(ทุ) รัก .... (ทุ) เลห์ ... การเดินทางที่มีแต่ (ภู) เขา และ เรา 12 คน คนที่มีความฝันร่วมกัน กับการมาเยือนดินแดนแห่งนี้ ท้องฟ้า ภูเขา และทะเลสาบ เรากำลังจะเดินทางไปเลห์ (Leh) เมืองหลวงของแคว้นดาลัก (Ladakh) ประเทศอินเดีย ดินแดนที่ใฝ่ฝัน ปรารถนา มานาน จากที่เคยได้เห็นรูป รีวิว มาทำให้กระตุ้นต่อมอยาก ซักครั้งเถอะน่า นะ นะ ! ! ! รวมตัวกันได้ 12 คน ต่างคน ต่างที่มา ต่างคนบ้าระห่ำ แต่มีฝันเหมือนกันว่าอยากเดินทางมาที่เลห์

ขอเกริ่นนิดส์นึง สำหรับทริปนี้ (15-26 กค.2016) ต้องบอกว่ามันส์ตั้งแต่คิดจะไป ไหนจะแต่ละคนมีวันลาและจำนวนวันที่ไปได้ไม่เท่ากัน จองตั๋วไปและกลับคนละวันตามสภาพเวลาและราคาตั๋วที่เราได้ แต่มีช่วงเวลาที่พวกเราได้เที่ยวด้วยกันหลายวันอยู่นะ มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงวันเดินทาง แต่เราก็ไม่เปลี่ยนใจ เลยเถิดมาไกลแล้วนิ เปลี่ยนได้ไง ฮาๆ

แผนเดิมคือจะนั่งเครื่องจากเดลี (Delhi) ไปลงศรีนาการ์ (Srinagar) นั่งรถไปค้างที่เมืองคากิล (Kargil) เข้าเลห์ (Leh) ใช้เวลา 2 วัน ถึง ขากลับตามเส้นเดิมแต่แวะเที่ยว ซันสการ์ (Zanskar) แต่ด้วยที่เหตุประท้วงและเคอร์ฟิวที่ศรีนาการ์ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันเดินทางแค่ 5 วัน เอาไงดี ๆๆๆ คิดๆๆ หนทางที่คิดว่าจะดีที่สุดที่พวกเราเลือก คือ นั่งรถจากเดลีไปเมืองมะนาลี (Manali) ไปพักนอนที่เมืองคีย์ลอง (Keylong) แล้วถึงเลห์ 3 วัน 2 คืน ก็ถึง ถามว่าไหวมั้ย ? ตอบเลยว่าไหวมากกกกก และชอบแผนนี้มากกกก

มาพูดเรื่องการยกเลิกตั๋วบินไปกลับจากเดลีไปศรีนากา นี่ก็วุ่นวายดีแฮะ เนื่องจาก บางคนจองสายการบิน Indigo อีกคนจองบิน GoAir และมี Air India อีกนะ สนุกละทีนี่ มีเวลา 5 วัน ที่จะยกเลิกตั๋วแล้วจองขากลับจากเลห์มาเดลีกันใหม่ พอมีข่าวประท้วงและทำให้การไปเมืองศรีนากายุ่งยากและอันตราย เราก็ใช้เหตุผลนี้เขียนเมล์ส่งไปที่สายการบินถึงสาเหตุในการยกเลิกตั๋ว ทำให้พวกเราได้เงินค่าตั๋วคืนทุกบาท โชคดีๆ ลืมบอก ! พวกเราบินจากไทยด้วยการบินไทย และมี 1 คน บิน Indigo เพราะราคาถูกกว่า แต่ต้องไปต่อเครื่องที่กัลกัตต้า เราก็นัดเจอกันที่สนามบินเดลี และจากเดลีไปเลห์ มี 10 คนเลือกนั่งรถ ส่วนอีก 2 คน เลือกบินไปลงเลห์ ชิลๆ slow life จิบเบียร์รอ การเดินทางที่ต่างกัน แล้วจะเป็นยังไงต่อ ติดตามๆ ค่ะ อิอิ

สาธยายมาเยอะแล้ว ออกเดินทางกันได้ ....


