"หยกเราไปเที่ยวไต้หวันกัน" นั้นคือคำชวนที่ตัดสินใจตอบแบบไม่ลังเลว่า "ไป" ก็ใครไม่อยากไปบ้างเดี๋ยวก็ไม่มีเวลาเที่ยวแล้วเพราะต้องสอบปลายภาค และฝึกงาน จะเอาเวลาไหนไปเที่ยว 555 แต่ก็ต้องล่มเพราะการไปไต้หวันต้องขอวีซ่าก่อนถึงจะไปเที่ยวได้ ด้วยความขี้เกียจทำวีซ่า จึงต้องยกเลิกไปไต้หวันซะงั้น แต่หยกและฟ้ามีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ "หยกๆเราไปฮ่องกงกันเนี่ยตั๋วก็ถูกนะไปเปล่า" หยกก็ไม่ลังเลอีกตามเคย ตอบฟ้าไปอย่างรวดเร็วว่า "ไป" 5555 ใจง่ายจังวะหยก เราสองคนเลยวางแผนจองตั๋วเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรก ฟ้าและเราก็ตามหาตั๋วที่ถูกที่สุด เพราะช่วงเวลาที่เราไปเที่ยวตรงกับหยุดสงกรานต์พอดิบพอดี ไม่ต้องห่วงเรื่องราคาตั๋วค่ะ แพง‼ แพงทุกสายการบิน จนมาเจอกับสายการบิน Cathaypacific ที่บินตรงถึงฮ่องกง ราคาก็พอจ่ายได้ ก็เลยจองของสายการบินนี้ ส่วนที่พักก็จองใน booking เพราะตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ มาเลเซียก็จองของ booking ไม่มีปัญหา ครั้งนี้เราสองคนพักที่โรงแรม "Ocean Inn" ไปอ่านรีวิวมาเขาบอกว่าใกล้แหล่งท่องเที่ยวและรถไฟฟ้า mtr และเหลือห้องสุดท้ายเลยรีบจองอย่างเร่งด่วน ทุกอย่างก็จองเรียบร้อย นับวันรอเดินทางได้เลย


การไปเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้เราสองคนเดินทางไปวันที่ 10-15 เมษายน 59 ที่ผ่านมา รวมแล้ว 6 วัน เราเลยต้องวางแผนการเที่ยวสักหน่อย แนะนำนะคะ ว่าให้ซื้อตั๋วสถานที่ ที่เราจะไปเที่ยวในฮ่องกงที่ไทยก่อนเลยเพราะจะลดเวลาและลดราคาที่เราต้องจ่ายได้เยอะ ไปซื้อที่ฮ่องกงจะแพงมาก เราเลยไปหาในพี่กรูดูแล้วก็ได้เว็บที่จำหน่ายตั๋ว ได้เว็บนี้มา http://www.wow-hk.com/template/a34/shop.php?shopid=218109 (ไม่ได้โฆษณาให้เว็บนี้นะคะแต่เพราะดีเลยมาแนะนำ เราไม่ได้ประโยชน์อะไร) เราซื้อตั๋ว the peak , Airport express (ไป-กลับ) , Ngong Ping 360 (ไป-กลับ) เราหมดไปคนละ 1520 บาทถ้าซื้อที่ฮ่องกงหมดเยอะกว่านี้แน่ 555 ตอนนี้พร้อมแล้ว เราออกเดินทางกันเลย10 เมษายน 2559 วันแรกของการเดินทาง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

วันนี้เดินทางไปตอน 14.55 ก็จะถึงฮ่องกงประมาณ 20.00 ของฮ่องกง เวลาฮ่องกงจะแตกต่างจากเราประมาณ 1 ชม.

เครื่องบินของ Cathaypacific จะเป็นเครื่องบินลำใหญ่ ที่นั่งสบายเหมาะสำหรับคนเอเชีย มีทีวีที่เก้าอี้เราให้ดูตลอดการเดินทาง และที่สำคัญมีบริการอาหาร 555 ดีนะที่จองของ Cathaypacific ทุกอย่างโดยรวมถือว่าดีค่ะ เผื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่จะมาเที่ยวฮ่องกงนะคะ

