สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผม นาย Tummeng Travelมาพบกับทุกท่าน กับทริปส่งท้ายปี 2014 นะครับ ทริปนี้เป้นทริปที่ ผมจะพาทุกท่านไป ไปพบกับแหล่งท่องเที่ยว 3 แห่ง ที่ สวยไม่ซ้ำกันทั้ง 3 แห่ง ครับ นั่น คือ



ชมทะเลหมอกและพระอาทิตยืยามเช้าดอยแม่ตะมาน อำเภอเชียงดาว

ชมอ่างเก็บน้ำยอดฮิต ปางอุ๋งและบ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

และ ชมดอกบัวตองบานสะพรั่ง ที่ดอยแม่อูคอ



โดยทริปนี้ ผมได้เดินทางกับเพื่อนร่วมทริป ที่ผม ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักมาก่อน จอนกระทั้งก่อนจะเดินทาง เพียง 1 วัน เพราะเนื่องจากผมได้ประกาศหาเพื่อนร่วมทริปผ่าน Facebook โดยสองคนแรก เริ่มเดินทางตั้งแต่ต้น และ อีกหนึ่งคน แวะรับระหว่างทาง



ความสนุกสนานของทริปนี้จะเป้นยังไง ลองติดตามได้ใน



[Tummeng Travel #44] แม่ตะมาน(เชียงดาว) - ปางอุ๋ง - แม่อูคอ กับมิตรภาพของการถ่ายภาพ ของคน 4 คนที่ไม่รู้จักกันมากก่อน



###################################################


SR โดย

TruemoveH สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอดทริป

Avisthailand สนับสนุนให้ยืมรถในการเดินทางตลอดทริป

###################################################



ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามารับชมกระทู้รีวิวนี้นะครับ



ยังไงก็สามารถให้กำลังใจในการรีวิว ด้วยการทิ้งคอมเม้นต์ทักทายกันไว้ได้นะครับ



ไม่จำเป็นต้องกดบวก หรือให้กิฟต์ก็ได้ครับทริปนี้เกิดขึ้นโดยที่ ผมได้รับการติดต่อจาก ทรูมูพเอช ในฐานะ บล๊อกเกอร์ ที่อยู่โซนภาคเหนือ ว่าช่วงนี้มีจะไปออกทริปที่ใหนโซนภาคเหนือบ้าง สนใจนำซิมทรูมูพเอช ไปลองใช้และเช็คสัญญาณ (แบบ ณเดชน์)หรือไม่ โดยไม่เสียค่ารายเดือน และผมก็ตอบตกลงไปว่าจะเดินทางไปทริป แม่ฮ่องสอน แต่ไม่ต้องการซิมรายเดือน เพราะผมใช้ ทรูมูพเอช อยู่แล้ว แต่ให้เปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนค่าเดินทางอย่างอื่นแทน ซึ่งทางทรูมูพ ก็ตอบตกลง ผมจึงได้นำทริปดังกล่าว ไปโพสชวนเพื่อนในกลุ่ม เชียงรายโฟโต้คลับ ว่าใครสนใจเดินทางกับผม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว เรื่อง อาหาร และเครื่องดื่ม เท่านั้น มีหลายคนสนใจร่วมทริปแต่ติดตรงที่ผมเดินทางวันธรรมดา ทำให้หลายคนไม่สามารถเดินทางได้



จนสุดท้ายผมได้ คนสนใจร่วมทริปมาสองคน ซึ่งทั้งสองคนนั้นผมไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จัก หรือแม้แต่จะเป็นเพื่อนกันใน Facebook



เพื่อนร่วมทริปสองคนแรก ที่มาสมัคร หลังจากที่ผมประกาศไปทาง เฟสบุ๊คส์ คือ



เสก

หนุ่มเนิร์ด อดีตนักศึกษาด้านกฏหมาย จบจากมหาวิทยาลัย แล้วผันตัวเองมาเป็นตากล้องอาชีพ รับงานถ่ายรูปทุกชนิด ใน กทม ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิด ที่เชียงราย ชอบถ่ายรูป และท่องเที่ยว เป็นชีวิตจิตใจ

