เริ่มต้นการเดินทางที่ ขนส่งหมอชิต

          ทริปนี้เราไปกัน 4 คน ขึ้นรถโดยสารประจำทางที่หมอชิตของซันบัส ไปลงที่ ผานกเค้า ประมาณ ตี 4 ครึ่ง พอลงรถบัสแล้วเจะเห็นร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งสามารถ ล้างหน้าแปรงฟัน ทานมือเช้า ให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย แล้วลงทะเบียนต่างๆให้เรียบร้อย

"เส้นทางจากซำแฮกสู่หลังแป"
          หลังจาลงทะเบียน ซึ่งหลายๆคนต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป ก็จัดการสัมภาระกันให้เเรียบร้อย เพื่อเดินขึ้นภูกระดึง เราเริ่มเดินขึ้นภูกระดึงประมาณ เกือบ 6 โมงเช้าเพื่อให้ทันดูแสงเช้า พระอาทิตย์ขึ้นที่ "ปางกกค่า " ซึ่งจะถึงก่อนซำแฮก

ราคาค่าจ้างลูกหาบการแบกสัมภาระขึ้นภูกระดึง

ที่มีกำหนดราคากิโลกรัมละ 30 บาท สำหรับลูกหาบชาย ไม่เกิน 60-70 กิโลกรัม

ส่วนลูกหาบผู้หญิงไม่เกิน 50 กิโลกรัม

          ในที่สุดเราเดินไต่ความชันขึ้นมาเรื่อยๆก็ทันแสงเช้าขึ้นพอดีเลย ดวงอาทิตย์กลมโตกำลังทักทายพวกเรา ในเช้าวันใหม่ เห็นแล้วสดชื่น มีพลังมากๆ.... ปะ..เราเดินกันต่อ...

- ซำแฮก ...แฮกสมชื่อ!! -

  " ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา "  55555 ปลอบใจตัวเองไปจ้า เพราะว่ากว่าะถึงซำแฮก เล่นเอาหอบแฮกๆไปตามๆกัน ชันสุดตั้งแต่เริ่มต้นเลย หมดพลังมื้อเช้าพอดี...แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดคงไม่พ้น "พี่ลูกหาบ"

        เดินขึ้นกันมาแบบหน้ามืด 555 เจอสวรรค์รำไรที่ ซำแฮก ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของหวาน ผลไม้มีหมด เรียกได้ว่า เป็นที่เดียว ที่เดินป่าแล้วสบายสุดๆ อิ่มท้อง นอนพักได้เกือบทุกซำ

        มาถึงแล้วต้องกินโดยแตงโมงเย็นๆ หวานๆ ชื่นใจที่น่าจะอร่อยที่สุดในโลกแล้วเวลานั้น ชิ้นละ 10 บาท สดชื่นไป 3 โลกเลย ฮ่าๆ

       ทริปนี้เราแบกของเองหมดรวมทั้งอุปกรณ์เต็นท์ก็แบกขึ้นไปด้วย ไม่ได้จ้างลูกหาบ ส่วนข้างบนที่ทำการมีอุปกรณ์เต็นท์ให้เช่านะคะ ใครไม่มีหรือไม่สะดวกพกมาก็สามารถเช่าจากที่ทำการข้างบนได้เลย สะดวกสบายมากๆ แต่ต้องทำการจองและลงทะเบียนก่อนไปด้วย

- ซำบอน -

          ซำนี้ขอแวะทานไอติมปั่นรสโคาโคล่า อร่อยชื่นใจ ส่วนสามาชิกแวะทานไขาต้มเติมพลังกัน เดินมามื้อเช้าย่อยหมดแล้ว เติมพลังเสร็จเราก็เดินกันต่อ เป้าหมายอยู่ข้างหน้า....

- ซำกกกอก -

       ซำนี้อยู่ระหว่างทางนะ ไม่มีร้านค้า เราต้องเดินต่อไปอีก เวลานี้แดดเริมแผดเผา ฉันจะไหม้แล้วจ้า

- ซำกอซาง -

        โอ้เย่ !!!! ถึงแล้ว เราเดินมากับอากาศแห้งและร้อน ตอนนี้ขอน้ำเป๊ปซี่เย็นๆก่อนแล้วกัน แบกเป้ก็หนัก อากาศก็ใจร้ายมากๆ ร้อนจนไหม้ และกระหายน้ำ น้ำเปล่าที่พกมา ก็สู้น้ำเป๊ปซี่เย็นๆไม่ได้เลย