ตอนนี้ 20.00 ของฮ่องกง ถึงฮ่องกงแล้ววววว เย้‼ ตม.ที่ฮ่องกงไม่ดุค่ะ อาจจะมีชวนคุยบ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรยาก แต่ปัญหาอยู่ที่จะไปที่พักยังไง เพราะตอนไปมาเลเซีย-สิงคโปร์ก็หลงที่สนามบินอยู่ตั้ง 2 ชม. แต่โชคยังเข้าข้างเด็กตาดำสองคนนี้อยู่บ้าง ถือว่าโชคดีที่ซื้อตั๋ว Airport express (ไป-กลับ) Kowloon คือ Airport express จะมีให้ลงอยู่ 3 สถานีค่ะ มี Kowloon , Hongkong , Tsing Yi เราต้องดูว่าที่พักเราอยู่แถวไหนก็เลือกซื้อตั๋วลงที่สถานีนั้นและ Airport express มีบริการรถ Shuttle Bus ฟรี ด้วยค่ะ และที่พิเศษของ Airport express คือ มีบริการเช็คอินตอนกลับที่สถานี ที่เราซื้อตั๋วได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเช็คอินที่สนามบินอีกและสัมภาระเราก็ไม่ต้องถือระหว่างเดินทางไปสนามบิน สบายสุดๆ คุ้มกับการซื้อตั๋ว Airport express แนะนำคนที่จะไปเที่ยวนะคะ ปล.ออกมาจากประตูตม. ก็จะเจอป้าย Airport express ที่สนามบินเลย เมื่อ Airport express มาก็กระโดดขึ้นได้เลยหากเราซื้อตั๋วจากในเว็บที่ไทยแล้ว


เมื่อถึงสถานี Kowloon แล้วก็ลง และอย่าลืมเปลี่ยนจาก ตั๋วที่ซื้อมาจากไทยเป็นบัตรแข็งนะคะ ไม่งั้นเดียวออกไม่ได้


เคาน์เตอร์ที่เปลี่ยนจากตั๋วที่เราซื้อมาเป็น บัตรแข็ง

บัตรแข็งเก็บไว้ใช้ตอนขากลับนะคะ (หากซื้อตั๋วแบบไป-กลับ)


หลังจากออกจาก Airport express แล้วจะมีป้ายบอกทางว่า "Airport express Shuttle Bus service" ก็เดินตามป้ายเลยก็ดูว่าเราจะไปที่ลงที่สถานนีไหนก็โดดขึ้นรถตามสายที่เราจะเดินทางได้เลย


ขณะนี้เป็นเวลา 21.00 น. ตอนนี้ถึงโรงแรมแล้วด้วยความที่โรงแรมติดกับ mtr สถานี jordan ออกทาง B1 เลยสะดวกต่อการเดินทางและที่แน่นอนคือครั้งนี้ ไม่หลงงงงงง ดีใจ ทุกทีต้องเดินวนไปวนมาถึงจะถึงโรงแรม 555


คุณลุงออกมาต้อนรับอย่างดีและพูดภาษาอังกฤษเก่งมากและใจดี โรงแรมสะอาดมาก จะมีคนมาทำความสะอาดห้องทุกวัน ที่นี่สะอาด เนื้อที่ในห้องอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ไม่อึดอัดสำหรับคน 2 คน ใครจะไปฮ่องกงแนะนำโรงแรมนี้เลยค่ะ


เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้วท้องก็เริ่ม แย่งกันโวยวายว่าหิวแล้ว เลยต้องหาอะไรปิดปากท้องสักหน่อย เราสองคนจึงพากันเดินไปสำรวจแถวๆที่พักกัน


เดินไปเรื่อยๆ ไปเจอร้านขายของกินคล้ายๆ ติ่มซำ และทาร์ตไข่ที่เลื่องชื่อในฮ่องกง ก็ต้องลองกินสักหน่อย นอกจากหาซื้อของกินแล้วก็ต้องเดินหาซื้อ ตั๋ว Octopus card ด้วย เราขอตั้งชื่อตั๋ว Octopus card ว่า "ตั๋วอำนวยความสะดวก" เพราะนอกจากจะเป็นตั๋วรถไฟฟ้า MTR แล้วยังสามารถเป็นตั๋วรถเมล์ ยันตั๋วซื้อข้าวกิน ซื้อของกินใน 7-11 ตั๋ว Octopus card ซื้อได้ที่สถานี mtr ได้ทุกที่ ราคาอยู่ที่ 150 HKD ค่ามัดจำบัตร 50 HKD และค่าเติมในบัตร 100 HKD เมื่อซื้อ Octopus card แล้วตอนกลับสามารถแลกคืนได้ Airport express ที่สนามบินหรือ mtr จะได้ค่ามัดจำบัตรมา 50 HKD และเงินที่เราใช้ไม่หมด แต่เรื่องความโง่ส่วนตัวของเราเอง เราไปซื้อตั๋ว Octopus card ในร้านสะดวกซื้อของฮ่องกที่ไม่ใช่ 7-11 เลยได้บัตร Octopus card ที่ไม่สามารถคืนเงิน 50 HKD ได้เพราะฉนั้นเวลาซื้อบัตร Octopus card ต้องเช็คดูก่อนนะคะว่าเป็นบัตรแบบไหน ปล.ภาพบัตรที่ลงให้ดูจะไม่ได้ค่ามัดจำคืนนะคะ


