เค้าว่ากันว่า คนที่ไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก

แต่เราไม่ได้อกหัก ไม่ได้หนีรัก แค่อยากไปพัก กับชีวิตโสดๆๆๆ

สะพายเป้ แบกกล้อง มุ่งหน้า Let ' s Go จังหวัดกระบี่ ที่มีความเป็น UNSEEN อยู่หลายที่

ทะเลแหวก เกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะห้อง ฯลฯ และชมทะเลหมอกที่วัดถ้ำเสือ


แวะชมกระทู้เก่า ๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

[ ★ ] แบกเป้ตะลุย " ฮ่ อ ง ก ง " ( 3 วัน 2 คืน ) งบไม่เกิน 11,000.- สุดชิวส์ https://th.readme.me/p/3797
[ ★ ] ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต " ผ า หิ น กู บ " ( 2 วัน 1 คืน กับงบ 1,400.-) https://th.readme.me/p/3774
[ ★ ] " ที ล อ ซู " อุ้มผาง มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ กับเส้นทางลอยฟ้า 1219 โค้ง ( 3,900 บาทไทย ) https://th.readme.me/p/3935
[ ★ ] Backpack เว้ - ดานัง - ฮ อ ย อั น ( 5 วัน 4 คืน กับงบ 5,139.-) บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ในวันที่ไม่นั่งเครื่องบิน :) https://th.readme.me/p/4720
[ ★ ] นอนแคมป์สุดชิค 2 วัน 1 คืน รับลมหนาว GOOD OLD DAYS จ. จันทบุรี https://th.readme.me/p/4721
[ ★ ] " มหากาพย์ลำคลองงู " แบกชูชีพ - เดินป่า - ไต่หิน - ลอดถ้ำ - ลอยตัว - โดดน้ำ - ตะลุยโลกใต้พิภพ https://th.readme.me/p/9353
[ ★ ] กิน หลง เที่ยว แบบงง ๆ ครั้งแรกในจีน " ฉ ง ชิ่ ง " ( 4 วัน 3 คืน งบไม่ถึงหมื่น ) https://th.readme.me/p/9471

+++พูดคุยทักท้ายกัน ติดตามเพจได้ที่นี่ ++

https://www.facebook.com/tiewhaikonaijchaa/


ทริปเที่ยวกระบี่ในครั้งนี้ 3 วัน 2 คืน ผมใช้บริการของ http://www.andamanseatravel.com



สรุปค่าใช้จ่าย :-

--> ค่าตั๋วเครื่องบิน (ไป - กลับ) xxx

--> ค่าที่พัก + sunset 7 เกาะ + เกาะห้อง 2,890.-



[ DAY 1 ]


การเดินทางสุดหฤโหด !!! หวุดหวิดตกเครื่อง เที่ยวบินที่จองได้สำหรับทริปนี

ขาไป กรุงเทพฯ (DMK) - กระบี่ (KBV) 09:45 - 11:00

แต่ 08.30 ผมยังรถติดอยู่ที่บางนา ได้แต่ภาวนาของหลวงปู่ทวดให้ลูกไปทันด้วยเถิด

และแล้วปาฏิหาร์ยมีจริง ผมมาถึงสนามบิน 09.10 น. หาที่จอดที่ Terminal 1

(แต่เครื่องขึ้นที่ Terminal 2) ไม่ได้รู้เรื่องเลยค้าฟ ว่าสนามบินมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว

ก็ใส่เกียร์ . . . สิค้าฟ มาถึงตรงเคาเตอร์เช็คอิน 09.20 ทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมสำนึกผิดเข้าไปหาพนักงาน

(ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนั้นนกแอร์มีปัญหาหรือเพราะอะไร. . . พนักงานเช็คอินให้ . . บริการดี๊ดี)