ยิ้มแป้นนั่งรอ :) เนื่องจากเราไปช่วงหน้าร้อนของเลห์ เสื้อผ้าไม่เยอะ Lowe alpine กระเป๋าเป้สัมภาระ 1 ใบ สำหรับ 11 วัน เอาอยู่ อีกใบใส่ของจิปาถะใช้ระหว่างเดินทางและกล้อง ดูเหมือนใบเล็ก ๆ แต่จุได้เยอะเหมือนกันแฮะ (และแอบมีอีกใบใส่ของกินด้วย) เสื้อกันหนาว กันแดด กันลม กันฝน ขาตั้งกล้อง พกไปให้พร้อม เพราะดูจากสภาพอากาศแล้ว เราต้องเจอทุกสภาพ และมีชีวิตอยู่บนที่สูงประมาณ 3,000 - 5,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่สำคัญสำหรับใครที่กังวลเรื่องจะเป็นโรคแพ้ความสูง หรือ Acute Mountain Sickness (AMS) ส่วนมากจะกินยา Diamox หรือสมุนไพร แต่อื่นใดต้องปรึกษาเภสัชกรหรือคุณหมอด้วยก็ดีนะคะ เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าใครเคยไปใช้ชีวิตที่สูงระดับไหนแล้วไม่แพ้ไม่ต้องกังวลนะ โรคนี้ถ้าลงสู่ที่ต่ำก็หายค่ะ ส่วนเปิ้ลเคยไปอยู่ที่สูง 4,600 เมตร แล้ว จะเป็นแค่ปวดหัวตอนนอน ไม่ว่าจะยังไงเราต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรง กินให้อิ่ม พักผ่อนให้เพียงพอนะคะ สาเหตุหนึ่งที่พวกเราเลือกนั่งรถเพราะต้องการจะปรับสภาพร่างกายค่อยๆ ขึ้นสู่ที่สูงที่เลห์


ทีมนี้ถึงสนามบิน DELHI INDIRA GANDHI อ่านเป็นไทยว่า เดลี อินธิรา คานธี กลุ่มแรกรอที่สายพานตามที่นัดกัน ^^


ตัดภาพมาอีกหนึ่งคนที่ต่อเครื่องกัลกัตต้า รดา นางบินเดี่ยว ชิลๆ แล้วนัดเจอกันที่สนามบินเดลีเพื่อจะนั่งรถไปมะนาลีพร้อมกัน สำหรับคนที่บินการบินไทยจะเป็นบินตรงลงที่ Terminal 3 ส่วนรดาบินแบบต่อเครื่อง ดังนั้นจากกัลกัตต้ามาเดลี จะลงที่ Terminal 1 ซึ่งจะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ก็มีรถ Shuttle bus รับส่งระหว่าง Terminal ก่อนออกจากไทยนัดกันว่าให้ไปรอที่สายพานรับกระเป๋านะ แต่ไม่ได้บอกว่า Terminal ไหน ฮาๆ สนุกละซิ หวังว่าจะมีอินเตอร์เนตให้ติดต่อกันได้ สุดท้ายก็หา wifi ใช้อินเตอร์เนตฟรีและนัดแนะกันได้สำเร็จ การใช้ wifi ที่สนามบินอินเดียจะเป็นการใช้รหัส OTP ส่งเข้าเบอร์มือถือที่เราจะใส่ไว้ พวกเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา ดังนั้นจะรับ message OTP ไม่ได้ แต่พวกเราก็มีวิธี ต้องหน้าด้านไปขอกับคนอินเดียหรือพนักงานร้านกาแฟ หรือใครที่หน้าตาใจดี ให้เค้าใส่เบอร์มือถือแล้วรอรับ OTP มาเล่นอินเตอร์เนตได้

พวกเราก็ได้เจอกัน 10 คน 2 คัน นั่งรถยาวๆๆ ไปนอนที่เมืองมะนาลี ทำใจรอเลยค่ะ ใช้เวลา 15 ชั่วโมง ด้วยระยะทาง 600 กว่ากิโลเมตร เจอวิวทุ่งนา ภูเขา แม่น้ำ เขื่อน ฝนก็ตกบางช่วง หลับๆ ตื่นๆ ตามความสวยของวิวระหว่างทาง


