พงพาเพลิน กลับมาพร้อม รีวิวประเทศ "รัสเซีย"  10 วัน 10 คืน 3 เมืองกับงบ 50,000 บาท โดยประมาณ แผนการเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันเลย


แผนการเดินทาง

Day 1 นั่งเครื่องบินจาก กทม. - มอสโก 

Day 2 เที่ยวในมอสโก

Day 3 เที่ยวในมอสโก

Day 4 นั่งรถไฟจาก มอสโก ไป เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

Day 5 เที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

Day 6 เที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

Day 7 นั่งเครื่องบินจาก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - มูร์มันสค์

Day 8 เที่ยวในมูร์มันสค์

Day 9 เที่ยวในมูร์มันสค์ บินกลับ มอสโก

Day 10  เที่ยวมอสโก นั่งเครื่องจาก มอสโก - กทม.

Day 1  

รัสเซียเป็นประเทศที่คนไทยสามารถล่าแสงเหนือ โดยไม่ต้องขอ Visa สามารถท่องเที่ยวได้ 30 วัน  ด้วยเหตุผลนี้ ทริปนี้จึงเกิดขึ้น 

เราซื้อตั๋วเครื่องบิน กทม. - มอสโกล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ราคาตั๋วไปกลับอยู่ที่ 19,500 บาท รวมโหลดกระเป๋า 23 กิโลแล้ว  

เราเดินทางด้วยสายการบินแห่งชาติของประเทศรัสเซียนั้นคือ "สายการบิน Aeroflot" เริ่มต้นด้วยการรีวิวสายการบิน Aeroflot เลยแล้วกัน

ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ 10.15 น. ถึงสนามเชเรเมเตียโว (Sheremetyevo Airport ) เวลา 16.15 น. (เวลารัสเซี่ยนไทม์ - รัสเซียเวลาช้ากว่าเรา 4 ชั่วโมง) ใช้เวลาบินรวมทั้งหมด 10 ชั่วโมงพอดี  มีไม่กี่สายการบินที่บินตรงจากไทยไปมอสโกเลย

สายการบิน Aeroflot เป็นสายการบินที่ตรงเวลามาก เรียกขึ้นเครื่องตามกำหนดเวลาเป๊ะๆ และ ออกเวลาที่ระบุไว้คือ 10.15 น. อันนี้ประทับใจมากครับ

เครื่องลำใหญ่มีจอ ดูหนัง เล่นเกมส์ สำหรับให้เราแก้เบื่อขณะเดินทาง

สำหรับที่นั่งก็กว้างครับนั่งสบายสำหรับคนเอเชียแบบเรา มีรองเท้าแตะ ,ที่อุดหู , Hand Cream ,ผ้าห่ม , หมอน ,ผ้าปิดตา , หูฟัง , น้ำดื่ม และ อาหารให้ 2 มื้อตลอดการเดินทาง

อาหารสำหรับผมแล้วไม่อร่อย ผมไม่ค่อยได้กินอาหารที่ได้มาเลย กินแต่ขนม สำหรับการบริการถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไรครับ ขอน้ำดื่ม แอร์ทำหน้าเย็นชาไม่ค่อยปลื้มกับการให้บริการเท่าไร เป็นแบบนี้ทั้งขาไปและ ขากลับเลย

บินประมาณ 10 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงรัสเซีย เรารับกระเป๋าและเดินออกมาจาก Gate ทางขวามือ มีจุดขาย SIM โทรศัพท์ทันที เป็น SIM ของ MagaFon

(ราคาแรงครับ เดี๋ยววันที่ 2 จะแนะนำ SIM ของ MTC ราคาถูกกว่ามากใช้งานได้เหมือนกันทุกประการ)

ไปดูราคาค่าเสียหายกัน เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมครับ ส่วนผมเลือกแบบ 15GB โทรได้ 500 นาที ใช้งานได้ 14 วัน ราคา 1500 RUB

(ประมาณ 750 บาท) อยู่ที่นี้คิดค่าเสียหายง่ายครับ ซื้ออะไรก็จับหาร 2 ให้หมด 

หลังจากนั้น เราใส่ SIM ผมก็ใช้ App Uber เรียกรถแท็กซี่ทันที 

เตือนภัย ต่อไปจะเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายในการเรียกแท็กซี่ครั้งแรกในมอสโกครับ เรื่องมีอยู่ว่า!!!

1.เราเรียก Uber ปรากฎว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่องถึงจุดนัดพบ (Uber ไม่พูดภาษาอังกฤษเลยซักนิดเดียว)

2.เราจึงลองหาแท็กซี่ด้านนอกดู กำลังถามๆ อยู่ มีแท็กซี่อีกคันสวมรอยเรียกให้เราไปขึ้นรถ

3.แท็กซี่คันนี้พยายามบอกเราว่า เขามาแทนแท็กซี่ที่เราเรียกผ่าน Uber ให้เรากดยกเลิกการเรียก Uber ได้เลย

4.ด้วยความงง ในการสื่อสาร แท็กซี่คันนั้นยกกระเป๋าเราขึ้นรถของตัวเองทันที แล้วบอกให้เราขึ้นรถได้เลย

5.เรามึนๆ และ เดินตามไปขึ้นรถ

6.แท็กซี่ขับออกไป แล้วถามเราว่าจะไปไหน "อ้าว งานเข้าแล้ว ในใจคิด" มาแทน Uber ไม่รู้เหรอว่าพวกตูจะไปไหน

7.แท็กซี่ใช้ Google Translate กับเราพูดกันไปมาแล้วถามจุดหมายของเรา พร้อมคิดเงินค่าออกจากสนามบิน 500 RUB

8.เราไม่ยอมจ่ายและคิดว่าโดนหลอกแล้วแน่นอน เราเลยบอกให้จอดรถ มันบอกว่าถ้าลงตอนนี้เสีย 1000 RUB แต่ถ้าให้มันไปส่งถึงที่คิด 5000 RUB

9.เราไม่มีทางเลือก เลยต่อรองราคา สรุปเราให้มันไปส่งถึงที่ และเสียเงินไป 3000 RUB จากราคาใน Uber ประมาณ  1300 -1700 RUB (แล้วแต่สภาพการจราจร หากรถติดจะมีค่าชดเชยให้กับแท็กซี่ด้วย)

จากความสับสนในภาษารัสเซียที่เราพูดไม่ได้ และสมองเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้เราเจอบทเรียนครั้งสำคัญอีกครั้งในการเดินทาง  และเป็นครั้งแรกที่เจออะไรแบบนี้ "การปล้นโดยสุจริต"  

*Application Uber ต้องทำการโหลดใหม่นะครับ ชื่อว่า "Uber Russia"

วันนี้เราขอจบการรีวิวด้วยการรีวิวที่พัก "Retro - Hotel Street Flash - Booking"  (Retro - hotel Straight flush - Google Map)

ข้อดี

1.ติดสถานีรถไฟใต้ดิน Pervomayskaya สายสีน้ำเงิน แค่ 350 เมตร 

2.ใกล้ Super Market

3.ใกล้ร้านอาหารหลายที่ 

4.ใกล้ร้านมือถือ MTC

5.ห้องใหญ่ มีห้องน้ำในตัว

6. ราคาแค่คืนละ 1000 บาทแถมพักได้ 3 คน

7.มีน้ำดื่มทั้งเย็นและร้อนให้เติมได้ตลอดเวลา

8. บริการดีฝากกระเป๋าได้ปลอดภัย

ข้อเสีย

1. ไม่มีลิฟท์ ต้องแบกกระเป๋าเดินทางหนักๆ ขึ้นบันได

2. พนักงานพูดภาษาอังกฤษ แทบไม่ได้เลย 

ไปดูสภาพห้องกัน เริ่มด้วยเตียงนอน (มี 3 เตียงสำหรับ 3 คนนะครับผมไม่ได้ถ่ายอีกเตียงนึงมา)