ประมาณ 11.15 ก็มาถึงสนามบินกระบี่


รถที่มารับเป็น Toyoya Altis (พร้อมคนขับ) รีบขึ้นรถเลยค้าฟ เพราะอากาศร้อนมั่กกกก

เริ่มต้นเลย ก็ไปที่พักกันก่อน ผมพักที่ Orange Tree House ในตัวเมืองกระบี่

http://www.krabiorangetree.com

เพราะผมตั้งใจจะเดินถนนคนเดินกระบี่ที่อยู่หน้าโรงแรมเลยคัฟ

ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที (จากสนามบิน)



หลังจากเช็คอินเข้าที่พัก เก็บของ เปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ขึ้นรถ เตรียมตัวดำ

เพราะไปตะลุย 7 เกาะทั้งที่แดดยังเเปรี้ยงๆๆ อย่าลืมตุนเสบียงด้วยน่ะค้าฟ

เพราะกว่าจะได้ทานข้าวก็เกือบ 2 ทุ่มนู่นแหละ (สำหรับคนที่เที่ยวแบบ ซันเซ็ท)



ไปถึงท่าเรืออ่าวน้ำเมา ก็ลงชื่อรับริทแบรนด์ก่อนเลยน่ะค้าฟ เค้าจะได้รู้ว่าเรามากับเรือลำไหน

(ถ้าริทแบรน์หาย อันละ 200 น่ะค้าฟ) ต้องคืนตอนกลับเข้าฝั่ง

ที่นี่ชาวต่างชาติมาเที่ยวเยอะมาก คงเพราะชาวต่างชาติยอมรับในความสวยงามทางธรรมชาติของทะเลบ้านเรา




หลังรับริทแบรน์เสร็จก็เดินเข้าไปที่ท่าเรือด้านในเพื่อรอขึ้นเรือ ระหว่างทางเดินบรรยากาศดีมาก (ถึงจะร้อนไปหน่อย)

น้ำทะเลใสน่าเล่นฟุดๆ เบย (ชาวต่างชาติเยอะมาก เกาหลี จีน ฝรั่ง ฯลฯ)




เตรียมพร้อมขึ้นเรือ ไปดำน้ำดูปลาการ์ตูนแว้วว


นั่งเรือออกมาจากท่าเรือ มองย้อนกลับไป ก็ยังคงมองเห็นความสวยงาม


ระหว่างที่นั่งเรือเพื่อไป " ทะเลแหวก " บรรยากาศดีที่สุด ทะเลสวย

ทรงผมนี่ไม่ต้องเซ็ทเลยคัฟ หัวตั้งอัตโนมัติ นั่งเรือมาประมาณ 40 นาทีได้คัฟ



ทะเลแหวก (UNSEEN THAILAND)


ทะเลแหวก เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้สันทรายของเกาะ 3 เกาะ คือ เกาะทับ เกาะหม้อ

และเกาะไก่ ปรากฏขึ้น เมื่อน้ำลด สามารถเดินเล่น ไป - มา ได้ระหว่างเกาะ หากได้เดินบนสันทรายบริเวณชายหาดจะ

รู้สึกได้เหมือนเดินอยูบนท้องทะเลอันดามัน ที่มีทัศนียภาพรอบข้างสวยงาม มองเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่แห่งท้องทะเลกระบี่

ซึ่งความงามนี้เป็นสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมาก

ทะเลแหวก จะเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำลดลงต่ำสุดในแต่ละวัน

เหมือนทะเลแหวกออกจนกลายเป็นหาดทราบขาวสะอาดเชื่อมเกาะสองเกาะได้อย่างน่าอัศจรรย์

จุดบริการนักท่องเที่ยว





น้ำทะเลใสมาก มองเห็นพื้นทรายใต้ทะเลเลย

ใช้ระยะเวลาในการเล่นน้ำ ถ่ายรูปที่ทะเลแหวกประมาณ 40 นาที ไกด์ก็เรียกให้ขึ้นเรือ



นั่งเรือออกมาจากทะเลแหวก ก็จะผ่าน เกาะหินปูนกลางทะเลที่ถูกอิทธิพลของลมและฝน กัดกร่อนเป็นเขา

