KFC มีขายเกือบทั่วโลก แต่พีระมิดแห่งฟาโรห์มีที่อียิปต์ประเทศเดียว เราจึงไม่รอช้าในการจัดการกับไก่ทอด KFC ให้หมดๆไป แล้วจัดการพาตัวเองไปยืนเผชิญหน้ากับมหาพีระมิดแห่งกีซ่า

(The Great Pyramid of Giza) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ที่นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกนามว่า เฮโรโดตัส ได้บันทึกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 440 ก่อนคริสตกาล และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น มหาพีระมิดแห่งกีซ่านี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเพียงอย่างเดียวที่ยังสามารถเดินทางผ่านกาลเวลาที่ยาวนานถึง 5 พันปีมาสู่ยุคปัจจุบัน ในขณะที่สิ่งก่อสร้างอื่นๆได้พังทลายลงหมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่ให้ผมรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เคยวาดฝันในวัยเยาว์ว่าอยากมาเห็น ในเวลานี้ภาพที่เคยฝันได้กลายมาเป็นภาพแห่งความจริงที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

มหาพีระมิดแห่งกีซ่าประกอบด้วยพีระมิดขนาดใหญ่ 3 อัน โดยทุกอันล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือใช้เป็นสุสานเพื่อเก็บร่างที่ปราศจากชีวิตของฟาโรห์ ซึ่งถูกทำเป็นมัมมี่ พร้อมทรัพย์สมบัติที่มากมายมหาศาล เสมือนเป็นหลักประกันว่ากษัตริย์ผู้เสียชีวิตจะมีชีวิตอย่างสุขสบายในโลกแห่งความตาย ทั้งๆที่ความจริงไม่มีมนุษย์ผู้ใดนำทรัพย์สมบัติแม้เพียงสักชิ้นติดตัวไปได้

อะๆ อย่างเพิ่งเข้าหลักธรรมมากเกินไป การเดินทางครั้งนี้เรามาเที่ยว ไม่ใช่มาธุดง ฉะนั้นขอตื่นตาตื่นใจกับมหาพีระมิดให้เต็มที่สักหน่อย เริ่มจากพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือพีระมิดคูฟู (Khufu) พีระมิดอันเป็นสุสานของฟาโรห์คูฟู หรือที่ชาวกรีกเรียกว่า คีออปส์ เมื่อแรกสร้างพีระมิดแห่งนี้มีความสูงถึง 146 เมตร แต่ถูกกัดกร่อนจากสายลม สายฝน และกาลเวลา ทำให้ปัจจุบันมีความสูง 137 เมตร แม้ว่าความสูงจะหายไปถึง 9 เมตร แต่ผมก็ต้องแหงนคอตั้งบ่า ในการมองขึ้นไปยังยอดพีระมิด

พีระมิดคูฟูมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความยาวด้านละ 230 เมตร เดินวน 1 รอบก็กินระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร แต่ในเวลานี้เราไม่สนใจหรอกว่าจะต้องเดินไกลแค่ไหน ต้องตากแดดเพียงใด เพราะมาถึงสถานที่จริงแล้ว อยากจะเดินวน ดูทุกซอกทุกมุม เสีย 3 รอบด้วยซ้ำไป

ด้วยความใหญ่โตการเดินชมพีระมิดคูฟูจึงให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ริมกำแพงขนาดมหึมา ที่มีหินทรงลูกบาศก์ขนาดยักษ์ ที่แต่ละก้อนมีความสูงราว 1 เมตร หรือมากกว่าตั้งเรียงซ้อนขึ้นไปจนสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วน่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่มนุษย์เดินดินเมื่อ 5 พันปีก่อนสามารถลำเลียงหินน้ำหนักหลายตันจำนวนมากกว่า 2 ล้านก้อนก่อขึ้นเป็นพีระมิดได้เช่นนี้ จนอาจจะคิดเพ้อฝันว่าชาวอียิปต์โบราณอาจจะใช้เวทย์มนต์ในการยกหินให้ลอยขึ้น หรือไม่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว แต่สำหรับนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าชาวอียิปต์โบราณน่าจะสร้างทางลาดเพื่อลำเลียง ประกอบกับการต่อนั่งร้าน จนถึงอาจมีการใช้แรงพยุงตัวจากน้ำช่วยในการยกก้อนหินเหล่านี้ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงวิทยาการด้านวิศวกรรมศาสตร์ระดับสูงที่ไม่ด้อยกว่ายุคปัจจุบัน