ห้องน้ำ

ตู้เย็นติดกับตู้เสื้อผ้า

TV ยังเป็นจอตู้อยู่เลยนะจ๊ะ แถมไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่หนังพากย์ภาษารัสเซียล้วนๆ

ขอจบการรีวิววันแรกไปแต่เพียงเท่านี้ วันที่ 2 จะพาขึ้นรถไฟใต้ดินด้วยบัตรม้า "Troika Card" จะเป็นอย่างไรอย่าลืมติดตามกันนะ

พงพาเพลิน - Pongpaplearn

Day 2

วันนี้เราตื่นเช้ากันมาก เนื่องจากยังปรับเวลาไม่ได้ (รัสเซียช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)

เราเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสแดง ด้วยรถไฟใต้ดิน ที่มอสโกรถไฟใต้ดินมีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว M สีแดง

แน่นอน ก่อนจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน  เราแวะซื้อบัตรม้า "Troika Card"  ก่อน ณ ห้องขายตั๋วในสถานีได้เลย (ทุกสถานีมีขาย)

เราซื้อบัตรและเติมเงินลงไปในบัตรจำนวน 250 RUB มีค่าออกบัตร 50 RUB (ไม่ได้คืน)  รวมเราจ่าย  300 RUB (ประมาณ 150 บาท)

รถไฟใต้ดินมอสโก จะแตะบัตรแค่ขาเข้าอย่างเดียว ส่วนขาออกสามารถเดินออกไปได้เลย โดยค่าเดินทางต่อครั้ง ไม่ว่าใกล้ หรือไกลแค่ไหนก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เที่ยวละ 38 RUB (ประมาณ 19 บาท) นับว่าถูกสุดๆ เลยถ้าเทียบกับบ้านเรา เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะจองที่พักใกล้หรือไกลแหล่งท่องเที่ยวก็เสียค่าเดินทางพอๆ กัน - ผมเลยขอแนะนำให้จองที่พักติดรถไฟใต้ดินไว้ ดีที่สุด

เริ่มการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินจากสถานี Pervomayskaya ไปยังสถานี Ploshchad Revolyutsii นั่งประมาณ 20 นาทีก็ถึง

(เตรียมข้อมูลไปดีๆ นะครับ เพราะรถไฟใต้ดินที่มอสโกบางสถานีไม่มีภาษาอังกฤษกำกับเลย มีแต่ภาษารัสเซียเท่านั้น จะถามใครก็ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ) สถานีรถไฟใต้ดินในมอสโก นิอลังการทุกสถานีเลยสวยๆ ทั้งนั้น

สถานี Ploshchad Revolyutsii

ออก ที่ทางออก 11 และเดินไปทางซ้ายเรื่อยๆ ก็จะถึง จัตุรัสแดง (red square)

***สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในมอสโกอยู่บริเวณจัตุรัสแดงเกือบทั้งหมด

ทางเดินประดับไฟ ต้อนรับเทศกาลปีใหม่

เดินมาซักพักก็ถึงจัตุรัสแดง (Red Square) แหล่งรวมสถานที่สำคัญของมอสโก

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มอสโก (State Historical Museum)

มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral)

ช่วงใกล้ปีใหม่ จัตุรัสแดงจะจัดลานสวนสนุก และ ลานไอส์สเก็ตเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ซื้อบัตรเข้าเล่นได้

ห้างกุม (GUM Department Store) - ภายนอก

ห้างกุม (GUM Department Store) - ภายใน

อีกฝั่งเป็นพระราชวังเครมลิน (Kremlin)

เมื่อเราเดินบริเวณโดยรอบจัตุรัสแดงเสร็จสิ้นแล้ว วันนี้เราไม่มีกิจกรรมอะไรอย่างอื่นเนื่องจากทุกคนยังคงเหนื่อยกับการเดินทางมารัสเซีย และ อากาศก็หนาวมากๆ  เราจึงเดินเล่นชมเมืองจนไปจบที่ร้านราเม็งชื่อ "Ramen Klab"

ราเมงไม่อร่อยอย่างแรง รสชาติเค็มอย่างเดียวเลย ชามละ 400 RUB

ข้าวก็ไม่ค่อยอร่อย เนื้อหมูมีกลิ่นไม่ค่อยดี ราคา 350 RUB  สรุปไม่แนะนำนะครับร้านนี้  

หลังจากกินเสร็จแล้วเราก็เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินกลับที่พักทันที เมื่อถึงสถานี Pervomayskaya  เราเดินผ่านร้านขายมือถือ "MTC" จึงเดินเข้าไปสอบถามราคา sim card เผื่อจะซื้อเพิ่มเติม ปรากฎว่าราคา sim card แบบ Unlimited Data ใช้งานได้ 30 วัน ราคาแค่ "585 RUB" เท่านั้น ราคาถูกกว่าที่ซื้อที่สนามบินเกือบๆ 3 เท่าเลย เราเลยซื้อ sim อีกรอบเผื่อเวลาพลัดหลงกันจะได้สามารถโทรหากันได้  เท่าที่ลองใช้สัญญาณไม่ต่างกับ Megafon เลย

หลังจากนั้นเราก็ซื้อของกินที่ Super Market แถวที่พัก พรุ่งนี้เราจะไปต่อคิวเพื่อเข้าพระราชวังเครมลินกัน  

อย่าลืมติดตามกันนะ

พงพาเพลิน - Pongpaplearn

Day 3

วันนี้เรายังคงออกเช้าเช่นเดิม เราเดินทางจากสถานี Pervomayskaya ไปยังสถานี Arbatskaya เพื่อไปรอต่อคิวเข้าพระราชวังเครมลิน

สถานี Arbatskaya

เดินออกทางออกที่ 5

เนื่องจากเราไปเช้ามากเกินไปสถานที่ขายตั๋วยังไม่เปิด และ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเราได้เลย เราจึงไปเดินเล่นบริเวณโดยรอบก่อน โดยเริ่มจาก

สะพาน Bolshoy Kamenny Bridge

Pashkov House

ห้องจำหน่ายตั๋วพระราชวังเครมลิน (Kremlin)

ห้องจำหน่ายตั๋ว เปิด 9:30-16:30 น.

เวลาเปิดให้เข้าชมพระราชวังเครมลินตั้งแต่ 10:00-17:00 ปิดวันพฤหัสบดี

พระราชวังแบ่งเป็นหลายโซน และมีค่าเข้าชมแตกต่างกันไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kreml.ru/en-Us/visit-to-kremlin/

พวกเราเลือกเข้าชมแค่บางส่วนเพื่อเหลือเวลาในการเดินทางไปสถานที่อื่นต่อ เสียค่าเข้าชมไป 1000 RUB ประมาณ 500 บาท

พระราชวังเครมลิน (Kremlin)

หลังจากเยี่ยมชมพระราชวังเสร็จ พวกเราก็เดินต่อไปเยี่ยมชมโบสถ์  Cathedral of Christ The Saviour ระหว่างทางเดินเราก็แวะกินข้าวกลางวันก่อนที่ร้านนี้ "KopyMa" (ภาษารัสเซีย)  ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Pashkov House

