เมื่อเอ่ยชื่อน้ำตกเอราวัณ   หลายคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน

แต่จะมีกี่คน?  ที่ได้ขึ้นไปสัมผัสความงามถึงชั้น 7 ชั้นสุดท้ายของน้ำตก

และที่ยิ่งกว่านั้นมีใครบ้าง? ที่ได้เห็นช่วงเวลาพิเศษที่น้ำตกเป็นสามสายอยู่ด้านบนจนเป็นที่มาของหัวช้างเอราวัณ   ตามเรามาครับวันนี้เราจะพาไปชมทุกชั้นอย่างใกล้ชิด

ทริปนี้ผมพาหลานๆมาด้วย2คน  คนเล็กห้าขวบเท่านั้น มาเอาใจช่วยเจ้าตัวเล็กกันว่าจะไปถึงชั้นที่ 7 ไหม หรือจะหยุดที่ชั้นไหน ทริปนี้นอกจากน้ำตก เราก็จะไปพายเรือซับบอร์ดที่ ที่พักเราด้วยและให้อาหารสัตว์ป่าและไปขี่ช้างส่วนจะมีที่ไหนกันบ้างไปกันเลย   LET GO !

หลังจากจอดรถที่ลานจอดและจ่ายค่าเข้าอุทยานฯแล้วเราก็เดินกันมาเรื่อยๆตามทาง

จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าเข้าสู่น้ำตกตั้งแต่ชั้นที่ 1 กันเลย

เดินมานิดนึงจะเจอป้ายข้อมูลระยะทางน้ำตกชั้นต่างๆ เรียกว่าเมื่อเดินมาถึงจุดนี้เราจะเดินไปอีก 2 กิโลแม้วเท่านั้น ที่ใช้คำว่า กิโลแม้วเพราะเป็นทางที่เดินขึ้นทางชันสลับกับเดินขึ้นบันไดบ้างเป็นระยะๆ

ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เดินไม่ใกล้เลยคนก็มีบ้างพอสมควรเลยในชั้นนี้เพราะเป็นจุดที่เดินง่าย

ชั้นที่ 2 วังมัจฉา บริเวณจุดนี้จะมีที่ให้เช่าเสื้อชูชีพ  ผมเห็นหลายคนเล่นน้ำกันจุดนี้เยอะและปลาก็เยอะสมชื่อจริงๆ หลายคนหยุดกันที่ชั้นนี้ไม่ไปต่อ

หลานผมมานั่งเล่นตรงชั้นนี้นานเลย และอย่างที่บอกเสื้อชูชีพของเด็กก็มาเช่าที่จุดนี้

ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก  ชั้นนี้คนเริ่มน้อยแล้ว ผมดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบๆ  นั่งพักเอาขาจุ่มน้ำ มองดูผีเสื้อบินผ่าน  ฟังเสียงนกร้อง พลันก็คิดถึงคำพูดขององค์ Dalai Lama ว่า "มนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกที่สุดในโลก  เขายอมสละสุขภาพเพื่อหาเงิน  แล้วก็สละเงินเพื่อให้ได้สุขภาพดีกลับคืนมา เขาห่วงอนาคตมาก จนไม่มีความสุขกับปัจจุบัน" ใช่ผมเคยเป็นแบบนั้นมนุษย์ออฟฟิตที่ทำๆๆๆแต่งานหาเงินเพื่อรับรองอนาคตในบั้นปลายจนหาความสุขในปัจจุบันไม่ได้ จนได้เริ่มเบางานลงแล้วออกมาเที่ยว คำพูดเท่ห์ๆของ บอลพาเที่ยวที่ว่า ฉันไม่มีเงินมากมายแต่ฉันมีความสุขมหาศาล ผมเข้าใจมันจริงๆก็ตอนนี้แหละ

ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ยิ่งผมเดินเข้าป่ามาลึกเท่าไรคนก็ยิ่งน้อยลง ทางเดินที่นี่เดินไม่ยากนะผมว่า  

