วัสดีปีใหม่ครับสำหรับรีวิวแรกประจำปี 2560 แต่ไม่ใช่ทริปแรกของปีนี้ เนื่องจากภารกิจมากมาย เลยไม่มีเวลาเขียน 555 กว่าจะมีเวลาทำเอากันข้ามปีเลยที่เดียว ว่าแล้วก็เข้าเรื่องเลย ทริปนี้ เกิดขึ้นจากแฟนเล่นเกมไลค์แชร์จากเพจแบกแกล้องเที่ยวแล้วได้ที่พักฟรีหนึ่งคืนที่ THE DEWA เกาะช้าง แบบนี้ก็เข้าทางจัดไป 3 วัน 2 คืน สไตล์เหลี่ยมพาเที่ยวไปกับคู่รักตะลอนทัวร์ เป็นอย่างไรเดียวไปดูกันครับ ครบรสมากครับทริปนี้ มีค่าใช้จ่ายท้ายทริปแต่ก็ลืมๆไปบ้างที่จดหาย ผ่านมาหลายเดือนแล้วเป็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆแล้วกันนะจ๊ะ


มาดูตารางทริปนี้คร่าวๆกันก่อนนะครับ ทริปนี้เดินทางกันวันที่ 30/10/2559

วันแรก ที่แรก ป่าชายเลนบ้านนาใน สลักเพชร -สะพานหลวงบ้านสลักเพชร-น้ำตกคลองพลู-ขี่ช้างเข้าป่าพาเข้าดงไม้-ร้านกาแฟ Rasta view หาดบางเบ้า คืนแรกพักที่ Elephant Bay Resort หาดใบลาน

วันที่สอง One day trip กับเพิ่มพูลทรัพย์ ดำน้ำ 5 เกาะสวรรค์โลกใต้น้ำจุดชมวิวไก่แบ้ยามเย็น-ที่พักคืนนี้ที่สอง The dewa koh chang -ร้านอาหาร ภูทะเล

วันที่ 3 แหลมไชยเชษฐวิวสวยงามปีนป่ายนิดหน่อย-ขากลับแวะน้ำตกพลิ้วดูปลา-กทม.

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D5300 18-140 และ Gopro hero 4silver ครับ

พูดคุยเรื่องเที่ยวกันได้ที่ เหลี่ยมพาเที่ยว ครับ

ก่อนชมมีคลิปมาฝาก ครับ ไม่ต้องรีบกระทู้ย้าวยาวรูปเยอะค่อยๆอ่านกันเพลินๆนะครับ



เริ่มเดินทาง กิจกรรมเราเยอะมาก เลยออกเดินทางกันตั้งแต่ไก่โห่ หรือจะยังไม่โหไก่น่าจะยังหลับอยู่ ตี3.30รับทีมงามมุ่งหน้าเส้นทางมอเตอร์เวย์ชลบุรีเลี้ยวซ้ายออกบ้านบึง ทำความเร็วเรื่อยๆมีทำถนนบ้าง แวะกินข้าว7-11 ตัวเมืองตราดล่างหน้าแปรงฟันที่ปั้ม มาถึงท่าเรือเกาะช้างเฟอรี่ ประมาณ 8 โมง เรือพึ่งออกไปพอดีเลย เลยต้องรอคิวเรือรอบต่อไป เรือออกทุกครึ่งชั่วโมงครับ นั้งเล่นแปบๆ เรือลำใหม่มาพอดี


พาหานะคู่หูวีออสคันเดิมเติมแก้ส


ขึ้นมานั้งรับลมเย็นๆบนเรือถ่ายรูปไปพลางๆ


แสงแดดอุ่นๆยามเช้ากระทบสะท้อนผิวน้ำ


ไม่นานนักราวๆ30-45 นาที เราก็มาถึงเกาะช้าง


เรือจากเกาะช้างกลับไปท่าเรือแล้ว


อย่างที่หลายคนทราบแล้วและอีกหลายคนยังไม่ทราบ เมื่อถึงเกาะช้างแล้วเราต้องเลือกว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ซึ่งส่วนใหญ่จะเลี้ยวขวาเข้าหาแหล่งที่เที่ยวที่พักมากมายความเจริญเพียบ ซึ่งผมก็นอนฝั่งขวานั้นแหละ แต่จะแว้บไปเที่ยวฝั่งซ้ายก่อน ฝั่งซ้ายก็มีที่เที่ยวสวยๆเหมือนกัน

