.....หนึ่งความท้าทาย .......สู่จุดหมายของการเดินทาง....

ขอเรียกทริปนี้ว่าทริปเร่งด่วน ไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่มีการนัดกันของแก๊งค์ slow walker ล่วงหน้า มีเพียงแค่ส่งข้อความคุยกันว่าสันหนอกวัวเปิดแล้ว ไปกันเถอะ! พอหนึ่งในสมาชิกแก๊งค์ส่งข้อความมา แล้วก็เหมือนทุกคนรอให้ใครมาเปิดทริป ต่างคนต่างหาวันว่างที่ลงตัว และจองผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลมกัน

แอบเล่านิดนึงว่า สันหนอกวัวเนี่ยจัดเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน จ.กาญจนบุรีเลยก็ว่าได้ด้วยความสูงถึง 1,767 เมตร ระยะทางรวมๆ ในการเดินเท้าถึงจุดตั้งแค้มป์ก็ราวๆ 8 กิโลเมตร (ตาม GPS เราจับได้) ที่นี่นอกจากยอดสันหนอกวัวที่เป็นไฮไลท์ ก็ยังมีกุกลาบพันปีด้วย ใครโชคดีไปช่วงที่กุหลาบบานก็ถ่ายรูปมาเยอะๆนะ

อาจเพราะต้องเก็บตัวเงียบเหงาอยู่บ้านกันนานแรมปีเพราะเจ้าโควิด พออุทยานแห่งชาติทยอยเปิดก็เลยปลดล็อคตัวเอง ออกมาพาร่างกายที่แทบจะไม่พร้อมกับการเดินป่า ออกมาผจญภัย…. เมื่อใจพร้อม อะไรก็ไม่หวั่นจริงใหม

เมื่อจองทริปได้เราก็เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่กัน แอบบอกนิดนึงว่าที่นี่จองไม่ยาก โทรไปที่เบอร์ที่อุทยานให้ไว้ ง่ายมาก .....จัดไปโลดดดดดดด

เริ่มต้นด้วยการพาพลพรรคแก๊ง slow walker ที่อายุอานามก็ใช่จะน้อยๆ หอบร่างอันบอบบางของพวกเราไปที่ป้อมปี่ จ.กาญจนบุรี ที่นี่เป็นจุดเช็คอินของการเดินทางขึ้นสันหนอกวัว เราเช่าบ้านพักของอุทยานกันก่อนหนึ่งคืน เพราะไม่อยากเหนื่อยจนเกินไป ใครใคร่นอนบ้านพักก็นอน ใครใคร่กางเต็นท์นอนก็กาง ที่ป้อมปี่วิวพระอาทิตย์ตกดีงามมากขอบอก จะมาแค้มป์ปิ้งที่นี่เฉยๆก็มาได้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นสันหนอกวัวอย่างเดียว

วิวพระอาทิตย์ตก...สวยงาม เอาใจไปเลย

ตื่นเช้าจากป้อมปี่ก็มาเตรียมตัวลงทะเบียนเพื่อขึ้นสันหนอกวัวกัน ช่วงนี้ต้องมีการส่งผลตรวจ ATK ก่อนขึ้นด้วยนะ เตรียมกันมาให้พร้อม พวกเราชาวแก็งค์ พอกินข้าวเช้าเสร็จก็ตรวจ ATK เลย ได้ผลตรวจสดๆร้อนๆ ส่งให้ทางอุทยานตอนเช็คอิน พวกเราจองลูกหาบไว้ 2 คน ที่นี่ให้จองลูกหาบล่วงหน้า ตอนจองทริปอย่าลืมบอกเจ้าหน้าที่ด้วยนะ ว่าต้องการลูกหาบหรือเปล่า ของส่วนกลางทั้งเต็นท์และอาหารสดสำหรับทำกับข้าว ก็แพ็คไปกับลูกหาบ ส่วนของส่วนตัวก็แบกกันเอง (ตามเคย) สรุปรวมทีมเราก็จะมีลูกหาบ 2 เจ้าหน้าที่ 1 กับสมาชิกแก็งค์ 6 คน

ลงทะเบียน เตรียมแพ็คของขึ้นรถไปจุดเดินเท้า

พร้อมออกเดินทาง เจ้าหน้าที่จะพาเรานั่งรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินเท้า ซึ่งก็ไม่ไกลจากป้อมปี่เท่าไหร่ เป้พร้อม น้ำพร้อม (2 ขวดเตรียมไปเลยจ้า) เสบียงมื้อกลางวันพร้อม ที่สำคัญ Treking pole พร้อม (เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการพาตัวเองไปให้ถึงยอด) เราก็เริ่มออกเดินทางกันจ้า ก่อนออกเดินก็บอกลูกหาบไว้ว่า ถ้าน้องถึงก่อน จองที่กางเต็นท์ใต้ต้นไม้ ลมไม่แรงให้พวกพี่นะ แล้วก็แยกกันเดินตามสเต็ปขาของตัวเองกัน

