จากความเดิมตอนที่แล้ว อิโปห์ ความอร่อยในขุนเขา เรานั่งรถไฟไม่นานราว ๆ สัก 1 ชั่วโมง ก็มาถึงบัตเตอร์เวิร์ท จุดเชื่อมต่อที่จะพาเราไปสู่เกาะปีนัง

รีวิวนี้อ่านประกอบกับเรื่องอาหารการกินได้ในตอน 24 ชั่วโมงในปีนัง เราไปกินอะไรกัน



:::สวัสดีบัตเตอร์เวิร์ท:::

จากอิโปห์ สามารถเดินทางมาถึงปีนังได้ทั้งทางรถบัส และรถไฟ

เราเลือกที่จะไปทางรถไฟ เนื่องจากสมัยเด็ก ๆ ที่เคยนั่งรถไฟครั้งแรก ดูตารางเดินรถไฟแล้วเห็นชื่อ สถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ท ซึ่งชื่อสถานีนี้มันดึงดูดเรามาก ฟังชื่อแล้วดูอร่อยดี เหมือนมีเนยเยอะ หรือมีเนยคุณภาพดีรออยู่

เวลาผ่านมาราว 20 ปี นี่คงเป็นโอกาสแรกที่ทำให้เราได้พบเจอสถานีบัตเตอร์เวิร์ทตัวเป็น ๆ ในที่สุด

พอได้ลงมายังตัวสถานีบัตเตอร์เวิร์ท ลงรถไฟมาได้ รีบถ่ายรูปใหญ่เลย สถานีก็ไม่ได้สวยงาม หรือใหญ่โตกว่าปกติที่เคยเจอหรอก และไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับ butter หรือเนยอย่างที่เราคิด แค่ตื่นเต้นที่ได้มาเจอสถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ทตัวเป็น ๆ เท่านั้นเอง


กำลังเดินไปต่อเรือไปเกาะปีนังค่ะ


ความสนใจถัดมาของเราก็คือ ตอนเด็ก ๆ เคยได้ยินว่าลูกบางบ้านถูกส่งไปเรียนที่ปีนัง หรือในละครไทยพีเรียดก็จะนิยมส่งลูกไปเรียนที่ปีนัง สงสัยอยู่เสมอมาว่าปีนังมีดีอะไร คนที่ไปเรียนปีนังเหมือนจะเป็นคุณหนูดูมีฐานะทั้งนั้น เราจะไปตามหาคำตอบกัน!

เรือข้ามไปเกาะที่นี่ขนรถคันใหญ่ ๆ มาได้ตั้งหลายคันแน่ะ


จากท่าเรือที่เราลงที่ปีนัง พวกเราแบกสัมภาระฝ่าฝูงชนขึ้นรถเมล์ไปยัง ตึก Komtar เพื่อเดินไปหาที่พักที่จองมาล่วงหน้าแล้ว


ตึกสีส้มนี่คือ ที่พักของเราค่ะ



:::เที่ยววัดจีน:::

หลังเก็บสัมภาระเสร็จก็ออกตะลุยปีนังทันที เริ่มที่แรกที่ วัด Kek Lok Si ซึ่งเป็นวัดจีนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา

เห็นตัววัดตั้งอยู่ลิบ ๆ ก็ถอนหายใจแรง ๆ เฮ้ออออออออ ไม่ใช่ขึ้นทางด้านนี้ค่ะ ขึ้นอีกด้าน มีบันไดให้เดินขึ้น ไม่รู้ว่ากี่สิบขั้น พวกเรารีบเดินขึ้น เพราะค่อนข้างเย็นแล้ว

ค่อย ๆ ไต่ความสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ วัดก็จะสร้างไล่เหลื่อมความสูงขึ้นมาเช่นเดียวกัน





ภายในวัดจะเปิดเพลงสวดของจีนคลอไปด้วย อยากอ่านรีวิวให้มีอารมณ์ร่วมตามก็เปิดเพลงสวดคลอตามไปนะคะ


ดูบางมุมก็เหมือนวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ที่บางบัวทองนะนี่


เค้ามีให้ไหว้ทำพิธีอะไรสักอย่าง มีอาเจ๊มาคอยยืนบอกวิธี แล้วสุดท้ายเค้าก็ให้ถุงน้ำมนต์ที่ลอยด้วยกลีบดอกไม้มา