นีโน่



หนุ่มน้อยที่เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัย ได้ไม่กี่เดือน ว่างงานและชื่นชอบในการถ่ายรูป มีความใฝ่ฝันอยากทำงานอิสระ และกำลังค้นหาตัวเองว่าชอบถ่ายรูปแนวใหน



อ้ายหนาน



หนุ่มใหญ่ ที่มีใจรักการถ่ายภาพ และท่องเที่ยว ดีกรี แอดมิน กลุ่มชมรมเชียงรายโฟโต้คลับ ที่แอบหนีภรรยามาเที่ยวด้วยแบบเร่งด่วน



ทั้งเสกและนี่โน่ มาขอร่วมทริปผมเพราะ ว่าง และอยากไปเที่ยวถ่ายรูป โดยที่ทั้งสองก็แทบไม่ค่อยรู้จักผมด้วยซ้ำว่า bloggerคืออะไร รู้แต่ทริปนนี้ ได้เที่ยวฟรี.....ก่อนเดินทางหนึ่งวันเรานัดแนะเจอกันเพื่อพูดคุยรายละเอียด และเจอหน้ากันครั้งแรกที่ เซ็นทรัลเชียงราย



ก่อนจะมาเจอกันที่ สนามบินเชียงราย เพื่อนที่จะรับรถที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ จาก Avis ในวันถัดมา



ตอนแรก Avis จัดรถมาให้เป็น vios โชคดีที่ผมเช็คเมลล์ก่อนเดินทางสองวันจึงขอเปลี่ยนเป้น fortuner เพราะทริปนี้ เส้นทางโหดใช่เล่นเมื่อไปถึงสนามบินจัดการเรื่องเอกสารแล้วก็ออกมารับรถ เป็นรถคันสีแดงโดดเด่นสะดุดตาคันนี้ครับ



พวกเราเดินทางโดยใช้เส้นทางดังนี้



เชียงราย - แม่จัน - ฝาง - เชียงดาว - แม่มาลัย - ปาย - ปางอุ๋ง - แม่ฮ่องสอน - แม่อูคอ - แม่แจ่ม - จอมทอง - เชียงใหม่ - เชียงดาว - แม่อาย - เชียงราย



ซึ่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่ สามจังหวัดภาคเหนือตอนบนรวมระยะทางจาก Google ได้ 1040 Km



จุดหมายแรกที่เราเลือกที่จะแวะ ก็คือ สวนส้มธนาธร ซึ่งอยู่อำเภอฝาง ซึ่งเป็นทางผ่านไปยังจุดหมายหลักของเราครับ



แต่ตอนที่เราไปส้มยังไม่ค่อยสุกนัก ยังเขียวอยู่



จริงๆผมเคยมาที่นี่และเคยรีวิวไว้ทริปคล้ายๆแบบนี้ เมื่อ สี่ปีที่แล้ว ครับ แต่ดูจากปัจจุบันแล้ว ทางสวนส้ม ได้มีการปรับภูมิทัศน์เพิ่ม ดอกไม้ มากขึ้น เหมาะสำหรับแวะชมกันได้มากขึ้นครับ



รีวิวที่เคยทำไว้ http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9993655/E9993655.html

เราขับรถมาเรื่อยผมก็โพสภาพการเดินทางโดยการเช็คสัญญาณไปด้วยว่าตรงใหน 3G ตรงใหน 4G


ก็มาถึง อำเภอเชียงดาว เป็นจุดหมายแรก โดยเชียงดาวนั้น เป็นอำเภอเล็กๆ ที่ปัจจุบัน มีความน่าสนใจ จากนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห้นได้จาก เริ่มมี ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันเยอะขึ้น และที่สังเกตุได้อีกอย่างก้คือ มี โรงแรม และรีสอร์ท เกิดขึ้นมากมาย ระหว่างสองข้างทาง ที่ขับรถผ่าน