ด้านซ้ายรูปร่างจะคล้ายเต่า และด้านขวา รูปร่างคล้ายหัวไก่

หรือตามจินตนาการของผู้พบเห็น บางคนก็ว่าคล้ายรองเท้าบูท และเรือสำเภา

ที่นี่สามารถลงเล่นน้ำขมปะการังน้ำตื้น บริเวณด้านทิศตะวันตกได้

เกาะไก่ หรือ เกาะปอดะนอก (เกาะเต่า)

ด้านซ้ายเป็นเกาะเต่า ด้านขวาเป็นเกาะไก่

ไกด์และคนเรือบอกว่าในมุมมองทางฝั่งขาไปยังมองเกาะเต่าไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก เดี๋ยวจะมองชัดเจนเวลาหมุนเรือกลับ

พอหมุนเรือกลับ สิ่งที่เรามองไม่ออกตอนนี้มองเห็นชุดเจน ว่าที่เรานั่งเรือผ่านมา คือเกาะไก่ และ เกาะเต่า



เกาะไก่

เกาะเต่า


ณ บริเวณนี้ เรือจะจอดให้เราถ่ายรูปเกาะไก่ และเกาะเต่า

ถือเป็น Landmark สำคัญอย่างหนึ่งของทะเลกระบี่ไปแล้ว



แต่ละรูปกว่าจะถ่ายออกมาได้ คือมึนหัวเลยทีเดียว เพราะเรือทำการจอดและหมุนไปรอบๆ (นั่งกันตัวดำเลย)

แล้วก็ไปจุดจอดเรือด้านทิศตะวันตกใต้

เพื่อลงไปว่ายน้ำป๋อมแป๋ม ดำน้ำตื้น สัมผัสกับฝูงปลาและปะการังหลากชนิด.




จุดจอดให้โดดน้ำดูปลาการ์ตูน 30 นาที

แค่มองลงมาจากเรือก็เห็นปลาว่ายไปมาแว้วว

ก่อนลงน้ำก็ต้องใส่เสื้อชูชีพ หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจ เพื่อความปลอดภัย

ดูสิ น้ำทะเลสีมรกตใสแจ๋ว ร้องเรียกให้เรารีบโดดน้ำลงไปเร็วๆ


พอลงมาในน้ำปลาการ์ตูนเยอะมาก :) ฟินที่สุด



ป. ปลาตากลมว่ายหนี ตามไม่ทันเลย

ดำน้ำดูปลาการ์ตูนเสร็จ ก็ไปต่อที่เกาะปอดะ ก็จะจอดให้ดำน้ำดูหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกๆๆ ใต้น้ำ



จุดนี้เคยเป็นจุดกระโดดน้ำ แต่ไม่รู้เพราะอะไรตอนนี้สั่งห้าม (อดเลย)



บริเวณนี้จะมีนกเป็ดน้ำลงมาจับปลากินเป็นอาหาร


หินงอกหินย้อย ที่เกิดจากกัดกร่อนของน้ำทะเล


บริเวณจุดดำน้ำ ใต้น้ำมีหินแปลกๆ หลากหลายรูปแบบ (ถ่ายมาไม่ชัด มืดมาก)



ด้านข้างบริเวณจุดดำน้ำ จะมองเห็นเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ กัน เป็นเกาะที่เกิดขึ้นเอง


เกาะปอดะ


ท่ามกลางบรรยากาศใต้ทิวสน ผ่อนคลายด้วยเสียงคลื่นและสายลม ท่องเที่ยวพักผ่อนถ่ายรูปและชมความงาม

ของเกาะปอดะ เกาะที่ยังคงความสวยงาม ที่ถือเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวทะเลกระบี่



เสน่ห์ของเกาะปอดะ ก็น่าจะเป็นหาดทราย ยาว ขาว

มีชายหาดเป็นแนวยาวเหมาะแก่การเล่นน้ำ ชมวิว พักผ่อน แบบสบายๆๆ



ด้านหน้าเกาะปอดะจะมีเกาะอยู่ลูกหนึ่งมองดูดีดีมีลักษณะคล้ายรูปเรือใบ

จากจุดดำน้ำเกาะไก่ มาไม่ถึง 15 นาที คัฟ ให้เวลาถ่ายรูป / ซื้อขนม / เก็บภาพบรรยากาศ 20 นาที