ด้านบนเขาจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อยู่ เราสามารถขึ้นไปสักการะได้โดยเดิน หรือนั่งลิฟท์ หรือขับรถขึ้นไปก็ได้ค่ะ รีบจ้ำเลยค่ะ เกือบได้เวลาลิฟท์รอบสุดท้ายแล้ว


แล้วก็เป็นไปตามที่คาด เป็นลิฟท์รอบสุดท้ายจริง ๆ มีแค่ตั๋วขึ้นให้คุณ แต่ขากลับคุณต้องเดินลงเอง! แถมวีไอพี ทั้งคันมีแค่ 2 คน!


ว้าว ได้ดูวิวด้วย


เดินออกจากตัวลิฟท์มองหันหลังกลับไปก็จะเป็นภาพนี้



องค์เจ้าแม่กวนอิมใหญ่โต สวยงาม ไม่เสียเที่ยวแล้วที่ตัดสินใจขึ้นมา


หลังจากกราบไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิม ชมวิวข้างบนได้สักครู่ ฝนก็ปรอย ๆ ลงมา แถมพวกเราไม่มีร่มด้วย

แต่แล้วด้วยผลบุญหนุนนำราวปาฏิหาริย์ เจอคนทิ้งร่มที่ไม่ค่อยดี แต่พอกันฝนได้ไว้ข้างทาง พวกเราเลยมีร่มพอบังฝนได้ใช้เดินลงเขากันมา


หลังจากนั้นก็เดินกลับทางที่เราเดินขึ้นมาตอนแรก หลายขั้นและชันมากอยู่นะคะ ไม่ใช่มีแค่ในรูป แต่มันมีหลายโค้งมาก



:::ที่สูง วิวสวย:::

ถึงแม้ว่าฝนจะตกลงมาปรอย ๆ พวกเราก็ยังสู้ ไปดูวิวกันต่อที่ Penang Hill ค่ะ

ตีตั๋วนั่งรถรางตามมา


ข้างบนมีทั้งจุดชมวิว และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ


วิวในช่วงที่มีแสงโพล้เพล้กับตอนกลางคืนก็จะสวยงามแตกต่างกันไป


วิวตอนนั่งรถรางขากลับช่วงกลางคืนสวยมาก เหมือนกับได้นั่งอุโมงค์ทะลุไปที่ไหนสักที่



:::Street Art ตามธรรมเนียม:::

เป็นที่แน่นอนว่าใคร ๆ มาปีนังก็จะต้องมาถ่ายรูปกับ Street Art ถึงแม้คุณไม่ได้ตั้งใจจะมาถ่าย Street Art ก็ตาม คุณก็สามารถจะพบเจอมันได้ในเกือบทุกที่ แต่แนะนำว่าให้มาเดินเล่นตอนเช้า หรือช่วงเย็นจะดีกว่า เพราะอากาศร้อนมาก


ระหว่างเดินถ่าย Street Art ก็จะเจอทั้งร้านขายของที่ระลึกเก๋ ๆ พิพิธภัณฑ์ วัดจีน ตลาด ท่าเรือ ฯลฯ ตามที่กูรูหลายแหล่งแนะนำมา ก็แวะตามนั้น


สุดท้ายแล้วเราก็ว่าเราได้คำตอบแล้วล่ะว่าทำไมคนไทยนิยมส่งลูกมาเรียนที่ปีนัง...ถึงแม้ว่าในรีวิวจะไม่ได้เล่าไว้ แต่จากที่เราสัมผัสได้ (GoNeverStop ญานทิพย์) ก็เพราะที่นี่มีความหลากหลายในแง่ของเชื้อชาติ ภาษา มีทั้งอังกฤษ มาเลย์ จีนสารพัดสำเนียง จีนกลาง จีนกวางตุ้ง คนที่นี่พูดได้ขั้นต่ำน่าจะ 3 ภาษา แถมพูดผสมกันได้คล่องด้วย คนที่มาเรียนที่ปีนังอย่างน้อยต้องได้ภาษากลับไปแน่ ๆ สงสัยต้องมาบ่อย ๆ เราจะได้ฝึกภาษาไปด้วยแล้วสิ


GoNeverStop

 วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 04.52 น.

ความคิดเห็น