ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวก่อนนะงับ ชื่อม็อบ เป็นนักศึกษาครับ ไม่บอกอายุแล้วกันเนอะ ก็ผู้ใหญ่ตอนต้นแล้วแหละ 5555 ก็คราวนี้มีโอกาสได้ปิดเทอมกะเค้ามั่ง เลยมีจุดประสงค์แค่ไปเยี่ยมพ่อที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คือพ่อเป็นข้าราชการครับ ก็ต้องย้ายที่ทำงานบ่อยๆ คราวนี้เลยได้โอกาสดีมาบุกสุราาาษฎร์ง้าบบบ !!!!!!!!



มาเริ่มที่ความรู้เดิมนะฮะความรู้เดิมที่มีเกี่ยวกับสุราษฎร์มีประมาณ 10% คือทราบแค่ว่าเป็นจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย มีทะเล และเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทย มีอาหารทะเลกิน มีเกาะสมุย มีสนามบิน และมีห้างเซนทรัลครับ ใช่ครับรู้เท่านี้จริงๆ ก็อย่างที่บอกรู้เท่านี้ก็ไปเท่านี้ครับ 55555 ไม่รีวิวเพิ่ม จะพูดให้ตรงก็คือ “ขี้เกียจ" ครับ วางแผนการท่องเที่ยวไม่ค่อยเป็นด้วย มีเป้าหมายเดียวคือข้าต้องไปเห็นทะเลให้ได้ ที่เหลือถามคนพื้นที่เอา วะฮ่าๆๆๆๆ



นอกเหนือจากนั้น เป็นคนชอบถ่ายรูปครับ โดยเฉพาะรูปตัวเอง เขินนนนน ดังนั้นห้ามลืมขาตั้งกล้องนะฮะ ถ้าใครถนัดไม้เซลฟี่ก็งัดออกมาเยย อ่อรูปที่เอามาโชว์อาจมีรูปตัวเองอยู่(เยอะ)บ้าง สำหรับคนที่ชอบถ่ายตัวเองก็เชิญมาทางนี้เลยนะงับ "ไม่มีเขาเราก็ทำได้โว้ย" ถ้าไม่ชอบก็ดูวิวแทนนะฮะ 555555 ส่วนเรื่องรีวิวถ้ารีวิวไม่เก่งยังไงก็ขออภัยนะครับ ไม่ถนัดข้อสอบอัตนัย แหะๆ



อ่อ อีกอย่างรูปที่ถ่าย คือเพิ่งจะมีกล้องฮะ ฝีมืออาจอ่อนไปบ้าง บางภาพก็ยังติดใช้มือถือถ่ายอยู่แหะๆ แต่งภาพก็ตามอารมณ์ตัวเองทั้งนั้น คุมทงคุมโทนไม่มี๊ 5555 feeling ล้วนๆเลยฮะ



"ก็ขอฝาก ig ซักหน่อยนะงับ ig: mobbii แวะมาส่องก็ได้นะ ฟอลได้ อันก็ได้ ไม่ว่า 555 อนุโมทนาสาธุๆ"



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้คือสิ่งที่ได้ไปมาทั้งหมดครับ

1.เกาะสมุย&หมู่เกาะอ่างทอง

2.จังหวัดตรัง&หาดต่างๆ&สวนพฤษศาสตร์

3.หาดนางกำ

4.เกาะเต่า&นางยวน

5.เขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน-กุ้ยหลินเมืองไทย)



มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ วันแรกก็เป็นวันเรียบๆนั่งเครื่องจากดอนเมืองมายังสนามบินสุราษฎร์ธานี ก่อนเครื่องจะ land ถ้ามองผ่านหน้าต่างทะเลบริเวณนั้นจะเห็นกระท่อมเล็กๆ สร้างในระยะห่างพอๆกัน เห็นว่าเป็นที่พักให้ชาวประมง ที่เลี้ยงหอยพื้นในที่นั้น อันนี้เราไม่แน่ใจนะครับ แต่สวยดี



ตัวสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี ก็เป็นสนามบินเล็กๆหลังคาสีฟ้า สะอาดสะอ้านดีครับ พอดีไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ครับ ตอนนั้นรีบพ่อมารับไว อ่อ ต้องบอกก่อนนะครับว่า พักที่บ้านพ่อเลยลดค่าใช้จ่ายด้านที่พักไปมาก จะมีนอกเหนือจากนั้นเช่น เกาะสมุย ตรัง หาดนางกำ และเขื่อนเชี่ยวหลานที่ต้องพักโรงแรมหรือรีสอร์ทครับแหะๆ



หลังจากเก็บของเสร็จอะไรเสร็จก็เย็นพอดีครับ มีโอกาสได้ไปเดินเล่นหาของกิน ลัดเลาะไปตามแม่น้ำตาปีครับ แม่น้ำที่นี่รู้สึกต่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาหรือแม่น้ำปิง หรือเป็นความรู้สึกส่วนตัวไม่รู้นะฮะ ดูมันเขียวและใส ไม่เป็นสีน้ำตาลเหมือนแม่น้ำอื่นๆในประเทศไทย บรรยากาศดีมากๆ เห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วย



