[Tummeng Travel #43] ทริปพาคนเหนือไปเที่ยวใต้ บินสบายๆ เชียงใหม่ - สุราษฯ (สมุย - เขาสก แพ 500ไร่)



สวัสดีครับ พบกันอีกแล้ว ช่วงนี้มาบ่อยนิดนึงนะครับ เพราะว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวแล้ว



วันนี้ ผม นาย Tummeng Travel จะพาทุกท่านไปเที่ยวกับไฟล์ทบินแรก ในรูท เชียงใหม่ - สุราษฏ์ธานี โดยทริปนี้ผมได้รับเชิญร่วมเป็นคณะสื่อจากทางภาคเหนือ เพื่อเป็นสักขีพยาน การเปิดตัวรูทนี้ครับ



ทริปนี้ ทางแอร์เอเชีย จะพาไปบินตรงจาก เชียงใหม่ มาลงที่ สุราษฯ แล้วนั่งเรือข้ามไปสมุย ก่อน กลับ มานอนเขาสก ที่ แพ500ไร่ ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ครับ



ทริปนี้จะเป็นยังไง ติดตามได้เลยครับ



ฝากติดตามและให้กำลังใจโดยการทิ้ง คอมเม้นท์ ไว้สักนิดนะครับ สำหรับท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม



และยังสามารถเข้าไปร่วมพูดคุย เล่นเกมส์ ทักทายกันได้ ที่ แฟนเพจผม https://www.facebook.com/TummengMagazine



##################################################



SR = แอร์เอเชียสนับสนุนการเดินทาง อาหาร และที่พักตลอดทริป



##################################################

ก่อนเดินทางผมได้รับการติดต่อ จากทาง สายการบินแอร์เอเชียว่า จะชวนไปร่วมทริป นี้ ผมจึงสอบถามรายละเอียดของทริปว่ามีไปที่ไหนบ้าง



ได้รับคำตอบ คือ ไป สมุย และ เขื่อนรัชประภา ผมจึง ตกลงร่วมทริปไปด้วย เพราะ ผม ยังไม่เคยไป เที่ยว เขาสก เลย แต่สมุย นั้น ผมไป หลายครั้งแล้วผมนั่งรถเมลล์เขียวจากเชียงรายรอบเช้าที่สุดคือ 7.45 (จริงๆมีก่อนหน้านั้นแต่ไม่ใช่ VIP ) มาถึงเชียงใหม่ 11 โมง ต้องรีบเช็คอิน เกือบตกเครื่อง แล้ววิ่งไปที่ Gate เพื่อขึ้นเครื่อง 12.30 ใช้เวลบินประมาณ เกือบๆสองชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินสุราษฏ์ธานีที่โดยต้อนรับ ด้วยพายุฝน ตกอย่างหนัก



แต่พอเครื่องลงแตะสนามบิน ปุ๊บ ฝนก้หยุดตก ให้พวกเราได้เก็บภาพ ไฟล์ทแรก เป็นที่ระทึก เอ้ยย ระลึก



ได้รับการต้อนรับจาก ผู้ใหญ่ ทาง สุราษฯ ด้วยการรำมโนราห์


จากการต้อนรับเสร็จ กลุ่มเราก็ต้องรีบออกจากสนามบิน สุราษฯ เพื่อไปยังท่าเรือ ดอนสัก ให้ทันเรือ เฟอร์รี่ เที่ยว 5 โมง ซึ่งใช่เวลาเดินทาง ประมาณ 45 นาที หากท่านเดินทางมาเองก็สามารถ ซื้อตั๋ว เรือได้ที่สนามบิน แล้ว นั่งรถ บัสของบริษัท พันทิพ ไปได้ เช่นกัน



ใช้เวลา นั่งๆนอนบนเรือ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก้เดินทาง มาถึง ยังเกาะสมุยเนื่องจาก มาถึง ก็ค่ำแล้ว จึงไม่ค่อยมีโอกาส เก็บภาพเท่าไหร่ นัก


