สวัสดีครับ Go See Write เล่าเรื่องเที่ยว นำท่านขึ้นเหนือมาสัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านชาวเขาอันเงียบสงบ และมีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมกับสายลมหนาวและไอหมอกตอนเช้าที่สดชื่นน่าหลงไหล ณ หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 

วิวจากที่พัก: อยู่กับซีโฮมเสตย์ ห้วยกุ๊บกั๊บ

วันที่ 1 เดินทางสู่หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ

ผมเดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอนบ่าย ๆ เนื่องจากโฮมเสตย์ที่ผมได้จองไว้นัดผมขึ้นรถในเวลาบ่าย 3 โมงที่ร้านช้างยิ้ม แก่งกื๊ด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 

ครั้งนี้เพื่อนของผมที่อยู่เชียงใหม่ได้อาสาขับรถไปส่งที่จุดนัดพบตามที่โฮมสเตย์ได้แจ้งไว้ โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

แผนที่เดินทางไปร้านช้างยิ้ม แก่งกื๊ด

ร้านช้างยิ้ม แก่งกื๊ด เป็นจุดนัดพบที่ทางที่พักส่วนใหญ่จะนัดนักท่องเที่ยวมาขึ้นรถที่นี่ โดยตรงนี้จะมีที่จอดรถไว้บริการอยู่ หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงก่อนเวลานัดก็สามารถนั่งรอพักผ่อนหย่อนใจได้เนื่องจากที่ร้านมีที่นั่งพักรอรถ มีห้องน้ำ ร้านอาหารริมลำธาร และยังมีกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวที่นำรถมาจอดค้างคืนที่นี่ โดยอัตราค่าบริการ รถยนต์ 60 บาท มอเตอร์ไซต์ 30 บาท 

ผมนั่งรอรถมารับประมาณ 10 นาที รถที่พักก็มาถึง ผมโยนเป้และกระโดดขึ้นท้ายกระบะรถ 

ถนนขึ้นหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ

จากร้านช้างยิ้มขึ้นไปที่หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บจะเป็นถนนดินแดงสลับถนนคอนกรีตที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นดินแดง เส้นทางลาดชันลัดเลาะไปตามภูเขา ระยะทางขึ้นเขาไปที่หมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร โดยต้องใช้รถโฟร์วิลขึ้นไป 

หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างกื๊ด อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าลาหู่ หมู่บ้านตั้งอยู่บนยอดภูเขาสูงและลาดชัน มีภูเขาสลับซับซ้อนและทิวทัศน์ที่สวยงาม

ที่มาของชื่อห้วยกุ๊บกั๊บ เมื่อก่อนหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ริมลำธาร ซึ่งการเดินทางมาที่นี่ยากลำบากมากๆ เนื่องจากเป็นถิ่นทุรกันดารรถเข้าไม่ถึง การเดินทางมาที่หมู่บ้านนี้ต้องใช้วิธีการขี่ม้าเท่านั้น และเสียงฝีเท้าของม้านี่เองที่ดัง "กุ๊บกั๊บ" จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านนี้ครับ

ถนนทางเข้าหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ

บ้านห้วยกุ๊บกั๊บเมื่อก่อนไม่ค่อยได้นิยมแก่นักท่องเเที่ยวชาวไทยมากนัก แต่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ชาวต่างชาติที่ชอบการผจญภัยซะเป็นส่วนใหญ่ โดยมีกิจกรรมเดินป่า ปีนเขา ล่องแก่ง ที่ได้รับความนิยม แต่ในปัจจุบันการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น รถยนต์สามารถเข้าถึงหมู่บ้านได้ นักท่องเที่ยวชาวไทยจึงนิยมมาท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนหมู่บ้านนี้กันมากแล้ว จึงทำให้มีที่พักผุดขึ้นมามากมาย

เจ้าบ้านมาต้อนรับ
ป้ายทางเข้าหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ

อยู่กับซี โฮมสเตย์ ห้วยกุ๊บกั๊บ

โฮมสเตย์ที่มีวิวภูเขา 180 องศา บรรยากาศที่พักเรียบง่ายเป็นกันเอง ความชิลล์ของที่นี่คือมุมระเบียงหน้าห้องพักที่สามารถมองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามได้ตลอดเวลาตั้งแต่เช้าจนฟ้ามืด

อยู่กับซี โฮมสเตย์ ห้วยกุ๊บกั๊บ

ผมนั่งรถจากร้านช้างยิ้มประมาณ 45 นาที ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ด้วยรถโฟร์วิลของที่พักซึ่งคนขับก็เป็นเจ้าของที่พักนั่นเอง เมื่อมาถึงสิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกของที่นี่คือ การใช้ชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่าย คงวิถีดั้งเดิมไว้ บ้านของคนที่นี่สร้างด้วยไม้และบ้านบางหลังมีลักษณะเป็นไม้ไผ่ยกสูงตั้งอยู่เนินเขาลดหลั่นไปตามเชิงเขา

วิวจากระเบียงหน้าห้องพัก

ที่พักจะมีแบบเป็นบ้านและเต้นท์ โดยราคาอยู่ที่คนละ 1,000 บาท ต่อคืน คุ้มมาก ๆ ซึ่งราคานี้รวมอาหารเย็น (หมูกระทะ) และอาหารเช้าไว้ให้แล้ว นอกจากนี้ยังมีบริการ ชา กาแฟ ให้บริการฟรีอีกด้วย

ห้องพักจะเป็นห้องธรรมดาไม่กว้างมาก มีฟูกนอนปูให้ พร้อมหมอนและผ้าห่ม ทุกอย่างสะอาดและหอม 