จากเดลีเที่ยงมาถึงมะนาลีตี 2 กว่าๆ ต้องรีบนอนๆ


ตอนเช้าวันที่ 2 เราก็ออกเดินทางต่อ ตื่นเช้ามาจากโรงแรมที่พัก วิวแบบนี้ หายเพลียเลยค่ะ พร้อมนั่งรถต่อได้ อิอิ

ออกจากเมืองมะนาลี ฝนตกตลอดทาง และเป็นทางเขา ไต่เขา โค้งคดเคี้ยวอีกด้วย รถติดบ้าง วันนี้นั่งรถด้วยระยะประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง สู้ไหว ๆ

เจอผู้ชายๆๆๆๆ

แก๊งไบค์เกอร์ ถึงฝนจะตกก็ไม่หวั่น

แวะพักกินอาหารกลางวัน อาหารหลักที่อินเดีย ก็ต้อง แผ่นแป้งจาปาตี ที่จะต้องมีทุกมื้อ บ้างก็กินแทนข้าว และต้องมีชา ซึ่งเป็นชานมอุ่นๆ ช่วยคลายหนาวได้

ระหว่างทาง

เจอแบบนี้ จอดๆๆๆ ระหว่างทางถนนเส้นนี้ขอบอกว่าสวยมากๆ ชอบมากๆ ด้วยค่ะ

ซูมให้เห็นใกล้ๆ ธารน้ำแข็ง ที่กำลังละลายมาเป็นน้ำตก

ระหว่างทางก็มีปั้มน้ำมันนะ โล่งๆ ลมโชย

มีป้ายบอกระยะให้รู้ว่าข้างหน้ามีปั้มอีก


มาถึงแว้วววววว เมืองคีย์ลอง (Keylong) มาถึงเร็วยังไม่มืด ได้มีเวลาเดินเที่ยวในเมือง มาถึงเมืองนี้อากาศค่อนข้างเย็น เจอฝนระหว่างทาง ก็มาเจอเย็นๆ ถ้ามีอาการรู้สึกไม่ค่อยสบายก็ให้รีบกินยาป้องกันไว้นะคะ

ชาวบ้านที่นี่น่ารักและเป็นกันเอง

เด็กๆ ก็น่าร๊ากกกก

เจอแผนที่ที่ผนังบ้าน พรุ่งนี้เราต้องนั่งรถไปเลห์ด้วยระยะทาง 264 km. เค้าว่า 10 ชั่วโมงขึ้น แต่วิวจะแตกต่างจากที่ผ่านมาและสวยมาก ... โอววววว ว้าววววว แต่ สู้โว้ยยยยยยย


เช้าวันที่ 3 ออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะต้องเผื่อเวลาจอดแวะถ่ายรูป ระหว่างทางก็จะมีจุด Check point ตรวจสอบเอกสาร และมีร้านอาหาร คนขับรถจะบอกว่า Tea time ไปๆกินชานมๆๆ

จุดไหนวิวสวยก็ขอให้จอด จะบอกว่าจุดตรงนี้อากาศหนาวม๊ากกก ลงไปถ่ายรูปแป่บนึงต้องรีบขึ้นรถ

มาถึงจุดพักรถ ให้เวลาคนขับได้พักจิบชา พวกเราก็ลงถ่ายรูปและเข้าห้องน้ำ

นี่นะๆ ห้องน้ำ เดี่ยวๆ

แดดดี ฟ้าใส

เหล่านางฟ้าทั้ง 8 และบอดี้การ์ด มีสีสัน เสื้อผ้ากันลม กันฝน กันแดด กันหนาว เสื้อผ้าก็สลับเปลี่ยนกันใส่ ไปค่ะ อิอิ

ไปกันต่อ ฝนเริ่มไม่ตก ฟ้าก็แจ่ม ถนนก็มีฝุ่น อย่าลืมผ้าปิดปากปิดจมูกด้วยนะคะ

ภูมิประเทศก็เปลี่ยนไป จากเขียว มาเป็นน้ำตาล เทา แดง เหลืองขุ่น

มาถึงจุด Check point อีกจุด ตรงนี้ต้องรอผ่านทางนานมากเกือบ 2 ชั่วโมง เพราะดินถล่มและกำลังเคลียร์ทาง พวกเรามีเวลาได้ลงถ่ายรูปอีก เจอแก๊งค์ไบค์เกอร์คนอินเดียมาขอถ่ายรูป

