สังขละบุรี I เวลาน้อย งบน้อย แต่สุขมาก (ฉบับกะทัดรัด)


พอลมหนาวเริ่มมา ใจก็เริ่มอยากออกเที่ยว เลยมานั่งเปิดดูรูปเก่า ๆ และคิดว่าปีนี้จะไปรับลมหนาวที่ไหนดี ... ดูรูปไปเรื่อยจนมาเจอรูปเมื่อครั้งไปเที่ยวสังขละบุรี ก็ทำให้คิดถึงบรรยากาศและความสุขครั้งนั้นขึ้นมา


จำได้ว่าตอนนั้นคุยกับเพื่อนว่าสิ้นปีนี้จะไปไหน เพื่อนก็บอกว่า

" ไปไหนก็ได้เอาแบบที่เขาฮิต ๆ ไปช่วงอากาศหนาวกัน สำคัญคือไม่ต้องลางาน (เพราะวันลาไม่เหลือแล้ว) และถ้าจะกรุณาขอแบบให้มีเงินเหลือมาประทังชีวิตช่วงสิ้นเดือนสักหน่อย "


เราเป็นคนกาญจนบุรี ที่จับพลัดจับผลูไปใช้ชีวิตการทำงานในเมืองหลวง ที่สุดแล้วเราจึงตัดสินใจ ไป ไป ไปบ้านฉัน กาญจนบุรี นี่แหล่ะ ใกล้ ๆ ใช้เวลาเดินทางก็ไม่นาน ขึ้นไปเที่ยว "สังขละบุรี" กัน


จึงเป็นที่มาของการเดินทาง และขอแบ่งปันความประทับใจสำหรับการเดินทางอีกครั้ง เผื่อปีนี้เพื่อน ๆ ยังไม่มีทริปรับลมหนาวที่ไหนอยากแนะนำให้มาที่นี่ แล้วจะรู้ว่าทำไมเราถึงคิดถึง "สังขละบุรี"


Concept Trip ว่าด้วย :

เวลาน้อย งบน้อย แต่สุขมาก

"เวลาน้อย" เรามีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน แต่ที่ไหนว่าดีเราจะไป ที่ไหนว่าสวยเราจะไม่พลาด

"งบน้อย" เราซื้อความสุขทั้งหมดด้วยเงิน 1,500 บาท กินอิ่ม นอนหลับ บันเทิงพร้อม

"สุขมาก" หลากรอยยิ้ม หลากมิตรภาพ คือความสุขแบบ Infinity ...


การเดินทาง

เส้นทาง I กรุงเทพ ฯ - ตัวเมืองกาญจนบุรี - อำเภอไทรโยคน้อย - อำเภอไทรโยคใหญ่ - อำเภอทองผาภูมิ - อำเภอสังขละบุรี


จากกรุงเทพ ฯ ถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ปัจจุบันมีบริการรถโดยสารหลากหลายรูปแบบ รถทัวร์ รถตู้ รวมถึงรถไฟ โดยมีสถานที่ขึ้นรถจุดหลัก ๆ คือ


สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) มีรถทัวร์ ปอ.1 วินรถตู้สาย 81 และวินแฮปปี้ จอดบริการ (รถวิ่งสุดทางที่ตัวเมือง) รถจะวิ่งเส้นทางถนนบรมราชชนนี ผ่านจังหวัดนครปฐม อำเภอบ้านโป่ง เข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี ทางถนนแสงชูโต


สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) มีรถทัวร์ รถตู้ บริการ ซึ่งสุดทางที่อำเภอสังขละบุรี และ ด่านเจดีย์สามองค์ รถจะวิ่งเส้นทาง ถนนสายบางบัวทอง เข้าอำเภอกำแพงแสน อำเภอพนมทวน ไปจอดพักรถที่ บขส. ตัวเมืองกาญจนบุรี และต่อขึ้นสังขละบุรี


รถไฟสายน้ำตก ขึ้นได้ที่สถานีธนบุรี ตรงแถว ๆ โรงพยาบาลศิริราช สุดทางที่น้ำตกไทรโยคน้อย


โดยทริปนี้เราตั้งใจจะไปกันแบบเรื่อย ๆ (แต่แอบเร่ง 555)

ขาไป เลยเลือกใช้บริการรถตู้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ตลิ่งชัน เนื่องจากเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่อยู่แถบฝั่งธน ฯ และเมื่อไปถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ก็ต่อรถบัสโต้ลมไปสังขละบุรี