วันที่ 11 เมษายน 2559 วันที่ 2


วันนี้เราสองคนวางแผนเที่ยววัด พยายามเก็บวัดที่ฮ่องกงให้หมดภายในวันนี้ แต่ช่วงที่ไปฮ่องกงฝนตกแนะนำใครมาช่วงเมษายนให้พกเสื้อกันฝนหรือร่มมาด้วยนะคะ เพราะฝนจะตกตลอดเกือบทั้งวัน เช้านี้กินข้าวเช้าที่หิ้วมาจากไทยช่วยประหยัดค่าอาหารเช้าได้เยอะ ก็ออกเดินทางไปไหว้พระใกล้โรงแรมที่เราพัก เราพาเดินกันมาเรื่อยๆเพราะอากาศดี ไม่ร้อน ออกจะหนาวๆนิดเพราะฝนตกหน่อยๆ

1. Tin Hau Temple


เป็นวัดที่ใกล้ที่พักเรามากที่สุด วัดที่นี่จะไม่ให้ถ่ายรูปเลยถ่ายข้างนอกมาให้ดูนะคะ ข้างในก็จะมีลักษณะคล้ายวัดจีนในไทย จะมีเทพเจ้าแห่งทางทะเลอยู่จะเป็นเทพเจ้าที่ชาวบ้านมากราบบูชาก่อนออกเดินทาง ที่นี้จุดพีคคือ จะมีการห้อยกำยานอันใหญ่ที่ม้วนเป็นขดก้นหอยอยู่บนเพดานและจะมีการจุด สวยไปอีกแบบเสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ

การเดินทาง : ลง MTR Yau Ma Tei exit E

2. Nan Lian Garden


ที่นี่เป็นสวนสาธารณะ เป็นสวนที่มีการผสมผสานสไตล์จีนและญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ต้องมาที่นี่เช้าๆหน่อยนะคะ เพราะตอนเช้าคนจะไม่เยอะเกินถ่ายรูปสวยเลยละ สวนนี้จะอยู่ตรงข้ามกับวัด Chi Lin Nunnery จะมีสะพานข้ามสามารถเดินได้เลย

การเดินทาง : ลง MTR Diamond Hill exit C2 ตามป้าย Chi Lin Nunnery เปิด 09.00-16.30

3. Chi Lin Nunnery


วัดนี้ถือว่าสวยมากเนื่องจากทำมาจากไม้ทั้งวัด เมื่อเข้าไปจะได้กลิ่นไม้เลย ที่นี่ดูเงียบอาจจะเพราะไปกันตอนเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะเลยค่อนข้างเงียบที่นี่จะไม่ให้ถ่ายรูปข้างในแต่ข้างในสวยค่ะ สวยมากพระพุทธรูปที่นี่ใหญ่แทบทุกองค์และลักษณะจะไม่เหมือนพระพุทธรูปที่ไทย มาฮ่องกงลองสังเกตกันดูนะคะ และที่นี่เป็นสำนักนางชีในพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉลียงใต้ เป็นสถาปัตยกรรมในยุคราชวงศ์ถังของจีน และที่น่าสนใจคือไม่ใช้ตะปูยึดไม้สักตัว

การเดินทาง : ลง MTR Diamond Hill exit C2 ตามป้าย Chi Lin Nunnery เปิด 09.00-16.30

4. Wong Tai Sin Temle


วัดนี้ถือเป็นวัดที่มีคนมากราบไหว้เยอะที่สุดถือเป็นวัดที่มาฮ่องกงแล้วต้องมาไหว้หากไม่มาจะถือว่ามาไม่ถึงฮ่องกง ที่นี่เป็นวัดลัทธิเต๋าที่ชาวฮ่องกงนับถือมาเป็นระยะเวลา 60 ปี และที่นี่เป็นที่เสี่ยงเซียมซีได้แม่นยำ แต่เราสองคนไม่เสี่ยงไม่ใช่อะไร อ่านภาษาจีนไม่ออก 555555 วัยรุ่นเซ็งเลยและที่นี่จุดที่ห้ามพลาดนอกจากเสี่ยงเซียมซี คือการจับ รูปปั้นสิงโต เขาเชื่อกันว่าเงินทองจะไหลมาเทมา ใครไปอย่าลืมไปจับสิงโตที่หน้าวัดนะคะ นอกจากมีวัดแล้วก็มีสวน Good Wish Garden ที่มีการเลียนแบบสวนในปักกิ่งมาอีกด้วย