ฝั่งซ้ายนี้จะคนละฟิวกับทางขวา ผมจำได้ว่าตลาดทางไม่เจอ 7-11 เลยนะครับหรืออาจจะมี ผ่านเส้นทางเงียบสงบรถน้อยมีบ้านคนเป็นช่วงๆที่พักก็มีเรื่อยๆนะ วิ่งมาจนสุดทางบ้านสลักเพชร ที่นี้ไม่ได้วิ่งรอบเกาะได้แบบที่อื่นได้นะครับ สุดทางคือบ้านสลักเพชรจะไปฝั่งนู้นก็ต้องวิ่งกลับทางเดิมผ่านท่าเรือ

เอาละพูดถึงที่แรกจะไปวันนี้นั้นก็คือ ป่าชายเลนบ้านนาใน อยู่ในบ้านสลักเพชรนี้แหละ ผมหาป้ายทางเข้าไปไม่เจอนะขับจนเลย เลยไปถามชาวบ้านเขา สรุปทางเข้าอยู่ตรงวัดสลักเพชรครับ เลี้ยวซ้ายตรง โบส์ถเก่า เข้ามาประมาณ โลกว่าๆ ก็จะเจอทางแบบนี้


จากสภาพรถเก๋งโหลดเตี้ยของผมเห็นแล้วก็ผวานิดหน่อยเพราะทางมันแคบกลัวจะไปไมไ่ด้เลยต้องเดินไปเช็คก่อน


เดินไปดูสรุปเป็นหลุมบ่อปะมาณ 500 เมตร ค่อยยังชั่ว เช็คแล้วพอมาได้ ค่อยๆคลานมา แต่ถ้ารถเก๋งทั่วไปไม่โหลดมาได้เลยครับไม่มีปัญหา ใครรถเตี้ยก็เพลียหน่อย 555

ป่าชายเลนบ้านนาในเป็นสะพานไม้เดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร อย่าลืมนะครับใครมาแล้วแนะนำให้เดินให้สุด ผมขนาดถ่ายไว้แล้วยังลืมเลย นึกว่าสุดทางไม่มีอะไรออกมาแล้วมาหารูปดูเอ้าถ้าเดินสุดทางจะเห็นทะเลด้วย แต่ไม่เป็นไรเดี่ยวที่ต่อไปจะพาไปดูว่าปลายทางเป็นยังไง


เดินเข้ามาช่วงแรก เป็นป่าโกงกางสูง คล้ายๆทุ่งโปรงทองที่ระยองเลย

เดินไปถ่ายไป


อากาศ9โมงกว่าๆยังไม่ร้อนเท่าไหร่


เริ่มมองเห็นโลกกว้าง

พอพ้นโค้งนี้แล้วก็ ว้าวว

ต้นป่าโกงกางสลับซับซ้อน จะเรียกที่เหลืองหรือเขียวดี นั้นแหละ สีสันสวยงามสดใส มองไปรอบๆแล้วมันชื่นใจ



อากาศดีนอนเล่นสักแปบบบ แปบเดียวก็แสบหลังแล้ว555


น่าเสียดายครับผมไม่ได้เดินไปจนสุดก็ลืมหารูปดูว่ามีอะไรหรือป่าว เลยเดินกันแค่นี้แล้วกลับ

ก่อนออกขอท่าประจำคู่รักตะลอนทัวร์หน่อย อิอิ


รหะหว่างทางขาออก

ลืมบอกที่นี้เข้าชมฟรีนะครับเดินเข้าได้เลย


จากการสอบถามชาวบ้านแถวนั้นทราบว่ายังมีที่ควรมาฝั่งนี้เป็นสะพานหลวงครับ น่าจะเป็นท่าเรือสำหรับคนที่พักฝั่งนี้แล้วจะไปดำน้ำ อยู่ไม่ไกลวิ่งจากสลักเพชรมาอีก 3 กิโลก็ถึง


ตรงนนี้น่าจะเป็นท่าเรือเฉพาะของใครหรือป่าว เข้าไปไม่ได้ครับ มีโซ่กั้นเลยถ่ายจากข้างนอก


นี้สะพานหลวง อยู่ใกล้ๆกับที่จอดเรือเมื่อกี้อันนี้มีที่จอดรถเดินไปได้ ไกลลลมากก


ตอนนี้แดดแรงแล้วละ


ถึงแล้วประภาคารกลางน้ำ ไม่รู้ขึ้นได้ไหมแต่เห็นมีใครเลยไม่กล้าเข้าไป

ถ่ายรูปรอบๆ

ฝังนู้นจะเป็นป่าชายเลนที่เราเดินเมื่อกี้แหละถ้าใครเดินจนสุดก็จะมาพบเห็นวิวที่เราอยู่กันตรงนี้เลย



