สวัสดีค่ะ กลับมาทักทายกันอีกครั้ง วันนี้เป็นเรื่องราวดี ๆ กับที่แห่งเดิมที่ยังคงประทับใจจนต้องกลับไปเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า และยังเคยเป็นรีวิวครั้งแรกของเราในพันทิปด้วย นั่นคือ “จังหวัดน่าน" เมืองเล็ก ๆ สงบ น่ารัก เมืองพระพุทธศาสนา งดงามด้วยวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก วิถีชีวิตที่เรียบง่าย จนใครหลายคนอยากจะมาสัมผัส ซึมซับมนต์เสน่ห์เมืองน่าน


กระทู้นี้อาจจะไม่ได้ลงข้อมูลมาก เพราะจากรีวิวแรกได้ลงรายละเอียดไว้พอควร ลองกดเข้าไปอ่านตามลิงค์ด้านล่างได้ค่ะ

<เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า> "กระซิบรักหน้าฝน มนต์เสน่ห์... น่ า น น ค ร "

http://pantip.com/topic/34231650

หากมีข้อซักถาม หรือติชม เข้าไปในเพจ “เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า" ได้นะคะ ทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการท่องเที่ยวไทยได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ ^^ https://www.facebook.com/talk2travels/


"น่าน" ครั้งที่ 3 แล้วค่ะ ติดใจอะไร มาอีกแล้ว? : ชอบเมืองเล็ก ๆ ชอบวิถีพุทธวิถีชุมชนคนน่าน ชอบความเรียบง่าย ชอบคนน่านน่ารักใจดี ชอบธรรมชาติสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ชอบอาหาร ที่ชอบมากที่สุด คือ ความสงบ และยังมีอีกหลายที่ในน่านที่ยังไม่เคยไป ครั้งนี้เราตั้งใจจะไป “วังศิลาแลง" Unseen Thailand อ.ปัว จ.น่าน วังศิลาแลงจะสวยและได้สัมผัสใกล้ชิดเมื่อมาช่วงหน้าแล้ง (ก.พ.- เม.ย) เราเดินทางในช่วง 15-17 พ.ค. 59 ที่ผ่านมา ฝนเริ่มตกบ้าง แต่ยังไม่เข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการ อากาศไม่ร้อนมาก น้ำตื้นใส ไหลเย็น ต้นไม้เริ่มเขียวบ้างแล้ว และอีกจุดหมายคือไปเดินถนนคนเดิน เมืองน่าน ที่จัดทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ 3วัน2คืน ค้างในเมืองคืนแรก และนอน อ.ปัว ในคืนที่ 2 ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ



การเดินทาง


น่านเดินทางจากกรุงเทพสะดวกสบาย มีทั้งรถทัวร์และเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟลง อ.เด่นชัย จ.แพร่ ต่อรถมาอีกที ครั้งนี้มาเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียจองช่วงโปรโมชั่นค่ะ เน้นประหยัด สายการบินมาน่านมีทั้งนกแอร์และแอร์เอเชียมีโปรโมชั่นบ่อย ๆ เลย

เที่ยวยังไง


เช่ารถขับเองก็ได้ เช่ารถพร้อมคนขับก็ได้ นั่งแท๊กซี่ก็ได้ นั่งรถสองแถวก็ได้ ทุกอย่างมีที่สนามบินค่ะ สะดวกสบายมาก

เรามาถึงเกือบเก้าโมงจองรถเช่าของ Avis ไว้ 11 โมง จึงนั่งรถสองแถวเข้าเมืองเอาของไปเก็บที่พัก และเที่ยวรอเวลาไปเรื่อย ๆ รถสองแถวที่มาจอดรับคนในสนามบิน เดินออกไปนอกประตูสนามบินไปทางซ้ายมือก็จะเจอป้ายพร้อมคนขับคอยตอนรับลูกค้า ไปไหนก็ได้ในตัวเมือง 50 บาท ถ้าไกลกว่านั้นก็แล้วแต่จะตกลงค่ะ พอใกล้เวลาไปรับรถเช่าที่สนามบินก็โทรบอกพิกัดให้รถสองแถวมารับได้ค่ะ รถสองแถวที่เรานั่งมา ชื่อ “ป้านาย" ดูอัธยาศัยและใจดี บริการรับส่งผู้โดยสารทั่วตัวเมืองน่าน หรือจะเหมาไปเที่ยวต่างอำเภอก็ได้นะคะ ราคาโทรสอบถามได้ค่ะ แล้วแต่จะแวะที่ไหนบ้าง หรือจะให้ป้านายจัดให้ได้เลย เบอร์โทรศัพท์สองแถว “ป้านาย" 081-7648987,0870082275(ไลน์)