การเดินทาง : ลง MTR Wong Tai Sin exit B3 ออกมาแล้วเลี้ยวชวา

5. Che Kung Temle


ที่วัดนี่จะมีเอกลักษณ์ที่เราชอบมากคือ ธูปที่มีลักษณะใหญ่มาก ที่นี่จะไม่มีพระพุทธรูปแต่จะมีรูปปั้นนายพลที่สูงถึง 10 เมตร นอกจากรูปปั้นที่ใหญ่ ธูปที่ใหญ่ที่นี่ยังมีกังหันลมด้วย เขาเชื่อกันว่ากังหันลมจะช่วยพัดเอาสิ่งชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บออกจากตัว นำพาแต่สิ่งดีเข้ามาในชีวิต หากใครมาที่นี่อย่าลืมหมุนกังหัน 3 ครั้งและขอสิ่งที่อยากขอเพราะเชื่อว่าถ้าได้หมุนกังหันแล้วจะมีแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต

การเดินทาง : ลง MTR Tai Wai exit B เดินตรงไปเรื่อยจะเจอ subway เลี้ยวซ้าย เดินสุดทางเลี้ยวขวา จะเจอป้ายบอกทางไปอีก 100 m. (หากไปไม่ถูกจะมีป้ายบอก)

6. Hong Kong Heritage Museum


ด้วยความที่วันนี้เก็บวัดเสร็จตามที่วางแผนเร็วกว่าเวลาที่คิดไว้เลยทำให้ว่างเลยต้องเดินเล่นเดินมาเรื่อยๆก็เลยเจอกับ พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมฮ่องกงที่นี่จะเสียค่าเข้า 10 HKD สำหรับผู้ใหญ่ หากเป็นเด็กจะเสีย 5 HKD เราก็เลยเสียตังค์ค่าเข้าในราคา 5 HKD ใช่ค่ะอ่านไม่ผิด 5 HKD เพราะแสดงบัตรนักศึกษาดีนะเอาไปด้วยเลยได้ลด เหลือตั๋วของเด็ก โอ้ๆๆ ประหยัดไปอีก ที่นี่ไม่ให้ถ่ายรูปเลยถ่ายข้างนอกมาให้ดูแทนนะคะ ฟ้าชอบที่นี่เพราะช่วงที่ไปมีการจัดการแสดงประวัติ ของบรู๊ซ ลี ถือว่าได้รู้จัก บรู๊ช ลี มากขึ้น

การเดินทาง : ลง MTR Che Kung Temple exit A ข้ามทางม้าลายและเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือ MTR Sha Tin exit A3

7. แหล่งช้อปย่าน Mong Kok


หลังจากเดินพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนต่อพอดีเห็นทางกลับโรงแรมต้องผ่าน Mong Kok ก็เลยพากันแวะที่ Mong Kok ก่อนเผื่อจะแวะกินข้าวแต่อุปสรรคเวลาที่เที่ยวฮ่องกงคือการหาร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นั้น ไม่รู้ทำไมเราสองคนหาไม่เจอกันสักที 555 เหนื่อยและก็หิว ก็เลยเข้าร้านไหนก็ได้ไปนั่งกินเลย อาหารที่ฮ่องกงราคาค่อนข้างแพง แต่ให้ปริมาณเยอะหากใครกินไม่มากแนะนำ สั่งมาแค่จานเดียวแล้วหารครึ่งกันก็ได้ค่ะจะประหยัดค่ากินไปอีก ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นเยี่ยม เพราะมีตั้งแต่เครื่องสำอางค์ รองเท้ายี่ห้อดัง (แฟชั่นและกีฬา) กระเป๋า เสื้อผ้า และ กล้องถ่ายรูป ที่นี่จะขายถูกกว่าไทยมาก ใครชอบช้อปย่านนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งนะคะ