ข้อดีของการมาทะเล ส่วนใหญ่จะได้เห็นภูเขาสวยๆไปด้วย แบบนี้แล


เดินกลับๆไปต่อๆ ที่จริงฝั่งนนี้มีน้ำตก ด้วยนะครับแต่สอบถามชาวบ้านว่าน้ำน้อยไม่ค่อยมีช่วงนนี้เลยไม่ได้ไป

ออกจากสลักเพชร หิวกันน่าดู อาหาร 7-11 เมื่อเช้าหมดพลัง จัดข้าวร้านอาหารแถวนั้น ลืมถ่ายรูปเสียได้ รสชาติดีไม่แพงด้วยครับ 40 บาท อิ่มกันไปมื้อแรกบนเกาะช้าง

สถานีต่อไปน้ำตกคลองพลู ค่าเข้าคนละ 40 บาท

ถ่ายป้ายสักนิด


เส้นทางเดินไปน้ำตกคลองพลูเดินง่ายไม่ลำบากอะไรครับ เส้นทางธรรมชาติมีปีนป่ายบ้างนิดหน่อย





เดินมาไม่นานก็ถึงตัวน้ำตกประมาณ 15 นาทีได้ เรียกเหงือได้แบบซิบๆ เตรียมน้ำมาสักหน่อยก็ดี เดินตอนเที่ยงร้อนใช้ได้


น้ำตกคลองพลูสวยสูงดีครับ น้ำเย็นเล่นได้ แต่มีฝรั่งเล่นกัน ผมไม่ได้เล่นเดินไปถ่ายรูปอย่างเดียว


ฝรั่งเยอะมาก ไม่มีมะม่วงแตงโมมั้งเลยย แฮร่




ออกจากน้ำตก กิจกรรมเราแน่นยันเย็น กิจกรรมต่อไปมาถึงเกาะช้างก็ต้องขี่ช้างสี้ แต่ทีมงานเราอีก2คนกลัวช้างไม่ยอมขี่ด้วย เลยไปส่งที่พัก Elephant Bay Resort หาดใบลาน ก่อนแล้วผมกับฟางค่อยกลับมาขี่ช้างกัน ระยะทางบนเกาะช้างไม่ได้ห่างไกลกันมากครับแต่ละที่ แต่เป็นเส้นทางที่มีความชันอันตรายอยู่เหมือนกันคนขับรถต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ส่งทีมงานแล้วที่พักเดี่ยวค่อยว่ากันที่เดียว กลับมาขี่ช้างก่อน นัดพี่ช้างไว้รอบ 2 โมง

มาถึงทางเข้าปางช้างชุติมันทัวร์ เอาอีกแล้ว ทางเข้าประมาณ500 เมตร เข้ามาได้ 300 เมตรล้อก็เละประมาณนี้


เจอเนินต้องลงมาดูลายก่อน แต่ใจสู้ครับ ใต้ท้อนี้ครูดมาหมด ท้องลายท่อบุบคานกระแทกประจำ ชินแล้วลุยไปให้สุด


ก็ปัดเป๋ๆเลื่อยคลานสักพักก็มาถึง รถทั่วไปไม่โหลดมาได้ไม่ยากครับ ทางไม่ได้โหดอะไรเว้นแต่รถเตี้ยอย่างผม


เราไปขี่ช้างกันแบบ 2 ชั่วโมง 1000 บาทต่อคนนะครับ ไม่รู้ราคาอย่างไรแน่โทรมาสอบถามเขาบอกราคาในเว็บไม่อัพเดท 1 ชม.900 2ชม.1500 แต่เขาลดให้เหลือ 2ชม1000 ใครจะมาลองเช็คราคากันเองก่อนนะครับ แต่ผมจะขี่ 2 ชม อยู่แล้วเลยจัดไป คนละ 1000 บาท ข้อแตกต่าง 1 ชม จะพาเดินแค่รอบๆวนๆ ครับ แต่ 2 ชม.จะพาเราเดินไปถึงน้ำตก พาช้างลงน้ำเล่นน้ำกับเราครับ



เส้นทางธรมชาติสวยงามครับพึ่งเคยนั่งช้างครั้งแรก ตื่นเต้นดีครับ

เจอควานช้างอีกคนอาสาถ่ายรูปให้ครับ ช้างที่ผมขี่คือเจ้า poppy เพศเมียวัย36 ปี ขอบอกว่าดื้อสนมากๆ

