เช้าวันเสาร์หนึ่ง ตั้งใจจะไปสังขละ

แต่อย่างเคยตามประสาคนไม่ค่อยจะวางแผนล่วงหน้า เมื่อโทรถามที่พักที่หมายตาไว้ ปรากฎว่าเต็ม

เมื่อต้องเปลี่ยนแผน จะไปไหนดีหนอ เปิดดูกระทู้ในเนทไปเรื่อย ๆ

นึกถึงกระทู้ที่มีคนมาโพสเรื่องไปดูช้างเล่นน้ำที่ร้านกาแฟของทรัพย์ไพรวัลย์พิษณุโลก

เราก็เคยไปตอบไว้ ว่ามีโอกาสก็จะไป เอาหละ ดูแผนที่ก่อนว่าอยู่ส่วนไหนของพิษณุโลก

ปรากฎว่าอยู่เส้นที่เชื่อมต่อกับเขาค้อนี่ โอเค จะได้เที่ยวเขาค้อด้วย

โทรถามซิ มีห้องว่างมั้ย ใจน่ะ คิดว่าว่างแน่ๆ

เพราะกระทู้นั้นก็บอกว่าที่นั่นเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีแขก

ตามคาดหละค่ะ ว่างเยอะแยะ อาจจะเพราะหน้าฝนด้วยละมั้ง ไม่ค่อยมีคนออกเที่ยว

ว่าแล้วก็แจ้งจองแบบชาเล่ต์ริมน้ำ และก็ออกเดินทางเลย

ตามมาเลยค่ะคุณ



หลังนี้ค่ะที่พักของเรา หมายเลข 490


อยู่ริมน้ำภายใต้ร่มไม้ใหญ่น้อยมากมาย

ก่อนอื่น เชคอินก่อนค่ะ ที่อาคารรับรองด้านหน้า


ที่นี่มีห้องพักทั้งแบบโรงแรม และ บ้านเป็นหลังๆ ซุกซ่อนอยู่ในสวนป่าใหญ่

ที่พักค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากมาย ส่วนของโรงแรมแยกออกไปอีกโซนนึง

อาคารรับรองนี้ จะเป็นส่วนของห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ค่ะ ไม่มีห้องพัก

เช็คอินแล้ว เราเข้าที่พักด้วยรถสองแถวแบบนี้ค่ะ


ส่วนรถเราก็จอดไว้ ที่ลานจอดของอาคารรับรอง

คือ เนื้อที่ของรีสอร์ทจากที่อ่านในป้ายนะคะ ก็ 920 ไร่

การเดินทางของแขกในรีสอร์ทก็ต้องเรียกใช้บริการรถหละค่ะ

แต่ถ้าใครชอบเดินก็ดีนะคะ อากาศดี ต้นไม้เยอะ

เรานั้นใช้รถแค่ตอนเช็คอินกับเช็คเอาท์ เพราะสัมภาระเยอะ

นอกนั้น เราเดินเอาค่ะ สดชื่นดี

ทางเข้าโซนห้องพัก


มีจักรยานให้เช่านะคะ ไม่รู้คิดราคายังไงเหมือนกัน ไม่ได้ถามมาค่ะ ลืม 555


ต้นไม้มากมายระหว่างทาง


อันนี้คือโซนห้องพักแบบโรงแรมค่ะ ข้างในเป็นยังไงไม่ทราบเหมือนกัน


เอาหละ มาดูห้องพักของเราดีกว่าค่ะ


ระเบียงด้านหน้า นั่งมองบึงน้ำและสีเขียวสดของต้นหญ้าต้นไม้ยามได้ฝน


ด้านในแบ่งเป็น 3 ห้องค่ะ ประกอบด้วย


ห้องนั่งเล่น ห้องนอนใต้หลังคา และห้องนอนใหญ่

เปิดประตูก็เจอห้องนั่งเล่นก่อน

ที่เห็นบันไดนั่น คือห้องใต้หลังคาค่ะ เราลืมถ่ายรูปมา


มีอุปกรณ์เครื่องนอนครบ ห้องใต้หลังคา แอร์คงขึ้นไม่ถึง แต่เขามีพัดลมให้ค่ะ

ห้องนั่งเล่นก็มีพัดลม แอร์จะมีเฉพาะในห้องนอนใหญ่

มาต่อที่ห้องนอนค่ะ


สัญญาณทีวีไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็นอนดูละครได้ค่ะ ^^


ห้องน้ำค่ะ สะอาดสะอ้านดี แต่น้ำอุ่นไหลกระปริบกระปรอยไปหน่อย


แอบดูหลังข้างๆสิ มีใครมาพักมั้ย ไม่มี 5555


คือ ต้องบอกก่อนนะคะว่า ที่นี่ค่อนข้างเก่าแก่พอสมควร เห็นว่ามีมานานหลายสิบปีแล้ว


บ้านพัก เครื่องเรือน การตกแต่งก็แบบเก่าๆแหละ มีบ้านพักใหม่ๆแค่ 2-3 หลังมั้งคะ ไม่แน่ใจ