ได้กลุ่มเมฆมาก้อนเบ้อเริ่มเลยครับ



ตอนเวลาประมาณทุ่มนึงจะมีเรือรับจ้างครับ เป็นเรือหางยาว ลัดเลาะตามเกาะลำพู พาไปดู หิ่งห้อยยยยยยยยย!! พ่อเล่าว่าหิ่งห้อยเยอะมากๆๆๆ แต่วันนั้นดันไม่มีโอกาสครับ มัวเห่อกินอาหารทะเล เลยอดเลย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็มาบอกกันด้วยว่าเยอะจริงมั้ย เห็นว่าเรือทั้งลำประมาณ 300 บาท ถ้าไปกันหลายๆคนจะคุ้มกว่า ถ้าไปกับแฟนคงโรแมนติกน่าดู อิจฉาๆๆๆ จะว่าไปแล้วยังไม่ค่อยเห็นคนรีวิวเรื่องนี้ซักเท่าไหร่เลยครับ เปิดกูเกิลมาก็มีนิดเดียว จนอยากไปซะเจงๆ T T



เริ่มของจริงละจ้าาาาา วันต่อมาเริ่มตะลุยเดี่ยวไปเกาะสมุย ว่าแต่จะเดินทางไปสมุยยังไงดี นี่คือข้อเสียของการไม่รีวิวนะครับ ก็ถามคนแถวนั้นครับ จะสรุปให้ละกันนะครับสำหรับวิธีเดินทางไปสมุย



1.วิธีที่สะดวกสบายที่สุดคือนั่งเครื่อง Bangkok airway ไปท่าอากาศยานสมุย อันนี้ชิวโลดเลยครับ แต่ค่าเครื่องก็จะแพงกว่าสายการบินอื่นๆเป็นปกติอยู่แล้ว และก็ไม่มีสายการบินอื่นๆมาลงที่นี่ครับ(ถ้าผิดขออภัยนะครับ)

2.สะดวกสบายรองลงมาคือซื้อตั๋วรถ+เรือ บนเครื่องครับ เห็นว่าของแอร์เอเชียมีขายกันบนเครื่องเลยทีเดียว ราคาก็ 350 บาท

3.ต่อมาสำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อบนเครื่องก็จะมีบริษัทมาตั้งขายหลายๆบริษัทครับ ทั้ง seatran ferry , ราชาเฟอร์รี่ และบริษัทพันทิพย์ เห็นว่าราคาก็พอๆกับบนเครื่องครับคือ 350 บาท ส่วนเรือเร็วลมพระยาจะนั่งเรือเร็วครับไวกว่าคือปกตินั่งเฟอร์รี่ข้ามฟากจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่เรือเร็วจะใช้เวลา 45 นาที ส่วนเรื่องราคาไม่ได้สอบถามมาครับ

4.ไปซื้อที่บริษัทหรือท่าเรือเลย สำหรับเราซื้อที่บริษัทพันทิพย์ ถนนตลาดใหม่ ราคารวมรถตู้ที่พาไปท่าเรือดอนสัก+ตั๋วเรือของบริษัทseatran อยู่ที่ 250 บาท!! ถูกกว่าตั้งร้อยนึงงงง แต่สำหรับใครที่มีรถสามารถไปซื้อตั๋วเรือที่ท่าได้ ซึ่งจะมีทั้งบริษัทseatran และราชา ราคาก็จะคิดแค่ค่าเรือคือประมาณ 120-130 บาท อารมณ์เหมือนว่าบริษัทพันทิพย์โคกับseatran ประมาณนั้นนะครับ



วิวจากเรือครับ



ส่วนตารางเรือ อันนี้เราบอกของ seatran นะครับ พอดีไม่ได้นั่งของราชา แต่ไม่ได้ลำเอียงแต่อย่างใด ไม่กล้าบอกว่าบริษัทไหนดีกว่านะครับ เพราะนั่งมาบริษัทเดียว แหะๆ นี่ก็ข้อเสียของการไม่รีวิวมาก่อน ในกระทู้อื่นน่าจะมีอยู่แล้วนะครับ(หาสดๆ) เช่น http://pantip.com/topic/32262504 ตารางเรือของซีทรานเรือจะออกทุกชั่วโมงโดยที่ "ท่าเรือดอนสัก(ฝั่งสุราษฎร์)" เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงหนึ่งทุ่มตรง และ "ท่าเรือหน้าทอน(ฝั่งสมุย)" เริ่มตั้งแต่ตี 5 ถึง 6 โมงเย็น เวลาการเดินเรือประมาณ 1.30 ชั่วโมง บนเรือก็จะมีหลายชั้น น่าจะ 3-4 ชั้น ไม่แน่ใจ ชั้นแรกจะเป็นชั้นของรถยนต์ไว้สำหรับนำรถข้ามฟาก ชั้น 2 ก็จะเป็นชั้นผู้โดยสาร ชั้น 3 เป็นชั้น VIP ครับ เลือกนั่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะห้องแอร์ หรือกินลมชมวิว ทั้งนี้ยังมีบริการจำหน่ายเครื่องดื่ม ของว่างและบริการนวดระหว่างการโดยสารครับ



อันนี้ไม่ใช่ซีทรานนะครับ แค่อยากเอารูปมาไว้ตรงนี้ อันนี้เรือไปหมู่เกาะอ่างทองครับ