จุดเริ่มต้นเดินเท้า พร้อมกันนะทุกคนนนนนน

เส้นทางช่วงแรกก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเส้นทางขึ้นบ้าง ลงบ้าง สลับกับทางราบประปราย มีต้นไม้มากมายให้พอบังแดดไม่ร้อน มีจุดให้พักเป็นระยะๆ จุดไหนเริ่มมีความชันมากๆ ก็จะมีเชือกให้จับขึ้นไป ไม่ต้องห่วงจ้า

แต่ทุกการเดินทางมันต้องมีจุดพีค ที่นี่ก็เช่นกัน เขาเรียกกันว่า เนินหมาถอย (ขนาดหมายังถอย แล้วเราจะถอยไหม 555) ทางชันประมาณ 45 องศา แต่ไม่ไกล แค่ 50 เมตรเท่านั้น สู้! หลังจากเนินหมาถอยก็จะมีเนินปราบเซียนอีกจุดที่ค่อนข้างชัน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

พร้อมไหม กับเนินหมาถอย
ปลอดภัยหายห่วง มีเชือกให้เกาะ


ถ้าเดินมาแล้วเริ่มเป็นพื้นที่โล่ง นั่นคิดได้เลยว่าเราใกล้ถึงจุดกางเต็นท์แล้ว ที่นี่มีจุดกางเต็นท์ให้เลือกค่อนข้างเยอะทั้งจุดกางเต็นท์ตรงสันหนอกเล็กที่ลมไม่แรง รับรองว่ากลางคืนไม่นอนหนาวแน่นอน และถ้าเดินอ้อมไปหน่อยก็จะถึงจุดกางเต็นท์สันหนอกใหญ่ ที่วิวดีกว่ามาก แต่หนาวมากเช่นกันเพราะเป็นทางผ่านลม

เราใช้เวลาอ้อยอิ่งกับการเดินทางราวๆ 4.30 ชั่วโมงก็ถึงจุดกางเต็นท์ น้องลูกหาบมาถึงก่อนแล้ว (ตามคาด) และหาที่กางเต็นท์ตามที่พวกเราเรียกร้องไว้เรียบร้อย แต่!.... ความเห็นแก่วิวอันงดงาม ก็ทำให้ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ออกไปกางเต็นท์ท้าลม ท้าความหนาวยามค่ำคืน ที่ลานกางเต็นท์สันหนอกใหญ่ (ไม่เจียมสังขารชัดๆ) ด้วยความที่เรามาถึงกันเป็นกลุ่มแรกๆ จึงมีโอกาสเลือกพื้นที่กางเต็นท์ตามความพอใจ เลือกได้ก็ช่วยกันกับลูกหาบกางเต็นท์ แกะอุปกรณ์ทำอาหารกัน

หลังจากพักแข้งขากระดูกกระเดี้ยวที่อ่อนแรงไปตามวัยกันสักพัก ก็เดินขึ้นไปชมวิวยังด้านบนของสันหนอกวัว ที่ใครๆ เรียกว่าสันหนอกเล็กเป็นอันดับแรก ไม่ใช่อะไรนะ เพราะมันขึ้นง่ายกว่าสันหนอกใหญ่มาก บนนี้มองเห็นสันหนอกใหญ่ชัดเจน และสวยงาม แอบงงเหมือนกันทำไมเรียกสันหนอกวัว เพราะดูยังไงๆ ก็เหมือน shark fin มากกว่า

Slow Walker สู้!



ลงมาจากสันหนอกเล็ก ใครที่ยังไหวก็ขึ้นไปสันหนอกใหญ่ เตรียมดูพระอาทิตย์ตกดินกัน ส่วนใครไม่ไหว ก็ทำกับข้าวไปจ้าาา

วิวบนสันหนอกใหญ่เป็นวิวมุมกว้างกว่าสันหนอกเล็กมาก ลมพัดเย็นๆ แม้จะยังมีแดด แต่ก็สบายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเราเลือกนั่งชมวิวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกจึงได้ลงมาที่เต็นท์

วิวพระอาทิตย์ตกตรงเขาเรดาร์ บนสันหนอกใหญ่....เหมือนโดนมนต์สะกด
วิวบนสันหนอกใหญ่ ที่มองข้ามไปยังสันหนอกเล็ก กับแสงสุดท้ายของวัน



อาหารเย็นวันนี้ก็เป็นเมนูง่ายๆ ไม่หวือหวา กินเสร็จก็ล้างเก็บและมานั่งจิบเครื่องดื่มแก้หนาว คุยกันไปพลางๆยามค่ำ ที่นี่ไม่มีน้ำสำหรับอาบ ซักแห้งกันนะทุกคน (แต่เราเตรียมทิชชู่อาบน้ำไป เดี๋ยวนี้มีขายเยอะมากหาซื้อได้ง่าย) แต่มีห้องน้ำแบบส้วมหลุมให้เข้าได้ถ้าใครอยากปลดทุกข์ นั่งคุยกันอยู่ได้ไม่นานนักหรอก เพราะลมแรงมาก (นี่แหละนะ ที่ที่ลูกหาบหาไว้ให้ก็ไม่เอา หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ) ต่างคนเลยย้ายมานั่งเม้ามอยในเต็นท์กันแทน ก่อนแยกย้ายกันไปนอนเมื่อเวลาใกล้ 4 ทุ่ม ดึกๆที่นี่ดาวสวยมาก ใครมีกล้องดีๆ เอาออกมาถ่ายรูปได้เลย ถ้าไม่หนาว จะนอนดูดาวอยู่นอกเต็นท์นี่แหละ