- พร่านพานแปร -

   มันก็จะชันๆขึ้นไปหน่อยนะ เดินต่อคะ ยังมีอีกหลายซำรอเราอยู่ข้างหน้า

- ซำกกไผ่ -

       ขอแวะนั่งพักหลบแดด หลบร้อน และฟังเพลงจากพี่ๆน้องๆลูกหาบ ที่แบกของระหว่างทางหน่อย บ้างก็ขนขึ้น บ้างก็ขนลง เรียกได้ว่า "สู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ " มากกกก แต่ละคน ฮ่าๆ

แวะชมสิ่งสวยงามและดอกไม้ข้างทางบ้าง หนทางอีกยาวไกล

เราเดินทางผ่านซำนี้ไป โดยลืมถ่ายรูปเก็บไว้ 

         ทางหลังจากนี้น่าจะร่มรื่นขึ้นแล้ว ช่วยเราได้เยอะมาก ให้หายร้อนพอสมควร

ระหว่างทางมีสะพานไม้ให้ข้ามลำธารอันเหือดแห้ง

- ซำกกโดน -

    พอถึงซำกกโดนพักทานน้ำเหมือนเดิม แล้วเดินทางต่อไป....

          เส้นทางจากนี้จะเริ่มค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ ทางจะเป็นหิน โขดหิน บันไดหินเสียมากกว่า ค่อยๆเดินไประมัดระวังข้อเท้าพลิกมาก

- ซำแคร่-

        เดินทางมาถึงมื้อบ่ายหน่อย ก็จัดการกับความหิวของตัวเองด้วยการกินเพื่อเติมพลัง ที่ซำแคร่ ซึ่งเป็นซำสุดท้ายที่จะมีร้านค้าร้านอาหารและห้องน้ำไว้บริการ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ก่อนเดินทางยาวๆไปหลังแป

        มื้อเที่ยงวันนี้ เราทาน เกาเหลาหมู  อร่อยมากๆ ให้เยอะด้วย

ขอพลังจากเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์หน่อย

- มุ่งหน้าสู่ความชันของบันได -

      เป็นความชันที่กลัวหงายหลังมากๆ บันไดบางช่วงก็ตั้งฉากตรงขึ้นไป คือใจคือไม่ค่อยดีเลย กลัวความสูงนะ แต่ก็พยายามเอาตัวเองให้รอดขึ้นมาให้ได้ ขาก็แอบสั่นอยู่ 5555

       หมดสภาพขอนั่งพักหายใจหน่อยนะ    


"เส้นทางจากซำแฮกสู่หลังแป......เราคือผู้พิชิตภูกระดึง !!! "

         ในที่สุดก็ถึง "หลังแป " แล้ว แบบทุลักทุเลของมนุดดด แบกเป้หนักเต็มหลังอย่างเรามากๆ 555 กว่าจะผ่านโซนบันได ไต่ขึ้นมาได้ จะเป็นลม ไม่ได้เหนื่อยนะ แต่มัน ชั๊นน ชัน..บันไดตั้งตรง แขน ขาต้องสามัคคีกันสุดๆ 555

- เราคือผู้พิชิตภูกระดึง -

       การเดินทางมาภูกระดึงครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้วเว้นระยะห่างจากครั้งแรกประมาณ 16 ปี ตอนนั้นเราขึ้นมาสมัยวัยละอ่อน เพิ่งเรียนจบทำงานใหม่ๆ มากับเพื่อนๆ สนุกมากๆ

      โดยระยะทางทั้งหมดจากที่ทำการอุทยานจนถึงหลังแป ระยะทางประมาณ 5.5 กม. และคำที่กรอกหูมาตลอดทางว่า "อีกนิดเดียวก็ถึง ".....มันไม่มีอยู่จริง ฮ่าๆ

- ต้นเมเปิ้ล บนหลังแป -     

         บริเวณลานหลังแป จะมีต้นเมเปิ้ลต้นใหญ่ คอยต้อนรับนักเดินทางผู้มาพิชิตภูกระดึงทุกคน ถ้ามาช่วงปลายปี จะเห็นใบเมเปิ้ลแดงทั้งต้น สวยงามมากๆ

         ช่วงที่เราไปตอนนี้ ต้นเมเปิ้ลผลัดใบสีแดงออกหมดแล้ว กลายเป็นใบอ่อนสีเหลืองเต็มต้น แต่ยังพอมีใบสีแดงหล่นตามพื้นพอให้เห็นบ้าง 