เดินเข้าป่าเขาดงไม้ตลอดไม่เดินตามทางปกติ55

บางทีก็เสียวจับแน่นเกร็งซะ



เดินมาประมาณเกือบ ชม ก็มาถึงน้ำตก

ถอดที่นั้งออกเตรีนมลงเล่นน้ำ แต่ผมไม่เล่นนะกลัวว่ายน้ำไม่เป็น555 ส่งแฟนลงไปเดี่ยวเค้าถ่ายรูปให้ไปเลยๆๆ

น้ำลึกเลยดีนะผมไม่ลงไป 555 เกือบมิดน้องช้างนนี้ เกือบ 2 เมตรได้มั้ง


ควานช้างบอก ดูแลลูกค้าดีๆนะป็อปปี้


แล้วก็ตู้มม

เฮ้ยยยพี่ ไปไหนนนน แฟนผมอุทานด้วยความตกใจ 5555

พี่ไปยืนให้กำลังในริมๆ แฟนเริ่มทำใจได้ 555


แล้วน้องช้างก็เล่นอย่างน่ารัก พ้นน้ำจากงวงใส่ อยู่หลายที

สดชื่นกันไปแถมขี้ออกมาด้วย สงสัยที่ดื้อๆตอนเดินน่าจะปวดท้องนะป็อปปี้


สักพักพี่ควานช้างหายไปเว้ย เข้าป่าไปเลยไปไหนไม่รู้แฟนเริ่มกลัว ช้างก็มีโยกพ้นน้ำไปด้วยอยู่นาน


พี่ๆๆๆพอแล้ว 555 มาหาหน่อยๆๆ



มาแล้ว

ป๊อปปี้น่าจะคัน เอาตัวถูหินใหญ่

ขาเดินกลับแวะถ่ายรูปอีกหน่อย เป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกมมากครับการขี่ช้าง ใครมาแล้วมีเวลาแนะนำเลย ไม่ผิดหวัง


ออกจากปางช้างได้ปุ้บ ฟ้าเขียวมืดฝนก็ตกลงมากระหน่ำซัมเเมอร์เซล เดชะบุญจริงๆไม่ตกตอนขี้ช้างทางออกคงจะเละกว่าขาเข้าลำบากแน่ๆ แต่เอ๊ะ จะโชคดีจริงหรือ ถนนเส้นทางคดเขี้ยวขึ้นลงเขาแล้วฝนโคตรแรง ก็ค่อยๆขับกลับที่พัก แต่หิวแล้ว 4โมงกว่า เลยโทรบอกทีมงานว่าไปหาข้าวกินกันแถวหาดบางเบ้า ดีกว่าจะได้หาซื้อทัวร์ดำน้ำพรุ่งนนี้ด้วย จากที่พักไปบางเบ้าแค่ 3กิโลเองครับจิ้บๆ ขับมาฝนก็ยังแรงมากหนักกว่าเดิมเลยเจอร้าน ไม่ได้ถ่ายอีก อยู่ทางซ้ายขามา ก่อนถึงแยกเลี้ยวขวาไปท่าเรือหาดบางเบ้าครับ มีร้านใหญ่คนเยอะๆนั้นแหละมีที่จอดรถ จัดการเลย

อาหารราคาไม่แพงครับทั่วไป หมดนนี้ 780 บาท 4 คน กินกันไปฝนก็ไม่หยุดเป็น ชม. ก็ซาลงแล้วหยุดท้องฟ้าเปิดอีกครั้ง เช็คบิลไปต่อ


จากการสอบถามคนขายเขาว่าทัวร์ต้องรอดูว่าออกได้ไหมแต่ละวัน ฝนช่วงนนี้ยังปลายๆฝน เราไปกันเดือนตุลาคมครับ ก็เลยว่าพรุ่งนนี้ค่อยมาซื้อแต่เช้าทีเดียว ใกล้ๆ เลยเปลี่ยนไปร้านกาแฟแทนอยู่ในบางเบ้านี้แหละตรงขึ้นไปอีก ไม่ถึงโล

ร้านกาแฟ Rasta view สีสัสสไตล์ เร็กเก้ วิวสวยมองเห็นท่าเรือบางเบ้าที่เราจะไปดำน้ำกันพรุ่งนี้


วิวงามยามเย็น แสงเริ่มน้อย


ที่ว่าท่าเรือนั้นไม่ใช่สะพานยาวๆนนี้นะอันนี้น่าจะเป็นของรีสอท ท่าเรือจะที่เป็นมีหลังคาไกลๆนั้นแหละ


