มองสีให้เป็นภาพ เมื่อความประทับใจ ถูกบันทึกและบอกเล่าผ่านภาพวาด: นิทรรศการ CHROMA โดยคุณอำนาจ วชิระสูตร 333 GALLERY, WAREHOUSE 30

นิทรรศการ Chroma โดยคุณอำนาจ วชิระสูตร นิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 2 ที่จัดที่ 333 Gallery, Warehouse 30 ใครที่เคยชมนิทรรศการครั้งที่แล้วมาก่อน จะเห็นว่าในครั้งนี้ ศิลปินมีแนวทางและการตีความในรูปแบบใหม่ตามที่ตนเองเห็นและรู้สึก ท้าทายตัวเองด้วยการเลือกใช้สีสันที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่สีขาวดำ สีแดงสด จนถึงสีพาสเทล โดยการเลือกหยิบสิ่งที่อยู่รอบตัวที่ให้ความสุขและสงบ มาเป็นเครื่องมือในการนำเสนอสีสันเหล่านั้น

แต่ยังคงเทคนิคการใช้จุด และลวดลายของฝีแปรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอาไว้เช่นเคย ไม่ต่างจากวาทยกรที่มีการเลือกสี ผสมผสานสี และใช้เทคนิค เปลี่ยนแปลงไปตามความรู้สึกตลอดระยะเวลาการทำงาน

นิทรรศการนี้จะพาเราดำดิ่งไปในเรื่องราวการรับรู้ของมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยไม่ได้ตั้งใจกันค่ะ

ซึ่งเราจะเรียกสภาวะนี้ว่า “ซินเนสทีเซีย (Synesthesia)” หรือสภาวะการรับรู้ที่ประสาทสัมผัสหนึ่งกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์ของอีกประสาทสัมผัส โดยมีประชากรกว่า 4.4% ที่มีอาการแบบนี้

ซินเนสทีเซีย นั้นมีหลายรูปแบบ โดยภาวะเกี่ยวกับการรับรู้ของสีที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • Grapheme–color synesthesia คือ การที่เราเห็นตัวเลขหรือตัวอักษรเป็นสี
  • Chromesthesia คือการที่เราสามารถเห็นสีสันจากการได้ยินเสียงต่าง ๆ

แม้ว่าคน ๆ นั้นจะมองเห็นสีในสภาวะนั้นจริง ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็น ความจริงตรงหน้า ก็เป็นเรื่องปัจเจก ที่คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้

หัวใจของผลงานนี้เน้นเรื่องของสีและการรับรู้ เพราะสีกับอารมณ์นั้นมีความสัมพันธ์กัน นอกจากการมองเห็นแล้ว หลายคนยังสามารถสัมผัส รู้สึกถึงสีสัน รวมไปถึงตีความหมายของสีต่าง ๆ ได้อีกด้วย

การอธิบายความรู้สึกนั้นออกมาให้คนอื่นเข้าใจจึงเป็นความท้าทายของงานในครั้งนี้นั่นเองค่ะ

แวบแรกที่ได้ชมนิทรรศการนี้ พิระรู้สึกว่านี่คืองานศิลปะแบบ Abstract ที่ดูน่าจะเข้าใจยากน่าจะเข้าถึงได้ยาก แต่พอได้ฟังการบอกเล่าจากศิลปิน ว่างานเหล่านี้เป็นงานแบบ Impressionist ที่บันทึกเรื่องราวความประทับใจของศิลปินผ่านรูปแบบของภาพวาด เราจึงมองภาพวาดเหล่านี้ด้วยสายตาและความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม

เพราะความประทับใจนั้นเป็นเรื่องของปัจเจก ที่คนแต่ละคนรู้สึก รับรู้ และสัมผัสถึงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้แตกต่าง สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจ ตราตรึงใจ คนอื่นก็อาจจะไม่ได้รู้สึกเหมือนเราก็ได้

ความประทับใจนั้นจึงเป็นความประทับใจของเราแต่เพียงผู้เดียว และเราอยากแบ่งปัน บอกเล่า ปลดปล่อยความประทับใจเหล่านั้นออกมาบนผลงานของตัวเอง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเป็นงานศิลปะในวันนี้ขึ้นมา

พิระรู้สึกว่า ผลงานของคุณอำนาจ เป็นการบันทึกโมเมนต์ความประทับใจเอาไว้ ดึงภาพบางส่วนจากสิ่งที่อยู่รอบตัว และประสบการณ์ของศิลปินในช่วงเวลาทีเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น

ไม่ว่าจะในรูปแบบของแสง สี หรือความรู้สึกผ่านภาพต่าง ๆ เป็นการเผยรายละเอียดที่ซ่อนเร้นอยู่ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าออกมา ราวกับภาพถ่ายจากกล้อง infrared ในยามค่ำคืน

ไม่ว่าจะเป็น ภาพ “Highway Star” ที่บันทึกภาพขณะที่กำลังนั่งรถเข้าไปในอุโมงค์ แล้วมองเห็นแสงไฟที่วิ่งผ่านไป วิบวับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน

ภาพพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินในสถานที่เดียวกัน แต่ให้บรรยากาศ แสงสี และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างทุ่งกว้าง หรือสวนสาธารณะ รวมไปถึงความประทับใจในหนังสือที่อ่าน แล้วรู้สึกว่ามันจะนำพาตัวเขาไปสู่จุดหมายใหม่ในอีกฟากฝั่งหนึ่ง ก็ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสีสัน ลวดลาย และทีแปรงของศิลปิน

ใครที่มาชมนิทรรศการนี้ อยากให้ค่อย ๆ ลองเดินชมภาพทีละภาพ จ้องมองดูลวดลายบนผืนผ้าใบ ซึมซับบรรยากาศ แล้วลองจินตนาการดูว่า ภาพที่อยู่ตรงหน้าของเรานั้นคือภาพอะไร

แต่ละคนก็ตีความภาพแต่ละภาพไม่เหมือนกัน นิทรรศการนี้จึงเป็นเหมือนพื้นที่ที่ให้จินตนาการของเราได้โลดแล่นไปผ่านภาพวาดที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ค่ะ

ป.ล. แวะมาชมนิทรรศการที่นี่เสร็จแล้ว อย่าลืมแวะเกาพุงน้องแมวกันนะคะ มีน้องแมวน่ารักๆ หลายตัวให้เล่นด้วยค่ะ น้องน่ารักขี้อ้อนทั้งนั้นเลยยย

Pira Story

 วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 02.15 น.

ความคิดเห็น