เราเดินทางมาถึง เที่ยงพอดี เลยแวะทานข้าวกันก่อนแน่นอน ข้าวขาหมุเชียงดาวย่อมเป็นอาหารที่ทุกคนรู้จักกันเป้นอย่างดี ในเรื่องของความอร่อย


ระหว่างสองข้างทางของอำเภอเชียงดาว ช่วงนี้จะเห็นชาวนา มาเกี่ยวข้าว กันอยู่มากมาย


เป้าหลักที่แรกของทริปนี้ ก็คือ การมาชม ยอดดอยหลวงเชียงดาว จาก จุดชมวิว ดอยแม่ตะมาน หรือ ศูนย์เกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงดาว ประมาณ 21 Km แต่เป็น 21 km ที่ โหดมากๆ ครับ ใช้เวลา ขาขึ้น gdnv[ สองชั่วโมง


ในรูปแวะชุดชมวิวเมืองเชียงดาวจุดแรก

ขับรถขึ้นมาเกือบชั่วโมงเห้นป้ายนี้ ทำเอาเหงื่อตกเลยครับ

หากใครจะมา ดอยแม่ตะมาน สามารถขึ้นไปได้แค่รถกะบะ หรือ รถที่มี 4WD นะครับ นอกนั้นไม่สามารถแน่นอน และถ้าเป็นหน้าฝน ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งในที่สุดพวกเราก็มาถึง จุดหมายแรกจนได้ นั่นก้คือ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน และศูนย์เกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ซึ่งทางผมได้โทรประสานงานก่อนเดินทางมาล่วงหน้า ว่าจะมาขอกางเต้นท์นอนบนนี้เพราะปัจจุบัน ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาพักค้างคืนบนนี้แล้วนะครับแต่สามารถมาแบบไปกลับได้


เมื่อมาถึงเราก้จัดการติดต่อเจ้าหน้าที่ ขอที่กลางเต้นท์ที่ลานสนามหญ้า แต่ด้วยว่าฝนจะตก ป้าที่ดูแลอยู่เลยบอกให้ขึ้นไปกาง ที่ระเบียงบ้านพักแทน


เมื่อกางเต้นท์เรียบร้อยแล้วพวกเราก้พากันไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน แต่ปรากฏว่า มีเมฆ เยอะจึงไม่สามารถมองเห็นได้


เมื่อเป้นเช่นนี้เราจึงพากันกลับมาที่จุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาว ที่สันป่าเกี๊ยะ เพื่อหวังว่า ฟ้าจะเปิดให้เราชม ยอดดอยหลวง


ปรากกว่าฟ้าไม่เป็นใจ มีเมฆ ปกคลุม ทั่วดอยหลวง เป้นผลมาจากว่า คืนนั้น อาจจะเป้นคืนแรกที่เริ่ม ฤดูหนาวจริงๆ ของภาคเหนือ ก็ได้ครับ เพราะก่อนหน้านั้น ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่และก่อนเดินทางมีฝนตกบ้างประปราย เหมือนกับว่า ความกดอากาศสุงที่แผ่ลงมาจากประเทศจีนกำลังแรง เพิ่งมาเจอกับความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศไทยอยู่ ฝนเลยตก และทำให้เกิด หมอกปกคลุมไปทั่วภูมิภาค


หลังจากผิดหวัง พวกเราก้พากัน ทานอาหารเย้นที่เตรียมขึ้นมาเองจากการซื้อ ที่ตลาดเชียงดาว เป้น ข้าวเหนียวหมูปิ่ง และ ลาบหมู แบบว่าแต่ละคนก็กิน และสอบถามเรื่องราว ต่างๆ ว่าจะทำไงดี ถ้าฝนตก ขึ้นมา ฟ้าปิด คงอดถ่ายรูปแน่ๆ และระหว่างที่ อัพรูปไปด้วย นั่งคุยไปด้วย ผมก้ได้รับการติดต่อจากเพื่อนอีกคนที่สนใจร่วมทริปครั้งนี้ ซึ่งตอนนั้นเขาอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ สอบถามว่าจะมาร่วมทริปได้ไหม เราจึงนัดเจอกันที แยกแม่มาลัย ในวันพรุ่งนี้ ตอน 11 โมง