มาเกาะช้างรอบนนี้ไม่ค่อยเจอคนไทยเลยชาวต่างชาติเพียบ

สั่งมา 2 แก้วแก้วละ 45 บาท รสชาติทั่วไปกลางๆครับแต่บรรยากาศชิวดีมาก


ไม่มีแก้วกลับบ้านต้องกินจนหมดนะครับ

กลับมาถึง กำลังโพล่เพล้พอดีใกล้จะมืดแล้วเดินไปซื้อน้ำแข็งเครื่องดื่มปากซอยที่พักกลับมา

ว่าถึงที่พักกันบ้าง Elephant Bay Resort ที่จริงที่นี้เปิดนานแล้ว ชื่อเดิมคือ Gu's Bay Rules พึ่งปิดปรับปรุงเปลี่ยนเป็น Elephant Bay Resort พึ่งเปิดให้บริการใหม่เดือนตุลานี้เอง ก็เลยว่าสิ่งๆต่าง ค่อนข้างสภาพดี ในราคา 800 บาทห้องแอร์ ไปดูกันเลย



รูปมีจากช่วงที่มาเช็คอินตอนบ่ายด้วยให้ดูกันทีเดียวเลย มีสระมองเห็นทะเล วิวดีมาก



วันที่ไปมีแต่ฝรั่งครับ เจ้าของที่นี้ก็เป็นฝรั่งครับพูดไทยได้ นิ้ดหน้อย ผมก็สปีกอิงลิชได้ลิตเติ้ลๆ คุยกันพอรู้เรื่อง ตอนจองโทรมาก็งงเหมือนกัน ต้องใช้เมลล์คุยกันให้คนช่วยแปลช่วยพิมพ์ให้ 555

มาดูห้องกันบ้าง เป็นหลังๆแบบนี้แหละ โอเคเลยมีพื้นที่หน้าห้องนั่งกินนั้งเล่นกันได้

หน้าห้อง มีไม้เลื่อย

เข้ามาในห้อง ห้องไม่ใหม่มากสภาพเหมือนอยู่มานานแต่ได้รับการบูรณะใหม่ แต่ก็ยังคงความเก่านิดๆ 555 อันนี้แล้วแต่คนผมสไตล์กินง่ายนอนง่ายนอนเต็นอยู่แล้ว มาเจอห้องแอร์เลยไม่ค่อยซีเรียส เตียงนุ่มแอร์เย็น สะอาด ก็พอแล้วเรื่องความสวยงามไม่เน้นเท่าไหร่


ห้องน้ำแบบโอเพ้นแอร์ ที่คราบๆเหลืองๆนั้นเป็นคราบตะไคร้น้ำ ไม่ใช้คราบสกปรกอะไรจนน่าเกลียดนะครับ รูปมันออกมางั้นเอง


มาดูบรรยากาศรอบๆดีกว่าผมว่าจุดขายของที่นี้เลย


แสงไฟยามฟ้ามืด




แสงไฟยามค่ำคืนก็สวยงาม

บรรยากาศเงียบสงบ หน้าห้องเปิดกว้างเสียงไม่ดัง ประมาณ 4 ทุ่มก็แยกย้ายเตรียมลุยดำน้ำพรุ่งนนี้

จบคืนแรก


ตื่นแต่เช้า6โมงกว่าๆมาเล่นน้ำกันก่อนเดี่ยวจะไม่คุ้มอิอิ


ไอ้คนพวกนนี้มาเล่นไรกันแต่เช้า หมาจะนอน


บรรยากาศยามเช้า สดชื่น

ทะเลด้านหน้าเป็นหินซะเยอะไม่เหมาะกับเล่นน้ำเท่าไหร่แต่เดินเล่นๆได้





เต็มอิ่มกับอีเลเฟ่น เบย์ได้เวลาไปต่อ

สรุปที่พัก เป็นที่พักราคาประหยัดที่บรรยากาศดีมาก เป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆครับ เงียบสงบ ถูกใจเสียอย่างเดียวสภาพห้องพักอาจจะดูเก่าไปนิด แค่นั้นเอง

ขับมาถึงท่าเรือ เห็นร้านดำน้ำเยอะมาก ไม่รู้จะเอาอันไหนไม่ได้หามา เลยเอาร้านแรกนั้นแหละ สรุปได้ทัวร์ 5 เกาะคนละ 600 บาท รวมอาหารกลางวัน ค่าเข้าเกาะต่างหาก 40 บาท จอดรถอีก 50 เขาบอกว่าลดแล้วนะวันนี้วันจันทร์ แต่ถือว่าโชคดี ดูเรือเราสิลำใหญ่และใหม่มาก ถือว่าโชคดีได้ทัวร์ดีเลย เท่าที่เห็นทั้งวัน เหมือนเรือเราจะดูใหม่สุดเลย