ร้านดี บรรยากาศได้ฟิล รัสเซี่ยนมาก

เราสั่งอาหารมา 3 จาน  อร่อยมากทุกจาน

จานที่ 1 สเต็กเนื้อ

จานที่ 2 สเต็กไก่

จานที่ 3 ไส้กรอกหมู

ค่าเสียหาย 1,480 RUB รวมทิป 7% มื้อนี้เราหมดไป 1,600 RUB ประมาณ 800 บาทเท่านั้นเอง อย่าลืมเข้าร้านอาหารที่นี้ต้องให้ ทิปเสมอ

หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็เดินต่อเพื่อไปชมความงามของโบสถ์ Cathedral of Christ The Saviour แต่ปรากฎว่าปิดซ่อมแซม ชมได้แต่ภายนอกไม่สามารถเข้าไปชมความงามภายในได้ เป็นที่ที่ 2 แล้วที่เรามาแล้วปิดซ่อม  โบสถ์สามารถเดินจากพระราชวังเครมลินไปได้นะประมาณ 800 เมตร

Cathedral of Christ The Saviour

ถ่ายรูปจนพอใจแล้วเราเรียกรถ Uber ต่อไปยังตลาด อิซเมโลฟสกายา Izmailovsky Souvenir Market

ตลาดนี้เป็นตลาดซื้อของขวัญของฝากชื่อดังในมอสโก  และ เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวัน แต่ควรจะมาวันเสาร์-อาทิตย์เพราะจะมีร้านเปิดขายของเป็นจำนวนมาก  มากกว่ามาวันธรรมดา เราพลาดที่มาในวันธรรมดา มีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่ไม่มากเท่าไรนัก ทำให้เลือกซื้อของได้ในวงจำกัด

ตลาดห่างกับที่พักเราแค่ 2 สถานีรถไฟใต้ดิน ขากลับเราจึงเดินกลับไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Partizanskaya Station เพื่อกลับที่พัก อ่อก่อนจะถึงสถานีเราเจอห้างเลยแวะ ปรากฎว่ามีขายช๊อกโกแลตราคาดีงาม และ มี Adidas Outlet อยู่ในนั้น ห้างตามรูปด้านล่างนี้เลย

เช่นเดิมวันนี้เราซื้ออาหารเย็นที่ Super Market ใกล้ที่พัก เป็นอันจบการผจญภัยในรัสเซียวันที่ 3 ไปแต่เพียงเท่านี้

พบกันใหม่ในวันที่ 4 อย่าลืมติดตามกันน้า

พงพาเพลิน - Pongpaplearn

Day 4

อยู่มอสโกยังปรับเวลาไม่ค่อยได้เท่าไร วันนี้เราย้ายเมืองกันแล้วนะครับ โดยเราจะนั่งรถไฟจากมอสโกไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  เราจองตั๋วล่วงหน้าจากเมืองไทยไป  ที่ Website  https://pass.rzd.ru/main-pass/public/en การเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามพร้อมกันได้เลย

แทคติกเล็กๆ น้อยๆ  เรา 3 คน มีกระเป๋าเดินทาง 3 ใบใหญ่ เราเลือกที่จะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม 1  ใบเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องเพราะเรายังต้องกลับมานอนที่มอสโกอีกคืนก่อนจะกลับเมืองไทย ช่วยประหยัดไปได้ประมาณ 2,000 บาทน้า

เริ่มต้นด้วยการเรียก Uber ตามเคย (หากมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ และไปกันหลายคน Uber เป็นทางเลือกที่สะดวกสบาย เมื่อหารเงินกันแล้วก็ราคาไม่แรงนะจ๊ะ)  เราเรียก Uber จากโรงแรมที่เราพัก ไปสถานีรถไฟระหว่างเมือง สถานีชื่อ "Leningradsky Vokzal"  อยากแนะนำให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆนะครับ เพราะมอสโกรถติดมาก  เราใช้เวลาเดินทางนานมากจากที่พักมาถึงสถานี

เราแวะซื้ออาหาร และ กาแฟที่ร้าน Costa เพื่อนำไปกินบนรถไฟ หลังจากนั้นเราเดินเข้าสถานี ก่อนเข้าสถานีจะต้องตรวจกระเป๋าเดินทาง  เพื่อผ่านเข้าไปรอยังสถานีรถไฟ ในสถานีมีบอร์ดแจ้งเวลา และแจ้งชานชาลาอยู่  สามารถตรวจสอบขบวนรถไฟได้เพราะมีภาษาอังกฤษกำกับ  (เย้ๆ มีภาษาอังกฤษให้บ้างแล้ว ดีใจอะไรนักหนา)

พอได้เวลาก็ต้องผ่านจุดตรวจกระเป๋าอีกรอบเพื่อเข้าไปยังชานชาลา ก่อนขึ้นรถไฟก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว เห็นรถไฟที่จะพาเราย้ายเมืองแล้วขบวนทางด้านขวามือ

รถไฟออกตามเวลาเป๊ะ คือ ออกจากมอสโก 9.40 - ไปถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก่อนเวลาเล็กน้อยคือ 13.20 น. (เวลาที่ระบุไว้ในตั๋วคือ 13.30) เรื่องความตรงต่อเวลาที่รัสเซียคงจะสำคัญมากนะครับ สถานีที่เราลงรถไฟใน เซนต์ปีเตอร์เบิร์กคือ "สถานี Moskovskij Vokzal" - ผมแนะนำว่าให้หาที่พักแถวสถานีนี้เลยครับ สะดวกมากๆ สำหรับการเดินทาง

"สถานี Moskovskij Vokzal"

สำหรับบัตรที่จะใช้ในการเดินทางใน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก มีหลายประเภทด้วยกันสามารถศึกษาได้ที่ Link

https://russiable.in/st-petersburg-public-transport-podorozhnik-card/?fbclid=IwAR06xkUSSUMZgfNd-X4jXVzNnuAKjmQ00aC_u41KKuMZAoArQNfsQx2LTCQ

*บัตร Troika ที่ซื้อมาจากมอสโก ไม่สามารถใช้งานที่ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ได้

ส่วนบัตรที่เราเลือกใช้ในการเดินทางใน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก คือบัตร "Multi-purpose unified ticket" เป็นบัตรที่ใช้ขึ้นรถเมล์,รถราง, รถไฟใต้ดินได้ทั้งหมด ไม่จำกัดรอบ โดยบัตรจะมีให้เลือกซื้อตั้งแต่ 1 - 7 วัน บัตรจะเริ่มนับตั้งแต่เราเริ่มใช้บัตรครั้งแรก เช่น ถ้าเราซื้อบัตรแบบใช้งานได้ 1 วัน ซื้อบัตรตอน 12.00 > เริ่มใช้บัตรตอน 14.00น. > บัตรจะไปหมดอายุการใช้งานตอน 13.59น. ของอีกวันนึง

บัตรสามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดินทั่วไป ราคาบัตรตามรูปภาพด้านล่าง และ บวกค่าออกบัตรอีก 60 RUB เสมอ

ขั้นตอนการซื้อบัตรตามรายละเอียดด้านล่าง (ขั้นตอนนี้สำหรับการซื้อบัตร ณ สถานี  Moskovskij Vokzal )

1.เดินออกจากรถไฟเข้าสู่ตัวสถานีให้สังเกตด้านซ้ายมือ

2.จะเห็นทางเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน

3.เดินตรงเข้าไปจะเจอเคาน์เตอร์ขายตั๋ว แจ้งตั๋วที่ต้องการซื้อ กับพนักงานได้เลย

4.รับบัตร (เราเลือกซื้อบัตร Multi-purpose unified ticket แบบใช้งานได้ 3 วัน ค่าบัตร 340+ ค่าออกบัตร 60 = 400 RUB หรือประมาณ 200 บาท)