อ้อ..ลืมบอกไปว่าท่าเรือของซีทรานและราชาจะอยู่คนละที่กันนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะลงใกล้หาดไหน สำหรับเราคือ ไม่รู้ครับ 5555 ไปตายดาบหน้า พอลงเรือก็ต้องมาต่อรถครับ มีให้เลือกหลายอย่างทั้ง มอไซต์ รถตู้ รถตุ๊กๆ ราคาก็แล้วแต่ระยะทางครับ เราเสียให้กับรถตุ๊กๆไป 150 บาท



เรื่องที่พักก็เช่นกัน ไม่ได้จองก่อนครับ 555555555 เดินหาเอาเอง อ่อ เรารู้แค่ว่าหาดเฉวงสวย เค้าว่ากันนะครับ ก็เลยนั่งรถตุ๊กๆไปหาดเฉวง แล้วเดินหาโรงแรมแถวนั้น ได้โรงแรมนันทรา เฉวงบีช โรงแรมไม่ติดชายหาดนะครับ แต่เดินไปได้ไม่ถึง 5 นาที ราคาเราได้คืนละ 800 บาท ห้องก็พออยู่ได้ครับ เราไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เอาไว้ซุกหัวนอน อิอิ



พอตกเย็นก็เดินเล่นริมเลครับ หาดื้นดีครับ แถวนั้นก็จะมีถนนคนเดิน ร้านอาหาร ผับ ไนซ์คลับมากมายให้เลือกสรรครับ อ่อถ้าอยากไปทัวร์รอบสมุย ก็นั่งรถตุ๊กๆไปได้นะครับ หรือจะเช่ามอไซต์ราคาวันละ 180-200 บาท พยายามดูแลดีๆนะครับ เค้ายิ่งไม่ชอบให้คนไทยเช่าอยู่ เพราะเค้าว่าคนไทยมักขี้โกง ทำเสียแล้วไม่รับผิดชอบ แต่เราไม่ได้เช่านะครับ เราเดิน บ้าเรอะๆๆ เราสวาปามแถวนั้นแหละครับ กินง่ายจริงๆเลย



โชคดีวันนั้นฟ้าโปร่งอากาศดีจริงๆ



ที่ลืมไม่ได้เลยคือพรุ่งนี้จะทำอะไร ไปไหนนนน ว่าแล้วก็เดินหาร้านจัดทริปครับ ก็มีมากมายหลายราคา หลักๆที่เค้านิยมไปก็จะมี หมู่เกาะอ่างทอง และ เกาะเต่า&นางยวน สำหรับหมู่เกาะอ่างทอง เป็นอุทยานแห่งชาติครับ เป็นเกาะแก่งทั้งหมด 42 เกาะครับ ทริปจะออกไปในแนวการเดินชมวิว ปีนเขาไปดูจุดสูงสุดที่จะมองเห็นเกาะทั้ง 42 และก็มี snorkling เล็กๆครับ ดูปลาน้ำตื้นๆ ราคาปกติที่เห็นอยู่ที่ 1600 แต่พอดีเป็นคนไทยลดให้เหลือ 750 บาทครับ (นั่งเรือใหญ่ๆที่เป็นไม้ๆ) และเกาะเต่า&นางยวน ทริปจะเน้นไปทาง snorkling-ดำน้ำ ครับ มีชมวิวเล็กน้อย แต่เน้นดำน้ำมากๆครับ ราคาปกติอยู่ที่ 2100 (นั่งเรือเร็วลมพระยา)



หมู่เกาะอ่างทอง

เราเลือกหมู่เกาะอ่างทองครับ เพราะว่าไปคนเดียวถ้าไปดำน้ำรูปคงไม่ได้ถ่ายแน่ๆ GoPro ต่างๆก็ไม่มี สำหรับตารางทริปอย่างคร่าวๆ ก็คือ



--> มีรถตู้มารับที่โรงแรมตอน 7.30 น. ไปส่งที่เรือ

--> ลงเรือพร้อมกิน light breakfast (ขอบอกก่อนนะครับว่า light จริงๆ อารมณ์ชากาแฟ มีครัวซองนิดหน่อย ถ้าใครเป็นคนทานข้าวเช้าเยอะอย่างเรา ก็แนะนำให้กินไปก่อนซักหน่อยก็ดี)

--> ถึงหมู่เกาะอ่างทองประมาณ 10.00 - 10.30 น.

--> จากนั้นจะมีทางเลือกครับ อื้มลืมบอกว่าที่ได้ราคา 750 บาท คือไม่รวมเล่นคายัครอบเกาะนะครับ แต่ถ้าเล่นก็บวกไปอีก 200 บาท เราไม่เลือกเล่นเพราะว่าเพิ่งเล่นไปที่วังเวียงมา แล้ววันนั้นไม่มีอารมณ์พายเรือเท่าไหร่ครับ ทางเลือกที่ว่าก็คือ คนที่ลงเล่นคายัคก็ไปพายคายัค สำหรับคนที่ไม่คายัคก็เดินไปชม blue lagoon ครับ มีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สำหรับคนที่พายคายัค ถ้าพายเสร็จเร็วก็วิ่งไปชมบลูลากูนได้ครับ สวยดีครับ น้ำเป็นสีฟ้า แต่อากาศวันนั้นร้อนมากๆๆๆๆๆ เลย

--> แล้วก็กลับขึ้นเรือ ไปทานบุฟเฟต์อาหารกลางวัน อาหารก็กินได้ครับ อารมณ์ไก่ทอด อิ่มครับ เติมได้ มีผลไม้ แล้วเราก็นั่งเรือต่อไปเกาะที่ 2