( มุมมหาชน ) ไม่ถ่ายเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง



เสียดายที่ไม่มีสมุดสะสมตราประทับอุทยาน (พลาดมาก)

เกาะปอดะ ตั้งอยู่ในทะเลหน้าอ่าวนาง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่ ธบ. 1 (เกาะห้อง)

ถ้ามีสมุดสะสมอุทยาน สามารถเอามาประทับตราได้




ถ้ำพระนาง / อ่าวไรเลย์ สวรรค์ของนักปีนผา


หาดถ้ำพระนาง ที่นี่คือ 1 ในไฮไลท์ของการมาท่องเที่ยวที่ทะเลกระบี่ เป็นสวรรค์ของนักปีนผา ที่ชื่นชอบความสูง



มุมอัศจรรย์นี้ต้องเดินลึกเข้าไปจนสุดหาด อันเป็นที่ตั้งของถ้ำพระนาง


เรือจะจอดให้เราอยู่ห่างจากฝั่ง ต้องเดินลุยน้ำเข้ามาที่ฝั่งน่ะคัฟ



ถ้ำพระนาง เป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ

เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบด้วยสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือ . . .

ไม้แกะสลักที่เรียกว่า " ปลัดขิก " มีขนาดและสีสันแตกต่างกัน


ตำนานของพระนาง . . . เทวนารีแห่งความรัก

เรื่องเล่าของชาวบ้าน สมัยก่อนมี " เรือพระราช " จมนอกชายฝั่งคาบสมุทร และมีพระนาง กับเจ้าหญิง ชาวอินเดีย

ชื่อ ศรีกุลเทวี ลอยอยู่บนกระดาน เพราะเธอจมน้ำไปพร้อมกับเรือในทะเลซึ่งเชื่อกันว่า ชีวิตของ เธอไม่เคยสมหวัง

ในเรื่อง ต่างๆ และยังเชือกับว่าวิณญาณของเธอได้สิงสถิตอยู่ที่ศาลแห่งนี้จนถึงบัดนี้ เป็นที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้าน

ที่นี่ ว่าวิญญาณของ พระนาง(เทพธิดา)อยู่ในถ้ำนี้

ชาวประมงก่อนที่จะออกไปทะเลจำเป็นที่จะต้องมา ขอพรจากพระนางก่อนแล้วจะโชคดีและ สมความปรารถนา

ตามที่พวกเขาขอไว้ และการทำพิธีบนจะทำที่ศาลเจ้า ส่วนใหญ่จะ เป็นอาหาร และดอกไม้ ธูปเทียนแต่โดยปกติแล้ว

จิตวิญญาณของ เทพธิดาตามที่เชื่อกันว่าสิ่งที่ ท่านต้องได้รับเป็นสิ่งตอบแทนเป็นพิเศษ คือ " ปลัดขิก "

ตอนนี้ คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ไม่ว่าจะศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลามที่มีความเชื่อเรื่องของ

ปลัดขิก ที่ศักดิ์สิทธิ์ และหากสร้าง ถวายศาลเจ้า จะเชื่อว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองของโลก

ทั้งโลกและมนุษย์ ไม่ว่าที่มาและ ความเชื่อว่าวิญญาณ หญิงสาว ที่มีประสิทธิภาพและเป็นกฎของคาบสมุทรแห่งนี้

เป็นที่ชัดเจนโดยการบูชาอย่างต่อเนื่อง ของคน ในท้องถิ่น ถ้ำพระนาง ถือว่ามีความสำคัญทางจิตวิญญาณที่ดี

สำหรับพวกเขา ชาวประมงเหล่านั้นที่นับถือศาสนาอิสลามจะบูชา และมีความเชื่อโดย ไม่คำนึงถึง ทางศาสนา

