ทริปไม่ลับจะไปพักลับแล ตอนที่ 2 : อุตรดิตถ์ - เขื่อนสิริกิติ์ - อุทยานฯ ต้นสักใหญ่

     490 กิโลเมตรจากฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หรือ 321 กิโลเมตรจาก วัดโบสถ์ ชีวิตติดริมน้ำ ลุ่มน้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี จากบทความที่แล้ว https://th.readme.me/p/41481 เดินทางกันไปต่ออีกประมาณ 4 ชั่วโมง

  • เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

     เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินที่มีแกนกลางเป็นดินเหนียว สันเขื่อนสูง 133.60 เมตร ยาว 810 เมตร กว้าง 12 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร มีความจุจัดเป็นอันดับสามรองจากเขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนภูมิพล ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 1,255 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 58 กิโลเมตร สร้างกั้นแม่น้ำน่าน บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ (เว็บจังหวัดอุตรดิตถ์, 2565) หากสนใจลองหาข้อมูลอ่านกันได้เดี่ยวจะเป็นวิชาการเกินไปเสียก่อน ก็ตามแผนเที่ยงนี้เราจะมาแวะกินปลาที่ริมเขื่อนกันที่นี่เป็นมื้อกลางวัน

  • ระเบียงน่านที่ไม่ได้อยู่จังหวัดน่าน

       จากชื่อพอได้เอ๊ะแต่พอเอ๊ะแล้วไปอ่านก็ได้อ๋อ เพราะน่านที่ว่าไม่ใช่ชื่อจังหวัด แต่เป็นแม่น้ำ พอรถถึงร้านเราเลือกโซนนั่งนอกอาคารที่เป็นลานกว้าง มีสะพานแขวนที่พาดผ่านข้ามลำน้ำเป็นวิวหลักล้าน (มูลค่าสะพานหรือป่าว) เอาจริง ๆ ละ บรรยากาศโดยรวมคือดีมาก ลมพัดโชยอ่อน ๆ ให้ความเย็นกว่าพัดลมที่เจ้าหน้าที่เอามาเปิดให้ หาโต๊ะที่ได้ร่มจากเงาไม้ใหญ่เพราะเวลานี้ บ่ายโมงนิด ๆ แล้ว อย่าได้มัวช้าทีเอ้า..จิ้มกันคนละเมนู

      สำหรับ late lunch (พี่คนถือตังค์กองกลางพิมพ์ชื่อรายการมาแบบนี้) ค่าเสียหาย 755 บาท เราสั่งเมนูต้มยำปลาคังหม้อไฟ ผัดฉ่าปลาที่ยังเป็นปลาคังอยู่ ไก่ทอดซอสมะนาว เอ็นหมูตุ๋นน้ำแดง ยำวุ้นเส้นโบราณ ลาบทอด และเมนูปราบเซียนอย่างกระหล่ำปีผัดน้ำปลา ข้าวเปล่า น้ำอัดลมสีดำฉลากสีแดง และน้ำปฎิเสธ สำหรับเราว่ามื้อนี้ขอยกให้ไก่ทอดซอสมะนาว คือ(จีย์)มาก ๆ เป็น MVP ไปเลย (ยังไงไปคราวหน้าขอส่วนลดเมนูนี้ด้วยนะครับ 555 )

       พอสังเกตเมนูที่ร้านแห่งนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจคือทุกเมนูที่ได้มาไม่ใช้ผักกาดแก้วเป็นผักเสือกสำหรับตกแต่งข้างจาน แต่ใช้ผักใบเขียวซอยยับละเอียดยิบเป็นเส้น ๆ มาตกแต่งแทน แต่ลืมถามร้านว่าจริง ๆ มันคือผักคะน้าหรือป่าว แต่กลิ่นกับรสชาติมันใช่นะ ผักคะน้าแหละ

  • สันเขื่อน

        กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ คนเก่าก่อนเขาว่าไว้อย่างงั้น งั้นต้องรับทำตามเพราะข้างนอกแดดยังคงร้อนอยู่ และพอให้ข้าวได้เรียงเม็ดอีกสักหน่อย เดินเข้าคาเฟ่ตากแอร์รอแดดร่มสั่งเมนูเครื่องดื่มเย็นกับเค้กมาล้างปาก (เราว่ารสชาติไม่ถูกปากสำหรับเราเท่าไหร่) แต่ภายในร้านแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ จนไม่อยากพาตัวเองออกไปปะทะกับอากาศภายนอกเลย