เพิ่มพูลทรัพย์ แนะนำเลย

ในส่วนข้าวเช้านั้นหากินร้านทั่วไปตามสั่งแถวท่าเรือนั้นแหละราคา 50-60 แพงนิดหน่อยไม่เท่าไหร่

ได้เวลาขึ้นเรือ 9 โมง


หลังจากเรือแล่นได้สักพักก็มีบรรดาไกด์แนะนำตัวและกิจกรรมของวันนี้ให้ทราบ เกาะยักษ์เล็ก เกาะยักษ์ใหญ่ เกาะรัง เกาะมะปริง และหาดอุทยานฯ เล่นชงตบมุขกันได้ดี สนุกสนาน ไกด์เรือลำนนี้บริการดีทุกคน ยิ้มแย้มช่วยเหลือดีมาก



จุดแรกมาแล้วดำน้ำกันเลย ถ้าจำไม่ผิดคือ ยักษ์เล็ก

ปลามากมาย

มีคายักให้พายเล่นได้


เอาละไปดูใต้น้ำกันเลยต้องบอกก่อนว่าผมว่ายน้ำไม่เป็นหรอก แต่โชคได้พี่ไกด์ใจดีนี้แหละอาสาพาว่ายรอบเกาะอาจจะเพราะ มีแต่ชาวต่างชาติเยอะส่วนมากจะว่ายดำน้ำกันเก่ง ทั้งลำคนไทยไม่ถึง 10 พี่เขาเลยใจดีพาผมกะแฟนไปโดยเฉพาะเลยเลยให้เขาถือกล้องให้เลยพี่แก ดำๆลงไปถ่ายให้เยอะเลย ส่วนมากจะเป็นคลิปมาแคปเอาครับ เอาเป็นว่าจะลงรูปใต้น้ำให้หมดเลยนะ เพราะจำไมค่อยได้และว่ามันคือเกาะไหน แต่ที่เยอะๆจะเป็น 2 เกาะแรกที่พี่เขาพาไปและถ่่ายให้ ส่วนยักษ์ใหญ่ที่เขาว่าสวยสุด แต่ผมดำไม่ไหวแล้วเป็นที่สุดท้ายคือแบบหมดแรง แต่ละจุดดำเหนื่อยมากคือผมว่ายไม่เป็นน่ะ 555 แฟนไปกับพี่เขาผมว่ายตามไม่ทัน มีเกาะที่ 3 เขากลับถึงเรือแล้วพี่ไกด์คนเดิมว่ายกลับมาลากผมไปที่เรือ หมดแรงว่ายไม่ไหว 555 ประทับใจจริงๆ


บางรูปก็แคปจากวิดิโอบางรูปก็เป็นภาพนิ่ง ความชัดอาจจะไม่เท่ากันนะครับ

ดอกไม้ทะเลเยอะมากจริงๆ


ของจริงโคตรสวยอลังการมากๆ










เอาเป็นว่าใต้น้ำที่นี้โคตรสวย ไม่แพ้ทะเลที่อื่นเลย จากประสบการณ์ที่เคนไปดำ กระบี่ เกาะห้องทัวร์ 4 เกาะ หลีเป๊ะ เกาะทะลุประจวบ เกาะขาม แสมสาร เกาะช้างนนี้สวยต้นๆเลย สวยกว่าตอนไปดำน้ำที่กระบี่ทัวร์ 4 เกาะอีก สวรรค์โลกใต้น้ำจริงมาเกาะช้างอย่าลืมดำน้ำกันเชียว

เอาคลิปไปดูเลย จริงๆมีหลายคลิปแต่คลิปนนี้ชอบที่สุด


ไปดูบรรยากาศเกาะต่างๆกันบางจำไม่ได้แล้วนะว่ารูปไหนคือเกาะไหน มึนน้ำมันทะเลไปหมด



แรกๆก็ดำอยู๋ด้วยกัน


หลังๆไม่รอไปกันเลย ไปคนเดียวเลย





ฝรั่งนี้กระโดดกันเก่ง





ดำกันจนปากเปื่อย ปากห้อยย จะตายเอา สุดๆหมดแรง


พูดถึงอาการกลางวัน ไม่ได้ถ่ายรูปอีกมีแค่รูปตอนกิน จำได้ว่าเป็น กระเพรา ไข่เจียวและอะไรน่าอีกอย่าง รสชาติกลางๆไม่เผ็ด อร่อยดีเติมได้ กินจนอิ่ม