ของพวกเขา และพวกเขาเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง เพื่อความเชื่อมั่นว่า โชคชะตาและ ความเจริญรุ่งเรืองของ

พวกเขาจะเชื่อมโยงไปยังที่ของเจ้าหญิงในตำนาน


มีหินย้อยลงมาเป็นฉากสวยงาม


มีท้องทะเลและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตกเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา

สถานที่ปีนผาที่นักปีนผาจากทั่วโลกนิยมมาปีนทดสอบ พร้อมชมความสวยงามของแนวหน้าผาหินปูนแห่งนี้

ณ อ่าวไร่เลย์ เดิน เล่น ชมวิว หาดทราย ชื่อเสียงโด่งดังด้านความงดงาม



หินงอก หินย้อย ภายในถ้ำ ระหว่างทางเดินไปอ่าวไรเลย์เพื่อทานอาหารเย็น



หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ (เป็นบุฟเฟต์) ก็จะมีโชว์ควงกระบองไฟให้ดู

และไปดูแพลงตอนตอนกลางคืน (ถ่ายรูปไม่ติด) กลับเข้าฝั่ง (คืนริทแบรนด์)

นั่งรถกลับที่พัก เดินเล่นถนนคนเดิน กลับเข้าที่พัก



[ Day 2 ]

เกาะห้อง อ่าวห้อง (ลากูน) ทะเลใน เกาะผักเบี้ย เกาะลาดิง

รถมารับที่โรงแรมประมาณ 07.30 น. ( อาหารเช้าโรงแรมมีแค่ ขนมปัง + โอวัลติน + น้ำส้ม )

รถไปส่งที่ท่าเรืออ่าวนาง เพื่อเช็คชื่อ รับสติ๊กเกอร์ติดอกเสื้อ

ระหว่างนี้หาซื้อของใช้ ของกินได้สบาย เพราะมีของขายอยู่เต็มท่าเรือ (มีเซเว่น)


ประมาณ 08.30 น. เรือเริ่มออก Start เพื่อไปยังเกาะห้อง ใช้เวลา 45 นาที ในการเดินทาง

เกาะห้อง


จุดที่เราลงเรือนั้นเป็นชายหาดทางทิศใต้ เป็นหาดยาว 300 เมตร เรือที่จะเข้าจอดที่เกาะห้องสามารถจอดได้ที่

หาดนี้หาดเดียว ดังนั้นหาดทางด้านทิศใต้จึงมีเรือค่อนข้างมากไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ



เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี (สะสมตราประทับได้)



เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพ สวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม

มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ “ อ่าวบิเละ " เป็นอ่าวที่มี หาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน

ทรายละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลใส สีเขียวมรกต มีฝูงปลาเล็กๆ แหวกว่ายให้เห็นอยู่ทั่วไป ห่างจาก ชายหาดลง

ไปในทะเลมีกัลปังหาและปะการังหลากชนิด ชายทะเลเหมาะแก่การเล่นน้ำ ถือว่าเป็นแหล่งพายเรือคายัคและ แหล่งดำน้ำ

ดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงามจนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เกาะ ที่มีหาดน่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก

มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้

บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ การไปเที่ยวชม ใช้เวลาเดินทางจากอ่าวนางประมาณ 45 นาที

สามารถค้างแรมในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีได้ โดยต้องนำเต็นท์มาเอง



ชายหาดทิศเหนือ หาดยาวประมาณ 120 เมตร เป็นหาดสำหรับลงเล่นน้ำเท่านั้น

ห้ามเรือเข้ามาในบริเวณนี้ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ น้ำทะเลใส ทรายขาว คลื่นก็น้อยมาก

เพราะมีแนวภูเขาคอยกันลม กันคลื่น บริเวณริมหาดมีร่มเงาต้นไม้ เหมาะที่จะปูเสื่อ ปูผ้า นอนชมวิว




อ่าวห้อง (ลากูน)