กลุ่มเราเดินทางไปทานอาหาร ที่ร้านครัวชาวบ้านก่อนจะเดินทางเข้าที่พัก ที่หาดเฉวง



ไปถึงผมก็แทบจะล้มตัวนอนเพราะเหนื่อกับการเดินทาง เลยไม่ค่อยมีโอกาสเก็บภาพ โรงแรมมากฝากมากมายนัก ประกอบกับฝนตกทั้งคืน ผมพยายามจะตื่นมาถ่ายพระอาทิตย์ตอนเช้า แต่ ตอนที่ผมสะดุ้งตื่นมา ตี สามกว่าๆ ฝนยังตกปรอยๆ เลย นอนยาว ถึง7 โมงเช้า 555

บรรยากาศ หน้าหาด ของ โรงแรม ที่เราพัก ชื่อ แอล รีสอร์ท หาดเฉวง ติดทะเล มีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวสวยๆ ได้ครับ



ทรายกองนี้ไม่รู้ใครทำไว้แต่มันอยู่ตลอด สามวันที่ผมไปพัก

โปรแกรมในครึ่งวันแรกนี้เราจะไปดำน้ำกันที่ เกาะแตนและแวะไปทานข้าวเที่ยงกันที่ เกาะมัดสุมซึ่งอยู่ห่างจากเกาะสมุยไปไม่มากนัก



จริงๆเสียดายเหมือนกัน นึกว่าจะได้ไปย้อนอดีต ปีนเขาชมวิว ที่หมู่เกาะอ่างทอง



ท่าเรือไปเกาะมัดสุม ท่าเรือท้องกรูด เป็นท่าเรือเล็กๆ


นั่งเรือไป 14 นาที ก็ถึงจุดดำน้ำจุดแรก คือ เกาะแตน ครับ น้ำค่อนข้างใส แต่ประการัง นั้นไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ครับ จะให้สู้ ทาง อันดามัน คงเป็นไปไม่ได้



มองออกไปไกลๆทางหมู่เกาะอ่างทอง



หากใครยังไม่อยากดำน้ำจุดแรกก็สามารถ นั่งชมวิวบนเรือ รอไปก่อน ได้ ครับ หรือจะนั่งเล่น FB รอไปก่อนได้ครับ มีสัญญาณ โทรศัพท์ (ผมใช้ True moveH)

ดำน้ำอยู่สักพักก็ถึงเวลาขึ้นไปเกาะมัดสุม ครับบนเกาะจะมีโรงแรม อยู่เป้น ดรงแรม ค่อนข้างหรูหรา เลยทีเดียว ซึ่งจะเป้น ที่กินข้าวเที่ยงของพวกเรา



เกาะมัดสุมเหมือนจะเป็นเกาะเอกชน นะครับแต่ไม่มีชาวบ้านพักอาศัย น้องจาก คนเฝ้า ที่ดิน ของเจ้าของบนเกาะ

เราพักรัปประทานอาหารที่นี่


เดอะ เทรเชอร์ เกาะมัดสุม (The Treasure Koh Madsum)



ผมมีโอกาสได้ไปเก็บรูป โรงแรมมานิดหน่อยใครชอบความสงบ ร่มรื่น ปราศจากผู้คนวุ่นวายแนะนำมาพักได้ครับ



เนื่องจากฝนตกหนักมาก ทำให้ เราเสียเวลา กว่าจะข้ามมายังเกาะสมุย และไปเที่ยวที่อื่นต่อ



กลุ่มเราเลย ได้ ไป ไหว้ พระใหญ่ เพราะเป็น สิริมงคล ครับ ใครๆมาสมุย ก็ต้องไปไหว้

และฝนยังตกอยู่เลยกลับไปนอนเล่นที่ โรงแรมและออกมาเก็บภาพ ที่จุดชมวิว ในตอนเย็น ครับ



มื้อเย็นวันนี้เรามีโปรแกรมเป้น ปารืตี้ BBQ ที่หาดหน้า โรงแรม ครับ ผมเลยมีโอกาสเดินเก็บภาพ บรรยากาศ ยามค่ำคืนที่หสดเฉวง นิดหน่อย


กองทรายกองเดิม


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ ซื้อ โคมลอย ที่มีคนเดินขาย มาปล่อยซะหน่อย