--> นั่งเรือมาเสร็จ ก็ลงเรือสำหรับเกาะนี้มีกิจกรรมอยู่ 2 อย่างครับคือ ปีนเขาไปจุดชมวิวและ snorkling ซึ่งเราปีนเขาก่อนเพราะน่าจะใช้เวลานาน



ตอนแรกก็คิดว่าเป็นทริปเล็กๆปีนเขาจะชิวๆ จริงๆแล้วควรเตรียมรองเท้าผ้าใบไปด้วยนะครับ มันคือการปีนเขาที่จริงจังมาก ปีนจริงๆ ระยะเพียงแค่ 500 เมตร มีสิ่งยึดเหนี่ยวคือมือเรา ขาสองข้างและ เชือกหนึ่งเส้น ไม่รู้ว่าวันนั้นเพราะอากาศร้อนหรืออะไร เรารู้สึกเหนื่อยมากๆ ที่อันตรายคือบริเวณที่ใกล้จะถึงเนื่องจาก หินจะค่อนข้างคม และร้อนมากเนื่องจากแดดเผา ต้องระวังตัวหน่อยนะครับ เราก็ได้แผลจากตรงนี้เหมือนกัน เพราะลื่น(ใส่แตะไป)



สวยงามใช่มั้ยล่าาา



เดี๋ยวมาต่อนะฮะพอดีตัวอักษรหมด ไงก็ขอบคุณนะฮะต่อเลยนะฮะ

เกือบตกเขาโชคดีที่คว้าเชือกทัน T T แต่คุ้มค่ากับการทรหดครับ ข้างบนวิวดีและสวยมากๆ อยากให้ทุกคนได้เห็น รีบๆไปนะครับ ก่อนที่อายุจะมากปีนไม่ไหว



ลืมเล่าว่าตอนมาสมุยนี่แทบไม่มีคนพูดไทยด้วยเลยครับ

Situation: หมวกหายเลยเดินซื้อหมวกเข้าไปร้านนึง...แล้วก็เลือกดู

คนขาย: Hello

เรา: เงียบ...

คนขาย: This one's 350 baht

เรา: ลดได้มั้ยอะพี่

คนขาย: วะวะ Where're you from? ทำไมพูดไทยชัดจัง?

เรา: สองร้อยนะพี่

คนขาย: two-fifty นะ

เรา: ....... ฮึ่มมมมม... Two hundred okay? หว่ออ้ายหนี่ เชี่ยๆเหล่าชือ เหล่าชือหว่อจิ้นเจี้ยวซื่อ(ฉันรักเธอ ขอบคุณคุณครู ขออนุญาตเข้า

ห้อง เคยเรียนตอนเด็กๆน่ะ จำได้แค่นี้แหละ)

คนขาย: OK OK thank you

‪#‎นี่พูดไทยละนะ‬

‪#‎ยัดเยียดความเป็นเจ๊กทำไม‬55555555555



--> หลังจากปีนเข้าเสร็จ พอดีเวลาหมดครับ เลยไม่ได้ snorkling แต่ก็ไม่ได้เสียใจมาก เพราะว่าเป็นฤดูมรสุม น้ำไม่ค่อยใสมากและน้ำค่อนข้างตื้นครับ เลยกลับขึ้นเรือเปลี่ยนเสื้อ กระโดดน้ำทะเลจากบนเรือ รอคนที่ยังปีนเข้าไม่เสร็จ ความรู้สึกตอนนั้นมัน ฟินนนนนนนน มากๆๆๆๆ จากที่ร้อนๆ ซัดโค้กไปกระป๋องนึง อาบน้ำแล้วก็เตรียมกลับ สดชื่นจริงๆๆ



กลับมาก็เย็นพอดีครับ ไปก่อนนะหมู่เกาะอ่างทอง เรือในรูปน่าจะเป็นเรือ seatran นะครับ



จบจากทริปหมู่เกาะอ่างทอง ก็ได้พักที่สมุยอีก 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับสุราษฎร์โดยให้โรงแรมเรียกรถตู้มาครับ ราคาประมาณ 100-150 บาท ไปท่าเรือหน้าทอน ซื้อตั๋วเรือ+ตั๋วรถเข้าเมืองสุราษฎร์ซึ่งจะสิ้นสุดที่บริษัทพันทิพย์ ราคา 220 บาท ถูกกว่าขามาแฮะ ตอนลงจะมีตุ๊กๆจอดรอ ก็สามารถไปต่อได้ หรือถ้าจะไปที่อื่นเช่น สนามบิน จังหวัดภูเก็ต พังงา ก็สามารถไปซื้อตั๋วที่บริษัทพันทิพย์ได้เช่นกันครับ



ตรัง

หลังจากถึงบ้านเราก็ต้องจัดกระเป๋าใหม่อีกครั้ง เพราะตอนเย็นต้องเดินทางไปจังหวัดตรังต่อเลยเนื่องจากพ่อต้องไปประชุม อาจจะนอกเรื่องจากสุราฎร์ไปบ้างแต่ก็ขอเล่าหน่อยครับ ไปถึงก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าครับ เพราะออกมาเย็นๆค่ำๆ พักที่โรงแรมธรรมรินทร์ จากนั้นจึงสอบถามพนักงานว่ามีจัด one day trip มั้ย อารมณ์ว่าไปเกาะต่างๆ จริงๆแล้ว จะมีทริปพาไปเกาะ 4 เกาะ แต่!!! เป็นช่วงมรสุมครับ ทางอุทยานเลยห้ามเรือออกไปเกาะ.......ดังนั้นอดครับ โถววว จะมาชมฝั่งอันดามันซะหน่อย เงิบบบบเลย