วิวจากห้องพัก

ที่พักเป็นลักษณะไม้ทั้งหลัง มีห้องนอน 2-3 ห้อง และเต้นท์ให้บริการ นอกจากนี้ยังมีระเบียงไม้ยื่นออกไปให้เราได้รับชมวิวทิวเขาสลับซับซ้อนไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับสายหมอกบาง ๆ และอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งวัน 

ผมได้แบกเป้เข้ามาในห้องพักแต่สายตาก็มองวิวภูเขาจากที่พักตลอดเลย เพราะวิวสวยงามมาก ๆ ผมมาถึงที่นี่ตะวันก็คล้อยลงมากแล้ว รอเวลาในการชมพระอาทิตย์ตกจากที่พัก ระหว่างรอยังคงมีเวลาเดินเล่นชมหมู่บ้านเล็กน้อย

เดินลงมาจากที่พักไม่ไกลมากก็จะเจอกับร้านสะดวกซื้อของหมู่บ้าน ซึ่งหากใครมาที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวอดเลยเนื่องจากในหมู่บ้านมีร้านค้าขายของชำ ขนม ไส้กรอก น้ำแข็ง เครื่องดื่มไว้บริการอยู่แล้ว จึงได้ฉายานามว่า เซเว่นบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ และเป็นร้านสะดวกซื้อเพียงร้านเดียวในหมู่บ้าน 

หลังจากที่ซื้อนม ขนม ไส้กรอก น้ำดื่มเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับที่พักเพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นของวันนี้

ช่วงยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกช่างสวยงามซะเหลือเกิน บรรยากาศภายในหมู่บ้านเงียบสงบ อากาศหนาวเย็นลง ลมพัดเอื่อย ๆ บวกกับสีท้องฟ้ายามเย็นทำให้พวกเราตื่นตาตื่นใจกับความงามตรงหน้ากันอย่างมาก

และนี่คือสำรับมื้อเย็นของวันนี้ หมูกระทะร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นและพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เป็นบรรยากาศที่ฟินสุด ๆ หมูกระทะของที่พักให้มาเยอะมากสำหรับ 2 คน รับรองอร่อย ถูกปาก แน่นอน

อยู่กับซี โฮมสเตย์ ห้วยกุ๊บกั๊บ เป็นโฮมสเตย์ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนที่แท้จริงเพราะเงียบสงบและสโลว์ไลฟ์มาก ๆ 


วันที่ 2 ชมหมอกและพระอาทิตย์ยามเช้า

หากใครมาที่หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บแนะนำให้เอากล้องถ่ายรูปสำหรับถ่ายดาวตอนกลางคืนด้วยนะครับ ผมยังเสียดายเลยที่ไม่ได้เอามาเพราะเมื่อคืนดาวสวยมาก มองเห็นได้ชัดเจน นอนดูดาวไม่เบื่อเลย แต่อากาศหนาวเหลือเกินต้องไปหลบอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องนอน

นอกจากได้ชมความงามพระอาทิตย์ตกแล้ว ที่นี่ยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าได้อีกด้วย 

ทางที่พักมีชา กาแฟ เครื่องดื่มร้อนไว้บริการให้ รวมถึงมีอาหารเช้าให้รับประทานตรงระเบียงหน้าห้องนอน 

บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ เป็นหมู่บ้านที่มีบรรยากาศสวยและเงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่อยากหลบหลีกความวุ่นวายในเมือง มาหาสถานที่พักผ่อนปล่อยใจไปกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ รับรองว่าท่านไม่ผิดหวังแน่นอน ผู้คนที่นี่ใจดีมาก ๆ เป็นกันเอง เป็นสถานที่ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นคนรู้จัก มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน พาใจและร่างกายที่พร้อมจะทิ้งความสะดวกสบายชั่วคราว ไปใช้ชีวิตติดดินบนดอยที่ “ บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ" 


สิงที่ควรรู้ก่อนมาเที่ยวบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
  • ห้วยกุ๊บกั๊บเหมาะสำหรับคนสายลุย
  • ที่พักไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีพัดลมหรือแอร์ 
  • ที่นี่ใช้แผงโซล่าเซลล์จึงไม่ได้มีไฟฟ้าใช้ตลอด 
  • ไม่มีน้ำประปา แต่ทางที่พักจะมีน้ำสำรองให้ในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ไว้ให้
  • มีสัญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต แต่จะขาด ๆ หาย ๆ เป็นช่วง ๆ 
  • สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอกมาได้
  • เตรียมอุปกรณือาบน้ำ ของใช้ส่วนตัวมาด้วยนะ
  • กลางคืนอากาศหนาว เตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อมนะครับ

การเดินทาง

รถส่วนตัว

  • ปักหมุด GPS ที่ร้านช้างยิ้ม แก่งกื๊ด จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึง อ.แม่แตง ให้เลี้ยวซ้ายตรงปากทางแม่ตะมานเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3052 ระยะเวลาในการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

รถสาธารณะ

  • ให้ขึ้นรถที่คิวรถช้างเผือก นั่งรถสายเชียงใหม่-ฝาง-ท่าตอน และบอกคนขับรถว่าลงปากทางแม่ตะมาน แล้วให้รถที่พักมารับ (ต้องสอบถามที่พักก่อนการเดินทางว่ามีบริการมารับตรงปากทางแม่ตะมานหรือไม่)

ค่าใช้จ่าย (2 วัน 1 คืน)

  • ค่าที่พัก 1,000 บาท
  • ค่าของกินของใช้ส่วนตัว 350 บาท
  • ค่าเดินทาง (ขากลับ) 25 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,375 บาท


ฝากกดติดตามเพจ Go See Write เล่าเรื่องเที่ยว ด้วยนะครับ

    go see write เล่าเรื่องเที่ยว

     วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 22.20 น.

    ความคิดเห็น