ได้ยินมาว่าตอนนี้คือปรับปรุงใหม่แล้ว แต่ก็คงยังไม่สมบูรณ์นัก

เพราะเราเห็นบ้านพักบางหลังก็มีการซ่อมแซมอยู่นะคะ



แต่บอกเลยว่า เก่าแต่ไม่แย่นะคะ สำหรับเรามันดีเลยแหละ

สะอาดสะอ้านหมดจด ไม่มีอะไรให้รู้สึกขัดเคือง

ภายในห้อง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆก็ครบตามมาตรฐานทั่วไป

ไฮไลท์ของทรัพย์ไพรวัลย์คือ ช้างค่ะ

อันนี้ถูกใจมาก บอกเลย

ช้างที่นี่อยู่กันอย่างมีความสุข

เท่าที่เห็นนะคะ มันดูแจ่มใส ร่าเริง และดื้อบ้าง 55555



ปกติช้างจะอยู่ในส่วนของปางช้างค่ะ ถ้าเข้าไปดูก็ติดต่อที่ฟรอนท์

แต่เราไม่ได้เข้าไปที่ปาง แค่รอป้อนอาหารที่ลานช้างก็ประทับใจแล้วค่ะ

ช้างที่นี่ เขาไม่มีโชว์แสดงช้างอะไรนะคะ

แค่ว่าวันที่ลูกค้าเยอะหน่อยก็พาออกมาให้ลูกค้าป้อนอาหาร วันละชั่วโมงเดียว ตอนเช้าแค่นั้นหละค่ะ

อาหารคงจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่เขาบอกว่าจะไม่มีแตงโม เพราะจะทำให้ช้างท้องเสีย

ของเราเป็นมันแกวค่ะ ตะกร้าละ 100 บาท ฟังดูเหมือนจะแพง แต่ไม่แพงนะคะ ตะกร้าใหญ่เชียว

กินนมๆ


มีช้างน้อยน่ารักอยู่ 2 เชือก ให้อาหารก็ไม่ค่อยอยากจะกิน ห่วงแต่จะเล่น


ขำตรงที่ พอควาญเผลอ พากันวิ่งอ้าว


และดูนะคะ เจ้าตัวน้อย พากันไปแอบซ่อนควาญหลังเสา


แหม ซ่อนซะมิดชิด หาไม่เจอเลย

เขาคงนึกว่าเขาตัวเล็กน่าดู

มาให้ยลโฉมชั่วโมงนึงก็กลับปางหละค่ะ ไปพักผ่อนตามประสา


สิ่งนี้ที่ประทับใจ เราดูออกค่ะ ว่าควาญช้างและพนักงานรักช้างเหล่านี้


เขาพูดคุยกับมัน สัมผัสมัน มีความละมุนละไมอยู่ในนั้น เราเห็นมาดูส่วนอื่นๆกันบ้างค่ะ



ร้านกาแฟ อยู่ตรงทางเข้าเลย ใกล้ๆป้อมยาม

พนักงานบอกว่า ช้างจะออกมาเล่นน้ำที่บึงราวๆบ่ายสองค่ะ

แต่วันแรกเราไปเขาค้อ กลับมาก็เย็นแล้ว เลยได้แค่เข้าไปอุดหนุนเครื่องดื่มนิดหน่อย

จริงๆอยากกินเค้ก แต่มีให้เลือกน้อยไปหน่อย และไม่ใช่แบบที่ชอบ

วันที่สองก็เช็คเอาท์ตอนสายๆ เลยอดดูช้างเล่นน้ำ



ได้แต่เก็บบรรยากาศมาฝากค่ะ

ร้านสวยดี คนก็ไม่มี ถ่ายมันซะทุกมุมละกัน

ส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ


ไปที่ไหนๆเราไม่เคยมีโอกาสได้ใช้บริการส่วนนี้ เพราะว่ายน้ำไม่เป็น

ด้านบนของสระว่ายน้ำ เป็นห้องอาหารค่ะ


อาหารเช้าก็โอเค ตามปกติทั่วไป เป็นบุฟเฟต์ ABF ข้าวต้ม ข้าวแกง บะหมี่ ให้เลือกตามสบาย

เครื่องดื่มก็ตามมาตรฐานทั่วไปค่ะ บะหมี่อร่อยมาก บอกเลย

เห็นติดอยู่หน้าห้องอาหาร เป็นเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ


ทางรีสอร์ทมีล่องแก่งด้วยค่ะ

คิดราคายังไงไม่ทราบเหมือนกัน ลองสอบถามดูกับทางรีสอร์ทนะคะ ถ้าสนใจ

ใครไปกันเป็นหมู่คณะนี่ ล่องแก่งกันท่าทางสนุก

อันนี้ตู้บริจาคเป็นค่าอาหารช้างค่ะ หย่อนไปหละ สบายใจ


มาว่ากันที่บรรยากาศรอบๆค่ะ


น่าจะเป็นบ้านพักหลังใหม่ เพราะดูทันสมัยที่สุดแล้วของที่นี่


ข้างในเป็นยังไงไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

บ้านกระรอกค่ะ มีหลายจุดเลย


จริงๆพนักงานบอกว่า ถ้าฝนไม่ตก กลางคืนจะพาส่องสัตว์ด้วยนะคะ

แต่เราอด เพราะฝนตก

คู่รัก น่ารักดี


แสงเช้ายามลอดผ่านแนวไม้ มันสวยมาก อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปรัวๆๆ


เราชอบที่นี่มากค่ะ เหมือนได้ย้อนสู่วัยเด็ก


จินตนาการของเด็กบ้านนอกสมัยเรา ได้ท่องไปในป่าใหญ่ ได้เจอกระท่อมน้อยกลางป่า

ที่นี่ทำให้นึกถึงหนังสือนอกเวลาเรื่อง "บึงหญ้าป่าใหญ่"



ประทับใจในทุกอย่างของทรัพย์ไพรวัลย์ พนักงานก็น่ารักเป็นมิตร



ที่สำคัญสุดของเราคือ เราไปยืนอ่านป้ายนโยบายของที่นี่

ในนั้นมีใจความอยู่ว่า ห้ามฆ่าสัตว์ทุกชนิดในที่แห่งนี้ แม้แต่สัตว์มีพิษอย่างงู

ได้ใจเราไปเต็มๆในข้อนี้ เราถือมากใในเรื่องของการไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน



รีสอร์ทเก่าแก่ แต่อยู่ในใจเราแล้วหละ จะกลับไปอีกแน่นอนค่ะมาดูอิ่นๆละแวกนั้นกันบ้างเนอะ

อาหารการกิน มีร้านอยู่แถวๆริมแก่ง ไม่ไกลจากทรัพย์ไพรวัลย์มากนัก

เราไปฝากท้องไว้มื้อนึง อร่อยดี เผื่อใครสนใจค่ะ

ชื่อร้าน ริมแก่ง

อยู่ อ.วังทอง แหล่งล่องแก่งเลยค่ะ

คือ จาก อ.วังทองตรงไปเส้น พิษณุโลก หล่มสัก

ก่อนถึงทรัพย์ไพรวัลย์

จะเห็นร้านริมแก่งอยู่ด้านขวามือนะคะ



วิวดี บรรยากาศโอเค อาหารรสชาติดี

เมนูปลา สด หวาน โดยส่วนตัวชอบทอดมันปลาค่ะ

แต่ไก่บ้านถ้าใครฟันไม่ดี ไม่แนะนำนะคะ

แข็งไปเยอะเลย 555

แต่ถ้าเป็นเส้นเขาค้อ ก็ร้าน ครัวเขาค้อเลยค่ะ


อร่อยมากกกกก

ร้านธรรมดาๆห้องแถวริมถนนนี่หละค่ะ

ใกล้ๆแยกแคมป์สน

ไม่มีวิวทะเลหมอก ภูเขาอะไรทั้งนั้น

แต่อาหาร บอกเลย อร่อยอย่างแรงงงง

ร้านครัวเขาค้อค่ะ อร่อยทุกอย่าง

แต่อย่าเร่งแม่ครัวนะคะ^^



ไปภูแผงม้ากันค่ะ เป็นจุดชมวิวอีกแห่งที่ไม่ค่อยมีใครไป


ถ้ามาทางเขาค้อก็ขึ้นทางเดียวกับภูทับเบิกแหละค่ะ



แต่ถ้าเส้นพิษณุโลกก็ขึ้นไปทางภูหินร่องกล้า ผ่านเส้นลานหินแตกยาวไปเรื่อยๆ

เจอป้ายแบบนี้อยู่ขวามือ เดินขึ้นไปประมาณ 700 เมตรค่ะ

ระหว่างทางเดิน สดชื่นมาก แต่แนะนำใส่ขายาวแขนยาวนะคะ


เพราะไม่งั้นตัวคุ่นจะกัดเอา นี่เราลายพร้อยไปทั้งตัวเลย แพ้อย่างแรง

อะไรไม่รู้ค่ะ น่ารักดี


ขึ้นไปถึงก็เจอแบบนี้ โล่งมากกกก ไม่มีคนเลย


ได้ยินมาว่า ตอนเช้าๆ หรือตอนไหนก็เถอะ ถ้าจังหวะดีๆ ที่นี่ทะเลหมอกอลังการมาก


แต่เราคงจังหวะไม่ดีนัก เลยไม่มีทะเลหมอกให้เห็น ได้มาแค่นิดๆหน่อยๆค่ะ

ข้างล่างนั่นคือ ภูทับเบิกค่ะ


ลงมาเขาค้ออีกสักเล็กน้อย


แวะไปทำบุญที่วัดกองเนียมค่ะ

จริงๆที่นี่วิวสวยมากนะคะ เห็นว่าทะเลหมอกสุดยอด

แต่เราไปถึงก็บ่ายๆหละค่ะ เลยไม่มีทะเลหมอก

หลวงพ่อบอกว่า ตอนเช้านี่ ไม่มีที่จอดรถเลยแหละ คนมาดูทะเลหมอกกัน

แวะไปรษณีย์เขาค้ออีกหน่อย ไหนๆก็ผ่าน


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รีวิวนี้จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ





Paramee Na Prasri

 วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.07 น.

ความคิดเห็น