ในขณะที่เด็กหลายคนกำลังเล่นว่าวอยู่บนสนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑ์ ที่ดูแล้วไม่ต่างจากท้องสนามหลวง เราสามคนก็ยืนงงๆว่าจะไปเขตทาบานันอย่างประหยัดด้วยวิธีอย่างไรดี เพราะมองแล้วไม่เห็นรถสองแถวประจำทางวิ่งผ่านมาสักคัน สุดท้ายแล้วแบ็คแพ็คเกอร์จนตรอก(ตั้งแต่วันแรก)อย่างพวกเราก็ตรงหรี่เดินไปต่อรองราคารถเหมา เพื่อไปยังวัดทามาน อยุน , ทานาห์ ล็อท สองสถานที่สำคัญของเขตทาบานัน (Tabanan)

ในอดีตทาบานัน คืออีกหนึ่งอาณาจักรของบาหลีตอนใต้ ที่เคยปกครองโดยราชวงศ์เม็งวี (Mengwi Empire) ก่อนที่จะถูกดัตช์ยึดครองเฉกเช่นอาณาจักรต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ความเป็นอาณาจักรจะสิ้นสุดลง แต่ยังคงเหลือทิ้งไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่ นั่นคือ วัดทามาน อยุน (Pura Taman Ayun) วัดในศาสนาฮินดู ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระวิษณุ ตั้งแต่ปีค.ศ.1634 แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 4 ร้อยปี แต่ทามาน อยุนก็ยังสามารถยืนหยัดได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งๆที่โครงสร้างเกือบทั้งหมดทำมาจากไม้

แม้เราจะเสียค่าเข้าแล้ว แต่ด้วยเหตุที่ไม่ได้นับถือศาสนาฮินดู เราจึงมีสิทธิ์แค่เพียงเดินชมศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จากภายนอกเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราสัมผัสความสวยงามของทามาน อยุนได้น้อยลง เพราะกำแพงที่ทอดตัวกั้นนั้นไม่สามารถกันเหล่าเมรุหรือศาลมราจันสำหรับบูชาเทพเจ้าที่มีหลังคาซ้อนกันถึง 11 ชั้นไปได้

รูปแบบของเมรุที่มีหลังคาซ้อนกันเป็นชั้นๆสู่ท้องฟ้าเบื้องบนนั้นได้ต้นแบบมาจากเหล่าภูเขาสูงเสียดฟ้าบนเกาะบาหลีนั่นเอง

พระอาทิตย์จวนลับขอบฟ้าในเวลาที่เรามาถึงทานาห์ ล็อท (Tanah Lot) ดินแดนเกือบใต้สุดของเกาะบาหลี ซึ่งเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกอันเรื่องชื่อ

เราเดินไปตามทางที่มากไปด้วยผู้คนที่ต่างมีจุดหมายที่สะพานหินธรรมชาติอันเกิดจากการกัดกร่อนของเกลียวคลื่นที่โหมซัดหน้าผาหินนับพันนับหมื่นปี เห็นความอัศจรรย์ทางธรรมชาติเพียงแค่นี้ สองสาวก็เริงร่าเป็นยิ่งนัก จึงชวนกันโพส์ทท่าถ่ายรูปอย่างไม่สนใจใคร

เนื่องจากไม่สามารถโพส์ทท่าถ่ายรูปได้น่ารักเหมือนสองสาว ชายหนุ่มเช่นผมจึงขอปลีกตัวไปยังฟากตรงข้ามของสะพานหินที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เพราะเป็นที่ตั้งของวัดทานาห์ ล็อท วัดในศาสนาฮินดูที่สร้างบนเกาะเล็กๆกลางทะเล แต่ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้าย เพราะในเวลานี้เป็นเวลาน้ำลง จึงไม่มีโอกาสได้เห็นวัดทานาห์ ล็อทตั้งโดดเด่นอยู่บนเกาะกลางทะเลที่คลื่นกำลังโหมซัด แต่นั่นก็ทำให้ผมสามารถเดินลัดเลาะไปตามโขดหินเพื่อไปยังวัดทานาห์ ล็อทได้

หลังจากโพส์ทท่าถ่ายรูปกันจนจุใจ สองสาวก็ตามมาสมทบ ในเวลานี้เราสามคนจึงชวนกันนั่งมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำ แล้วค่อยๆหย่อนตัวเองจมหายไปในท้องทะเลสีครามที่ทอดยาวจนสุดสายตา จนเกิดเป็นภาพที่งามยิ่ง

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10.28 น.

ความคิดเห็น