การเดินทาง : ลง MTR Mong Kok exit D3

หลังจากเดินเล่นที่ย่าน Mong Kok เรียบร้อยก็กลับมาเดินแถวโรงแรมเนื่องจากวันแรกที่มาร้านของกินบ้างร้านก็ปิดไปแล้วเลยต้องมาเดินแถวที่พักเพื่อหาของกินอีกรอบ 555 และไปเดินเล่นที่ Temple Street Night Market เขาบอกว่าไปที่นู่นต้องห้ามพลาดกินน้ำมะม่วงปั่น ร้านเจ้าอร่อย ไปลองสั่งกินมาถือว่าอร่อยในระดับดี แต่ไม่ถือว่าดีเยี่ยม ไปฮ่องกงต้องไปลองดูนะคะ


วันที่ 12 เมษายน 2559 วันที่ 3


เช้านี้พากันตื่นแต่เช้าเนื่องจากวันนี้เราวางแผนไปเดินขึ้นเขาที่ The Dragon's Back ด้วยการไปอ่านเจอรีวิวน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปเดินมาแล้วรู้สึกว่าสวยและอยากไปฟ้าเลยชวนไปเดินที่นี่ แต่ก่อนไปเดินเราก็แวะไปไหว้พระกันก่อนสักหน่อย

8. Kwun Yam Temple

วัดนี่จะอยู่ติดกับทะเล วิวค่อนข้างสวยใครไปวัดนี่แนะนำให้แวะถ่ายรูปที่ข้างชายหาด แล้วค่อยมาสักการะเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ควรพลาดเช่นกันเนื่องจากวัดนี้เป็นวัดที่เมื่อมาฮ่องกงต้องไปไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลสักหน่อย ที่นี่ใครจะขอพรเรื่องลูกจะสมหวังทุกคน

นอกจากสักการะเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ควรจะเดินข้ามสะพานเพื่อเป็นการต่ออายุโดยให้เดินไปทางขวามือของเจ้าแม่กวนอิมจะเจอสะพานเชื่อกันว่าให้ก้าวขาซ้ายก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกจะต่ออายุเรา แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเดินย้อนกลับมาทางเดิม นอกจากเดินสะพานต่ออายุแล้ว ก็ยังมีเทพเจ้าแห่งความรัก หากใครแอบชอบใครให้วางมือบนหินสีดำที่อยู่ข้างๆเทพเจ้า จะสมหวังหากใครยังโสดก็ให้ขอพรจากเทพเจ้าได้เลย ปล.ทำไมจับหินสีดำแล้วยังไม่สมหวังอะ 5555 เดินมาเรื่อยๆจะมาเจอกับปลามังกรเสี่ยงโชค ปลามังกรจะอยู่ใกล้ๆกับสะพาน หากเราโยนเหรียญแล้วเข้าปากมังกรสำเร็จ พรที่เราขอมาจะเป็นจริง และสุดท้ายคือ ศาลาแห่งสิริมงค ผู้ที่ต้องการขอพรให้เข้าไปตรงกลางของป้ายหินแกะสลักสีแดง แล้วใช้มือทั้งสองข้างลูบบนป้ายหินอ่อนเป็นเลข 8 เชื่อกันว่าจะโชคดีไม่สิ้นสุด


การเดินทาง : ลง MTR Central exit A เดินไปที่ Exchange square แล้วนั่งรถบัสสาย 6,6X,66 หรือ 260 ลงสถานี Repulse Bay Beach (ให้สังเกตอาคารที่มีรูโหว่ตรงกลางให้กดกริ่งลงแล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินลงไปที่ชายหาดไปเรื่อยจะเจอเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่) เปิด 07.00-18.00


ระหว่างทางวิวค่อนข้างสวยนะคะหากใครอยากได้ภาพสวยแนะนำให้นั่งชั้น 2 ของรถบัสและรถบัสที่นี่จะมีชื่อของสถานีบอกตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลง


9. The Dragon's Back


หลังจากไหว้พระเสร็จเราก็มาทดสอบความอึดของเรานั้นคือการเดินขึ้นหลังมังกร 0.O เส้นทางนี่เป็นเส้นทางเดินเขาที่นิตยสารของไทม์ของสหรัฐเคยประกาศว่าเป็นเส้นทางเดินเขาที่ดีที่สุดในเอเชียโดยจะใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. แต่ก่อนที่เราจะไปปืนหลังมังกรฝนดันเกิดตกปรอยๆ ซะงั้นทำให้หมอกลงบวกกับละอองน้ำเยอะมากทำให้ตลอดทางเดินยังกับเดินอยู่ในเขาวงกตในหนังเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ตอน ถ้วยอัคนี ทำให้ไม่ได้เห็นเส้นทางสวยๆของ หลังมังกรเลย แต่หมอกลงก็สวยไปอีกแบบค่ะ 

