ได้เวลาร่ำลากรุงมะนิลา เพื่อบินสู่เมืองซีบู แต่ก่อนจากเราไม่ลืมไปฝากท้องสำหรับมื้อเช้ากันที่ร้าน Aristocrat กันอีกหน มื้อนี้ผมสั่งซีโครงหมูย่าง รสชาติอร่อยไม่แพ้ไก่ย่างที่เลื่องชื่อ และยังคงกินไป หันส่วนที่ไหม้ทิ้งไป ได้สนุกไม่แพ้กัน

เราใช้บริการสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์เพื่อเดินทางจากกรุงมะนิลาสู่เมืองซีบู (Cebu) ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง ผ่านทิวทัศน์ที่งดงามของเกาะน้อยใหญ่นับร้อยเกาะที่อยู่เบื้องล่าง ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ก็พาเราเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติซีบู – แมกตัน ที่สนามบินมีชื่อเช่นนี้ เพราะตัวสนามบินตั้งอยู่บนเกาะแมกตัน (Mactan) เกาะขนาดเล็กที่อยู่ชิดใกล้กับเกาะซีบู

แม้จะไม่ใช่สนามบินหลักของประเทศ แต่การบริหารจัดการเรื่องแท็กซี่เข้าเมืองของสนามบินนี้ดีกว่าที่สนามบินนานาชาตินินอย อาเกียโน่เป็นไหนๆ เพราะราคาค่าโดยสารนั้นจ่ายจริงตามราคาที่ปรากฎบนมิเตอร์ ไม่ใช่จ่ายแบบเหมาจ่ายตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด ซึ่งสูงเกินจริงกว่า 3 เท่าแบบที่เราโดนมา

รถแท็กซี่พาเราออกจากสนามบินผ่านเขตชุมชนของเกาะแมกตัน จากเกาะที่คิดไปเองว่าเล็กๆไม่น่าจะมีอะไรนอกจากเป็นที่ตั้งของสนามบินนั้นดูไม่เป็นอย่างที่คิดเสียแล้ว เพราะในอดีตก่อนที่สเปนจะมาปกครอง เกาะแห่งนี้มีหัวหน้าเผ่าปกครองนามว่าลาปูลาปู ซึ่งชาวแมกตันยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ ในขณะที่ชาวสเปนตราหน้าว่าเขาเป็นผู้ก่อการกบฏ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวถึงซีบูจะเล่าให้ฟัง

สำหรับเมืองซีบูจุดหมายของเรานั้น ถือเป็นเมืองหลวงของเขตวิสายาส์ มีความเจริญเป็นอันดับ 2 ของประเทศ หากแต่เป็นศูนย์กลางในด้านการท่องเที่ยว เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บนเกาะซีบู เกาะขนาดใหญ่ที่อยูในตำแหน่งตรงกลางของหมู่เกาะในเขตวิสายาส์ ซึ่งนอกจากเกาะซีบูเองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาก ทั้งชายหาด เมืองเมืองเก่าแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางทั้งทางเครื่องบินและเรือไปยังเกาะต่างๆ

ระหว่างทางในการเดินทางสู่โรงแรม ผมสังเกตเห็นรูปแบบของการติดตั้งมิเตอร์น้ำที่ดูแปลก เพราะแทนที่จะติดมิเตอร์น้ำไว้ที่หน้าบ้านของบ้านแต่ละหลัง เขาจะติดมิเตอร์น้ำไว้รวมกัน ท่อเส้นไหนวิ่งไปจ่ายน้ำไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังไหนที่อยู่ในซอยเดียวกัน ก็มีมิเตอร์รวมกันเป็นกระจุกที่ปากซอย ดูแล้วมีประโยชน์ต่อพนักงานจดมิเตอร์น้ำ เพราะยืนจดแค่จุดเดียวก็ได้ปริมาณน้ำที่ใช้ของบ้านทั้งซอย แต่อาจเป็นภาระของเจ้าของมิเตอร์สักหน่อย ที่ต้องจำว่ามิเตอร์ของบ้านฉันคืออันไหน

โรงแรมที่เราจองไว้ชื่อแสนจำง่ายว่า abc ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ย่านฟูเอนเต้ (Fuente) ซึ่งตกแต่งโรงแรมในทุกส่วนด้วยสี 3 สี คือ ฟ้า เหลือง และส้ม ดูแล้วสดใสน่าพักมิใช่น้อย

ย่านฟูเอนเต้ถูกออกแบบผังเหมือนคล้ายๆกับเกซอนซิตี้ คือมี Fuente Osmena Circle สวนสาธารณะรูปวงกลมตั้งเป็นจุดศูนย์กลางในลักษณะวงเวียน โดยมีถนนสายหลัก 4 สายที่พุ่งออกจากวงเวียนนี้ แต่ในแง่ของความคึกคักนั้น แตกต่างกับเกซอนซิตี้อย่างเห็นได้ชัด เพราะย่านฟูเอนเต้ไม่ใช่ศูนย์กลางของหน่วยงานราชการ แต่เป็นศูนย์กลางในการค้าที่มากไปด้วยห้างร้าน โดยมีห้างโรบินสันส์เป็นหัวหอก ตั้งอยู่ในตำแหน่งหัวมุมถนนรอบ Fuente Osmena Circle ถึง 2 สาขา คือ Robinsons Fuente กับ Robinsons Cyber Gate

ไม่ต้องคิดมากเราเลือกไปดับความหิวกันก่อนที่ Robinsons Fuente เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งใกล้กับโรงแรม เดินดูอาหารภายในศูนย์อาหารได้สักพัก จุ๋ยก็ชวนให้เปลี่ยนไปกินในร้านอาหาร ที่อาหารปรุงสุกใหม่ ปลอดภัยกว่า ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นยิ่งนัก เพราะหน้าตาอาหารที่วางขายในศูนย์อาหารนั้น นอกจากแสดงความเย็นชืดแล้ว ยังเปลี่ยนให้ความหิวกลายเป็นความอิ่มได้อย่างน่าประหลาดใจ

เราเลือกเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น มื้อนี้ผมได้ Seafood Hotpot Ramen เพราะอยากจะลิ้มลองอาหารทะเลของฟิลิปปินส์ว่ารสชาติจะหวานอร่อยแบบอาหารทะเลเมืองไทยไหม เป็นอันว่าอร่อยพอกัน เพราะในเวลานี้บ่าย 3 เข้าไปแล้ว ในเวลาหิวไม่ว่าจะกินอะไรก็อร่อย จริงไหม

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.12 น.

ความคิดเห็น