หากจะคิดว่าแรงงานที่มาก่อสร้างพีระมิดที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานถึง 20 ปีนี้ เป็นแรงงานจากทาสที่ถูกเกณฑ์มา นักประวัติศาสตร์ขอบอกว่าความคิดเช่นนั้นผิด เพราะแรงงานนี้เป็นชาวบ้านเกษตรกรที่หลังจากหมดฤดูเก็บเกี่ยว ก็พร้อมใจมาลงแรงกายเพื่อสร้างพีระมิดถวายแก่ฟาโรห์ซึ่งเป็นเหมือนเทพเจ้าที่จุติบนโลกมนุษย์ แรงแห่งศรัทธาจึงยิ่งใหญ่เสมอไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม

แล้วผมก็รู้สึกขัดตาเป็นยิ่งนักกับภาพที่เห็น ทั้งๆที่มีป้ายห้ามขนาดใหญ่ตั้งให้เห็นในแทบทุกจุดว่าห้ามปีนป่ายพีระมิด แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กำลังปีนป่ายขึ้นไปบนพีระมิด เพื่อนั่งชมวิวบ้าง ยืนแอ๊ทท่าถ่ายรูปบ้าง เสมือนวีรบุรุษผู้พิชิตขุนเขา จนอยากจะเดินไปบอกว่าหากขาแข้งมีแรงขนาดนี้ ทำไมไม่ไปปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ให้รู้แล้วรู้รอด

แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะปีนกันบ้าง อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าเมื่อครู่เพิ่งว่าพวกปีนป่ายพีระมิดอยู่หยกๆ แล้วในเวลานี้จะกลืนน้ำลายตัวเองแล้วปีนป่ายไปบนพีระมิดบ้าง เพราะเราปีนโดยการเดินไปตามขั้นบันไดที่ถูกทำไว้เพื่อขึ้นไปยังปากทางเข้าพีระมิด ซึ่งเราไม่รู้สึกมั่นใจเลยว่าบัตรที่ซื้อมานั้นจะสามารถเข้าชมภายในพีระมิดได้หรือเปล่า เพราะราคานั้นถูกกว่าข้อมูลที่หามาจนผิดสังเกต และด้วยความไม่แน่ใจนี้เอง ผมจึงกลายเป็นผู้เสียสละในการเดินขึ้นบันไดไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ผลก็คือ เวลานี้เป็นช่วงพักเที่ยงของเจ้าหน้าที่ พีระมิดจึงปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าไปชมภายใน แต่ถึงจะไม่ใช่ช่วงพักเที่ยง เราก็ไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้อยู่ดี เพราะบัตรที่เราซื้อมานั้น เป็นบัตรที่เข้าชมแค่ภายนอกเท่านั้น หากอยากจะชมภายในต้องไปซื้อบัตรเพิ่มที่ประตูทางเข้า เอาหละสิ เหลืออีก 2 พีระมิดที่ยังไม่ได้ไปดูเลย แล้วนี้ก็ใกล้เวลาที่นัดกับคนขับรถแท็กซี่แล้วด้วย หากต้องเดินตากแดดย้อนกลับไปซื้อบัตรที่ประตูทางเข้าคงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เราจึงหารือกันโดยใช้เวลาแค่เพียงอึดใจ ว่าอย่างไรเสียคืนนี้เราก็ค้างที่โรงแรมหน้าพีระมิด ยอมซื้อตั๋วอีกรอบแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเข้ามาดูใหม่ดีกว่า

แม้วันนี้จะไม่ได้เข้าไปดูสุสานในพีระมิด แต่ข้างๆพีระมิดคูฟูก็มีสุสานของฟาโรห์ Seshem Nefer Theti ให้เข้าไปชม โดยที่ไม่ต้องซื้อบัตรเพิ่ม เราเดินไปตามขั้นบันไดสู่ใต้ดิน แต่ก็ไม่ได้ลึกลงไปมากเท่าไหร่นัก ภายในสุสานพอมีภาพแกะสลักให้ได้เห็นบ้าง ถือว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนที่วันพรุ่งนี้เราจะได้เข้าไปเยือนสุสานภายในพีระมิดคูฟู

ด้านข้างพีระมิดคูฟู มีพีระมิดเล็กๆของราชนีอีก 3 องค์ที่อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม และบนพื้นทรายนี้ยังมีหลุมขนาดใหญ่ ที่ยาวและลึกลงไปใต้ดินร่วมสิบเมตรจนดูเหมือนหุบเหว โดยก่อนหน้านี้มีการขุดพบเรือขนาดใหญ่ฝังอยู่ในนี้ ซึ่งนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นเรือที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีศพของฟาโรห์คูฟู เมื่อนำซากเรือมาประกอบกันใหม่ พบว่าเรือลำนี้มีความยาวกว่า 40 เมตร ปัจจจุบันนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เรือ หน้าพีระมิดคูฟู

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันพฤหัสที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.57 น.

ความคิดเห็น