เช้าวันสุดท้ายที่สุมย ผมตื่นตี5 เพื่อมาเก็บบรรยากาศ พระอาทิตย์ขึ้น ที่หาดเฉวง


ที่หาดเฉวงยามเช้ามืด นี่คึกคักน่าดู มีทั้ง คนออกกำลังกาย วิ่งจ๊อกกิ้ง คนมาว่ายน้ำ และยังมีกลุ่ม ชาวต่างชาติ ที่ น่าจะเมาๆหน่อย อาจจะยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมือคืน แก้ผ้า วิ่งไล่เตะกัน ตามประสาวัยรุ่นที่หน้าหาด (ผมไม่ได้เก็บภาพมานะครับกลัวจะเป็นปมด้อยสำหรับท่านชายหลายๆคน 55)



นั่งรออยู่นานกว่าพระอาทิตยืจะโผล่ขึ้นมาให้เห็น



ว่ายน้ำตอนเช้านี่ก้บรรยากาศดีอีกแบบนะครับ ว่ายไปมองพระอาทิตยืขึ้นไปฟินนนสุดๆ



การชมพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเล นี่ ชมคนเดียว มันไม่ฟินเท่าชม 2 คน จริงๆนะครับแหม่....................

ออกจากสมุย ตอนสาย แวะไปไหว้ศาลหลักเมืองสุราษฏ์ธานี ก่อนหน่อย


แวะทานมื้อเที่ยงเป้นอาหาร ทางใต้กันบ้าง ร้านแถวๆในเมืองนั่นแหละ


ก่อนจะพากันนั่งรถตู้ วิ่งยาวไปยัง เขื่อนรัชประภา (เขาสก) ซึ่งใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆ จากตัวเมือง


ปล.ผมพักทานข้าวแปบนะครับ เดี๋ยวมาต่อ

เดินทางมาถึงเขาสก เขื่อนรัชประภา ฝนตกอย่างหนัก ทำให้ ยังไม่สามารถออกเรือไปยังแพ500ไร่ได้



หยุดพักที่ สันเขื่อนก่อน เป้นเวลา 1 ชั่วโมง ฟังการบรรยาย ภาพรวม ของแพ500 และ เขาสก จาก พี่เบิ้ล หุ้นส่วนของ แพ500ไร่ ว่า ไม่มีสัญญาณโทรศัพ ไม่มี ทีวีในห้อง ต้องใช้ชีวิต กับ ธรรมชาติจริงๆทุกคน เริ่ม ที่จะ ส่งข้อความก่อนออกเดินทางจริงๆ ไปยัง เพื่อนๆ ที่อยุ่บ้าน



สำหรับผมก้ได้ โอกาส เก็บ บรรยากาศ ที่ สันเขื่อน มาเล็กน้อย

เมื่อฝนหยุดก็เป็นเวลาออกเดินทาง ไปยังแพ500ไร่ ด้วยเรือหางยาวของชาวบ้านแถวๆ นั้น ซึ่งเป้น นโยบายของทาง แพ500ไร่


เขื่อนรัชประภา หรือ เขาสกถูกขนานนามว่าเป้น กุ้ยหลินเมืองไทย เพราะ มี ภูเขา หินปูน ที่สวยงาม โผล่ มากลางน้ำ ให้ชมทัศนียภาพ แปลกตามากมาย



ระหว่างทางที่นั่งเรือไปก็มีฝนตก สลับ หยุด ตลอดเวลา ซึ่งเป้นเรื่องปกติ ของ ที่นี่ครับ ควรเตรียมเสื้อกันฝนและผ้าคลุ้มกระเป๋าไปให้ดี


นั่งเรือไปสักครึ่ง ชั่วโมงก็ไปถึง เขาสามเกลอหรือ กุ๊ยหลินเมืองไทยเป็นเขาหินปูน สามลูก ตั้ง อยู่ข้างกัน สวยงามมาก เสียดายตอนผมไป ไม่มีแดด เลย ดูมืดๆไปหน่อย



หลังจากนั้นก็นั่ง ชม วิว ภูเขา สายหมอก และ น้ำ ไปอีกพักหนึ่ง ผ่านที่พักที่เป็นแพอีกสองสามเจ้าก่อนจะไปถึง แพ500ไร่ ซึ่ง อยู่ไกล ที่สุด