การเดินทาง : ลง MTR Shau Kei Wan exit A3 เดินไปที่ลานจอดรถบัสสุดทางต่อคิวขึ้นรถสาย 9 ลงป้าย " To Tei Wan "


หลังจากเดินหลังมังกรเสร็จแล้วมีโปรแกรมไป Victoria Park กันต่อแต่เนื่องจากฝนดันตกมาหนักมาก ตกจนเป็นอุปสรรคในการเดินทางจึงต้องหันมาเดินช้อปปิ้งกันที่ Causeway Bay แทนทำไมฝนต้องตกวันที่เค้าไปฮ่องกงด้วยอะ ไปไหนไม่ได้เลยเพราะฝนตกหนัก T^T


วันที่ 13 เมษายน 2559 วันที่ 4


10. Ngong Ping 360

เช้านี่ที่ไทยคงเล่นสงกรานต์กันสนุกสนานแต่เช้านี้ที่ฮ่องกงฝนตก T^T แล้ววันนี้มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ Ngong Ping 360 ด้วย ก่อนออกมาคุณลุงที่ดูแลโรงแรมก็ถามว่าวันนี้ยูจะไปเที่ยวไหน ก็เลยบอกเขาไปว่าจะไปนองปิง เขาก็บอกว่าไปวันนี้ไม่สวยหรอกยูอย่าไปเลยฝนมันตกด้วย ยูไปเดินช้อปปิ้งดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยไป เอาแล้วไงใจเริ่มโลเลว่าจะไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็คุยกับฟ้าว่าไปกันดีกว่าไหนก็วางแผนว่าจะไปกันแล้วเลยมุ่งหน้าไปนองปิงกันเลย Ngong Ping 360 เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่จะพาเราข้ามทะเล ภูเขาเพื่อจะไปไหว้พระที่หมู่บ้าน นองปิงระยะทาง ประมาณ 5.7 กิโลเมตรใช้เวลา 20-25 นาที การไปครั้งนี้เราซื้อตั๋วกระเซ้าไว้แล้วทำให้เราไม่ต้องต่อแถวยาวมากนักและไปกันตั้งแต่เช้าทำให้ยังไม่มีคนเยอะและทัวร์ยังไม่ลง เลยทำให้ได้ขึ้นกระเช้าได้รวดเร็ว  ปล.อย่าลืม‼บัตรที่ซื้อมาจากไทยต้องไปแลกเปลี่ยนบัตรที่ใช้ได้จริงก่อนนะคะ

การเดินทาง : ลง MTR Tung Chung exit B เปิด 10.00-18.00

ถึงแล้ววววว ตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านนองปิง


11. Po Lin Monastery (วัดโปลิน)


วัดโปลินจะอยู่ข้างๆกับ Tian Tan Big Buddha ในวัดมีการสร้างที่ค่อนข้างสวยคนส่วนมากจะเข้าไปสักการะ Tian Tan Big Buddha ก่อน เลยจะไม่ค่อยมีคนเดินมาวัดโปลิน หากใครมาสักการะ Tian Tan Big Buddha อย่าลืมมาแวะที่วัดโปลินนะคะ

12. Tian Tan Big Buddha


เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก (สูง 34 เมตร) โดยพระพุทธรูปองค์นี้สร้างจากทองสัมฤทธิ์ 202 แผ่น ที่นี่บันไดสูงมากเวลาเดินขึ้นทำให้ลิ้นห้อยกันเลยทีเดียว แต่เมื่อถึงข้างบนบอกเลยคุ้มค่ากับการเหนื่อยข้างบนสวยมาก หากใครเหนื่อยมากๆเดินไม่ไหวก็ให้ท่องไว้ว่า สวย สวย สวย 55555

ถึงเวลากลับแล้วขาไปฝนตกหนัก ขากลับหวังว่าจะได้เห็นวิวสวยๆบ้างและสุดท้าย…ก็ได้เห็นเย้เย้ ‼