ที่พักของเราใน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ชื่อ "Bright apartment in the very heart of the city" เป็นเหมือนบ้านปล่อยให้เช่า แต่เราจองผ่าน Booking เช่นเคย ที่พักของเราสามารถเดินจาก สถานีรถไฟ Moskovskij Vokzal ได้ทันที  โดยไม่ต้องต่อรถโดยสารใดๆ ทั้งสิ้น สะดวกมากๆ

หากใครต้องการอ่าน วิธีการเดินจากสถานีรถไฟ Moskovskij Vokzal  ไป "Bright apartment in the very heart of the city"

สำคัญ สำหรับผู้ที่จะพัก "Bright apartment in the very heart of the city"  ต้องทำการ Load "Whatapp" และเพิ่มเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของที่พัก เพื่อใช้ติดต่อ (ที่รัสเซียไม่สามารถใช้ Line ได้ครับ)  ซึ่งเจ้าของที่พักจะส่งขั้นตอนการเดินทางมายังที่พัก จากสถานีรถไฟ Moskovskij Vokzal ให้ (แต่ก็มีบางขั้นตอนไม่ได้แจ้งไว้ เช่นไปรับกุญแจห้องได้ที่ไหน เป็นต้น ผมเลยจะเขียนเพิ่มเติมให้  ไปติดตามกันได้เลย (รูปที่ได้มาจากเจ้าของที่พัก และมีบางส่วนที่ผมถ่ายให้เพิ่มเติม)

1.ออกจากตัวสถานี Moskovskij Vokzal เดินไปทางขวาตรงไปเรื่อยๆ

2.เมื่อเจอแยกลักษณะตามรูปด้านล่างให้ข้ามแยกและเดินไปทางขวา

3.จะเจอทางเข้า ที่พัก เป็นประตูโครงเหล็กสีดำๆ

4.เปิดประตูเข้าไปให้สังเกตุทางขวามือ

5.จะเจอประตูให้กดปุ่มแจ้งพนักงาน เพื่อให้เราขึ้นไปรับกุญแจกับรหัสเข้าประตู และ Checkin ที่เคาร์เตอร์ Checkin ชั้น 2

6.เมื่อได้กุญแจและรหัสเปิดประตูแล้วให้เดินเข้าไปภายในตัวตึก

7.ประตูทางเข้าให้กดรหัสตรงวงสีเขียวๆ  ไม่ต้องไขกุญแจ ก็สามารถเปิดเข้าไปได้

8. เมื่อเข้าไปจะสามารถมองเห็นประตูที่พักของเราได้ทันที

รีวิวที่พัก "Bright apartment in the very heart of the city" ครับ

1.เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือทันที

2.ที่พักมีอุปกรณ์สำหรับทำอาหารให้ พร้อมโต๊ะนั่งกินข้าว

3.ห้องกว้างและมีเตียงนอนด้านนอก ใกล้ๆ กับโต๊ะกินข้าว และยังมีโซฟาให้อีกตัวด้วยนะ

4.มี TV จอแบน และ Wifi สัญญาณแรง

5.ยังมีห้องนอนแยกให้อีก 1 ห้อง

ข้อดี

1.ติดสถานีรถไฟใต้ดิน และ สถานีรถไฟระหว่างเมือง

2.ติดสถานีรถบัส

2.ใกล้ Supermarket (ขนานเล็ก)

3.ใกล้ร้านอาหารหลายที่

4.ใกล้ห้าง GALERIA

5.ห้องใหญ่ มีห้องน้ำในตัว และมีห้องนอนแยก

6.ราคาแค่คืนละ 1100 บาท พักได้ 3- 5 คน

7.มีอุปกรณ์ทำอาหารให้ครบถ้วน

8.สะดวก ,ปลอดภัย

9.Wifi สัญญาณแรง

10. TV มีให้เลือกชมหลากหลายช่อง

ข้อเสีย

1.ขั้นตอนการเข้าพักมีความยุ่งยากต้องติดต่อกับเจ้าของห้องเท่านั้น

ผมแนะนำนะครับ สำหรับใครที่จะพัก "Bright apartment in the very heart of the city" ที่พักนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่จะมาเที่ยว เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก มากๆครับ ราคาดี ทำเลดี หาของกินง่าย ห้องกว้าง สะอาด ปลอดภัย 10 เต็ม 10 ครับ

เรามาเดินทางกันต่อหลังจากเราเก็บของเสร็จแล้วเราก็เดินทางด้วยรถเมล์เพื่อไป โบสถ์หยดเลือด "Church of the Savior on Spilled Blood"

โดยใช้บัตร "Multi-purpose unified ticket" เราสามารถนั่งรถเมล์ได้หลายสายจากที่พักไปจนถึง โบสถ์หยดเลือด แค่ไม่กี่ป้ายรถเมล์เท่านั้น และเดินต่ออีกหน่อยก็ถึงตัวโบสถ์

พอมาถึงผมถึงกับ "ยืนงง ในดงหิมะ" กันเลยทีเดียว โบสถ์หยดเลือด ที่ตั้งใจมาดูปิดปรับปรุงด้านนอกอีกแล้ว เป็นสถานที่ที่ 3 ของการมาทริปรัสเซียแล้วที่ปิดปรับปรุงไม่ภายนอก ก็ภายใน ไม่รู้จะถ่ายรูปยังไงให้สวยเลยจริงๆ ได้มาแค่นี้ครับ

โบสถ์หยดเลือด "Church of the Savior on Spilled Blood" - ภายนอก

หลังจากเศร้าโศกเสียใจอยู่ซักพักก็ทำใจได้  จึงเดินเข้าไปซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชมภายในโบสถ์ ราคา 350 RUB ครับ

โบสถ์เปิดทุกวัน 10.30-18.00 น.และ ปิดทำการในวันพุธ

เข้าชมภายใน สวยงามสมราคาจริงครับ

โบสถ์หยดเลือด "Church of the Savior on Spilled Blood" - ภายใน

โบสถ์เล็กๆ พวกเราจึงเดินชมอยู่ซักพักและก็ออกมาถ่ายรูปเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับโบสถ์ ตอนไปถึงมีหิมะปกคลุมไปทั่วเลย

หลังจากนั้นเราเดินกลับมาที่ถนนสายหลักของ ของเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก นั้นคือถนน Nevsky Ave และหาร้านกินข้าวเย็นกันที่นี้

เดินไปเจอกับร้านอาหารไทย ชื่อ "Shikari" เราจึงรีบแวะเข้าไปทันที สั่งอาหารมาทั้งหมด 4 จานดังนี้

1.ราเมงหมู

2.ต้มยำ (ที่รสชาติคล้ายต้มข่า)

3.หมี่ผัดไข่ดาว (เส้นเหมือนเส้นบุก มากกว่าเส้นหมี่นะ)

4.เสี่ยวหลงเปา (แป้งหนาไปหน่อย)

มื้อนี้ราคารวมทิป หมดไปเกือบๆ 2000 RUB หรือ ประมาณ 1000 บาทครับ

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วเราก็เดินข้ามฝั่ง ไปนั่งรถเมล์กลับที่พัก เป็นอันจบวันที่ 4 ไปเพียงเท่านี้ครับ

พบกันใหม่ในวันที่ 5 นะครับสำหรับวันที่ 5 จะพาออกไปชานเมือง เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เพื่อไปชม "พระราชวังฤดูร้อน peterhof" ในหน้าหนาวกัน

อย่าลืมติดตามนะครับ

พงพาเพลิน - pongpaplearn

Day 5

อย่างที่ได้บอกไป วันนี้เราจะออกนอกเมือง  ไป "พระราชวังฤดูร้อน Peterhof" แต่จะไปตอนหน้าหนาว เอ๊ะยังไง!!!