ในที่สุดก้มาถึงแพ500ไร่ ไฮไลทืของทริปนี้เพราะผมยังไม่เคยมาที่นี่



ทาง โรงแรม ต้อนรับเราด้วย กล้วยบวชชี และ ขนมปังหน้าหมู



ไม่รู้เพราะเหนื่อย หรือหิวแต่ กล้วยบวชชี อร่อยๆ มากๆ ผม ซัดไป 3 ถ้วยร้อนๆ แก้หนาว จากการเดินทางได้ดี เลย



ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องพักเพื่อแต่ละคนจะได้เลือกออกมา ทำกิจกรรม ต่างๆ ที่ มีเตรียมไว้ไห้

กิจกรรมยอดฮิตคือการ พายเรือ ชมธรรมชาติหากโชคดี จะเจอ สัตว์ป่า มากมาย ช้าง กระทิงหรือ นกเงือก



หรือใครอยากจิบเบรย์เย็นๆแช่น้ำ อุ่นๆ ก้อได้ครับ โดดลงจากหน้าห้องเลย



และนี่คือ การใสชูชีพที่ถูกต้องสำหรับการแช่น้ำจิบเบียร์


หลังจากทานข้าวเย็นล้ว ไม่เกิน สามสี่ทุ่ม ทุกคนก็หลับกันหมดครับ เพราะความเงียบ + ความอ่อนเพลีย



ก่อนจะตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์ บางคนก้พายเรือ ชมะรรมชาติ บางคนก้จิบกาแฟ ชมวิว ทะเลหมอก เรี่ยยอดเขาสุง สวยงาม

มันคงต้องชมด้วยตาครับ แค่ภาพถ่ายคงไม่สามารถบอกถึงบรรยากาศอันสวยงามนั้นได้ ถ้าถามผมกี่ครั้ง ว่าจะไห้ไปอีกใหม ผม ก็ตอบทุกครั้ง ว่าไป ครับ


เช้านี้เรามีนัด นั่งเรือไปชม ธรรมขาติ สัตว์ป่ารอบๆ บริเวณที่พักครับ



ต้องขอบคุณพี่คนขับเรือ คนนี้ที่พาเราไป ชมธรรมชาติอย่างไกล้ชิดบางที เราไม่เห้นอะไร พี่แกพาขับไปแล้ว จอด นิ่งๆ ชี้ไห้ดู นกเงือก บ้าง ค่าง บ้างทั้งๆที่พวกเราไม่เห้นเลย แต่พี่แกเห้นตั้งแต่ไกล เลย



เหยี่ยว

นกเงือก


ฝูงค่าง


กลับมาถึงที่พักสายๆ



และเป็นเช่นนี้เสมอ คือ วันกลับ มักจะแดดออก แสงดี เสมอๆ



ขากลับออกจากที่พัก ตอนสายๆเรายังได้ ชมทัศนียภาพ สวยๆ ตลอดทาง พร้อมกับ แสงแดด อ่อนๆ



เสียดายขากลับ เราต้องรีบออกเพราะ กลัวไม่ทัน เครื่อง รอบ 14.40 เลยไม่ได้แวะถ่ายรูป หลายๆจุด



สุดท้าย ก่อนกลับ ก็มีการถ่ายภาพ ที่ระลึกกันนิดหนึ่ง ก่อนไปขึ้นเครื่อง



ก้เป้นการจบรีวิว ทริป เชียงใหม่ - สุราษฯ ทริปนี้นะครับ



ขอบคุณ สายการบิน แอร์เอเชีย ที่ สนับสนุน การเดินทาง



ขอบคุณ เพื่อนๆร่วมทริป ผู้สื่อข่าวภาคเหนือ ทุกท่าน



สำหรับวันนี้ ขอลาไปก่อน พบกับ รีวิวต่อไปได้ นะครับ



ขอบคุณครับ



https://www.facebook.com/TummengMagazine

แบกเป้เท่ทั่วโลก

 วันพฤหัสที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.11 น.

ความคิดเห็น