13. The Hong Kong Observation Wheel


ตอนจะไป The Hong Kong Observation Wheel ฝนก็ตกมาหนักทำให้หมอกคลุมทั่วฮ่องกงเป็นอย่างที่เห็นภาพฮ่องกงถูกหมอกกลืนกินไม่เห็นตึกเลยทีเดียว The Hong Kong Observation Wheel เป็นชิง ช้าสวรรค์สูง 60 เมตร อยู่ตรงท่าเรือ ferry พอดี หากใครจะไปดู Sky Terrace 428 ก็ต้องมารอรถบัสตรงหน้าชิงช้าสวรรค์พอดี นอกจากชิงช้าสวรรค์แล้วยังมีท่าเรือข้ามฝาก อีกโดยที่ฮ่องกงจะใช้เรือข้ามฝากแบบ ferry ลำใหญ่ถ้าเป็นบ้านเราจะเป็นเรือลำขนาดกลางๆ แต่ที่นู่นจะใช้เรือลำใหญ่ จะข้ามจาก central ไป Tsim Shai Tsui เที่ยวละ 4 HKD เองค่ะถูกและเร็วกว่านั่งรถไฟ MTR

การเดินทาง : ลง MTR Central exit A เดินมาท่าเรือสตาเฟอร์รี

14. Peak Tram


พีกแทรมเป็นพาหนะเดินทางที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกงหากต้องการไปดูวิว ที่ Sky Terrace 428 หรือเรียกที่นี้ว่า the peak เป็นจุดชมวิวคล้ายๆกับใบหยกบ้านเรา เราสองคนซื้อตั๋วพีกแทรมและชมวิวไว้แล้วก่อนมาฮ่องกงทำให้ไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋ว ตอนนั่งพีกแทรมขึ้นจะมีการไต่ระดับขึ้นไป เหมือนนั่งอยู่ในรถไฟที่จะไปฮอกวอตส์ สนุกและคลาสสิคสุดๆ หากใครไปชมวิว Sky Terrace 428 แนะนำต้องนั่ง Peak Tram ขึ้นไป

การเดินทาง : ลง MTR Central exit A เดินมาท่าเรือสตาเฟอร์รี และนั่งรถบัสสาย 15C ลงที่ Peak Tram Station

15. Sky Terrace 428


จุดชมวิวที่ใครหลายๆคนแนะนำกันเพราะที่ฮ่องกงจะมีจุดชมวิวอยู่ 2 ที่ คือที่นี่และ Sky 100 แต่จากที่อ่านรีวิวเขาบอกว่าที่ Sky Terrace 428 วิวจะสวยมีเอกลักษณ์แบบฮ่องกง เราสองคนเลยตัดสินใจกันมาที่นี่แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าวันนี้ฮ่องกงถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และเมื่อขึ้นไปถึง Sky Terrace 428 มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก หมอก หมอก แล้วก็หมอก T^T เก๊าใจบ่ดีเลย เก๊าอยากเห็นวิวฮ่องกง แต่ไม่ได้เห็นเพราะหมอกลงตอนนั้นเฟลมาก เฟลจนจะร้องไห้ไม่ยอมคุยกับฟ้าเลย จนฟ้าพูดอยู่คำหนึ่งว่า "หยกอย่าตั้งความหวังหากเราตั้งความหวังไว้แล้วไม่ได้อย่างที่หวังจะทำให้เราเสียใจ" ตอนนั้นต้องขอบคุณฟ้าเลยที่ทำให้เราคิดได้

การเดินทาง : นั่ง Peak Tram แนะนำหากหมอกไม่ลงชมวิวตอน 17.30 (ช่วงที่พระอาทิตย์จะตกดิน)

ฟ้าเลยปลอบใจเลยพาเรามาดูการแสดงไฟที่ A Symphony of Lights Multimedia Show โดยการพานั่ง ferry ข้ามมาที่ฝั่ง Tsim Shai Tsui แต่ดวงก็ยังคงไม่เข้าข้างหยกอีกตามเคย ค่ะใช่อย่างที่คนอ่านคิด การแสดงไฟที่คนมาฮ่องกงต้องห้ามพลาด ไม่ทำการแสดง T^T วันอะไรของหยกและฟ้า มันไม่ใช่วันของฉันนนนนน14 เมษายน 2559 วันที่ 5


16. ช้อปปิ้งซื้อของฝากกลับไทย

วันนี้วันสบายๆ วางแผนกันไว้ว่าเป็นช้อปปิ้งกลับไทย เย้เย้‼ วันนี้เลยวางโปรแกรมไปช้อปทุกที่ในฮ่องกงที่เป็นย่านช้อปปิ้งทั้งหลาย ไปแต่ละที่ไม่ได้ซื้ออะไรเยอะนอกจากทำได้แต่มองและอยากได้ 5555 (ก็คนมันไม่มีตังค์อะ)