แต่ไหนๆก็มาแล้ว เอาวะ ไปหาดเฉยๆ ก็ได้ วันรุ่งขึ้นจึงมุ่งหน้าไปยังหาดเจ้าไหมและหาดปากเมงครับ และก็พบว่าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมปิดปรับปรุงง้าบบบบ โถ่ววว แต่เราก็ขอเจ้าหน้าที่เค้าแง้มๆดูซักนิดหน่อยครับ ทำให้ที่หาดมีแต่เราคนเดียว อื้มม บรรยากาศดีมากๆ ปูตัวโตๆเพียบเลยฮะ แล้วก็ขับรถไปยังหาดปากเมงนิดหน่อยแวะถ่ายรูป



แล้วมุ่งหน้าต่อไปยัง สวนพฤษศาสตร์ภาคใต้(ทุ่งค่าย) คือเคยถามพนักงานโรงแรมเค้าบอกว่าถ้าเที่ยวทะเลไม่ได้ ก็ลองไปดูสะพานยอดไม้ที่นี่ครับ เป็นสะพานสีแดง เหมือนเดินอยู่บนยอดไม้ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง



อย่าเดินแรงละกันนะครับ เสียงมันดังน่าตกใจมากกก



หลังจากนั้นก็ไปนั่งพักร้านกาแฟอาร์ทๆ ในเมือง ชื่อร้าน coffeebee แถวๆสนามกีฬาเทศบาลครับ

ตกเย็นก็รวดกลับสุราษฎร์เลยตอนแรกจะพักต่อแต่อดไปเกาะ เลยกลับดีกว่า ไปลุยสุราษฎร์ต่อดีกว่าาาา พอถึงสุราษฎร์ได้พักดูหนัง 1 วันครับ จู่ๆ พ่อก็พาไปนอนหาดนางกำ



หาดนางกำ

เป็นหาดเงียบๆเล็กๆ ใกล้กับท่าเรือดอนสัก มีบังกะโลตั้งเรียงรายส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านทำกันเอง บังกะโลติดริมหาดเป็นห้องเล็กๆครับ อาหารทะเลอร่อยมากกกกก ถ้ามากับคนรักคงฟินเฟร่อออออ คือมันเงียบและส่วนตั๊วส่วนตัว น้ำทะเลอาจไม่ใสมากเพราะเป็นกึ่งๆโคลนนิดหน่อย ไม่ได้สกปรกนะครับ แต่ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมากๆ



และที่หาดนางกำนี้ยังมีทริปนั่งเรือไปดูปลาโลมา ดูป่าพรุและไหว้พระธาตุ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไปตอนเช้าตรู่ค่าเรือประมาณ 900 บาท คือทั้งลำครับ ถ้าไปหลายๆคนก็จะถูกลง พี่ไกด์บอกว่าอย่าไปเลยไปคนเดียวไม่คุ้มหรอกน่า โถ่วว ทำไมซื่อจัง 555 เราไม่ได้ไปหรอกน้า แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ 5555 เพราะเลือกที่จะหนีไปเกาะเต่าแทน



คืนนั้นเลยนัดแนะกับชาวบ้านเจ้าของบังกะโลให้ช่วยไปส่งที่ท่าเรือดอนสัก เรือเที่ยวแรกตอน 6 โมงเช้า พี่เค้าใจดีมากครับ มีน้ำใจงาม ไม่เอาตังครับ ผมให้ก็ไม่ยอมรับไว้ บอกว่ามาแค่นี้เองไม่เป็นไร



เดี๋ยวมาต่ออีกนะครับ อิอิจากนั้นเราก็นั่ง seatran ตามเคย ลงปุ๊บ ก็หาร้านจัดทัวร์แถวนั้น ได้มาราคา 1800 บาท ลดจาก 2100 บาท และนั่งมอไซต์ไปยังท่าเรือบางรักษ์เพื่อขึ้นเรือเร็วลมพระยา ...... และ ปรากฏว่า..... เรือเต็มครัชชชชชชช เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอดูว่ามีใครสละสิทธิ์มั้ย ......และแล้วการภาวนาก็เป็นผล มีคนสละสิทธิ์จริงๆด้วย เลยได้ไปครับ


นั่งเรือเร็วลมพระยา จะเป็นเรือเล็กๆ ไม่มีแอร์ ขับเร็วๆด่วนๆ ใช้เวลาไปเกาะนางยวนประมาณ 1.30 ชั่วโมง เดินไม่ได้ด้วย ต้องนั่งเฉยๆ ตอนเลี้ยวแอบเสียวสันหลังนิดหน่อยนะครับ ก็หลับไประหว่างทาง