พร้อมสำหรับอาหารเย็น กับวิวหลักล้านจากเต็นท์ของพวกเรา
เมนูง่ายๆ ยามเย็น

ผ่านค่ำคืนอันหนาวเหน็บมาได้ก็สุดยอดมากๆ สำหรับพวกเรา เช้ามืดต่างคนตื่นขึ้นมาทำภารกิจส่วนตัว แล้วก็เตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ขึ้น บางคนก็เลือกที่จะขึ้นไปที่สันหนอกใหญ่ ส่วนพวกเราเลือกขึ้นไปสันหนอกเล็ก เพราะเดาว่าคนคงจะน้อยกว่าแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาด คนขึ้นมาที่นี่น้อยกว่าจริงๆ ความงดงามยามเช้าบนยอดสันหนอกเล็กเราว่าสวยมากๆ ทีเดียว แสงแดดอ่อนๆ คล้ายกับกำลังค่อยๆเพิ่มพลังกายพลังใจให้พวกเราอย่างนั้น ชมความงามกันจนอิ่มเอมใจก็ลงมาที่เต็นท์ วิวบนสันหนอกสามารถมองเห็นเต็นท์ของพวกเราที่ตั้งอยู่ริมผาได้อย่างชัดเจน อดถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกไม่ได้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้างกับที่นอนตรงนั้น

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า บนสันหนอกเล็ก
ยามเช้าบนสันหนอกเล็กที่เห็นหมู่บ้านชาวเต็นท์ตั้งเรียงราย

ยามเช้าตรงเต็นท์ของพวกเรา เป็นวิวที่สวยงามมากเช่นกัน เพราะเราเลือกตั้งเต็นท์กันอยู่ริมผา แบบเปิดเต็นท์มาก็มีวิวหลักล้านให้ชมยามเช้าเลยทีเดียว ชอบมากๆ (ยกเว้นเรื่องความหนาว) จิบกาแฟร้อนๆ กับขนมปัง บวกกับบรรยากาศยามเช้าของที่นี่ ได้ฟิลมากๆ บอกเลย

เครื่องดื่มอุ่นๆ ยามเช้าที่อากาศเย็นกับวิวหลักล้านของพวกเรา

ไม่นานนักเราก็พากันเก็บข้าวของ เก็บเต็นท์ เตรียมลงจากเขากัน อาหารกลางวันวางแผนกันไปกินที่ร้านอาหารในตัวเมือง เพราะฉะนั้น ต้องทำเวลากันหน่อย

ขาลงก็เหมือนเดิมขึ้นๆ ลงๆ ตามปกติ แต่ด้วยสังขารวัย 40+ ของเรา ทำให้ลื่นไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน ไม่ได้ลื่นเปล่า ลื่นสไลด์ไปโดนน้องคนที่เดินอยู่ด้านหน้า ขอโทษด้วยนะค้าาาาา ป้าผิดไปแล้ว จากการล้มครั้งนี้ เลยได้อาการเอ็นแขนอักเสบกลับมาด้วย เพราะเอาแขนไปเกี่ยวกับเชือกที่เขาขึงไว้ให้ คงผิดท่านั่นแหละ เจ็บนี้อีกนานเลย

เก็บเต็นท์เสร็จก็ถ่ายรูปกัน กับวิวหลักล้านของเรา
พร้อมลงละน้าาา

ไม่นานนักเราก็ถึงด้านล่างจุดเดิมที่พี่คนขับรถขับมาส่ง รอสมาชิกครบทีมก็นั่งรถกลับมายังป้อมปี่ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดใส แล้วไปกินข้าวกัน! หิวมาก

ทริปนี้ถือเป็นการรีเฟรชชีวิตตัวเองอีกครั้ง หลังจากจับเจ่าอยู่ในบ้านแรมปี ขอบคุณแก๊งค์ slow walker ที่ยังคงเหนียวแน่น และพากันไปผจญภัยที่ใหม่ๆ เสมอ ถึงแม้จะเจ็บบ้างอะไรบ้าง ก็ถือว่าคุ้มมากๆ กับประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทาง no pain no gain จริงๆนะ

ทิ้งท้ายด้วยวิวงามๆ ของสันหนอกใหญ่จากเต็นท์ของพวกเรา

ย้ำอีกครั้ง สำหรับสันหนอกวัว จองผ่านเบอร์โทรที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมให้ไว้เท่านั้นนะจ๊ะ จองได้แล้วค่อยส่งรายชื่อสมาชิกพร้อมหลักฐานการฉีดวัคซีนต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ผ่านไลน์ เจ้าหน้าที่อาจตอบช้าหน่อย ใจร่มๆ กันนะนักเดินทางทั้งหลาย



Manglugg

 วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.27 น.

ความคิดเห็น