ขึ้นอุทยาน จุดสุดท้าย






จะเล่นน้ำเล่นทราย หรือเล่นเชือกเป็นลิงก็ได้



แอ็บท่าหน่อยย

เล่นน้ำกันไปเรื่อย

ได้เวลากลับขึ้นเรือ มีเมนูบาบีคิวแจกคนละ 2 ไม้


กลับเข้าฝั่งด้วยความปลอดภัยประทับใจมากๆ ใช้เวลาเต็มที่เลยถึงฝั่งเกือบ 5 โมง


ออกจากบางเบ้าคืนนี้เราจะไปนอนกันที่คลองพร้าว ตามมาเลย แวะจุดชมวิวไก่แบ้เสียหน่อยผ่านแล้ว






ฝนมามืดอีกแล้วไปดีกว่า

สำหรับที่พักของเราคืนนี้นั้นคือ The dewa ส่วนพี่ที่มาด้วยกันพักที่รามายณะ เป็นเครือเดียวกันกับเดวาแต่ไม่ติดทะเลห่างกันประมาณ 2 กิโลพี่เขาว่าก็แจ่มเหมือนกันครับ ตัดภาพมาหลังจากเช็คอินกันแล้วก็มืดแล้วพอดีหิวข้าวเลยเอาของเข้าห้องแล้วมาหาข้าวกินเดี่ยวค่อยดูรูปที่พักที่เดียว


คืนนี้ขอฝากท้องไว้กับร้าน ภูทะเล อยู่คลองพร้าวเหมือนกันใกล้ที่พักนั้นแหละเข้าทางจริงๆ บรรยากาศริมน้ำแต่มืดมองไม่เห็น หรือว่าวันจันทร์ฝั่งตรงข้ามเลยไม่มีไฟเลย

เอาเป็นว่าบรรยากาศดีชิวๆ ลมเย็นไปดูอาหารเลย



อาหารอร่อยทุกเมนูเลยครับ มื้อหมดไป 1200 กว่าบาทเอง ไม่แพงเลย มีพวกเครื่องดื่มด้วย ถูกใจร้านนี้แนะนำเลย

หลังจากกินอื่มแปล้คืนนี้ก็แยกกลับที่พักไม่ได้ดื่มกันต่อเพลียดำน้ำกันเหลือเกิน

กลับมาที่พัก ก่อนดูห้องดูบรรยากาศตอนกลางคืนสักเล็กน้อย


อุ้ยยแสงเหนือเต็มเลยย เอ้ยเรือไดหมึกก ที่พักนี้ติดทะเลครับ แต่ห้องจะไม่เห็นทะเลหมอกต้องเดินมาสัก200 เมตร ตรงริมชายหาดจะเป็นร้านอาหาร


มาที่ห้องกันบ้าง หรูหราสวยงามแจ่มมากๆ

แอร์เย็นฉ่ำจับใจ

ส่วนของห้องน้ำและอ่างแช่



คืนนั้นหลับสบายมากเตียงนุ่มแอร์เย็นหนาวมาก เช้ามาวันนี้นัดกันไว้ใช้เวลาให้เต็มที่เช็คเอ้าท์เต็มเวลาเที่ยงไปเลย


ตื่นเช้ามาเปิดประตูห้อง ตกกะใจจ


หิวข้าวเลยไปกินข้าวเช้าดีกว่า


ตื่นมากินเบรคฟาด กันก่อน

อาหารหลายอย่างมากมายทั้งไทยทั้งเทศ




โซนไข่มีทุกที่

โซนเส้นก็มี


จัดเต็มกันจนแน่น ไปเล่นน้ำกันเถอะ



น้ำไม่ลึกครับ 1.4เมตรเอง



เล่นน้ำเสร้จมาแช่อ่างต่อ

ฟินไปเลยย

เล่นน้ำจนหน่ำใจอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกับบ้าน เวลาผ่านไปเร็วจริงจิ้ง ไปถ่ายรูปหน้าชายหาดกันหน่อย



น่าจะได้นอนอีกสักคืนนอนเล่นนั่งเล่นแถวนนี้

ชิงช้าก็มี

เรือก็มา





งานสบัดบ็อบก็มา

1

2

3


งานตั้งกล้องก็มี 555


หมดเวลา ก็คงต้องไป จะเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้ แต่ยังยังไม่จบก่อนกลับต้องแวะอีกกก