เก่าเต่า&นางยวน

เราจะมาที่เกาะนางยวนก่อนเพื่อ ดูจุด view point และ snorkling การไปดูจุดชมวิวนั้น ไม่สาหัสเหมือนหมู่เกาะอ่างทองครับ เพราะเป็นบันไดขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีทางไม้ให้เดินรอบๆเกาะอีกด้วย ภาพวิวจะเป็นเกาะทั้ง 3 เชื่อมกันด้วยผืนทราย เห็นไกด์บอกว่าทรายที่นี่เกิดจากการกร่อนหรือสลายตัวของปะการรัง ทรายจะไม่ได้ละเอียดมาก และมีปะการังค่อยข้างมาก หากเดินเท้าเปล่าอาจเจ็บได้ จริงๆมีรองเท้าสำหรับเดินชายหาดขาย แต่ราคาอยู่ที่ประมาณ 700 บาท เลยเท้าเปล่าก็ได้ว้าาา



หลังจากกินลมชมวิวเสร็จ ก็เป็นช่วงของอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นบุฟเฟต์เหมือนกัน มีสลัด มีทอดมัน แกงเขียวหวาน และอื่นๆอีกมากมาย จัดได้ดูดี รสชาติกินได้อยู่ครับ เสร็จจากอาหารกลางวัน ก็เดินมุ่งตรงไป snorklingที่นี่มีสอนดำน้ำด้วยนะครับ ราคาเริ่มต้น 2500 บาทมั้งครับ แต่ถ้าเต็มสตรีมเลยก็เป็นหมื่นแหละครับ



วันที่ไปท้องฟ้าไม่สวยครับแบบครึ้มๆ ก็เลยจัดโทนออกมาอารมณ์เหงาๆละกันครับ



snorkling ที่เกาะนางยวนตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรครับ คือไม่รู้อยู่ที่ตื้นครับ จริงๆยืนดูก็เห็นหมดทุกอย่างแล้ว แต่พอผ่านแนวลาดชันเท่านั้นแหละ......ลึกเลยยยยยยย ยิ่งพอตอนระดับ 15 เมตรนี่สวยมากๆครับ ยังดูอุดมสมบูรณ์อยู่ครับ มีปลาเยอะแยะมากๆมาย แต่ระวังอย่าไปทำลายปะการังและซีแอนีโมนีกันนะครับ ให้คนอื่นได้มาชมต่อ และระวังอย่าไปยืนบนปะการรังเพราะอาจจะบาดเท้าได้ครับ



อยู่ๆพี่ไกด์แกก็ถอดท่อที่ใช้ปากเป่าออกครับ แล้วพี่แกก็ดำดิ่งสู่พื้นทราย แล้วหยิบตัวนึงขึ้นมา ปลิงทะเลลลลลลลลลล 555 ผู้หญิงแตกตื่นกันหมด ตัวยาวประมาณ เกือบ 1ไม้บรรทัด



เสียดายที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้ถ่ายรูปครับ



จากนั้นหลังจากชมปะการังที่นางยวนเสร็จ ก็นั่งเรือมุ่งหน้าไปเกาะเต่าครับ พอเรือมาจอดปุ๊บ ไกด์ บอกว่า เอ้าาาา โดดเลยยยย โอเครโดดก็โดด ดำน้ำที่เกาะเต่าจะลึกกว่านางยวนนะครับเราว่า ปลาก็ขนาดใหญ่ขึ้นและหน้าตาประหลาดมากขึ้น แต่ปะการังและซีแอนีโมนีสีไม่สวยเท่ากับนางยวนครับ มันออกจะดูมืดๆคล้ำๆแข็งๆ ไม่ค่อยมีตัวที่แบบอ่อนพริ้วไหว



เจอแมวทะเลด้วยครับ



ถ่ายมาก็มีแค่รูปนี้แหละครับ นอกนั้นเหมือนเดิมไม่ได้ถ่ายรูปครับบบ แอ๊รูปนี้ตาเล็กมาก 5555



พอเสร็จทุกอย่างก็อาบน้ำจืดบนเรือครับ แต่วันนั้นดันลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาด้วย ก็เปลี่ยนเสื้อทับไปเลย กางเกงในนี่เปี่ยกจนถึงบ้าน ดีว่าราไม่ขึ้นครับ 555 นั่งกลับ seatran เช่นเคย กลับไปได้พักที่บ้านวันนึง แล้วก็เดินทางต่อ



นี่ตัวอย่างเรือ seatran.....ไปก่อนนะ เกาะเต่า

ต่อไปเป็นทริปสุดท้าย ทริปนี้ไม่อะโลนอีกต่อไปเพราะเพื่อนช่วยจัดทริปให้ครับ เพื่อนถึงกับบินมาจากกทม.เพื่อ มาทริปนี้โดยเฉพาะ ทริปล่มซ่อนรักครับ เอ้ย ทริปเขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) ระยะเวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ตกคนละ 3600 บาท รวมทุกอย่างแล้วทั้งค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเรือ ค่าเล่นคายัค ค่าทริปในแต่ละวัน ยกเว้นค่าเดินทางไปยังเขื่อนเท่านั้นเองครับ พวกเรานอนที่แพภูตะวันครับ มีโพสเตอร์น้าเดช หย้ายยยหย่าย ติดอยู่ครับ



พนักงานบอกว่า ตอนแรกจะถ่ายทำละครที่นี่แต่ช่วงนั้นแพเต็มครัชช เลยได้แต่มาทานข้าว มาพายเรือเฉยๆ