พักไหน


ที่พักมีสวย ๆ น่ารัก ราคาหลักร้อย หลักพัน มีให้เลือกหลายที่ เราเลือกพัก “น่านลานนา" ที่เดิม เพราะใกล้ถนนคนเดิน เดินไปได้ บริเวณถนนคนเดินจะใกล้วัดหัวข่วง,วัดพระธาตุช้างค้ำ,วัดภูมินทร์,ศูนย์บริการท่องเที่ยว,พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน

เที่ยวเมืองน่าน


ในตัวเมืองส่วนใหญ่จะเป็นวัดค่ะ ไปที่เดิมที่เคยรีวิวไปแล้วบ้าง ด้วยเวลาที่ไม่มาก และอยากเที่ยวแบบเนิบ ๆไม่เร่งรีบ ไม่ได้กำหนดแน่นอน



“ซุ้มต้นลีลาวดี" หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ช่วงนี้ใบเขียวเต็มต้น ตัดกับดอกสีชมพูเข้มบานสะพรั่ง และล่วงโรยบ้างแล้ว

“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน" ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงปรับปรุงภูมิทัศน์ และตกแต่งโครงสร้างอาคารเพิ่มเติม จะเปิดให้เข้าชมประมาณปลายเดือนสิงหาปีนี้ค่ะ


"วัดน้อย" วัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย อยู่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน


“วัดพระธาตุช้างค้ำ" อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน


"วัดหัวข่วง"


" วัดภูมินทร์ " พระวิหารสร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว พระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศ ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ฯ เมื่อปี 2545


"จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์" ภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน" รังสรรค์โดยศิลปินนามว่า หนานบัวผัน จิตรกรพื้นเมืองเชื้อสายไทลื้อ ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่ปราณีตและเป็นภาพที่โดดเด่นประจำวัดภูมินทร์ เป็นภาพชายหญิงพม่าคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนา และมีชื่อเสียงว่าเป็นภาพ “กระซิบรักบันลือโลก" กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านที่ปรากฏตามร้านค้า โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด, โปสการ์ด หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน อื่น ๆ อีกมากมาย


"วัดพระธาตุเขาน้อย" ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 240 เมตร อยู่ในอำเภอเมืองน่าน ไม่ไกลจากใจกลางเมืองนัก เป็นปูชนียสถานสำคัญและเก่าเเก่อีกเเห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน สันนิษฐานว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุเเช่เเห้ง เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่บนเขาสูง จึงเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองน่านที่สวยงาม ณ ลานปูน ซึ่งมีพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่สีทองอร่าม "พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน" สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่ในหลวงทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ ( 72 พรรษา) ปี พ.ศ 2542 เป็นเเลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดน่าน


การเดินทางขึ้นไปสามารถไปถึงตัววัดได้เลย หรือจะเดินขึ้นบันไดนาคหน้าวัด 303 ขั้น ก็เหนื่อยและสนุกดีค่ะ

"วัดศรีพันต้น" มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะ "พระยานาคหน้าเจ็ดเศียร" เฝ้าหน้าบันไดวัด สีทองอร่าม ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมลายเส้น และยังมีโรงเรือ เก็บเรือใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน บรรจุฝีพายได้ 100 คน ที่ตั้งของวัดตรงข้ามร้านขนมหวานป้านิ่ม


"พระธาตุแช่แห้ง" โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองน่าน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีเถาะ (ปีนักษัตรกระต่าย) ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง ประดิษฐานอยู่ อ.ภูเพียง จากตัวเมืองข้ามสะพานแม่น้ำน่านประมาณ 3 กิโลเมตร


"วัดสวนตาล" อยู่ใกล้สนามบิน ภายในวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าทรงทิพย์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้ว พระเจ้าติโลกราช แห่งนครเชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1993 เพื่อแสดงถึงชัยชนะ ที่พระองค์สามารถยึดเมืองน่าน ไว้ในพระราชอำนาจ


กินอะไรดี


“น้ำเงี้ยว-ข้าวซอยแม่สุณี" อาหารหลักตลอดที่อยู่ในตัวเมืองน่าน รับประทานอยู่ร้านเดียวค่ะ เพราะถูกปากถูกใจ ง่ายดี ข้าวผัดแหนม ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว “แหนมแม่สุณี" อร่อยมาก ซื้อกลับไปเป็นของฝากค่ะ

