สวัสดีทุกคนนนนนน แพรกลับมาแล้ว หลังจากที่หายไปเป็นปี ครั้งนี้กลับมาแบบพาทุกคนย้อนวันวานไปกับแพร ทริปครั้งนี้ที่แพรกำลังจะพาทุกคนย้อนไป คือ ช่วงตุลาคม ปี 63 ใช่แล้วค่ะ แพรมาในรูปแบบวันนี้ในอดีต 5555 แพรดีเลย์นานไปนิสส แต่อบอวนไปด้วยเรื่องราวดีๆ ความทรงจำที่ดี กับทริปที่ดูเหมือนเป็นทริปสุดท้าย และเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตแพรไปเยอะมาก เรามาเริ่มกันเลยเนอะ ไปกัน 

21/10/63 แพรเดินทางด้วยสายการบิน vietjetair ดีเลย์ไปหลายชั่วโมงเลยล่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์ถ่ายรูปกันสักเท่าไหร่ 5555 เดินทางถึงเชียงรายเวลาประมาณ 21.30น ที่ช็อคคือ เงียบ ทุกอย่างเงียบไปหมด เพราะมันคือช่วงโควิดแล้ว แพรเองที่พลาดลืมแพลนการเอาตัวเองออกจากสนามบินไปโรงแรม แต่ที่ยังมีบุญคือ ญาติแพรทำงานที่สนามบิน แล้วพี่เขายังไม่กลับ แพรเลยรอดแบบสวยๆ ไปเช็คอินที่โรงแรม คืนแรกแพรพักที่ บ้านไม้กระดาน อ่าาา ทริปนี้เราเดินทางกัน 4 คน ได้ห้องนี้คือเริ่ดไปเลย เราจองผ่าน อโกด้า ในราคาห้องละ 950 รวมอาหารเช้าแล้วด้วยนะ บรรยากาศดีน่ารักมาก สะอาด สะดวก สบาย เริ่ดไปเลยจ๊ะ

22/10/63 เช้านี้แพรติดต่อรถนำเที่ยวของพี่โอม เพจ รถเช่าเชียงราย aiw-carrent.com ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1600 บาท โดยพี่โอมจะพาเราแวะเที่ยวและไปส่งเราที่ภูลังกา จ.พะเยา

ที่แรกของวันนี้เราแวะไปไหว้พระที่วัดร่องเสือเต้น เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์คือมีวิหารเป็นสีน้ำเงิน


แวะมาไหว้พระจริงๆ รูปเลยหาไม่ได้เลยจ้าาาา หลังจากนี้เราจะอัดแน่นด้วย รูปและบรรยากาศละ

จุดต่อไปสวรรค์ของคนรักชาเขียว ไร่ชาฉุยฟง นั่นเอง

อิ่มชาเขียว อิ่มบรรยากาศกันแล้ว จุดหมายต่อไปคือ บ้านผาฮี้ เป็นหมู่บ้านเล็กที่มีซิกเนเจอร์คือ การไปจิบการแฟห้อยขา ชมวิวเขา ในช่วงระหว่างทางที่กำลังแน่นแล้วก็จุกชาเขียวที่ซัดลงท้องไปซะเยอะ ได้ผ่านจุดชมวิวที่ทำให้เราลืมอาการเมาชาเขียวไปเลย 55555 จุดชมวิวดอยช้างมูบ ซึ่งเป็นแนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา เป็นวิวเทือกเขาเมียนมาไกลสุดลูกหูลูกตาเลย

แวะชมวิวระหว่างทางแล้วถึงเวลาเดินทางต่อ ใช้เวลาแค่แปปเดียวก็ถึงจุดหมายของเรา ดอยผาฮี้

เราใช้เวลาแวะทานกาแฟ ทานอาหาร ร้านนั้นร้านนี้ไม่นาน ก็ตัดสินใจเดินทางกันต่อ ไม่อยากให้ถึงภูลังกาเย็นเกินไป เพราะพี่โอมไปส่งเราแล้วต้องกลับเชียงรายต่อ เราถึงภูลังกาประมาณ 5 โมงเย็น คืนนี้เราฝากร่างกายอันเหน็ดเหนื่อยของเราไว้ที่ ภูลังการีสอร์ท บ้านภู 10 พักได้ 4 คน ราคา 1200 บาท 

คืนนี้พักผ่อนหมดพลังหมดแรงไม่ไหวจะไปต่อแล้วจ้า .......

23/10/20 เช้าวันใหม่ตื่นมาลุ้นว่า จะมีหมอกมั้๊ยน้าาาา สรุปว่า ............

