรือจะเดินเล่นทางด้านหลังของรีสอร์ทจะมีสวนปาล์ม ซึ่งจะมีต้นปาล์มหลากหลายชนิด บางต้นดูแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย บรรยากาศก็ดีร่มรื่นมาก

ใครอยากมาพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ แนะนำต้องลองมาสักครั้งแล้วจะติดใจสำหรับเราก็ยังคงให้ที่นี่เป็นหนึ่งในลิสต์ของรีสอร์ทที่เราต้องกลับไปพักอีกเป็นแน่ ไว้โควิดซาเมื่อไรค่อยเจอกันอีกน๊ะ!!

📍ริเวอร์แคว รีโซเทล รีสอร์ท (River Kwai Resotel)

เว็บไซต์: www.riverkwairesotel.net/th

Facebook: River Kwai Resotel ริเวอร์เเคว รีโซเทล กาญจนบุรี รีสอร์ท

เบอร์ติดต่อ: 081 734 5238

GPS: 14.300212, 98.986752

Direct Booking link: https://bit.ly/2J87yy4

Up-to-Elle

 วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 11.55 น.

ความคิดเห็น