ดูสิ  ทางเดินเป็นปูนบ้าง ไม้บ้างอาจจะมีทางชันเป็นระยะๆเดินไปพักไป ผมว่าใครที่ไม่เคยเดินป่านะแล้วกลัวเดินไม่ไหว กลัวเหนื่อย เลิกกลัวเถอะ ขนาดผมที่ไม่ได้ออกกำลังกายแบกอุปกรณ์กล้องมาถ่ายภาพร่วม 10 กิโลยังเดินไหวเลย แถมหลานผมก็เดินตามมาด้วยกันติดๆ

ทางเดินทำไว้ดีมากเดินง่าย แม้แต่เด็กเล็กๆก็เดินสบาย

ไม่นานเรามาถึงชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง  ระหว่างทางก็มีที่ให้นั่งพักเหนื่อยบ้าง แม้จะมาเดินกันกลางวันแต่ต้นไม้ก็บดบังแสงแดดไว้ มีลมเย็นๆทำให้ไม่รู้สึกร้อน

ชั้นที่ 6  ดงพฤกษา ชั้นนี้ร่มรื่นมากครับ ผมไม่ได้รีบเลยปล่อยให้แฟนพาเด็กๆนำไปก่อน ส่วนตัวเอ็นกายพิงต้นไม้ใหญ่ แล้วควักหมวกปีกในกระเป๋าวางคลุมหน้าหลับเอาแรงสักพักฟังเสียงน้ำตกกล่อมเพลินๆราวกับน้ำตกเป็นดนตรีบรรเลง แล้วมีหมู่สกุณาเป็นผู้ร้องบรรเลงเพลงอย่างไพเราะ

เมื่อเดินมาถึงจุดนี้  คุณก็คือผู้พิชิตชั้นที่ 7 ได้แล้ว น้ำตกชั้นนี้ธรรมชาติจัดให้ราวกับรู้ใจเพราะมีแอ่งน้ำตื้นๆให้เล่น มีลานให้นั่งชม   ถ้าใจพร้อมเอราวัณชั้น 7 ก็แค่ปากซอย (ใช่หรอ...555)

เห็นไหม ผมบอกแล้วแม้แต่เด็ก 5 ขวบก็มาถึงชั้นที่ 7 ได้  คนที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้ผมนับแล้ว ประมาณ10กว่าคน และที่แปลกคือทุกคนนั่งพูดคุยกันเบาๆแต่หันหน้าขึ้นไปที่ยอดของน้ำตก มองความงามประดุจสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ พร้อมจะชมภาพน้ำตกเต็มๆหรือยัง  นับ 1..... 2.... 3......

ผ่างๆๆๆ!   ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ แล้วโว๊ย!  สุดยอด วู๊ว ! ผมตะโกนอย่างลืมตัว ลืมแก่เพราะน้ำตกที่อยู่เบื้องหน้าแม่งโคตะระสวยเลย  ที่ได้ชื่อนี้เพราะลำน้ำสามสายไหลผ่านภูเขาเป็นรูปละม้ายหัวช้างเอราวัณจากการถามเจ้าหน้าที่ปีหนึ่งถ้าน้ำเยอะเราจะเห็นน้ำตกที่ยอดด้านบน บางครั้งมีให้เห็นนานเป็นเดือน บางครั้งมีเพียง 10 กว่าวัน หรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับช่วงฝนเยอะหรือน้อย

อลังการงานสร้างของธรรมชาติ ที่เป็นจิตรกรผู้รังสรรค์ สวยงามราวกับภาพวาด

ผมว่าเอราวัณชั้น 7  เนี่ยคุ้มค่ากับการมาเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิต ละอองน้ำกระเซ็นไปทั่ว น้ำใสชุ่มฉ่ำ ผมว่าวันนี้ผมได้รางวัลชีวิตแล้ว

ขากลับน้ำดื่มหมด แฟนผมเอาน้ำที่ไหลจากน้ำตกมาดื่ม ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจว่ารสชาติน้ำตกจะเป็นอย่างไรแต่พอดื่มดูก็เหมือนน้ำที่เราซื้อกันในร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ เพียงแต่ถ้าดื่มบ่อยนิ่วก็ถามหาได้เหมือนกัน แต่เรานานๆดื่มทีก็ไม่เป็นไร ขากลับผมเป็นตะคริวเพราะเดินแบกกล้องและเลนส์รวมสัมภาระอื่นๆ จนเจ้าหน้าที่มาเจอและพาลงจากน้ำตก