ก่อนที่พวกผมจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัว นังอัพเฟส คุยกับแฟนกันไป เพราะ ตอนแรกคิดว่าบนนี้จะไม่มีสัญญาณมือถือ แน่ๆ เพราะระหว่างทางที่ขับขึ้นมาก็ไม่มีตลอดทาง แต่ตรง สันป่าเกี๊ยะ นี่มีสัญญาณ โชคดีไปหลังจากอาบน้ำเสร้จแล้ว ผมไม่มีอะไรทำจึงมานั่ง ชาร์ตแบต มือถือ และอัพเฟส เช็คสัญญาณ ไปด้วย ซึ่งเวลาตอนนั้นประมาณ ทุ่มกว่าๆ



ปรากฏว่า หนุ่มน้อยนีโน่ เดิน เอากล้องมาตั้งถ่ายดาว เล่นๆ กะจะถ่าย Timelapes แล้วก็ตะโกนบอกผมว่าพี่ๆ ถ่ายติดทางช้างเผือกด้วยนะครับ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ช่วงที่จะถ่ายทางช้างเผือกได้แล้ว แต่ เพราะ ที่แม่ตะมาน นั้น มืดมาก และคืนนั้น ก็ฟ้าใสมาก (ที่สถานีจะปิดไฟสองทุ่ม)



หลังจากนั้น ผมจึงวิ่งไปเอากล้อง และขาตั้ง ลงมา ถ่ายด้วยโดยเลือกฉากหน้า เป็นบ้านพัก และไม่ลืมที่จะเรียกน้องเสก ที่ กินยาช่วยหลับไปแล้วและกำลังจะหลับ ลงถ่ายกันอย่างสนุกสนาน แลกเปลี่ยนเลนส์ แลกเปลี่ยนความรู้กันจนเวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่มและบนดอยนั้นทั้งดอยมีแค่พวกเราสามคน และคนลุงกับป้า ที่ดูแลสถานีที่หลับไปแล้วเท่านั้นพวกเราจึงเข้านอนและหวังว่าจะตื่นขึ้นมาเจออากาศที่สดใส ในวันรุ่งขึ้น



ก่อนนอนก้อดไม่ได้ที่จะอัพเดตอวดเพื่อนๆซะหน่อย


ด้วยความเคยชินตามประสา blogger ผมมักจะตื่นแต่เช้ามืด เวลาออกมาเที่ยว เสมอๆ เมื่อผมตื่นมาคนแรก ก็พบกับภาพนี้ครับ หมอกลงจัดมาก และอากาศตอนนั้น และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ถือว่าหนาวมากๆ ครับ


สัญญาณ TruemoveH3G ที่แรงแรงมากครับ ผมสามารถอัพ VDO ได้เลยในเวลาไม่กี่นาที


เมื่อแสงสว่างเริ่มมา พวกเราก้ไปจับจองมุมที่จะเก็บภาพ แสงแรกของวันกันครับ



และก็เป็นอย่างที่บอกไว้ครับ ความชื้นเยอะ มีทะเล และเมฆเยอะ บังยอดดอยหลวงเชียงดาวไว้



พวกเราจึงไรอถ่ายภาพในจุดที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นมาแทน และก็ไม่ผิดหวัง