ฮ่องกงในสายหมอก วันนี้นอกจากช้อปปิ้งที่ย่านดังๆแล้วก็วางแผนจะแก้มือกับฟ้าไปดูไฟที่ A Symphony of Lights Multimedia Show อีกแต่ดูจากหมอกแล้วไม่รู้จะโชคดีอีกมั้ย TT เอาวะไม่ลองไม่รู้หรอกจริงมั้ย? 555


17. A Symphony of Lights Multimedia Show


A Symphony of Lights Multimedia Show ไฟที่นี้จะเริ่มแสดงตอน 20.00 จะใช้เวลา 15 นาทีในการแสดง โดยใช้อาคารสูงกว่า 30 อาคารริมอ่าววิกเตอเรีย ยิงแสงเลเซอร์ประกอบแสงสีเสียง ตามจังหวะเพลง หากจะไปชมไฟที่นี้แนะนำให้ไปชมตรงหอนาฬิกา (Clock Tower) นะคะจะสวยที่สุด แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดงเพราะคนไปชมกันเยอะ จะหาที่ชมยาก บอกเลยคุ้มค่ากับการรอ ค่อยชื่นใจหน่อยที่มากันอีกรอบ 555

การเดินทาง : ลง MTR Tsim Sha Tsui exit E และเดินไปบริเวณ Clock Tower

หลังจากการแสดงจบก็พากันจะกลับแต่ตาดันหันไปเจอรถอยู่คันหนึ่งที่มีคนมามุงต่อแถว คนอย่างเรามีหรือจะพลาด ก็ต้องไปดูสิว่าเขาทำไรกัน พอเดินเข้าไปใกล้เท่านั้นละเดินไปต่อแถวกับฟ้าเลย ก็รถที่เห็นคือรถขายไอติม เสร็จเราสองคน 5555 โคนละ 9 HKD เป็นรสนม อร่อยเลยค่ะแนะนำ หากไปดูไฟ A Symphony of Lights Multimedia Show อย่าลืมแวะไปกินกันนะ


หลังจากกินไอติมแล้วก็พากันนั่ง mtr กลับที่พักไปกินบะหมี่ที่หน้าโรงแรม ร้านนี้อร่อยแนะนำเพราะร้านนี้ในหนังสือท่องเที่ยวก็แนะนำ เส้นบะหมี่อร่อยค่ะ เวลาจะสั่งของกินที่ฮ่องกงจะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษหากจะสั่งของต้องขอเมนูเขาบอกเขาว่าขอ เมนูภาษาอังกฤษได้นะคะ


เป็นอันจบทริปเที่ยวฮ่องกงอย่างเป็นทางการเพราะไฟท์ที่จะกลับไปไทยคือไฟท์เช้าทำให้ไม่ได้ไปไหนนอกจากตรงไปสนามบิน เกือบไม่ได้กลับบ้านเพราะตามหา Gate ที่สนามบินฮ่องกงไม่เจอ เพราะ Gate ที่ฮ่องกงมีตั้งแต่ 1-80 แล้ว gate ที่หยกและฟ้าต้องขึ้นเครื่องอยู่ที่ Gate46 โอ้โห่ๆๆๆๆ วิ่งตารีตาเหลือกเลยค่ะเกือบไม่ทันพอดีเขากำลังต่อแถวขึ้นเครื่องกันพอดี ตอนกลับบ้านอย่าลืมเผื่อเวลาหา gate ที่สนามบินด้วยนะคะ เดียวเกือบตกเครื่องแบบเขา 5555555

การเดินทางแต่ละครั้งสอนเราได้มากมาย สอนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฝึกความอดทน และสอนว่าอย่าตั้งความหวังมากเกินไป หากเราตั้งความหวังไว้แล้วไม่ได้อย่างที่หวังจะทำให้เราเสียใจ หากใครยังไม่กล้าที่จะเดินทางอยากให้ลองเปิดใจ แล้วพาหัวใจนี้ไป…ฮ่ อ ง ก ง ค่ะ


สุดท้ายนี้ขอบคุณชาวฮ่องกงที่คอยช่วยเหลือเมื่อหลงทาง
ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง
ขอบคุณความไม่ขี้เกียจที่เขียนรีวิวนี้จนจบ
ขอบคุณฟ้าที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ช่วยกันแก้ปัญหา ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกัน ขอบคุณที่เดินข้างกันเสมอ และไม่ทิ้งกัน ขอบคุณที่ทำให้คิดได้
ขอบคุณหัวใจที่อดทนถึงแม้ร่างกายจะเหนื่อยแต่ใจกลับสู้ไม่ถอย
ขอบคุณนะหัวใจ

YOKMiSTerL

 วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.01 น.

ความคิดเห็น