ช่วงเย็นกลับเข้าที่พัก Erachon Raft Resort เป็นที่พักริมน้ำ เราเปิดไว้ 2 ห้องให้นอนกันสบายๆ

บรรยากาศที่พักถือว่าไม่เลวเลยกับราคาที่จ่ายไป

เช้ามาหลังจากทานอาหารเช้าพาหลานเล่นสระน้ำจนพอใจแล้ว

เราก็พายเรือซับบอร์ด เป็นกิจกรรมที่มีไว้บริการฟรี หรือจะเลือกเป็นเรือคายักก็มีให้ 

คนไม่เคยพายมาก่อนอย่างแฟนผมและหลาน พอลองก็พายได้เลยเพราะไม่ยาก

จากนั้นแวะมาให้อาหารช้างที่ "แคมป์ช้างทวีชัย" ช่วงโควิทนิ น่าสงสารช้างมาก นักท่องเที่ยวน้อยแม้แต่ช้างยังเหงาเลยที่แคมป์เงียบมาก มีพวกเรา 4 คนเท่านั้นที่มาเที่ยว

เราเลยอุดหนุนโดยการขี่ช้างเดินรอบแคมป์และซื้อของฝากอย่างรูปถ่ายที่กรอบทำจากขี้ช้าง (ขี้ช้างเป็นหญ้าเมื่อแห้งแล้วไม่เหม็นเลยครับ) ช้างที่เนี่ยเยอะอยู่นะเลยบริจาคค่าอาหารช่วยไปอีกนิด

จากนั้นแวะมาวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน  วัดที่มีประตูทางเข้าเป็นเสือ เมื่อก่อนมีเสือให้ชมเยอะแต่ปัจจุบันไม่มีเสือแล้วมีแต่ กวาง วัว ควาย หมูป่า เก้ง ที่อยู่ในนั้นนับพันตัวที่หิวโหยรอการมาบริจาคทานของนักท่องเที่ยวอยู่ ที่หน้าทางเข้าจะมีแม่ค้าขายผักอยู่หลายร้าน

เราเหมาผักไป 1 คันรถแม่ค้าเลยอาสาพาไปให้อาหารสัตว์รอบวัด

สัตว์ที่เนี่ยใช้ชีวิตอิสระ ผมว่ามันหาดูไม่ได้ตามสวนสัตว์นะ

คุณจะได้อะไรจากการทำแบบนั้?

คุณจะรวยขึ้น? ซื้อหวยถูกรางวัลใหญ่?

มีแฟนสวยมีแฟนหล่อ? ไม่เจ็บป่วย?มีชื่อเสียงโด่งดัง?มีแต่คนรัก? เปล่าเลยคุณจะไม่ได้สิ่งเหล่านั้น

แต่สิ่งที่คุณจะได้คือ   รอยยิ้ม   ได้เห็นความสุขของคนและสัตว์   ได้รู้จักการแบ่งปัน   ให้ลูกของคุณห่างไกลจากมือถือ  มีสายตาที่ดีขึ้น   มีทัศนคติที่ดีขึ้น  รักสัตว์  ได้เรียนรู้โลกกว้าง  นั้นคือสิ่งที่คุณจะได้รับ  (แหมคำพูดยังกับโฆษณาประกัน 555)ส่วนวันนี้เราก็จบทริปกันเท่านี้ครับ  โชคดีมีชัยแด่ทุกท่าน

สรุปทริป 2 วัน 1 คืน

ค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

รถยนต์เข้าอุทยานฯ 30 บาท

ค่าที่พัก Erachon Raft Resort  2 ห้อง 3800 บาท

ค่าขี่ช้างแคมป์ช้างทวีชัย ผู้ใหญ่ 245 บาท เด็ก 140 บาท

ไม่รวมค่ากินค่าน้ำมันรถและค่าทำทาน

แวะชม VDO คลิปนี้ที่ Youtube "เที่ยวกับgu" และทักทายที่เพจ "เที่ยวกับgu"

ชมคลิป

เที่ยวกับgu

 วันพฤหัสที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.54 น.

ความคิดเห็น