ขากลับ กลับรถตู้จากอำเภอสังขละบุรี มาลงที่น้ำตกไทรโยคน้อย และต่อรถไฟฟรีประชาชนกลับบ้าน


กำหนดการเดินทาง :

DAY 1

05.30

ชาวคณะมาพร้อมกัน ณ สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ตลิ่งชัน นั่งโดยสารรถตู้ จากกรุงเทพ ฯ มาลงที่ บขส. กาญจนบุรี

08.00

เดินทางถึง บขส. กาญจนบุรี ถึงปุ๊บก็เดินหารถเพื่อต่อไปสังขละบุรี เราตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสโต้ลมไปเรื่อย เพราะ อากาศกำลังเย็น ซึ่งรถต่อขึ้นสังขละบุรีมีทั้งรถตู้ รถบัสแอร์/ไม่แอร์ เราเลือกนั่งรถบัสไม่แอร์ ราคาคนละ 130 บาท โดยรถออกทุกชั่วโมง ได้รอบเวลา 09.30 น. ระหว่างนั้นก็หาข้าวกินแถวนั้น

09.30

รถบัสติ๊ดชึ่งของเราเริ่มล้อหมุนออกเดินทางนั่งโต้ลมเย็นไปเรื่อย เม้าส์บ้าง หลับบ้าง พอวิวสวย ๆ ก็คว้ากล้องแชะรูป รถวิ่งเส้นทางไทรโยค วิ่งผ่านหน้าน้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกไทรโยคใหญ่ ถนนดีไม่มีโค้งค่ะแต่มีลัดเลาะขุนเขาบ้าง

11.30

แวะพักรถที่ตลาดทองผาภูมิ ลุงคนขับรถบอกเดี๊ยวรอคนก่อน หนู ๆ ไปหาข้าวกินก่อนได้เลย (นี่มันทัวร์ VIP ชัด ๆ) เราก็เดินเที่ยวในตลาดทองผาภูมิ กินข้าว แชะรูป จนได้ยินเสียงแตรรถเรียกรีบวิ่งกลับขึ้นรถ


14.30

เราเดินทางถึง บขส. สังขละบุรี ลงจากรถแล้วบิดขี้เกียจหลังจากนั่งรถมานานเหลือเกิน และมองหาที่พัก ซึ่งเราใช้บริการที่ "ไฮส์กุ เกสเฮ้าส์" อยู่ห่างจาก บขส. ประมาณ 2 กิโล เลยหอบสัมภาระซิ่งวินมอเตอร์ไซค์ไปคนละคัน ๆ ละ 20 บาท


ด้านหน้าที่พัก มีร้านกาแฟสุดแสนน่ารัก ชื่อ Kaf Kafe มีชา กาแฟ รสชาติอร่อย งานศิลปะ และโปสการ์ดฝีมือศิลปินน้อย ให้ได้นั่งชมเพลิน ๆ ชิลล์ ๆ กันด้วย

15.30

ออกจากที่พักไปเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ P. guesthouse ซึ่งอยู่ตรงข้ามไฮส์กุเกสเฮ้าส์ และออกตระเวนท่องเที่ยวยามเย็น ราคาเช่ารถคันละ 200 บาท มัดจำอีก 100 บาท เราเช่า 3 คัน นับเวลาเช่า 1 วัน 24 ชั่วโมง เริ่มนับจากเวลาเช่าบัดนั้น พากันแว๊นซ์ เป็นสก๊อยไปที่แรก คือ ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรี 19 กิโล ตลอดระยะทางมีเส้นทางธรรมชาติที่สวยงาม


16.00

เดินทางถึง ด่านเจดีย์สามองค์ เป็นพื้นที่ชายแดนติดประเทศพม่า เดินเที่ยวบริเวณรอบ ๆ สังเกตคือบริเวณนี้มีสินค้าที่ระลึก งานไม้ ต้นไม้ จำหน่าย และไม่ลืมแวะซื้อถั่วถอด หรือบาเยีย ที่นั่งทอดขายแถวนั้นด้วย (ตอนแรกนึกว่าไก่คาราเกะ)


หลังจากนั้นเราก็เหมารถข้ามชายแดนไปเที่ยวฝั่งประเทศพม่า ราคาเหมาคนละ 60 บาท ทำเรื่องผ่านแดนชั่วคราว ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งรถพาไปชม วัด ตลาด และวิถีชีวิตผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถ้ามีโอกาสไปอยากให้ได้ไปสัมผัส