       พวกเราทั้ง 4 คน ใช้เวลาถ่ายรูป พักเหนื่อย ดื่มน้ำ ตรงหลังแป สักพัก เราก็เดินเท้าต่อด้วยทางราบอีก ประมาณ 3 กิโลเมตร ไปยังที่ทำการและลานกางเต็นท์ ระหว่างสองข้างทางจะเป็นป่าสน ซึ่งมีทั้งฝั่งที่โดนไฟไหม้ และฝั่งที่ไม่โดนไฟป่าคุกคาม ร่องรอยการไหม้ยังมีให้เห็นตลอดทาง

         บรรยากาศและผู้คนที่รู้สึกผ่อนคลาย จากการเดินขึ้นมา บ้างก็ถ่ายรูปกับต้นสน บ้างก็นั่งพักทานขนมระหว่างทาง รวมทั้งลูกหาบ ต่างขนสัมภาระใส่รถลาก ไปยังที่ทำการ

ค่าบริการเช่าเต็นท์และอุปกรณ์เครื่องนอนของที่ทำการ
-หมอน ใบละ 10 บาท/คืน
-แผ่นรองนอน 20 บาท/คืน
-ถุงนอน 30 บาท/คืน
-ผ้าห่มใหญ่ 50 บาท/คืน เล็ก30บาท/คืน

        พอมาถึงที่ทำการ ก็จัการเรื่องเต็นท์ที่พักกับเจ้าหน้าที่ ส่วนเราก็หามุมกางเต็นท์ ที่เน้นไกลผู้คนหน่อย ซึ่งโซนที่กางเต็นท์ของเราจะอยู่ตรงข้ามที่ทำการเลย จะค่อนข้างเงียบดี ไม่ค่อยพลุกพล่าน ถ้าไปกางแถวโซนร้านอาหารคนจะเยอะและแลดูวุ่นวายไปหน่อย มุมนี้ส่วนตัวดี ใกล้ห้องน้ำด้วยแต่ ไม่ใกล้มาก กลิ่นไม่รบกวน เพราะห้องน้ำสะอาดใช้ได้

     หลังจากจัดการที่พักกันเรียบร้อย ต่างชาร์ทพลังด้วยการหาของกิน ก่อนเดินทางไป "ผาหมากดูก" เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน


"ดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก"

       หลังจากที่พวกเราพาเดินขึ้นภูกระดึงจนถึงหลังแป จัดการหามุมกางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราก็หาข้าวกิน เติมพลังก่อนจะเดินเท้า อีก 2.3 กิโลเมตร เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกกัน

        บรรยากาศระหว่างทางไปผาหมากดูกจะเป็นต้นสน รูปฟอร์มสวยงามแตกต่างกันไป ก้อนเมฆรูปหัวใจ ท้องฟ้า และแสงเย็นสวยๆทำให้เพลินกับรรยากาศมากๆ

          เราใช้เวลาถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ อากาศยามเย็นตอนนั้นกำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป รู้สึกผ่อนจิตใจคลายมากๆ แม้จะขาล้าก็ตาม 555

อาบแสงเย็นให้ใจอุ่น

พระอาทิตย์กำลังทักทายเราผ่านต้นสนมากมายที่อยู่บนนั้น


- ผาหมากดูก -

         มาถึง ผาหมากดูก ดูทันพระอาทิตย์พอดี ผู้คนมากมายต่างจับจองที่นั่งเพื่อรอส่งแสงสุดท้ายของวัน และนั่งพักขาไปในตัว การเดินทางมาที่นี่สามารถเดินด้วยเท้าและเช่าจักรยานมาก็ได้คะ


                                                          นั่งรออาบแสงไปแบบชิวๆ

       ช่วงที่แสงกำลังลาพ้นนั้น โครตสวยมากๆ คือต้องยืนถ่ายเก็บไว้ระหว่างทางขากลับ หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ช่วงเวลาใกล้ค่ำเราต้องเดินทางกลับที่พัก เวลาช่วงนี้อากาศจะค่อยๆเย็นลง แนะนำให้พกเสื้อกันหนาวมาด้วยคะ

       จากการสูญเสียพลังงานมาทั้งวัน เราก็ชดเชยด้วยการ กินหมูกะทะกันจ้า 555 ที่ทำการด้านบนร้านค้ามีมากมายให้ท่านนั่งกินอย่างสบายใจ และหมูกะทะเยียวยาร่างกายและจิตใจของพวกเราในคืนนี้ ....ก่อนแยกย้ายอาบน้ำนอน

ฝากติดตามทางเพจด้วยคะ แมวเพนจร

....Goodnight ...


😺 แมวพเนจร 🌿

 วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 19.22 น.

ความคิดเห็น