พระอาทิตยืมาตามนัด พร้อมกับสายหมอกจางๆ ที่ฟุ้งขึ้นมาให้เราชม จังหวะนั้น ผมแทบจะลืมมองไปยังยอดดอยหลวงเชียงดาวเลย เพราะมัวแต่ กดชัตเตอร์ เก็บภาพที่สวยงามตรงหน้านั้น เสียงชัตเตอร์ดังมาจากเพื่อนร่วมทริปข้างๆ ยิ่งเป้นตัวช่วยกระตุ้นให้รู้สึกว่า ไม่ควรปล่อยเวลานี้ไปอย่างไร้ค่า เปลี่ยนเลนส์ เปลี่ยนมุม กันอย่างสนุกสนาน


เมือแสงอาทิตย์สว่างมากขึ้น ทำให้เห็นมุมมองในการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น จึง แอบเอาเพื่อนร่วมทริปมาเป็นตัวแบบในการถ่ายรูปบ้าง


เมือหันไปมองยอดดอยหลวงเชียงดาว ยังคงขี้อาย ซ่อนความสวยงามไว้ข้างหลังเมฆกลุ่มเดิมนั้น ก็จำเป้นต้องถ่ายเก็บไว้ในแบบนี้ เพราะ ทริปนี้เรามีเวลาอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น



และมุมนี้ คือ มุมที่ทำให้ผมเลือกที่จะมาเยือนที่นี่ศูนเกษตรที่สุงสันป่าเกียะ ผมเห้นรูปมุมนี้ จากหนังสือ Dream destination 1 โดยเป้นภาพ ต้นนางพญาเสือโคร่ง สามต้น และมีฉากหลัง เป้นดอยหลวงเชียงดาว ตั้งแต่นั้นมาผมก็คิดอยู่เสมอว่าสักวันผมต้องไปยืนดูมุมแบบนี้ด้วยตาของตัวเอง ถึงแม้ช่วงที่ผมมาดอกนางพญาเสือโคร่งจะยังไม่บานก็ตามซึ่งผมได้สอบถามยังคนดูแลสถานี บอกว่าปีนี้อาจจะบานช้ากว่ากำหนด คงประมาณ เดือน มค โน่นเลย ครับ หากใครอยากมาชม



เมื่อเก็บภาพกันจนเป้นที่พอใจแล้วก้ถึงเวลา เก้บข้าวของ เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ครับ



ลาแม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ กันด้วยภาพ ระเบียงบ้าน ที่สวยงามจนอยากจะตื่นมาเจอภาพแบบนี้ทุกๆเช้ากันครับ


เราลงจากแม่ตะมาน ใช้เวลาเร็วกว่าขาขึ้นเพียงเล็กน้อย



ก่อนจะแวะเก็บภาพนาขั้นบันได เล็กๆ ระหว่างทาง แวะทานข้าวเช้า ที่ตัวอำเภอเชียงดาว ซึ่งลืมเตรียมกันขึ้นไป



ระหว่างทางเราแวะรับสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งคน ที่ แยกแม่มาลัย ก่อนวิ่งยาว ไปพักทานข้าวเที่ยงที่ปาย ผมบอกกับทุกคนในทริปแล้วว่าผมจะไม่แวะปาย เพราะ ผมไม่ค่อยถุกจริตกับปายเท่าไหร่นักทุกคนก็ยอมรับได้ อีกอย่างถ้าแวะ ปาย กับ ห้วยน้ำดัง อาจทำให้เรา พลาดเก้บแสงสุดท้ายที่ปางอุ๋งได้ผมขับรถตรงดิ่งมาปางอุ๋งโดยแวะซื้อเสบียง ที่ปางมะผ้าเล็กน้อย เราก้มาถึงปางอุ๋ง ในเวลาที่ ทุกคน ต้องลงจากรถ โดยไม่ต้องกางเต้นท์ เพราะ ไม่งั้นจะไม่ทัน เก็บภาพแสงสุดท้าย เรื่องกิน และเรื่องนอน ต้องมาทีหลัง เรื่องถ่ายรูปต้องมาก่อน ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันหมด เลยจอดรถไว้ที่ด่านเก็บเงิน แล้วรีบวิ่งมาถ่ายรูปกันก่อน