ร้านกาแฟ



“กาแฟภูพยัคฆ์" ร้านนี้แนะนำเลยค่ะ เป็นรสชาดที่เราชอบมาก อร่อย ละมุน มาทั้งรอบบ่าย รอบเช้า อยู่ข้างสำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน มีเครื่องดื่ม และเค้ก หลายอย่าง

“น. น่าน" ร้านกาแฟยอดนิยม เห็นตามรีวิวต่าง ๆ เจ้าของน่ารักทุกคู่ อัธยาศัยดี กาแฟ ขนมอร่อย พิกัดมาตาม Google Map อาจไม่เจอเพราะพาไปที่เดิม ปัจจุบันย้ายไปที่ใหม่ ทางไป รพ.น่าน หลงทางบ้างไปแบบงง ๆ ก็มาถึงเอง ใครหาร้านไม่เจอโทรถามเจ้าของร้านได้นะคะ


“ร้าน Sweety9" ตัวร้านเป็นเรือนไม้เก่าแก่ เราไปร้านกำลังจะปิดค่ะ แต่พี่เจ้าของร้านอนุญาตให้เดินชม ด้านบนมีแกลลอรี่เล็ก ๆ แสดงผลงานศิลปะ มาตาม Google Map ได้เลยค่ะ


ตอนเย็นเราแวะไปกินข้าวร้าน "ฮั้วเลิศรส" แล้วแพลนว่าจะ เดินถนนคนเดิน ข้างวัดภูมินทร์ แต่ฝนก็ตกลงมา รอจนซาแต่ก็ยังไม่หยุดตก ฝนยังตกปรอย ๆ เรากลับมาถนนคนเดินตลาดวายไปแล้ว แม่ค้าพ่อค้าส่วนใหญ่เก็บของไปหมดแล้ว เหลือแต่ร้านอาหารบ้างร้าน สรุปว่าทริปนี้เราก็ไม่เห็นถนนคนเดินเหมือนเคย มีโอกาสค่อยกลับมาเยือนอีกค่ะ

เที่ยว อ. ท่าวังผา


เราตื่นแต่เช้า เพื่อออกเดินทางไปยัง "วังศิลาแลง" อ.ปัว จากน่าน ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1080 น่าน - ท่าวังผา - ปัว เส้นทางนี้ผ่านหอศิลป์ริมน่าน ถ้ามีเวลาแวะเที่ยวชมได้ อ่านรีวิวจากกระทู้แรกได้ค่ะ เราขับมุ่งตรงไปจนถึง อ.ท่าวังผา แวะชมวัดหนองบัว วัดเก่าแก่และสวยงามของ อ.ท่าวังผา

"วัดหนองบัว" เป็นวัดที่เก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว จังหวัดน่าน มีการสันนิษฐานว่า สร้างเมื่อ พ.ศ. 2405 โดยการนำของครูบาหลวงสุนันต๊ะ ร่วมกับชาวบ้านหนองบัว ทำให้วิหารวัดหนองบัวถือว่า เป็นสถาปัตยกรรมไทยล้านนาที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งหาดูได้ยากมาก


อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในวัดหนองบัวก็คือ จิตรกรรมฝาผนัง ที่สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น อย่างภาพผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหล หรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ จะเล่าเรื่องราวจากในปัญญาสชาดก ว่ากันว่า ภาพเขียนฝาผนังในวัดหนองบัวแห่งนี้ ถูกเขียนขึ้นด้วยช่างสกุลเมืองน่าน คนเดียวกันกับที่เขียนภาพฝาผนังในวัดภูมินทร์

นอกจากความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์แล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการวัฒนธรรมสายใยชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งผลิต และขายผ้าซิ่นทอมือพื้นเมืองของชาวน่าน รวมทั้งแสดงข้าวของเครื่องใช้ของชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย >>>เป็นข้อมูลจากการสแกน QR code บริเวณป้ายหน้าวัดหนองบัว ในโครงการ ThailandScanMe เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีการติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ QR Code ตามสถานที่ท่องเทียวต่าง ๆ กว่า 300 ป้าย ทั่วประเทศไทย

เราประทับใจตั้งแต่ลงประตูรถ สักพักก็ได้ยินเสียงดนตรีพื้นเมืองที่ไพเราะขับกล่อมเสมือนการต้อนรับทักทายผู้มาเยือน บรรเลงโดยวงดนตรีพื้นเมืองผู้สูงอายุบ้านหนองบัว รู้สึกเป็นเกียรติและอบอุ่นมาก ๆ