ทริปไม่เดี่ยว ไปเชี่ยวหลานนนน

วันแรกเราไปรับเพื่อนที่สนามบินครับ แล้วนั่งรถตู้ไปยังเขื่อน คนละ 200 บาท ตอนแรกว่าจะขับไปเอง แต่กลัวขับไปไม่ทันเรืออก เลยนั่งรถไปดีกว่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ พอถึงเขื่อนนี่รู้สึก amazing มากกกกกกก เพราะน้ำมันเป็นสีเขียว สะอาดและใส เหมือนเป็นน้ำทะเลเลยยยยย ถึงกับขอชิมซักนิดนี่น้ำจืดรึป่าว อารมณ์เหมือน blue lagoon ทั่วทั้ง 185 ตารางกิโลเมตร จากนั้นนั่งเรือต่อไปยังแพภูตะวันครับ check in ถ่ายรูปซักเล็กน้อย แล้วก็โดดน้ำคร้าบบบบ ความลึกบริเวณแพประมาณ 20-30 เมตรใส่ชูชีพด้วยก็ดี ทั่วไปลึก 70-80 เมตรครับ



ลักษณะห้องก็จะเป็นแพ capsule ครับ นอนได้ 3-4 คน เป็นเรือนไม้สะอาดสะอ้าน ไม่มีแอร์ ไม่มีห้องน้ำในตัวครับ เริ่มมีไฟฟ้าใช้ตอน 18.30 น. จนถึงตีห้าครึ่ง เวลาจะไปเข้าห้องน้ำจะมีห้องน้ำบนบกครับ แต่เค้าว่าโดยทั่วไปจะอาบน้ำเขื่อนหน้าบ้าน เพราะน้ำเดียวกัน แต่พวกเราไม่อยากทำลายธรรมชาติ ถึงแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ ก็ตามจึงยอมเดินครับ ไปใช้ห้องน้ำดีกว่า ตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ ถามว่าร้อนมั้ย ตอบเลยว่าไม่ ลมโกรกดีมากครับบบบ เปิดประตูทั้งสองด้าน ลมตีแรงมากๆ เรานอนหลังสุดท้ายเลย ตรงกับช่องลมพอดี และวิวดีสุดๆด้วย ห้องเบอร์ 30 ครับ



อ่อ ห้ามใช้ไดร์เป่าเรานะฮะ เพราะว่าจะทำให้ไฟฟ้าของทั้งแพดับหมด อยากให้ทุกคนที่ไปอ่านกฎระเบียบให้เข้าใจก่อน เนื่องจากตอนไปก็มีคนดันไปใช้ไดร์เป่าเราครับ มันเดือนร้อนคนอื่น จริงๆ มีกฎมากมายทั้งห้ามนำ



อาหารเข้าไปในที่พัก แต่ก็มีคนเอาไปทานเป็นจานๆ มดขึ้นนะคุณณณ ไม่ใช่อะไรครับ สงสารพนักงาน พวกเค้าเป็นคนท้องถิ่น ใจดีและเป็นกันเองมากๆ อยากให้เกรงใจเค้าหน่อย



ไม่เครียดละๆ ต่อที่นั่น no service นะครับ เหมือนจะมีจุดนึงที่ DTAC ใช้ได้ แต่ถ้า want จริงๆ ก็พายคายัคออกไปนอกบริเวณที่ภูเข้าบังครับ เพื่อไปเล่นเน็ตตตต 5555 พวกเราทำกันมาแล้ว ไฟท์มากกกกกก 555 อ่อแต่ที่แพจะเริ่มมี wifi ตอนหกโมงครึ่งเหมือนกัน แต่ค่อนข้างจะช้ามาก



หลังจากโดดน้ำเสร็จนั้นก็ไป ทานอาหารกลางวัน จัดให้เยอะแยะมากมายฮะ

และเราก็ลากคายัคไปพายกัน แล้วก็โดดน้ำกันอีก คายัคนี่จะพายไปไหนก็ได้นะครับ สิบโล ยี่สิบโล ร้อยโลก็พายได้ครับ แต่ระวังหลงเท่านั้นเอง เพราะหลงมาแล้ว เกือบร้องไห้หนักมากกก และก็นำเรือมาคืนตอนหกโมงเย็น อย่านำไปไว้ที่บ้านตัวเองนะฮะ คนอื่นจะได้เล่นด้วย พี่ไทยก็เช่นเคย เอาไปไว้ที่บ้านตัวเองงงงง โอ้ยปวดหัว ประมาณ 5 โมงเย็นแดดร่มลมตก ก็ออกไปส่องสัตว์ครับ แต่ที่เจอวันนั้นมีแค่ค่างครับ เห็นไหวๆ ไกลๆ แต่ไกด์บอกว่าที่เคยเจอมีทั้ง ช้าง กระทิง นกเงือก ค่าง และเสือดำ ถามว่าแถวๆแพเรามีมั้ย เค้าบอกว่าเจอบ่อยครับ แต่สัตว์มักวิ่งหนีไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ส่วนในน้ำก็มีทั้งปลาบึก ปลากด ปลาปักเป้า ปลากะโห้ ฯลฯ มีปลาเป็นหลักครับ โถ่วววว นึกว่าจะมาเจอ loch ness 5555



หน้าแบบง่วงมากกก เผลอจริงไรจริงง 55555



ตกเย็นก็กลับมาทานอาหาร ไปอาบน้ำ และมาดูทีวี+เล่นไวไฟครับ ตอนกลางคืนหลับสนิทมากกกกก สงสัยโดดน้ำทั้งวัน