ตอนเช้าเราซื้อแฮม มาใส่ข้าวต้มซอง ที่เตรียมไปจากเมืองไทย กินเป็นมื้อเช้า ประหยัดงบประมาณไป  อ่อแจ้งเรื่องน้ำเปล่าซักนิดนึง  น้ำเปล่าในรัสเซียราคาไม่แพงมากแต่ถ้าไปสั่งกินในร้านอาหารจะแพงมากนะครับ เราเคยเจอ น้ำเปล่าตกขวดละ 200 บาททีเดียว

การเดินทางจากที่พักของเราไป "พระราชวังฤดูร้อน Peterhof"  มีดังนี้

1. เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจากสถานี Ploschad' Vosstaniya ไปยังสถานี Avtovo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ความอลังการของสถานีรถไฟใต้ดิน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ไม่ต่างกับที่มอสโกเลย

สถานี Avtovo

2.ออกจากสถานีเดินไปทางขวา และ ลอดอุโมงค์  เพื่อข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งนึง

3.ยืนรอรถเมล์สาย 200,210 ,K-300 ,K-404, K-424,K-424A ไปได้หมด (รถเมล์สายที่ขึ้นต้นด้วยตัว K จะลักษณะเป็นรถตู้นะครับ อย่าขึ้นผิดกันนะ)

4.ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีรถก็พาเรามาถึง Peterhof

เดินเข้าไปด้านในได้เลยครับห้องขายตั๋วอยู่ในตัวอาคาร Peterhof แวะถ่ายรูปที่นั่งบริเวณด้านหน้าอาคารซะหน่อย

"พระราชวังฤดูร้อน Peterhof" เปิด 9.00-18.00 น. ค่าเข้าชม 1,000 RUB หรือประมาณ 500 บาท

ข้างในสวยงามและอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ครับ

เดินเล่นด้านในจนพอใจ เราก็ออกมาเก็บบรรยากาศด้านนอกต่อ

บรรยากาศในฤดูหนาวก็จะแตกต่างกับฤดูร้อนอย่างสิ้นเชิง

อีกซะรูป

หลังจากเดินชมความงามของ "Peterhof" จนพอใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายแล้ว สมาชิกหิวกัน เราจึงแวะกินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ พระราชวัง เป็นร้านอาหารจีนที่รสชาติก็จีนด้วยจ้า เนื่องจากพ่อครัวเป็นคนจีนเลย ชื่อร้าน "PECTOPAH Restaurant"

เราสั่งอาหารมา 3 จาน อร่อยทุกจาน ดังนี้

1.บล็อคโคลี่ผัดน้ำมันหอย

2.หมูทอดผัดเปรี้ยวหวาน

3.หมูเส้นผัดซอส

มีข้าวสวยร้อนๆ อีก 3 จานและน้ำเปล่า ค่าเสียหายประมาณ 2000 RUB รวมทิปแล้ว แนะนำนะครับเสร็จจาก Peterhof แล้วมาร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน

หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็ข้ามฝั่งไปนั่งรถเมล์กลับไปที่สถานี Avtovo และต่อรถไฟฟ้ากลับสถานี Ploschad' Vosstaniya  เพื่อกลับไปพักผ่อนซะหน่อยก่อนจะเดินทางต่อ อ่อ บัตร Multi-purpose unified ticket ที่เราซื้อมาใช้งานได้ครอบคลุมการเดินทางทั้งหมดเราไม่ต้องจ่ายค่าเดินทางใดๆ เพิ่มอีกแล้วครับ ดีมากๆ

หลังจากพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วเราเดินทางด้วยรถเมล์เช่นเดิมเพื่อไปชม "มหาวิหารคาซาน (Kazan Cathedral)" จริงๆแล้วมหาวิหารคาซานอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโบสถ์หยดเลือดเลยนะครับ แต่ผมเลือกจะแยกกันออก เพราะว่าจะใช้บัตร Multi-purpose unified ticket ให้คุ้ม 555

มหาวิหารคาซาน (Kazan Cathedral) เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน  จันทร์ถึงศุกร์เวลา 8:30-20.00น.  เสาร์อาทิตย์เวลา 6:30-20:00น.

มหาวิหารคาซาน (Kazan Cathedral) - ด้านใน

เสร็จจากมหาวิหารคาซานเราก็นั่งรถเมล์กลับที่พัก จบการท่องเที่ยวในวันที่ 5 ไปเพียงเท่านี้

ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ วันที่ 6 เราจะเข้าไปเยี่ยมชม "พระราชวังฤดูหนาว Hermitage Museum" กันบ้างอย่างลืมติดตามน้า

Day 6

วันนี้เราจะพาไปเที่ยว "พระราชวังฤดูหนาว Hermitage Museum" เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งในการมาเยือน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

เหมือนทุกวันเรากินข้าวเช้าก่อนออกเดินทางจากที่พัก เรานั่งรถเมล์ไปลงป้ายใกล้ๆกับ Hermitage Museum และเดินอีกนิดหน่อยก็ถึงทางเข้าครับ

พระราชวังฤดูหนาว Hermitage Museum เปิดทุกวัน 10.30น.-18.00น.

เดินเข้าไปต่อคิวและซื้อตั๋วเข้าชมด้านในได้เลย ค่าเข้าชม 700 RUB ประมาณ 350 บาท

ข้างในสวยงามมากนะครับ และมีหลายโซนให้เลือกชม เราใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ ในการเดินชมภายใน Hermitage Museum อยากจะบอกว่าเวลาทั้งวันก็ไม่สามารถเข้าชมทุกจุดได้หมดนะครับ แนะนำสำหรับคนชื่นชอบพิพิธภัณฑ์ มาใช้เวลาที่ Hermitage Museum ไม่ผิดหวังแน่นอน แบ่งรูปด้านในบางส่วนให้ชมกัน

1.

2.

3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.

10.

เราออกจาก Hermitage Museum เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วครับ เราเลยเดินหาร้านอาหารกินกัน ร้านนั้นชื่อ "King Pong" (ชื่อเหมือนเจ้าของกระทู้ไม่ลองโดนได้ยังไง)

ร้าน King Pong เป็นร้านอาหารไทยอีกแล้วครับท่าน มารัสเซียเข้าแต่ร้านอาหารไทย ตล๊อด ตลอด

บรรยากาศภายในร้าน

เราสั่งอาหารมาทั้งหมด 4 จานคือ ผัดไทย ,ข้าวผัดกะเพราหมู ,ข้าวผัดหมู ,ฮะเก๋า

ผัดไทย

ข้าวผัดกระเพราหมู

ข้าวผัดหมู หน้าตาคล้ายผัดกระเพรา

ฮะเก๋า

มื้อนี้เราโดนไปประมาณ 1800 RUB ครับ จริงๆแล้วข้าวราคาไม่แพงเลย แต่น้ำเปล่าในร้านอาหารที่นี้ แพงจริงๆ อ่อมีทิปให้กับพนักงานเสมอนะ

หลังจากนั้นเรายังเดินไปที่ มหาวิหารเซนต์ไอแซค (Saint Isaac’s Cathedral) ที่อยู่ห่างจากร้าน King Pongประมาณ 800 เมตร เราไม่ได้ซื้อบัตรเข้าชมเนื่องจากเป็นเวลาใกล้ปิดทำการแล้ว เลยถ่ายรูปแต่ด้านนอกไว้นะครับ

มหาวิหารเซนต์ไอแซค (Saint Isaac’s Cathedral) เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ 10:30น. – 18:00 น. ปิดทำการวันพุธ ค่าเข้าชม 250 RUB