          สันเขื่อนคอนกรีตทอดยาวไปเบื้องหน้า ด้านขวาเป็นเวิ้งน้ำมองไปได้ไกลสุดสายตา ผิวน้ำสะท้อนแดดเป็นประกายระยิบระยับตัดกับนภา นั้น ๆ ตาฉันจะพล่าเสียแล้ว 5555 พาเหล่าสมาชิกชักภาพกันจนกว่าจะถูกใจ แต่รอบนี้ไม่รู้ทำไมทุกคนรีบถ่ายรีบไปกันเสียจริง (เราว่าเหตุผลก็คือถ้าอยู่กันนานกว่านี้ คงโดนแสงแดดนั้นแผดเผาแสบไปยั๊นเงากันเลยทีเดียว) หากใครมาแนะนำว่าเย็นๆ หน่อยจะดีมากเลย เพราะตอนนี้เวลา 14.00 น.ยังร้อนเกิ๊น แต่หากท่านอื่นมีเวลามากพอเหมือนที่นี่มีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำอีกหลายอย่าง ก็ไปทำก่อนค่อยมาชมวิว ส่วนเรานั้นหากมีเวลารอบหน้าจะมาซ่อมที่นี่ใหม่เพราะวิวถูกใจเสียเหลือเกิน

  • สูงจัดสักใหญ่

          ดูนาฬิกายังพอมีเวลา ก่อนจะไปถึงที่พักจุดหมายปลายทาง เราเลือกแวะ อุทยานแห่งชาติสักใหญ่กันก่อน เพราะห่างไปจากเขื่อนที่เราอยู่ไม่ไกล เดินทางไปประมาณ 22 กิโลเมตร หากใครเป็นสายธรรมชาติ สายป่า สายเขา หรือสายเขียว ที่นี่ก็น่าเที่ยวไม่แพ้ที่ใด จุดไฮไลท์คือ “ต้นสัก” ที่เขาว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีอายุประมาณ 1,500 ปี พบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 ลำต้นมีขนาดใหญ่ประมาณ 8 คนโอบ ความสูง 47.8 เมตร ความยาวรอบต้น 1,007 เซนติเมตร วัดเมื่อ 18 มิถุนายน 2543 (ข้อมูลสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์, 2565) 

          แม้ว่าปัจจุบันส่วนยอดจะถูกลมพายุพัดหักไปเหลือเพียงส่วนที่เป็นลำต้น เราก็ว่ายังสูงอยู่ดี โดยต้นสักต้นนี้ พระเทพฯ พระราชทานนามว่า "มเหสักข์" โดยรอบ ๆ ต้นสักมีสะพานไม้ให้เราสามารถเดินยลชมโฉมรอบต้นได้แบบ 360 องศา และหากใครชอบซึมซับบรรยากาศ ที่นี่ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร เดินกันจุก ๆ ไปเลย และมีน้ำตกด้วยนะ ส่วนลาบกับข้าวเหนียวอาจต้องแวะซื้อกันมาก่อน (แต่มีน้ำตกจริง ๆ นะ)

  • เตรียมเสบียง

          ก่อนที่จะไปถึงที่พักดึกเกินไป รีบแวะเติมเสบียงกันที่ห้าง ดอกบัว กันก่อน เตรียมหาวัตถุดิบสำหรับเมนูสุดคลาสสิค มื้อเย็นที่เหมาะกับที่พักริมน้ำที่มีลำธารไหลผ่าน เสียงฝนตกกระทบหลังคา และเสียงซู่ซ่าของเบคอนที่ม้วนโค้งส่งกลิ่นหอมตอนที่โดนความร้อนบนกะทะ ซดน้ำร้อน ๆ จากชาบู และเนื้อปลาบู่ลวกจิ้มที่เนื้อเป็นลิ้ม ๆ จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด ภาพกิจกรรมนี้กำลังรอเราอยู่ สำหรับMission ของทริปนี้ “ทริปไม่ลับจะไปพักลับแล” กับที่พักที่มีชื่อว่า….

- coming soon -

พบกับกานต์เดินทางครั้งก่อนได้ที่

https://th.readme.me/id/Np.pho...

    เสือซ่อนยิ้ม

     วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12.15 น.

    ความคิดเห็น