ไม่ 5555555


ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไป คาเฟ่ ที่เรารอคอยแล้ว magicmountaincafe ร้านกาแฟที่อบอวนไปด้วยความโมแมนติก แอบกระซิบว่าเขามีที่พักด้วยน้า แต่จองยากจริงๆ แพรพยายามแล้ว 5555

มา แพรจะพาทุกคนไปพบกับ วิวที่ปัง ปังไม่ไหวจริงๆ

รูปเยอะจริงๆ บรรยากาศดีมากจริงๆค่ะ หลังจากลับจากคาเฟ่แพรก็เก็บสัมภาระจากที่พัก เพื่อเดินทางไปยัง อ.ปัว จ.พะเยา โดยติดต่อรถของลุงพันให้ไปส่งที่ปัว โดยราคาอยู่ที่ 1600 บาท พอถึงปัว เราแวะเช่ามอไซค์ วันละ 300 บาท เพื่อจะได้สะดวกในการเดินทาง คืนนี้เราพักที่บ้านฮิมนาปัว ในราคา 2400 บาท แวะเช็คอิน อาบน้ำแล้วไปหาคาเฟ่ ร้านอหารกินกันเถอะ

เราแวะทานข้าวซอย ดื่มกาแฟ ช้อปปิ้งผ้าพื้นเมือง ที่กาแฟบ้านไทลื้อ 

ขอบอกว่าวันที่ปัว มันร้อนแบบ ไปต่อไม่ไหวแล้ว ต้องแว๊นกลับไปหลับพักผ่อน เวลาผ่านไป...........

6 โมงเย็น ท้องคนอ้วนแบบเราก็ไม่สามารถทนความหิวได้อีกต่อไป 55555 เรามุ่งหน้าไป ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ไปฝากท้องกับร้านดังสักหน่อย 

ตัดจบตรงที่อิ่มและนอนนนนนน

24/10/64 มอนิ่งงง เช้าวันใหม่ที่สดชื่นมากกก

ถึงเวลาเดินทางต่อไป หมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ กันแล้วจ้าาา 

ตอนนี้เจ็บก้นมากๆ แวะกินขนมกันก่อนนะ 55555

ถึงสะปันแล้ววววว ร้อนๆแบบนี้ไปน้ำตกกันก่อนเลยจ๊ะ ต้องการความสดชื่นๆๆๆ

หลังจากที่ไปน้ำตกมา เราก็รู้สึกว่า เห้ยยย มันก็เหนื่อยนะกับการเดินขึ้นไป 55555 เอ๊ะ หรือว่าจริงๆแล้วคนอื่นเขาไม่ได้เหนื่อยเหมือนเราว่ะ ก่อนกลับที่พัก เราเลยแวะอุ่นไอมางสักหนึ่งกรุบ

คืนนี้เราพักที่ มองว้ายายทาตาสม เป็นฟาร์มสเตย์ที่อบอุ่นและน่ารัก โดยคิดเป็นรายหัว หัวละ 600 บาท ตื่นเช้ามาเป็นวิวที่ดีมากจริงๆ

25/10/64 เป็นวันกลับที่ไม่อยากกลับเลยจริงๆ ไปดูกันดีกว่าที่พักที่แพรบอกว่าน่ารักนัก น่ารักหนา มันเป็นไง ไปกัน

ไดเวลาออกเดินทางกันต่อแล้วจ้า จิตใจห่อเหี่ยวสุดๆ ไม่อยากกลับเลย มูฟออนจากทริปนี้ไม่ได้จริงๆ แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ร้องไห้ๆๆๆ อ่ะๆ นอกเรื่องอีกล่ะ ระหว่างทางกลับเส้นนี้โหดมากสำหรับสายแว๊นแบบเรา ทางโค้งและชันสุดๆ แทบหยุดใจ ช่วยเจ้ามอไซค์ 

ระหว่างทางเราสังเกตได้ว่า เฮ้ย เขาจอดทำอะไรกันเยอะแยะวะ พอหันหลังมองกลับขึ้นไปเท่านั้นแหละ อ่ออ ที่นี่ไง ถนนโค้งหมายเลข 3

หลังจากสนุกกลับทริปนี้แล้ว ถึงเวลาคืนมอไซค์แล้ววว เรานั่งรถสองแถวจากปัว เข้าเมือง เพื่อนั่งรถทัวร์ น่าน-กทม กลับ ก่อนขึ้นรถเราเลยขอแวะไหว้พระสักหน่อย เริ่มทริป และจบทริป ได้สวยงาม 55555

จบทริปแห่งความทรงจำของแพรไปแล้ว เป็นทริปส่งท้ายงานประจำที่กรุงเทพ เพื่อกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวที่บ้าน เป็นทริปสุดท้ายของชีวิตรักชีวิตส่วนตัวของแพร หลังจากทริปนี้จะเป็นทริปของการเริ่มต้นใหม่ในหลายๆอย่างของชีวิต แพรจะโบ๊ยการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นเพราะเจ้าโควิดตัวร้าย ที่ทำให้เราเซได้ขนาดนี้ แพลนชีวิตเปลี่ยนทุกอย่าง แต่ทุกคนเชื่อเถอะว่า ทุกเรื่องราวที่ผ่านมา มันคือความทรงจำที่ดีที่สุด ที่เราได้สร้างมันขึ้นมา อย่าไปลบเลือนมัน แค่ย้ายมันไปอยู่ในที่ที่เหมาะสม บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่จ้าา

แม่ขาๆ หนูขอวันลา

 วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 17.41 น.

ความคิดเห็น