เข้าห้องน้ำ ทำเนียนยืนบังไว้ ^^

หามุมถ่ายรูปเล่นกันต่อ

ว่างมาก ไม่มีอะไรทำ ขอขึ้นรถบรรทุกโพสท่า :)

แก๊งเมียสิบล้อ นึกถึงเพลง รักสิบล้อต้องรอสิบโมง แม่คิ้วโก่งขวัญใจสิบล้อ อิอิ

รอ 2 ชั่วโมงกว่าก็ได้ไปต่อ

ลวดลายบนภูเขา สวย


ไต่เขามาเรื่อยๆ มาถึงอีกจุดพัก ตรงนี้ละที่รดานึกได้ว่า กล้อง Gopro หายไปพร้อมไม้เซลฟี่และรีโมท เฮ้อ! และน่าจะหายไปตั้งแต่จุด Check point ที่มีดินถล่มนั้น มานึกได้ตอนนี้ผ่านไป 3 ชั่วโมงกว่าเลยนะ นอยด์ไปแป่บนึง แล้วลั๊ลล๊าได้ต่อ ภาวนาขอให้คนเก็บไว้และหาวิธีตามหาเจ้าของนะ สาธุๆๆ

The show must go on ไปเที่ยวกันต่อ เรายังมีกล้องอีกหลายตัวให้ถ่ายรูปได้

นั่งรถไต่เขา สนุกอ่า แต่ไม่เมารถ เพราะวิวสวย เพลินๆ

แวะอีกๆ แล้วจะถึงเลห์กี่โมง พูด!

เห็นถนนโล่งๆ

ณ จุดนี้เรียกว่าอะไร อ่านป้ายไม่ออก T_T

LEH อีก 150 km. ยังไหวๆ

ถนนสายมะนาลี - เลห์ ถือได้ว่าเป็นถนนที่อยู่บนที่สูงเฉลี่ยประมาณระดับ 4,000 เมตร สำหรับส่วนที่สูงที่สุด คือ Taglang La Pass มีความสูง 5,328 เมตร หรือ 17,582 ฟุต เป็น Pass ที่สูงเป็นอันดับ 2

ฟินเฟอร์ (มีอาการแพ้ที่สูงบ้างแล้วนะ แต่ลั๊ลล๊าหน้าบานถ่ายรูป อิอิ)

ณ จุดนี้ มีหลายคนมีอาการแพ้ที่สูงคือปวดหัว มึน คลื่นไส้ เลยไม่ยอมลงจากรถ ส่วนเปิ้ลแค่ปวดหัวตึบๆ ลงมาถ่ายรูปได้ซักแป่บก็รีบขึ้นรถ มึนหัวซิค่ะ ให้รถรีบพาไปจะได้ลงที่ต่ำ อาการก็ดีขึ้น

ไต่เขากันต่อ มึนๆ และเริ่มหิว


เห็นป้ายบอกระยะทาง อีกไกลแค่ไหน จนกว่าจะใกล้ บอกที !

อีกไม่ไกลแล้วค่ะ เลห์อยู่แค่เอื้อม จากตรงนี้ไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่จะถึงเลห์ คืนนี้ต้องนอนหลับพักผ่อน พรุ่งนี้เริ่มออกเที่ยว (ที่ผ่านมาก็เที่ยวนะ แต่เน้นๆ Road Trip มากกว่า)


VDO บรรยากาศการเดินทางแบบขำๆฮาๆ นะคะ


โปรแกรมเที่ยวของพวกเราต่อจากนี้คือ Nubra Valley - Pangong Tso - Leh - Moriri Tso - Leh - Lamaruyu - Leh


>> ตอนต่อไป ถึงแล้วเลห์ จุดหมายเพิ่งเริ่มต้น Nubra Valley ถึงทะเลสาบ Pangong คลิกอ่านได้ที่ https://th.readme.me/p/5195


ปล. ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ทนอ่านและดูรูปมาถึงสุดท้ายนี้ อยากจะเล่าและแบ่งปันเรื่องราวการเดินทาง เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวที่นี่ค่ะ


--------------------------------------------------------------------

เรื่องโดย ลิงเปิ้ล : [email protected]

Facebook เที่ยวแล้วยัง : www.facebook.com/welikejourney

IG : lingple

เที่ยวแล้วยัง

 วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.27 น.

ความคิดเห็น