ผมมายืนบนสันอ่างเก็บน้ำ เพื่อเก็บภาพ ปางอุ๋งในยามพระอาทิตยืตก และก็แอบดีใจเล็กๆ ที่ วันนี้ฟ้าไม่ค่อยมีเมฆ


และก็ไม่ลืมที่จะ snap shot น่ารักๆ ไว้ด้วย


ณ โมเม้นต์นั้น ผมแอบดีใจจริงๆว่า วันนี้โชคดีแล้ว ฟ้าเปิด



หลังจากหมดแสงแล้ว เราก้รีบพากันไป กางเต้นท์ กันด้านในอ่างเก็บน้ำ ก่อนที่จะมืดไปกว่านี้



หลังจากติดใจการถ่ายทางช้างเผือกกันเมื่อคืน และคืนนี้เราจึงชวนกันออกมาถ่ายอีกครั้ง หลังจากกางเต้นท์เสร็จ เพราะ จริงๆแล้ว ผม กับ เสก เพิ่งจะถ่ายทางช้างเผือกได้ก้ทริปนี้ โดยส่วนตัวผม เคยถ่ายแถวบ้าน ได้มาแต่เงาจางๆ ไม่ได้ชัดแบบนี้ เลยเป้นการถ่ายดาว ที่สนุกสนาน แลกอุปกรณ์ แลกเลนสื แลกความรู้กัน ไปด้วย เพราะ ผู้ร่วมทริป คนสุดท้ายที่มา นั้นมาแต่ตัว กับกล้อง เพราะ เพิ่งไปถ่ายงานรับปรืญญามา ไม่ได้เตรียมตัว อะไรมาเลย ขาตั้งก็ไม่ได้เอามา สายลั่นก็ไม่มี แถมยังไม่มีเสื้อกันหนาว ตัวหนาๆ ด้วย เลยต้องหยิบยืมกันด้วยมิตรภาพ



หลังจากถ่ายภาพกันจนเลยเวลามาเกือบสามทุ่ม จึงมาหาอาหารเย็นกินกันซึ่งไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก็อาศัย มาม่าคัพ และ ข้าวเหนียวไก่ทอด ที่ขายอยู่ด้านใน และยังสามารถชาร์ตแบต ต่างๆ ไม่ว่าจะโทรศัพท์ แบตกล้อง ในราคา 40 บาท



หลังจากกินเสร็จแล้วก็เข้านอนหลับปรากฏว่า เวลา ประมาณ ตี3 ฝนเกิดตกลงมา แต่ไม่หนัก และอย่าจะหยุด ก็ปาเข้าไปตี 5 ทำให้เช้สวันนั้นที่ปางอุ๋ง ขาดเสน่ห์ อย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีไอหมอกจากน้ำ ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลอดมาผ่านต้นสน ดังที่ควรจะเป็น และก้เป็นอีกหนึ่งวันที่เราเฝ้าคิดว่า เราโชคไม่ดีครั้งแต่ที่นี่สัญญาณมือถือหายห่วง สามารถอัพคลิปวีดีโอ ได้สบายมาก



ถึงแม้จะไม่ได้ภาพอย่างที่คิดไว้ แต่ความสวยงามก้ยังพอมี


หากมัวแต่คิดว่าโชคไม่ดี บรรยากาศไม่สวย ก็คงไม่ได้ภาพแน่ๆแต่เราก้ยังสามารถ เก็บภาพบรรยากาศ ผู้คนท รอบตัวเราได้เสมอ และผู้คนรอบตัวเรามักจะมีมุมเล็กๆ ที่สวยงาม เช่นกัน



หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าในปางอุ๋งแล้ว ก็ลากันด้วยภาพนี้ กับปางอุ๋งครั้งที่สองของผม แต่มันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ



เราเดินทางไปทานข้าวเช้ากันที่บ้านรักไทย ซึ่งอยู่ห่างจากปางอุ๋งไป 7 ฏิโลเมตร ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวจีน ที่อพยบ มาอยู่ เนื่นนานแล้ว และอาศัยอยู่ที่นี่เป็นกลุ่มใหญ่ ปัจจุบัน ก็ปลูกชา ปลูกผลไม้เมืองหนาว และ สร้างรีสอร์ท ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาเยือนที่นี่ ทุกๆครั้ง เมือ ฤดูหนาวมาถึง


ออกจากบ้านรักไทย เราขับรถไปยังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก่อนจะแวะ จิบกาแฟ ชมวิวสวยๆ ที่ร้านกาแฟ ดังของที่นี่



ซึ่งอยู่ไกล้กับพระธาตุดอยกองมู เลยครับ ชื่อร้าน before sunset coffee

บรรยากาศสมคำร่ำลือจริงๆ จิบกาแฟ พร้อมกับ ชมวิวภูเขาสุดไกลถ้ามาก่อนพระอาทิตย์ตกดังชื่อร้านคงจะสวยกว่านี้มากๆ


ออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เรามุ่งตรงไปยังอำเภอขุนยวม โดยแวะทานข้าวเที่ยงที่นั่น ก้จะเลี้ยวไปยังดอยแม่อูคอ เพื่อไปชม ดอกบัวตองบาน ที่นั่น


ระหว่างทางก็ขับรถ เข้าโค้งกันจน แทบจะอาเจียน กันเลย

เมื่อมาถึง เห็นดอกบัวตองก็ จอดเก็บภาพกันก่อน เพราะ วันนี้ มีเวลาเยอะ มาถึงที่หมาย ตั้งแต่ บ่ายสอง


ปรากฏว่าเมื่อเราขับรถไปถึง จุดชมวิว ดอยแม่อูคอ ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก จนเราต้องหลบอยู่ในรถ เกือบ 20 นาที ฝนจึงหยุด และดังคำโบราณที่ว่าไว้ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ


เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ ทุกคนเลยแยกย้ายกันไปเก็บภาพดอกบัวตองกันคนละทิศละทาง



หรือหากใครอยากจะซื้อใบประกาศณียบัตร ว่าเคยมาที่แล้วก้สามารถติดต่อซื้อได้ที่เจ้าหน้าที่ในเวลาทำการนะครับ


สามารถซื้อได้ตรงจุกชมวิวเลย

ที่ดอยแม่อูคอ จะมี ซุ้มขาย อาหาร เครื่องดื่ม ในตอนกลางวันเท่านั้นนะครับ หากใครอยากค้างคืนข้างบน ต้องเตรียมอาหารมาเอง



และปัจจุบัน ระหว่างทางขึ้นมายังจุดชมวิวดอยแม่อูคอ จะมี รีสอรืท เล็กๆ และ จุดกางเต้นทื ของเอกชน มากมายสำหรับคนที่ไม่อยากกลางเต้นทืนอนครับ



หลังจากเลือก สถานที่กางเต้นท์ ตรง จุดชมวิวดอยแม่อูคอแล้ว พวกเราก็พากันขึ้นไป ยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ของดอยแม่อูคอ



โดยตอนนี้เราได้ สมาชิกใหม่ เพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งเป้นน้องผู้หญิงคนนึง ที่เราเจอตอนไปปางอุ๋ง และวันนี้ก็มา ที่แม่อูคอเช่นกัน น้องผู้หญิงคนนี้เป็น พยาบาล ที่ต่างจังหวัดแถวภาคตะวันออก และขับรถมาเที่ยวเหนือตัวคนเดียว ตลอด 7 วันของการลาพักร้อน พร้อม กล้องคู่ใจ แต่เมื่อสอบถามไปถามมา น้องเสกเพื่อนในทริปเรา เข้าไปแลก facebook ปรากฏว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนที่รู้จักกันดี เลยสนิทกันมากขึ้นน้องบอกว่าคืนนี้จะลงไปนอนในตัวอำเภอขุนยวม และจะขึ้นมาใหม่พรุ่งนี้เช้า ดังนั้นพวกเราก็เลยชวนน้องว่า นอนบนนี้มั๊ย คืนนี้จะสอนการถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือกให้ ซึ่งน้องก้ตกลง และจะนอนในรถ ของตัวเอง