วิหารขนาดไม่กว้างใหญ่ แต่รู้สึกงดงาม และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี


ด้านหลังวิหาร มีบ้านตัวอย่างของชุมชนไทลื้อจัดแสดง สามารถเข้าชมได้ และถัดออกไปเป็นศูนย์บริการวัฒนธรรมสายใยชุมชน ขายเสื้อผ้า,ผ้าทอพื้นเมือง และของที่ระลึก มีมุมให้ถ่ายรุปน่ารัก ๆ มีมุมให้นั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ อากาศไม่ร้อน ลมพัดเย็นสบาย ถ้าไม่รีบอยู่นาน ๆ ก็สุขสงบดีค่ะ ห้องน้ำในวัดหนองบัวแห้งและสะอาดมาก ๆ


ก่อนกลับไปลาคุณลุง พอเดินออกจากวัดคุณลุงก็บรรเลงเครื่องสายเป็นการอำลา ไพเราะและประทับใจมาก



บริเวณใกล้ลานจอดรถมีร้านกาแฟและเค้กโฮมเมด เราขออนุญาตเจ้าของร้านถ่ายรูปค่ะ

เที่ยว อ.ปัว



"ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำโฮมสเตย์"


จากวัดหนองบัวเรามุ่งหน้าไป อ.ปัว เพื่อไปวังศิลาแลง ถึงปัวไปแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ "ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำโฮมสเตย์" จอดรถไว้ที่นี้แล้วเดินไปวังศิลาแลงได้เลยค่ะ หรือจะขับรถเข้าอีกทางไปจอดใกล้ฝายก็ได้

เมนูแนะนำของที่นี่ " พิซซ่าเห็ด " อร่อยใช้ได้ เครื่องดื่มก็มีค่ะ


"วังศิลาแลง"


อิ่มท้องก็เดินเท้าไปวังศิลาแลงค่ะ อยู่ไม่ไกล ประมาณ 500 เมตร

เส้นทางรถไปได้

ถ้าขับรถมาก็จอดบริเวณใกล้ฝาย เดินเท้าเข้าไปต่อค่ะ


เดินลัดเลาะเข้าไปตามทางเดินที่ทำไว้


มี 2 จุดที่ลงได้ค่ะ จะลงจุดแรกเดินตามน้ำไปก็ได้ค่ะ เราลงจุดแรกเดินไปตามน้ำเอากล้องไปด้วย ไปได้ประมาณ 100 เมตร ก็ไปต่อไม่ไหวค่ะ กลัวกล้องตกน้ำ สูงด้วยต้องจับต้องเกาะหินขึ้นไปถึงจะผ่านไปได้ ถ้ามาตัวเปล่าพร้อมลุยค่ะ ระหว่างที่เราเดินตามน้ำ ลึกสุดประมาณ 130 เซนติเมตร (คำนวณคร่าว ๆ จากความสูงตัวเองค่ะ)


ที่ใดที่คนเข้าไปถึงมักจะตามมาด้วยขยะ ไปเที่ยวรับผิดชอบขยะตัวเองด้วยนะคะ เก็บกลับมาทิ้งในถังขยะที่จัดไว้ให้ ดูแลรักษาความสะอาดร่วมกัน



จุดที่สอง เดินตามน้ำกลับไปจะได้มุมสวยเยอะเลย แต่เราไม่เดินต่อเพราะกลัวจะเย็นแสงสว่างน้อยอยู่ในป่าน่ากลัว ได้วิวประมาณนี้ค่ะ

"ร้านกาแฟไทลื้อ และลำดวนผ้าทอ"


แวะเดินเล่นร้านกาแฟ ทำที่นั่งเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ลูกค้าคงเยอะขึ้น แต่เราไปเย็นแล้วไม่มีใคร และร้านกำลังจะปิด

"วัดภูเก็ต"


มาช่วงฤดูทำนา วิวสวยมาก อ่านได้จากรีวิวแรกค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/34231650

วัดภูเก็ตมี "ต้นดิกเดียม" ด้วยนะคะ ต้นยังหนุ่ม ๆ ตอนแรกเราคิดว่า อ.ปัว มีต้นดิกเดียมแค่ที่ วัดปรางค์ บังเอิญมาเจอที่วัดภูเก็ตต้องขอบคุณผู้ร่วมทางที่ช่างสังเกต "ต้นดิกเดียม" ต้นไม้มหัศจรรย์เมื่อถูกสัมผัสที่ลำต้น ยอดใบจะสั่นไหวเหมือนถูกจักกะจี้ กระดี้กระเดียม แปลกดีค่ะ หลวงพี่สาธิตลูบต้นดิกเดียมให้ชม