วันนี้เรากลับไปเก็บกระเป๋า เตรียมตัวย้ายเมืองด้วยเครื่องบิน  พรุ่งนี้เราจะบินไป "มูร์มันสค์" เพื่อล่าแสงเหนือกันแล้วครับ จะเป็นอย่างไรนั้นอย่างลืมติดตามครับ

Day 7

วันนี้เราจะเดินทางโดยเครื่องบิน จากเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ไปยัง มูร์มันสค์ เริ่มต้นการเดินทางด้วยการเรียก Uber อีกแล้วครับท่าน จากที่พักเราไปยังสนามบิน "Pulkovo Airport" ที่ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก รถไม่ติดเท่ามอสโกครับ ไม่นานนักเราก็ถึง Airport

Pulkovo Airport

เครื่องเราออกจากเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเวลา 9.05 น. ไปถึงมูร์มันสค์เวลา 11.05 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเต็มๆ โดยเราบินกับ "Aerofolt" เช่นเดิม แค่คราวนี้เป็นเครื่องลำเล็กนะครับ และต้องเสียค่าโหลดกระเป๋าแยกกับราคาตั๋วครับ เหมือนสายการบิน Low Cost ทั่วไป

ไม่นานเราก็มาถึง มูร์มันสค์ เมืองสุดท้ายของทริปรัสเซียแล้วครับ หิมะรอต้อนรับเราอยู่แล้วพร้อมๆ กับอุณหภูมิประมาณ -5 องศาในวันแรก

การท่องเที่ยวในเมืองมูร์มันสค์เราซื้อ local guide หรือ ไกด์ท้องถิ่นในการพาเราท่องเที่ยว ดูแลเราตั้งแต่เราลงเครื่องจนถึงขึ้นเครื่องกลับมอสโก  คิดราคาที่คนละ 20,000 RUB หรือตกคนละ 10,000 บาท (ราคาไม่รวมที่พักและอาหาร) สำหรับทริป 3 วันมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

พอเราลงเครื่องไกด์ก็มารับทันที

สถานที่แรกที่ไกด์พาไปคือ  "โบสถ์ Savior on Waters" (ภาพที่ได้จะสีไม่ค่อยสดใสนะครับเพราะไม่มีแดดเลยทั้งวันครับ)

และมี  "ประภาคาร Memorial V Pamyat' O Pogibshikh V Mirnoye Vremya Moryakakh" ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน

สมอเรือ

หลังจากนั้นไกด์ก็ขับรถพาเราย้ายไปอีกสถานที่นึง  นั้นคืออนุสรณ์ทหารสงครามโลกครั้งที่ 2

เป็นอนุสรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่าทหารรัสเซียที่ปกป้องเมืองมูร์มันสค์ และประเทศรัสเซีย  ให้พ้นจากการรุกรานของจักรวรรดินาซี

Alyosha Monument

มุมสูงของเมืองมูร์มันสค์

ปืนปกป้องอากาศยาน

ได้เวลากินข้าวช่วงบ่ายๆ เช่นเคย ไกด์พาเราไปร้านยอดฮิตของมูร์มันสค์นั้นคือร้าน "TYHAPA (ภาษารัสเซีย) Grill & Bar"

ไม่ได้มากินร้านนี้เหมือนมาไม่ถึงมูร์มันสค์นะ (ขนาดนั้นเลย)  อาหารดีมากครับ อร่อยทุกอย่างเลย

พิซซ่าแป้งบางกรอบเสริฟพร้อมกับกุ้ง

อาหาร Special Set

T-bone สเต็ก

เราเลี้ยงอาหารไกด์ด้วยในมื้อนี้ ค่าเสียหายอยู่ 2000 RUB หรือประมาณ 1000 บาท อิ่มอร่อยมากๆสำหรับร้านนี้

กินข้าวเสร็จแล้วไกด์ก็พาเราไปยังห้องพักที่เราจองไว้ ชื่อ "Apartment on Kapitana Tarana 6" เหมือนเดิมครับลักษณะเป็นบ้านปล่อยให้เช่า

ข้อดี

1. ห้องใหญ่ มีห้องนอนแยก และมีห้องน้ำในตัว

2. ใกล้ Super Market

3. ราคาแค่คืนละ 1000 บาทแถมพักได้ 3 คน

4. มีอุปกรณ์ทำครัวให้ครบถ้วน

5. สามารถ Check Out ล่าช้าได้

6. ปลอดภัยมีประตูล๊อค 2 ชั้น

7. Wifi สัญญาณแรง

8. TV มีให้เลือกชมหลากหลายช่อง

ข้อเสีย

1. ไม่มีลิฟท์ ต้องแบกกระเป๋าเดินทางหนักๆ ขึ้นบันได ไป 5 ชั้น (อันนี้หนักกว่าที่มอสโกอีก)

2. เจ้าของบ้านพูดภาษาอังกฤษ แทบไม่ได้เลย (เราให้ไกค์เราช่วยในการสื่อสาร)

3. ทางเข้า จะดูสกปรกไปซะหน่อย

มาดูห้องกัน เปิดเข้ามาเจอห้องน้ำก่อน (อีกแล้ว)

ห้องมีโซฟาที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอนได้ และมี TV และ Wifi แรงๆ ให้ใช้

ที่ทำครัวมีอุปกรณ์ครบ มีโต๊ะกินข้าว และ มีตู้เย็นให้ใช้

ห้องนอนแยกส่วนตัว

วิวจากห้องพัก แลกกับการแบกกระเป๋า 20 โล จำนวน 2 ใบ ขึ้นมา 5 ชั้นครับ

โดยรวมแล้วผมพอใจมากครับ มาทริปรัสเซียครั้งนี้เจอแต่ที่พักดีๆ ทั้งนั้น  แถมราคาก็ไม่แพง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ

เราแยกย้ายกันนอนหลับ พักผ่อนเอาแรง เนื่องจาก 3 ทุ่มไกด์จะมารับเราออกไปล่าแสงเหนือกันเป็นวันแรก  การล่าแสงเหนือเป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะต้องขับรถออกไปนอกเมืองมูร์มันสค์  ขับย้ายสถานที่ไปๆ มาๆ กว่าจะเลิกก็ประมาณ ตี 1 ตี 2  ใครอยากมาดูต้องทำใจไว้บ้างนะครับไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เห็น แนะนำสำหรับคนที่จะมาล่าแสงเหนือว่าซื้อทัวร์ดีที่สุดครับ เพราะการขับรถที่รัสเซียขับคนละฝั่งกับบ้านเรา แถมต้องระมัดระวังเอามากๆ เพราะ 2 ข้างทางเป็นหิมะทั้งหมดเลย ที่สำคัญที่สุดคือเราไม่รู้สถานที่ที่สามารถเห็นแสงเหนือได้ครับ

วันแรกเราล่าแสงเหนือไปจนถึงเวลาตี 1 กว่าๆ พวกเราก็ถอดใจครับ กลับมานอนพักผ่อนดีกว่า  สรุปวันแรกเราไม่ได้เห็นแสงเหนือครับ

เอารูปพระจันทร์มูร์มันสค์ไปแก้เก้อก่อนแล้วกันนะครับ

พรุ่งนี้เรายังมีโปรแกรมไป Teriberka - Arctic Ocean และ ยังมีโปรแกรมล่าแสงเหนืออีกหนึ่งคืน เรามาลุ้นไปด้วยกันครับ ว่าผมจะได้เห็นแสงเหนือตามที่ตั้งใจไว้มั้ย  แล้วเจอกันใหม่ในวันที่ 8 ครับ

Day 8

เมื่อวานเราไปซื้อไข่ไก่ และ เบคอนมาเตรียมไว้สำหรับทำกินตอนเช้า มื้อเช้าวันนี้อร่อยมาก