ก่อนจะกลับแวะอีกสักจุด นั้นคือแหลมไชยเชษฐ์ ที่นี้เขาว่าพระอาทิตย์ตกสวยมากแต่มาตอนเที่ยงๆแทนละกัน สวนทางเข้าผมไม่แน่ใจว่าต้องเข้าทางไหนแน่ แต่ถามลุงเขาบอกให้เดินผ่านที่พัก ไชยเชษฐ์รีสอร์ท ไปเลย ก็จะมาเจอบันไดนี้แหละ ครับ

ต้องปีนป่ายกันนิดหน่อยไม่ต้องตกใจ

ออกมาแล้วก็จะเจอวิวแบบนี้

สวยงามครับ


มีทางลงไปได้อีก

แต่ดูเหมือนจะอันตรายเลยไม่ได้สำรวจต่อ


ฟ้ามืดๆมาไกลๆไปดีก่า

อีกฝั่งมืดอีกฝะ่งสว่างฟ้าฝนจะมาอีกแล้ว


มาถึงท่าเรือเรือมาพอดี ข้ามมาถึงฝั่ง ได้เวลา บ่ายโมงกว่าๆ วิ่งจะออกกลับผ่านร้านข้าว ครัวครูหลาน แวะเลย

มีทั้งก๊วยเตี๋ยวขาหมูข้าวราดแกง


วันนั้นคนน่าจะน้อยพอดีบริการให้นั้งในห้องแอร์เลยครับ กับราคาอาหารทั่วไป 40 บาท คนขายน่าจะคือครูหลานบริการดีมากพูดไพเราะ อาหารก็อร่อยครับแนะนำเลยผ่านไปผ่านมาจัดกันสักมื้อ


ออกจากตราดยิงยาวเข้าจันทบุรีท้องฟ้ายังสดใสขอแวะอีกสักที่ละกันเดี่ยวจะถึงบ้านไวไปมันผิดปกติ เลยแวะน้ำตกพลิ้วอีกที่

น้ำตกพลิ้วเดี่ยวนี้เขางดให้อาหารทั่วฝักยาวแล้วนะครับ สอบถามเขาบอกว่าปลาจะหาอาหารเองไม่เป็นเลยงดให้อาหารครับ เลยทำให้ปลามีน้อยลงไม่เยอะเหมือนแต่ก่อนแต่ก็ดีครับฝึกนิสัยให้ปลาหากินเองตามธรรมชาติ


วันนี้คนน้อยมาก เดินเล่นสบายๆ








ทางเดินลงไปตัวน้ำตก


รอบนนี้น้ำน้อยกว่าเดิมครับจำได้ว่ามารอบก่อนน้ำแรงมากละอองน้ำเปียกกล้องหมดเลยยืนใกล้ๆไมไ่ด้เลย



แช่น้ำสปาหน่อย




รับพลังจากธรรมชาติให้เต็มที่ แล้วกลับไปทำมาหากินกันต่อ

ออกจากน้ำตกพลิ้วกันประมาณ 5 โมงยิงยาวเข้ากรุงเทพส่งทีมงานทุกคนถึงบ้าน 4 ทุ่ม จบทริปแบบสวยงาม

สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ

น้ำมัน 400

แก้ส 900

ค่าทางด่วน 160

ค่าเรือข้ามฝั่ง ขาละ 440 ไปกลับ 880 รวมรถรวมคน

ค่าที่พักคืนแรก ห้องละ 800

ค่าดำน้ำ 2450

ค่าขี่ช้าง คนละ 1000

ที่เหลือเป็นค่าอาหารการกิน มื้อเย็นวันแรก 780 มื้อเย้นวันที่สอง 1200 ที่เหลือมื้อทั่วไปราคาปกติ

สรุปทริปนี้ผมหมดกันไปคนละ ประมาณ 300่0-3500ได้ครับผม

เป็นอันจบทริปแบบประทับใจมากเกาะช้างไว้มีโอกาศจะมาเที่ยวใหม่แต่แนะนำอย่ามาเทศกาลรอบก่อนที่ผมมาหยุดยาว รอข้ามเรือกันหลายชั่วโมงเลย เสียเวลามากๆ รอบนนี้เลยมาวันอาทิตย์กลับอังคาร คนน้อยประทับใจสุดๆครับ


แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ทริปหน้าจะพาขึ้นดอยกันบ้าง เป็นดอยไหนเดี่ยวมาครับ



เหลี่ยมพาเที่ยว

 วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.46 น.

ความคิดเห็น