ห้องโถงกว้าง กลางทะเล เกาะเหลาบิเละ ที่เรือสามารถแล่นเข้าไปได้เมื่อน้ำขึ้น มีทางเข้าออกทางเดียว

โดยล่องเรือผ่านช่องผา ที่พาสู่ห้องรโหฐาน ภายในมีป่าโกงกาง และล้อมรอบด้วยขุนเขา คล้ายปากปล่อง

ภูเขาไฟ ภายในน้ำทะเลสีฟ้าใสสีมรกต น้ำค่อนข้างตื้น มองเห็นพื้นด้านล่าง เป็นที่หลบภัย

ของสัตว์น้ำ และชาวประมงเวลาที่คลื่นแรง ไม่สามารถเดินเรือได้


ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ เพราะน้ำทะเลขึ้นสูง ได้แต่นั่งเรือชมธรรมชาติ บริเวณอ่าวห้องลากูน

และไปรับประทานอาหารกลางวันที่เกาะผักเบี้ย


เกาะผักเบี้ย

เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางด้านหลังเกาะห้อง น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาด น่าลงเล่นน้ำ

บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ถึงจะมีชายหาดที่ไม่กว้างนัก แต่พอน้ำลง

สันทราบก็จะปรากฏเป็นแนวยาวไปจรดกับอีกเกาะหนึ่ง สามารถเดินถึงกันได้ในเวลาที่น้ำลงเต็มที่เท่านั้น

เพราะในเวลาน้ำขึ้น น้ำก็จะแยกเกาะผักเบี้ยออกเป็นสองเกาะ


ให้เวลากินข้าว และพักผ่อน ประมาณ 45 นาที

( อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ตักเอง ผัดผักรวม / น่องไก่ทอด / ปลาทูราดพริก / ผลไม้คือแตงโม )


ถ้าน้ำลงสามารถเดินไปอีกเกาะได้


ปลาการ์ตูนเยอะมาก มองเห็นชัดเจน



เกาะลาดิง (เกาะพาราไดซ์)

ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากเกาะผักเบี้ย ประมาณ 20 นาที เป็นเกาะในหมู่เกาะห้อง

อยู่ในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี รอบๆ เต็มไปด้วยเกาะอื่นๆ นับสิบเกาะ บนเกาะลาดิงมีหาดที่เล่นน้ำ

ได้หาดเดียวอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ ชายหาดยาวประมาณ 60 เมตร บนเกาะลาดิง อุดมสมบูรณ์ไปด้วย

ต้นไม้ใหญ่และภูเขาหินปูน ชายหาดเกาะลาดิงเป็นทรายขาว น้ำทะเลสีเขียวใส มีปลาสลิดหินลายเสือเป็นจำนวนมาก

รอบๆ เกาะบรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา


ไกด์ให้เวลาประมาณ 30 นาที


กิจกรรมบนเกาะลาดิง ก็มีเล่นชิงช้า เล่นน้ำ เดินเล่น ถ่ายรูป บนเกาะมีมุมสวยๆ

ให้ถ่ายรูปอยู่หลายมุม เปรียบเทียบความสวยแล้วเกาะลาดิงสวยกว่าเกาะผักเบี้ยเยอะเลย



ออกจากเกาะลาดิง 14.20 น. เดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรืออ่่าวนาง


15.30 น. มาถึงท่าเรืออ่าวนาง จากนั้นก็ขึ้นรถของทัวร์กลับยังโรงแรม

เดินเล่นถนนคนเดินกระบี่ หาของกิน ซื้อของฝาก เขียนเปิ้สสะกาด

กลับเข้าที่พัก เก็บของเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้แว้วววว



[ Day 3 ]

วัดถ้ำเสือ UNSEEN THAILAND

www.watthumsua-krabi.com

ไหนๆ มากระบี่แล้ว เจอทะเลแหวก น้ำทะเลสีครามใส ก่อนเดินทางกลับก็แวะไปดูทะเลหมอกนิดนึง

ทะเลหมอกที่ว่านี่ต้องเมื่อยขากันนิดนึง เพราะต้องเดินขึ้นบันได 1,260 ขั้น !!!!