วันนี้ไกด์มารับพวกเราตั้งแต่ 9.00 น. เพื่อเดินทางไป Teriberka - Arctic Ocean

นั่งรถไปได้เกือบๆ 1 ชั่วโมง ไกด์ก็จอดรถและแวะให้เราถ่ายรูป สถานที่แรก "เสาหมี"

ด้านหลังมีคนวางหินอธิษฐานของพรไว้เพียบ

ขับรถต่ออีกประมาณ  1 ชั่วโมง ก็มาถึง Teriberka ไกด์จอดรถให้เราถ่ายภาพวิว พร้อมด้วยซากเรือ

ไปกันต่อ ไกด์ขับรถพาเราไปขึ้น Snowmobile โดยจ้างทัวร์ท้องถิ่นอีกต่อนึง ให้ขับ Snowmobile พาเราไปสุดขอบประเทศรัสเซีย ไปดูมหาสมุทร Arctic

ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ

มองออกไปคือมหาสมุทร Arcitc

เรานั่งรถ Snowmobile กลับมาที่รถและไกด์ขับรถพาเรามาแวะกินข้าวกันที่ร้านยอดนิยม Teriberka ไม่นิยมได้ไงเห็นมีอยู่ร้านเดียว

สั่งมา 3 เมนู

1.สเต็กหมู

2.สปาเก็ตตี้

3.มันฝรั่งทอด

ราคารวมทิปแล้วอยู่ประมาณ 900 RUB เท่านั้นเองถูกมากๆ

หลังจากกินเสร็จ เราเดินมาถ่ายรูปเล่นแถวร้านอาหารซักพัก เราก็เดินทางกลับที่พักกันแล้ว

เรากลับมาถึงที่พักประมาณ 6 โมงเย็น เหมือนเคยไกด์นัดเรา 3 ทุ่มเพื่อไปล่าแสงเหนือเป็นวันสุดท้ายก่อนจะกลับ

21.00 ไกด์มารับเราเพื่อเดินทางไปล่าแสงเหนือ คราวนี้ไกด์บอกจะขับออกไปไกล มุ่งหน้าไปทางประเทศนอร์เวย์

23.00 เราหลับๆ ตื่นๆ อยู่ในรถไม่ได้กระวนกระวายใจเหมือนวันแรก  เพราะเราเริ่มปลงแล้วว่าคงจะไม่ได้เห็นแสงแน่นอน เพราะฟ้าไม่เป็นใจ อากาศแย่ มีเมฆมาก

00.00 เข้าไปแล้ว ไกด์ยังคงพาเราที่หลับๆ ตื่นๆ ย้ายสถานที่เพื่อล่าแสงไปเรื่อยๆ  

01.00 ไกด์ตะโกนบอกเราให้รีบลงจากรถ เพราะเมฆเปิดและสามารถเห็นแสงได้แล้ว

แสงมีน้อยใช้สอยประหยัด

02.00 น. เราย้ายไปอีกที่นึงเพื่อให้มองเห็นแสงได้ชัดขึ้นกว่าเดิม แต่ชัดยังไงก็มีเมฆบังอยู่ดี เหมือนที่โบราณว่า "บุญมี แต่เมฆบัง"

เห็นแสงเขียวๆ หลังก้อนเมฆนั้นมั้ย อืม นั้นแหละ แสงเหนือของเรา บรรยายไม่ถูกไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี

ขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อยนะ คงอีกนานเลยกว่าจะมาหาอีก

03.00 น. เราถึงที่พัก ไกด์บอกกับเราว่าพรุ่งนี้ 9.00น.จะมารับ ไม่ต้องนอนแล้วไปต่อเลยมั้ยหละ แหม  เรารีบนอนโดยไม่อาบน้ำ

พรุ่งนี้เรายังอยู่เที่ยวที่มูร์มันสค์ต่อเป็นวันสุดท้ายโดยโปรแกรมของเรา ยังเหลือ "ฟาร์มสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้" ปิดท้ายทริปนี้ จะเป็นอย่างไรนั้น พบกันในวันที่ 9 นะครับ

Day 9

วันนี้เป็นวันสุดท้ายใน มูร์มันสค์  แล้วโปรแกรมเหลือแค่เที่ยว "ฟาร์มสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้" แล้วเราต้องกลับมาเก็บของเพื่อนั่งเครื่องบินกลับไปมอสโกในวันนี้เลย  เราตื่นขึ้นมาทำข้าวเช้ากินเองเหมือนทุกวัน 9.00 น. ไกด์มารับ  ตรงเวลาเป๊ะเหมือนเดิม ไกด์พาพวกเราขับรถออกนอกเมืองไปไม่ไกลนักเพื่อพาเราไปที่ ฟาร์มสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ ไม่นานก็มาถึง

จุดขายของที่ระลึกหน้าทางเข้า

เช่นเคย ไกด์ของเราจ่ายเงินจ้างไกด์ท้องถิ่นสำหรับการเยี่ยมชมฟาร์มสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ ทางเดินขึ้นไปยังฟาร์ม

หมาทุกตัวเป็นมิตรครับ เขาฝึกมาเป็นอย่างดี และที่สำคัญเราพึ่งรู้ว่าที่นี้ไม่ใช้ ฟาร์มสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่เป็น "โรงฝึกสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้" ไว้สำหรับเข้าแข่งขันกับ โรงฝึกอื่นๆ เป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมสำหรับคนมูร์มันสค์ การแข่งขันถูกจัดขึ้นในทุกปีและ เขามีถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัลมอบให้ผู้ชนะด้วยนะครับ แถมยังถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ตื่นเต้นเลย

หลังจากแนะนำสุนัขทุกตัวแล้ว เขาก็นำเราเข้าไปดื่มชาและทานขนมภายในห้องพักรวมกันกับกรุ๊ปทัวร์อื่นๆ ทางเดินโรยด้วยหิมะ

กินขนมเสร็จแล้วก็เป็น Highlight เลยครับเขาพาเราไปนั่งรถลาก โดยใช้สุนัขที่ฝึกสำหรับลงแข่งขันเป็นผู้ลาก เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ผมจะจำไม่มีวันลืมเลย

Once in a lifetime - Sled Dog Races Siberian Husky

หลังจากเสร็จจากโรงฝึกสุนัขแล้วไกด์ก็พาเรากลับที่พักเราก็เก็บของเตรียมตัวเพื่อจะบินจากมูร์มันสค์ กลับมอสโกกันแล้ว เช่นเคยเราจองตั๋วเครื่องบิน Low Cost เพื่อบินกลับมอสโก

เราบินกับสายการบิน "Pobeda Airlines" ตั๋ว 3 คนพร้อมโหลดกระเป๋า 20 กิโลกรัม 2 ใบราคารวมทั้งหมดอยู่ที่ 5,600 บาท

เครื่องออก 20.30 น.ไปถึงมอสโกเวลา 23.05 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งครับ เครื่องไม่มีงวงช้างต้องนั่งรถออกไปขึ้นเครื่อง

เครื่องลงที่สนามบิน Vnukovo ตอน 5 ทุ่มกว่าๆ แน่นอนว่าเราเรียก Uber เพื่อไปที่พักอีกตามเคยไม่เหนื่อยไม่ต้องแบกกระเป๋า แถมราคาก็เบาๆ จ่ายได้สบาย เป็นอันจบทริปวันที่ 9 ด้วยการกลับมาพักที่มอสโกอีก 1 คืน

