อยู่ดีๆ ก็อยากนั่งเรือชิวๆ คงจะโรแมนติกไม่น้อย เราอยากนั่งเรือชมทุ่งดอกบัวแดง และที่ใกล้เราที่สุด ก็คงเป็นที่พัทลุง ได้ไปดูวิถีชาวประมงที่จับปลาด้วยยอยักษ์ด้ย เป็นเอกลักษณ์ ของที่นั่นเลย

ที่ที่เราจะไปคือปากประครับ ทำไมต้องชื่อปากประ? ปากประ เป็นชื่อคลองที่สำคัญแห่งหนึ่งของพัทลุง มันไหลรวมมาจากลำน้ำสายต่างๆมาบรรจบกันเป็นคลองปากประ แล้วไหลออกสู่ทะเลสาบสงขลา เปรียบเสมือนเป็นประตูเชื่อมสำคัญของสายน้ำที่ไว้ใช้ทางการเกษตรและให้ปลาต่างๆได้ว่ายเข้าออก ทำให้บริเวณคลองปากปร แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของปลา จึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นยอยักษ์ไว้ดักจับปลามากมาย

แปปเดียวก็มาถึงแล้วครับ ศรีปากประ เป็นรีสอร์ท ร้านอาหาร และทัวร์

และนี่เป็นทางเข้าครับ ตกแต่งได้น่ารัก และยังคงความเป็นพื้นบ้าน และมียอ แสดงถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น

และนี่เป็นวิวร้านอาหาร เรียกได้ว่าติดๆ กับยอยักษ์ของชาวบ้านเลยครับ

ภายในร้านมีซุ้มสำหรับเล่นดนตรี ตอนยังไม่มืดจะเปิดเพลงฟังสบายๆ ตอนดึกๆจะมีดนตรีสดมาขับร้องด้วยครับ

ตอนนี้ใกล้จะเย็นแล้ว ณ จุดที่ร้านนี้อยู่จะไม่เห็นดวงอาทิตย์ตกครับ แต่ด้วยความที่ไม่รู้จะไปไหน ก็มารอชมแสงเย็นที่นี่ละกัน เพิ่งมาทราบภายหลังว่ามี สะพานเฉลิมพระเกียรติ80พรรษา อยู่ไม่ไกลหนักจากที่นั่น เป็นจุดถ่ายภาพที่ดีจุดหนึ่งเลย เก็บเอาไว้เป็นบนเรียนมาเที่ยวครั้งหน้าละกัน ฮ่าๆๆ

ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกก็สำรวจไปเรื่อยๆ ครับ

นี่เป็นทางเข้ารีสอร์ทครับ มีจักรยานเป็น พร็อพให้ถ่ายรูปด้วย

มีทำเนียบภาพของคนดังที่เคยมาที่นี่ด้วย


จากนั้นติดต่อเรื่อง เรือที่จะเดินทางช่วงเช้าไปชมยอยักษ์ ทะเลบัวแดง และ ลุยป่าอะเมซอน โดยเหมาลำ 1,200 บาท แต่ถ้าเป็นชม ยอยักษ์อย่างเดียว ตอนเย็นจะถูกกว่ามากครับ ประมาณ 50-100 บาท

เราตัดสินใจเหมาเรือตอนเช้าครับ เพราะภาพยอยักษ์และแสงเช้าสวยๆ คงจะสวยน่าดู รอดูครับว่าเราคิดผิดหรือเปล่า แต่ก่อนอื่น ดวงอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว แสงเย็นเริ่มมาแล้วครับ ไปถ่ายรูปแป๊ป

แถวที่นั่งทานอาหารมียอให้เราขึ้นไปเล่นได้ด้วย เหมือนได้สัมผัสบรรยากาศไปขึ้นยอยักษ์จริงๆ เป็นประสปการณ์อีกแบบหนึ่งครับ

ถ่ายเสร็จก็สั่งข้าวมากินกันด้วยครับ ราคาไม่แพงมากครับ สั่ง อาหารจานเดียว 3 คน ค่าเสียหาย ร้อยกว่าบาทครับ ไม่ได้ถ่ายอาหารมาให้ชมกัน ขอโทษด้วยครับ หิวมาก กินเพลินเลย ชมบรรยากาศไปละกันเนอะ

เย็นๆคนไม่เยอะครับ จะเยอะช่วงดึกๆ

กินกันเสร็จก็เดินไปเรื่อยๆ ที่พัก มีกระจายไปรอบๆครับ ใกล้จุดชมวิวก็มี

แต่ที่พักเราไม่ได้พักที่นี่ครับ แต่จากที่ดูในป้ายราคาที่นี่ประมาณนี้ครับ
Sripakpra Deluxe Room: ราคาห้องพักแบบดีลักษ์