ใหนๆก็มาถึงแล้ว เช็คสัญญาณกันนิดนึงครับ ของ TruemoveH3G



เทสสปีดกันสักหน่อย

แสงสุดท้ายที่ดอยแม่อูคอ สวยงามจับใจจริงๆ


หลังจากถ่ายพระอาทิตย์ตกกันแล้ส เราก้มาเตรียมถ่ายดาวกันครับ


ก่อนถ่ายดาวขอเก็บแสงทไวไลทื สักนิดนึง
และแล้วทริปนี้ก็เป็นทริปถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือกโดยสมบรูณน์

และเช่นเคยเราแบ่งปัน ความรู้ในการถ่ายดาวและทางช้างเผือกให้แก่ สมาชิกใหม่ เหมือนทุกครั้ง


ทำเอาน้องเขาดีใจกันยกใหญ่ จนลืมไปว่ามื้อเย็นวันนั้นเราแทบไม่มีอะไรกินกันเลย นอกจากมาม่าคัพ และ ขนมปัง ไม่กี่ชิ้น



แต่โชคดีที่ พี่เต้นท์ข้างๆเรา เขามากันแบบครอบครัวใหญ่ ทำหมูกะทะ เผาปลากินกัน และ เมื่อพวผมไปขอน้ำร้อน ก็ได้รับการเชิญชวนให้ไปร่วมวงทานข้าวด้วยกัน ซึ่งต้องขอบคุณมากจริงๆ น้ำใจยังไม่ห่างหายไปจากสังคมไทย เท่าไหร่นัก



และเช่นเดิมครับ เราตื่นแต่เช้าขึ้นมาสู้กับอากาศหนาวเหน็บ ที่ทำเอาพวกเราทั้งหมด ไม่สามารถนอนในเต้นท์ใด้ เพราะลมแรงและความหนาวเย็นแบบสุดๆ พวกเราจึงอพยบ กันมานอนในรถ กันหมดทุกคน และตื่นมาสู้ความหนาวเพื่อเก็บภาพสวยๆอีกครั้ง


และแน่นอน วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ เราออกเดินทางจากแม่อูคอในตอนสายๆ ขับรถยาว ผ่านแม่แจ่ม จอมทอง เชียงใหม่ เชียงดาว ก่อนมุ่งตรงเข้า ฝาง และแม่อาย

โดยเราแวะ เก็บภาพสุดท้ายของทริปนี้ ที่ วัดท่าตอนอารามหลวง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่



และนี่เป้นภาพสุกท้ายของทริปนี้ ที่พวกเราทั้ง 4 คนได้มีโอกาสได้ร่วมเก็บภาพร่วมกัน



และ ขอยืมคำพูดพี่มด โฟโต้ไฟล์ ที่พูดไว้ว่า "การถ่ายภาพไม่ใช่แค่ได้ภาพอย่างเดียว เราได้มิตรภาพด้วย"
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคน ที่ สนุกสนานตลอดทริป ไม่มีใคร ปริปากบ่น หรือมีเรื่องให้ต้องขัดเคืองใจ ใครคนใดคนหนึ่งเลย



ขอบคุณ สปอร์นเซอร์ใจดีทรูมูพเอช และ เอวิสที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมรีวิวนี้



หากท่านมีคำถาม หรือ ข้อสงสัยประการใดสามารถ สอบถาม หรือเข้ามาทักทายกันได้ที่ หน้าเพจ ของผมครับ



https://www.facebook.com/TummengMagazine



สำหรับวันนี้ ขอบคุณครับ

แบกเป้เท่ทั่วโลก

 วันพฤหัสที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.11 น.

ความคิดเห็น