ที่นี่คือ จุดชมวิวทะเลหมอกวัดถ้ำเสือ ของเมืองกระบี่ 1 ใน UNSEEN THAILAND

เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งท้อน่ะคัฟ เพราะถ้าได้ลองขึ้นมาเห็นกับตา

แล้วจะรู้ว่ามันคุ้มค่า ไม่เสียแรงที่เดินขึ้นมาเลยจริง ๆ


ทางเดินขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท 1266 ขั้น

ก่อนเดินขึ้นให้ซื้อน้ำดื่ม 1 ขวด (ภายในบริเวณวัด) เพราะด้านบนไม่มีขาย


บันไดทางขึ้น


ผ่านไป 262 ขั้น เหนื่อยมั้ย!!!! เหงื่อเต็มเสื้อเลยค้าฟฟฟ



บรรยากาศระหว่างทางขึ้นธรรมชาติสุดๆๆ



เห็นเส้นทางการเดินขึ้นบันได แล้วแทบท้อ ... เมื่อยขาสุดๆๆ


เมื่อผ่านบันไดชันขึ้นเขามาได้ครบ 1,260 ขั้น! (ของเก่ามี 1,237 ขั้น)

พร้อมกับชมทะเลหมอกสุดอลังการของเมืองกระบี่ ใช้ระยะเวลา 15 นาที (ไม่ได้พักเลยคัฟ)


เทือกเขาหินปูนวัดถ้ำเสือ ลมเย็นโบกสะบัดพัดพลิ้ว ทำให้ต้นไม้บนเขาหินปูนโอนเอนไปมา

ตามจังหวะลมหายใจของธรรมชาติ

อากาศด้านบนดีมั่กๆๆ เสียดายที่ไม่มีหมอก

นี่คือรางวัลของความพยายาม และความศรัทธาที่จะได้ขึ้นมากราบพระ

พระธาตุเจดีย์วัดถ้ำเสือ

จุดชมวิววัดถ้ำเสือ

จากจุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ มองเห็นเทือกเขาหินปูนทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนราวภาพฝัน

โดยมียอดเขาพนมเบญจา ยอดเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่ตั้งตระหง่านเป็นพี่ใหญ่สุดอยู่ทางด้านหลัง

จากยอดเขาสามารถมองลงไปเห็นถนนหนทางกลายเป็นขนาดเล็กจิ๋ว

สิบโมงกว่าแล้ว หลังจากกราบพระและเก็บภาพกันจนชุ่มปอด ก็ได้เวลาเดินลงเขาเตรียมตัวไปขึ้นเครื่อง

หนทางลงเขาช่างแสนสบาย ฮาฮาฮา ไม่ต้องเหนื่อย เพราะใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของตอนขึ้นมา

ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการเดินขึ้นวัดถ้ำเสือ คือก่อน 08.00 น. เพราะอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน

ถ้าเดินขึ้นไปตอนเช้าจะได้ชมทะเลหมอกด้วย แต่ก็มีบางคนขึ้นไปนอนค้างคืนใต้ชะง่อนหินบนยอดเขาเลยก็มี

เวลาในการเดินขึ้น ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ถ้าแข็งแรงหน่อย อาจใช้เวลา 15-30 นาที แต่ถ้าระหว่างทาง

พักนาน อาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง และตรงจุดกึ่งกลางทางเดินขึ้น มีห้องน้ำไว้บริการด้วย

แต่บนยอดเขาไม่มีห้องน้ำนะคัฟ ต้องทำธุระส่วนตัวให้เสร็จไปก่อนเลย

จบทริปกระบี่ 3 วัน 2 คืน (มาครั้งแรกเที่ยวคุ้มเลย)

เราออกเดินทาง เพื่อใช้ชีวิตในแบบที่เราเป็น . . .

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.35 น.

ความคิดเห็น