วันจันทร์ – พฤหัสบดี ราคา 1,500 บาท

วันศุกร์ – อาทิตย์ ราคา 2,000 บาท

วันหยุด นักขัตฤกษ์ ราคม 2,000 บาท

ราคา พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน

Sripakpra Villa Room: ราคาห้องพักแบบวิลล่า

วันจันทร์ – พฤหัสบดี ราคา 2,000 บาท

วันศุกร์ – อาทิตย์ ราคา 2,500 บาท

วันหยุดนักขัตฤกษ์ ราคา 2,500 บาท

ราคา พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน

จริงๆด้านในสบายรอบนอกเป็นธรรมชาติ หากจะถ่ายดาว ผมคงมาพักที่นี่ครับ เพราะติดกับยอเลย แต่ช่วงนั้นฟ้าสว่าง ไม่เห็นดาว และงบจำกัดด้วย เลยขับรถไปพักในตัวเมืองครับ

เรามาพักกันที่ city park hotel ครับ จะอยู่ในตัวเมือง ค่าห้อง ห้องละ 900 บาทครับ

ห้องน้ำก็โอเคครับ

จากนั้นก็เอนกายลงนอน รู้ตัวอีกทีก็ ตีสี่กว่าครับ เรานัดเรือไว้ ตีห้า ปกติเขาจะนัดกัน หกโมงเช้า แต่เราอยากถ่ายแสงเช้ากันก่อน ช่วงตี 5 ประตูจะปิดครับ เราต้องนัดเขาให้เขามาเปิดให้

แสงเริ่มมาแล้ว พี่คนขับเรือก็มาแล้ว แต่เรายังไม่ออกครับ ฮ่าๆๆ ถ่ายแสงเช้ากันตรงนี้ก่อน เขาบอกว่า จะใช้เวลาทั้งหมด 2 ชม. เราสามารถบอกได้ว่าจะหยุดชมจุดไหนเป็นพิเศษ แล้วเขาจะไปทำเวลากับจุดอื่นเพื่อให้ครบ 2 ชม. แต่จริงๆแล้ว หยวนๆ ได้ครับ พี่เขาใจดี

ระหว่างรอแสง ก็ถ่ายจากฝั่งไปพลางๆครับ

หกโมงเช้า ชาวประมงก็เริ่มออกมายกยอหาปลาแล้วครับ

เมื่อยกยอมาแล้วก็ตักปลาขึ้นมาครับ

จากนั้นเราก็ออกเรือกันไปครับ พร้อมๆกับนักท่องเที่ยวลำอื่นครับ

บอกเรือให้พายชมยอกับแสงเช้าไปเรื่อยๆครับ

จากนั้นเมื่อชมยอยักษ์กันเต็มอิ่มแล้ว ก็ล่องเรือไปทะเลน้อย แต่ระหว่างทางจะมีฝูงนกมากมาย

และพอมีควายทะเลให้เห็นบ้าง

ถึงแล้วทะเลน้อย มีทั้งดอกบัวแดงและนก เยอะแยะมากมาย ตื่นตาตื่นใจมากๆ ถึงชื่อว่าทะเล แต่จริงๆแล้ว ทะเลน้อยเป็นทะเลสาบน้ำจืดนะครับ ประชาชนมักเรียก กันว่า "อุทยานนกน้ำทะเลน้อย"ซึ่งนับเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย อีกด้วย

มีนักท่องเที่ยวไปเยอะอยู่พอสมควรครับ

มีทั้งดอกบัว นก นักท่องเที่ยว ชาวบ้าน และ ประภาคารให้ถ่ายครับ
โดยดอกบัวสีแดงสดบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำในบริเวณที่มีบัวชนิดนี้ขึ้นอยู่ ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันความงามคู่ทะเลน้อยที่อยู่คู่กัน มาแต่ช้าแต่นาน

จากนั้นเป็นการลุยป่าอะเมซอน (นายหัวเรือเขาบอกมาแบบนี้ครับ) เนื่องจากถ้ากลับทางเดิมจะร้อน เลยกลับมาทางป่านี้ ครับ ตื่นเต้นไปอีกแบบ

ระหว่างทางก็เจอชาวบ้านหาปลา เยอะแยะเลยครับ คนพายเรือเราก็ทักทายกันอย่างเป็นมิตร

ทางบางช่วงก็แคบต้องระวังตัวกันเอง แต่ไม่มีอะไรที่น่าอันตรายมากครับ

คุ้มมากๆครับ ได้เห็นวิถีชาวบ้านอย่างใกล้ชิด ชมทุ่งดอกบัวในยามเช้า ดูควายทะเล และนั่งเรือลุยป่า เป็นประสปการณ์ที่ดีมากๆอีกทริปนึงครับ

เสร็จแล้วก็กลับไปยังที่พักแล้วก็ check out กัน และเดินทางกลับบ้านครับ ทริปนี้บอกเลยว่า หรอยจังฮู้ววว


ติดตามการเดินทางของเราเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/reviewtrang

รีวิวตรัง

 วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.18 น.

ความคิดเห็น