"เจ๊ต้อยผัดไทย"


จากนั้นเราไปทานอาหารเย็นที่ร้าน "เจ๊ต้อยผัดไทย" รสชาดใช้ได้ค่ะ ชอบหมูกรอบทอดเกลือ มีทั้งอาหารคาวหวาน กาแฟสดเครื่องดื่มต่าง ๆ บิงซูก็มีค่ะ แต่ไม่ได้ลองทาน

"ชมพูภูคา รีสอร์ท @ ปัว"


คืนนี้เราพักที่ "ชมพูภูคา รีสอร์ท" อยู่กลางเมืองปัว บนเนินสูงสามารถมองเห็นวิวเมืองปัวได้ อยู่ติดสวนสาธารณะอ่างเก็บน้ำ ร.ศ.200 ชมพูภูคา รีสอร์ท บริการห้องพักราคาหลักร้อย ภายในมีสวนอาหารและดนตรีสดฟังเพลิน ๆ ด้วย แต่เสียงไม่ดังรบกวนเข้าห้องที่เราพักนะคะ หลับสบาย ห้องสะอาด

เราพักห้องแสตนดาร์ด ราคา 600 บาท/คืน ห้องแอร์รวมอาหารเช้าค่ะ มีห้องพักหลายแบบ ช่วงไฮซีชั่น จะเพิ่มราคาห้องละ 100 บาท โดยรวมประทับใจค่ะ


อาหารเช้า เลือกเป็นข้าวต้ม หรือข้าวไข่เจียว ส่วน ขนมปัง น้ำผลไม้ กาแฟ มีให้หยิบเองได้เลย มีน้องหมาน่ารักคอยต้อนรับแขกด้วย


มีจุดให้ชมวิว


วิวเมืองปัว


วิวสวนสาธารณะอ่างเก็บน้ำ ร.ศ.200


"วัดปรางค์"


หลังเช็คเอาท์ เราก็เดินทางไป "วัดปรางค์" ไม่ไกลนัก เพื่อมาชม "ต้นดิกเดียม" อีก ต้นดิกเดียมที่นี้อายุมากแล้ว

"วัดบ้านต้นแหลง"


"วัดต้นแหลง" เป็นศิลปะล้านนา สร้างสมัยชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรก ๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดปรางค์

"วัดพระธาตุเบ็งสกัด"


เรากลับเข้าไปตัวเมืองปัว เพื่อไปไหว้พระธาตุเบ็งสกัด วัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอปัว เจดีย์นี้เป็นสถาปัตยกรรมล้านนา สร้างโดยพญาภูคาในปี พ.ศ. 1826 สร้างก่อนพระวิหาร และได้รับการบูรณะ จากกษัตริย์ราชวงศ์น่านหลายสมัยสืบเนืองต่อกันมา ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ องค์พระธาตุเบ็งสกัดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอายุกว่า 700 ปี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองปัวมาช้านาน วัดแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2487

"อนุเสาวรีย์ พญาผานอง"


ตั้งอยู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอปัว หมู่ที่ 5 ตำบลวรนคร เป็นอนุสาวรีย์ของเจ้าผู้ครองเมืองในอดีต ซึ่งเป็นวีระบุรุษผุ้กล้าผู้กอบกู้เอกราชจากพญางำเมือง เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา

วิวเมืองปัว เวลา 10 โมงเช้า


จากนั้นเราก็เดินทางกลับเข้าเมืองน่าน เพื่อขึ้นเครื่องกลับ กทม. ระหว่างทางแวะโรงสีพระราชทาน ที่ อ.ท่าวังผา มีร้านกาแฟภูพยัคฆ์และร้านขายของฝากด้วยค่ะ



"โรงสีพระราชทาน"


"สนานบินน่านนคร"


ภายในสนามบินมีร้านขายของฝากน่ารัก ๆ


กลับแล้วค่ะ น่านยังน่ารักและประทับใจเราเสมอ ต้องกลับมาเยือนอีกแน่นอน ขอให้ป่าน่านกลับคืนมาเขียวเต็มภูเขาไวไวนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ ... สวัสดีค่ะ




ค่าใช้จ่ายทริปนี้ประมาณสี่พันบาทค่ะ




เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า

 วันพฤหัสที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.35 น.

ความคิดเห็น