อาหารเย็นนนน



ตอนกลางคืนประมาณตี4 ตื่นมาฉี่ครับ แต่ดั๊นนน ไปมองท้องฟ้า เลยจำเป็นต้องหยิบกล้องมาถ่ายไว้ ขอบอกก่อนเลยว่าถ่ายไม่เป็นนะฮะ นี่ปรับมั่วสุดๆ ได้เท่านี้ล่ะฮะ

วันถัดมา ตื่นแต่เช้า นั่งเรือไปชมกุ้ยหลินเมืองไทยครับ แล้วไปเดินป่าระยะทางไป-กลับ 3 กม. ทางไม่โหดครับ


กุ้ยหลินค้าบบบบบบบบ พอดีแสงไม่สวย แล้วถ่ายได้แปปเดียวด้วยย



จากนั้นล่องแพ ไปดูถ้ำปะการัง ถ้ำนี้มีอายุ 250 ล้านปีครับ ลักษณะเป็นหินงอกหินย้อยซื้อเหมือนปะการังมากๆๆๆๆๆๆๆ


ถ่านมาเยอะน้ำเขียวดี



หินงอกหินย้อยที่เหมือนปะการังมากๆครับ



และเราก็กลับมาทานข้าวเที่ยงกัน จากนั้นก็โดดน้ำต่อครัชชชช และก็พายคายัค เพื่อ.......ไปอัพรูปปป เอ้ย ไปชมธรรมชาติ 555 ชีวิตดีจริงๆ


คือเพื่อนไม่อยากให้เห็นหน้าาาา 555555 เอาติ๊กเกอร์แปะเยย



ส่วนวันสุดท้าย ก็ไม่มีไรมากครับ ตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ชมวิวยามเช้า

มาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ



ก่อนกลับเห็นนกเงือกคู่นึงบินผ่านหัวไป แสดงว่าเราต้องเจอคู่รักแบบนกเงือกแน่ๆเลยยย โอ้ยเพ้ออทำไม และสุดท้ายงานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา........ปิดทริปสุราษฎร์ครับ สวัสดีแจ้



คือไกลขนาดนี้รู้ได้ไงว่านกเงือก 5555 เอาเป็นว่ามันคือนกเงือกละกัน เห็นว่าอยู่เป็นคู่ดีครับ



สำหรับการลุยเดี่ยวในครั้งนี้



ทั้ง 12 วันขาตั้งกล้องใช้ไป ไม่ถึง 10 ครั้งครับ อย่าลืมว่ามีผู้ร่วมทริป ที่ยินดีช่วยเราถ่ายรูปอยู่ ไม่เพียงแค่นั้นยังได้กลายเป็นเพื่อนกันซะอีก ได้ติดต่อกันไปเที่ยวในทริปอื่นๆ พูดจริงๆ คือได้เพื่อนเยอะเลย พี่คนนึงที่รู้จักกันบนเรือบอกว่า “ถ้าเรามากับเพื่อน เราก็จะคุยแต่กับกลุ่มเพื่อนของเรา ไม่ได้มีโอกาสมาทำความรู้จักคนอื่นๆหรอก" ก็จริงของเค้านะครับ



ประทับใจชาวบ้าน คนท้องถิ่น เรื่องการตรวจขวดน้ำพลาสติกกก่อนขึ้นเกาะนางยวน ละเอียดดีครับ นักท่องเที่ยวก็ให้ความร่วมมือ ตรวจละเอียดกว่ารถไฟฟ้า MRT อีกครับ แบบนี้ก็วางใจว่าเกาะนางยวนคงจะคงความสวยงามไปอีกนาน



ข้อเสียของการไม่วางแผนเที่ยวคือการที่ต้องยอมรับความผิดพลาดให้ได้ เช่น เรือเต็ม ที่พักเต็ม เป็นต้น และอาจเสียเวลาบ้าง สำหรับข้อดีคือทำให้เรามีโอกาสได้คุยกับชาวบ้าน อาจได้รู้รายละเอียดที่มากกว่าในอินเตอร์เน็ตและที่สำคัญเวลาที่เราไปที่สวยๆ แบบที่ไม่ได้ดูรูปมาก่อน มันทำให้เรา surprise เป็นพิเศษเลยแหละ



อยากฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกคน เวลาไปพักตามที่พักต่างๆ อยากให้ช่วยอ่านกฎระเบียบและปฏิบัติตามอย่างเคร่ดครัด ปัญหาจะได้ไม่เกิดครับ

และสุดท้าย อยากบอกพี่ไกด์ทุกๆคน ชาวบ้าน และชาวใต้ทุกคนว่าทุกคนน่ารักมากกกกก มีน้ำใจ เป็นกันเอง พูดจาซื่อๆน่ารัก.....รัก คน ใต้ มากกกกกกกก



ขอบพระคุณที่อ่านจนจบครับ



ไงก็แอบฝาก ig เล็กๆน้อยๆอีกรอบนะฮะ ig: Mobbii



ขอบคุณคร้าบถ้ามีโอกาส จะลองเขียน วังเวียง-เวียงจันทร์ ไม่ก็เชียงใหม่นะครับ แต่ตอนนี้เปิดเทอม แหะๆ คงต้องใช้เวลาซักพักครับ อิอิ

Where's the washroom?

 วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.23 น.

ความคิดเห็น