17.30

เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาเรื่อย ๆ แวะชมวิวจุดต่าง ๆ ไปเรื่อย อากาศเริ่มเย็นลง กว่าจะถึงตัวอำเภอสังขละบุรีก็เริ่มมืด โดยเมื่อเราถึงตัวอำเภอสังขละบุรี เรารีบซิ่งมอเตอร์ไซค์มุ่งไปยังสะพานซองกาเลีย หรือชาวบ้านเรียกสะพานปูน เพื่อชมวิวสะพานมอญมุมกว้างยามเย็น ซึ่งแสงอาทิตย์สีส้มของตะวันตกดินช่วยส่องให้สะพานมอญสวยงามไปอีกแบบ

19.00

ช่วงเวลาของการตะลอนหาอาหารใส่ท้องที่หิวโหย เราออกมาเดิน ถนนคนเดินสังขละบุรี หาของกินร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ๆ มีอาหารเยอะมาก ไฮไลท์ คือ หมูจุ่มไม้ละบาท นั่งกินเป็นชั่วโมง เพลิดเพลินใจ

21.00

ก่อนกลับเข้าที่พักได้ซื้อโคมจากถนนคนเดินมา นำไปลอยบริเวณสะพานทางเดินที่จะเดินไปสะพานมอญ หลังจากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับที่พักเพื่อ Mini Party ของพวกเรา



DAY 2


05.30

นักซิ่งมอเตอร์ไซค์ตื่นขึ้นอาบน้ำ (รึเปล่า ?) ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามสะพานคอนกรีต เพื่อไปตักบาตรบริเวณหมู่บ้านมอญ สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที บริเวณสะพานมอญมีชุดตักบาตรจำหน่ายชุดละ 100 บาท และมีโสร่งแบบมอญให้สวมฟรี สวมโสร่งแล้วดูเป็นราชนิกูลขึ้นมาในทันที บรรยากาศการตักบาตรครึกครื้นเลยทีเดียว แถมของกินยามเช้าละแวกนี้ยังตื่นตาตื่นใจเรียกน้ำย่อยได้ดีจริง

07.00

เมื่อตักบาตรและเที่ยวบริเวณสะพานมอญแล้ว เราก็เช่าเรือแถวสะพานมอญลำละ 300 บาท เพื่อนั่งล่องแม่น้ำซองกาเลีย ไปยังโบสถ์กลางน้ำ พี่เจ้าของเรือให้ดอกเบญจมาศสีขาวเรามากำหนึ่ง เพื่อบูชาหน้าโบสถ์ หลังจากนั้นก็กลับมากินโจ๊ก เลื่องชื่อของฝั่งมอญ


09.30

เราเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังหมู่บ้านมอญ เข้าไปชมวิถีชีวิตของชาวมอญ ระหว่างทางเจอแม่ชีพม่า ที่เดินจากชายแดนกว่า 20 กิโล มาบิณฑบาตรในหมู่บ้าน ต่อด้วยไปสักการะ พระเจดีย์พุทธคยา ปูชนียสถานสำคัญคู่กับ วัดวังก์วิเวการาม หรือชาวบ้านเรียก วัดหลวงพ่ออุตตะมะ



11.00

เราขี่มอเตอร์ไซค์ไป บขส. เพื่อสอบถามรถเดินทางกลับ (ระวังหน่อยนะคะ รถมีไม่มาก บางวันก็ยกเลิกเที่ยวไป) หลังจากนั้นเราก็โดยสารรถตู้เที่ยว 12.15 น. เดินทางลงมาจากสังขละบุรี โดยอีกหนึ่งกิจกรรมของเรา คือ การนั่งรถไฟกลับ ซึ่งต้นสถานีคือ สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เพราะเค้าบอกเส้นทางรถไฟเป็นเส้นทางธรรมชาติที่สวยงาม ราคารถตู้คนละ 175 บาท จะลงไหนเค้าก็คิดราคาเดียวกับตีตั๋วลงตัวเมือง

15.00

เราเดินทางถึงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งตัวสถานีรถไฟจะอยู่ห่างจากน้ำตกประมาณ 2 กิโล มีรถสองแถวไปคนละ 10 บาท โดยเป็นการใช้บริการรถไฟฟรี ออกตั๋วฟรีและขึ้นได้เลย ที่สถานีรถไฟมีร้านอาหารและร้านกาแฟน่ารัก ๆ ด้วยค่ะ