อ่อเรากลับมาพักโรงแรมเดิมที่เราฝากกระเป๋าไว้ Retro Hotel Street Flash

วันพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมเหลือแค่เดินช๊อปปิ้งที่ถนน "Arbat Street" และผมจะปิดท้ายกระทู้ด้วยขั้นตอนการขอคืนภาษีที่สนามบิน Sheremetyevo กันครับ ห้ามพลาดนะ แล้วเจอกันใหม่วันสุดท้าย วันที่ 10

Day 10

วันสุดท้าย ท้ายสุดของการมาทริปรัสเซียกันแล้ว ความรู้สึกกับประเทศรัสเซียคือเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ผู้คนถึงแม้จะดูโหดๆ แต่จริงๆ แล้วคอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตลอด เป็นประเทศที่คนไทยเที่ยวสบายเนื่องจากไม่ต้องขอวีซ่า และ ที่สำคัญค่าครองชีพต่ำ กินหรู อยู่แพงก็จ่ายเงินออกจากกระเป๋าไม่เยอะครับ แถมเป็นประเทศเดียวที่ไม่ต้องขอวีซ่า ก็สามารถล่าแสงเหนือได้สำหรับคนไทยอย่างเรา

"สรุป แนะนำให้มาลองโดน รัสเซีย ดูซักครั้งครับ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังเหมือนผม"

เอาหละ!!!  เข้าเรื่องกัน  วันนี้เราเดินทางออกจากที่พักสายๆ เนื่องจากให้สมาชิกได้เก็บกระเป๋าและนำกระเป๋าลงไปฝากไว้กับโรงแรม และ Checkout โรงแรม Retro - Hotel Street Flash พนักงานยังให้การช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี และยินดีให้เราฝากกระเป๋าเช่นเดิม

เราเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ที่สถานี Pervomayskaya เหมือนทุกครั้ง และ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี  Arbatskaya  ทางออก 7  เดินขึ้นมาและข้ามถนนไปประมาณ 400 เมตรก็ถึง  "Arbat Street"

Arbat Street เป็นถนนขายของขวัญของฝากสำหรับผมคิดว่าการมาเดินในวันสุดท้ายเป็นอะไรที่ดีมากสำหรับการนำเงินที่เหลือจากการท่องเที่ยวมาใช้ในถนนเส้นนี้ ถนนจะมีขายของฝากเช่น ตุ๊กตารัสเซีย , Magnet ติดตู้เย็น  ตลอดไปจนถึงภาพวาดของศิลปินรัสเซีย ให้เลือกซื้อ

เดินเข้าๆ ออกๆ ร้านขายของฝากจนสุดถนน ก็ได้เวลานั่งรถไฟกลับกันแล้ว โดยบัตร Troika Card ที่เราซื้อมาตั้งแต่วันที่ 2 ยังใช้ได้ครอบคลุมจนพาเราทั้ง 3 คนกลับโรงแรมได้ ถือว่าเราคำนวณเงินที่เติมได้อย่างพอดีจริงๆ อีกซะรูปก่อนกลับ

เรากลับมาโรงแรม รับของและเรียก Uber เพื่อไปสนามบิน Sheremetyevo Airport โดยเราเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ 6 ชั่วโมง เพื่อไปต่อคิวขอคืนภาษี (Tax Free) เพราะเราหาข้อมูลมาว่าใช้เวลานานพอสมควร

เรามาถึงสนามบิน Sheremetyevo Airport ทำการ Checkin และ โหลดกระเป๋าเสร็จสิ้นเราก็สอบถามพนักงานสายการบินว่าเราจะขอคืนภาษีได้ที่ไหน พนักงานแจ้งว่าให้เดินไปตรงจุด "Green Zone" ซึ่งอยู่ตรงกลางของสนามบิน เราเดินหาและก็พบคนยืนต่อคิว โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ต่อคิวตรง Customs Control Zone ตรงป้ายสีแดง เพื่อทำการ  แจกแจงเอกสารการขอคืนภาษี และ นำสินค้าที่จะขอคืนภาษีมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่

***ย้ำว่าจะต้องเอาสินค้าที่จะขอคืนภาษีมาแสดงต่อเจ้าพนักงานด้วยเสมอนะครับ

2.ยืนรอ

***เวลาที่เผื่อไว้ก็เพื่อสำหรับคนรัสเซียที่จะแซงเราไปสำแดงเอกสารก่อน  เขาจะแซงคิวคุณขึ้นไปและเอาสินค้าของเขาไปแจ้งต่อพนักงาน เมื่อคุณเห็นอย่างนั้น  อย่าไปอารมณ์เสียนะ เพราะว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าข้างคนรัสเซียด้วยกัน ในการที่จะทำเอกสารการคืนภาษีให้คนรัสเซียด้วยกันก่อน

3. สำแดงสินค้า และ เอาเอกสารการขอคืนภาษีให้เจ้าหน้าที่ประทับตราให้เรียบร้อย

4.เดินกลับออกมาหา "Green Zone" ที่มีป้ายเขียนว่า "Tax Free" เดินเข้าไปเลยครับ

5.หย่อนเอกสารที่ประทับตราแล้วลงกล่อง Tax Free

ข้อควรรู้ในการขอคืนภาษีประเทศรัสเซีย

1.ไม่ใช่ทุกที่ที่คุณไปช๊อป จะได้ภาษีคืน ก่อนจะซื้อให้สอบถามพนักงานขายก่อนว่าที่ร้านสามารถของคืนภาษีได้มั้ย

2.การคืนภาษีต่อ 1 ใบเสร็จ สินค้าจะต้องมีมูลค่ามากกว่า 10,000 RUB (ประมาณ 5,000 บาท) เพราะฉะนั้นเวลาซื้อของ ถ้าอยากได้คืนภาษีต้องรวมกันให้ของมีมูลค่ามากกว่า 10,000 RUB เสมอ

3.ไม่ใช่ทุก Airport ที่สามารถคืนภาษีได้ เช็คข้อมูลให้ดีก่อน

4.ทำใจ และ เผื่อเวลาสำหรับการคืนภาษีเสมอ อย่าน้อยควรมาถึง Airport ก่อนเครื่องออก 3-5 ชั่วโมง

ขอให้ทุกคนโชคดีได้คืนภาษีจากประเทศรัสเซียกันครับ เพราะมันตั้ง 18% ของราคาสินค้าเลยนะ

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทริปรัสเซีย 10 วัน 10 คืน (ต่อคน) ดังนี้

1.ค่าเครื่องบินไปกลับ กทม.- มอสโก 19,500 บาท

2.ค่าทัวร์มูร์มันสค์ 3 วัน 2 คืน 10,000 บาท

3.ค่ารถไฟจาก มอสโก - เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 1,195 บาท

4.ค่าเครื่องบินจาก เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก - มูร์มันสค์  3,590 บาท

5.ค่าเครื่องบินจาก  มูร์มันสค์ - มอสโก 1870 บาท

6.ค่าอาหารทั้งทริป (รวมร้านอาหาร ,ซื้อน้ำ และ ซื้อของกินในซุปเปอร์มาร์เก็ต) 5,000 บาท

7.ค่าเดินทาง (Uber ,บัตรโดยสาร)  2,300 บาท

8.ค่าที่พัก 3,500 บาท

9.ค่าตั๋วเข้าสถานที่สำคัญ 1,525 บาท

10. ค่า Sim โทรศัพท์  530 บาท

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 49,010 บาท (งบ 50,000 มีทอนนิดหน่อยครับ)

ขอจบทริปรัสเซียไปเพียงเท่านี้ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับข่าวสารการท่องเที่ยว แบบเที่ยวด้วยตัวเอง แบกเป้ลุยๆ ไปเจอกันได้ที่

https://www.facebook.com/Pongpaplearn/

Pongpaplearn

 วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 13.48 น.

ความคิดเห็น