15.30

รถไฟออกเดินทางตามเส้นทางธรรมชาติ โต้ลม ถ่ายรูปมาเรื่อยค่ะ ต้องบอกว่าถ้ามีเวลาอยากให้ลอง แต่ต้องมาให้ทัน รถไฟเที่ยวสุดท้าย คือ เวลา 15.30 น. ซึ่งรถไฟขบวนที่นั่งมาดันจอดเปลี่ยนหัวรถจักรเกือบชั่วโมง ที่สถานีวังเย็น เราก็หาขนมกิน นั่ง ถ่ายรูปรอยาว ๆ ไป


19.00

มาถึงตัวเมืองกาญจนบุรี (ถ้ารถไฟไม่เสีย จะถึงเร็วกว่านี้ 1 ชั่วโมง) และต่อรถตู้ กลับเข้ากรุงเทพ ฯ


ข้อควรระวัง :

1 ถ้ามีเวลาน้อยเช่นเรา ขอแนะนำให้นั่งรถตู้หรือรถบัสแอร์ จาก บขส. กาญจนบุรี ขึ้นไปสังขละบุรีเลย เนื่องจากจะช่วยกระชับเวลาในการเดินทาง จะถึงสังขละบุรีได้เร็วขึ้นและได้เที่ยวหลายสถานที่มากขึ้น แต่ถ้าใครชอบความชิลล์ ไม่รีบไม่ร้อน ก็นั่งรถบัสโต้ลมแบบเรานี่แหล่ะ แค่ประมาณ 4 ชั่วโมงเอง 555 :)

2 การเดินทางกลับด้วยรถไฟ จะทำให้เราเห็นเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง แต่ต้องระวังเรื่องรถไฟขบวนรอบสุดท้าย ซึ่งจะออกจากสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เวลาประมาณ 15.30 น. หมายความว่าเราต้องลงจากสังขละบุรีมาถึงสถานีก่อนเวลา 15.00 น. ระยะทางจากสังขละบุรีลงมาถึงน้ำตกไทรโยคน้อย โดยรถตู้ด่วน ประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้นต้องขึ้นรถตู้ที่สังขละบุรีให้ทันเที่ยวก่อน 12.00 น.

3 การเดินทางในช่วงวันหยุด ควรระวังเรื่องความเพียงพอของรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถตู้จากสังขละบุรีเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี อาจมีจำนวนไม่มากพอ ดังนั้นเมื่อไปถึง บขส. สังขละบุรี ควรหาจองรถสำหรับวันกลับก่อนเลย เพื่อกันรถหมด

4 เที่ยวช่วงฤดูหนาว ( ประมาณเดือนพฤศจิกายน - เดือนธันวาคม ) เป็นช่วงที่พระอาทิตย์จะตกดินเร็ว ถ้าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปเที่ยว ซึ่งเส้นทางเป็นป่าสลับหมู่บ้าน เราควรใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เพราะ 17.30 น. ก็เริ่มมืดแล้ว


สรุปค่าใช้จ่าย : ( คนละ 1,500 บาท )

ค่ารถตู้ ไป - กลับ (กรุงเทพ ฯ - ตัวเมืองกาญจนบุรี) เที่ยวละ 120 บาท : คนละ 240 บาท
ค่ารถบัสกาญจนบุรี - สังขละบุรี (ขาไป) : คนละ 130 บาท
ค่ารถตู้ (ขากลับจากสังขละบุรี - น้ำตก) : คนละ 175 บาท
ค่ารถไฟ : ฟรีเพื่อประชาชน
ค่าที่พัก 1 คืน : ไฮกุ เกสเฮ้าส์ ราคาคืนละ 650 บาท เฉลี่ยคนละ 325 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ : เฉลี่ยคนละ 100 บาท
ที่เหลือคนละ : 530 บาท เป็นกองกลาง ค่ากระจุ๊กกระจิ๊ก (เช่ารถข้ามแดน/น้ำมันมอเตอร์ไซค์/กิน/ชุดตักบาตร)



ท้ายที่สุดนี้ขอฝากเพจ "บ้านฉัน กาญจนบุรี"

เราทำขึ้น เพื่อนำเสนอสถานที่สวย ๆ เรื่องราวทุกแง่มุม ของบ้านเรา กาญจนบุรี

สามารถติดตามได้ที่ : www.facebook.com/baanchan.kanchanaburi/

ความสุขของกะทิ

 วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.30 น.

ความคิดเห็น