หนาวนี้...เข้าป่า ปีนเขา เราไปหาธรรมชาติกัน

ประเด็นคือ..ไปไหนดี ขอแบบเหนือๆ มีป่า มีเขา ดอย ม่อน ภู

จนในที่สุดเดอะแก๊งก็ตัดสินใจได้ซะที

และหนาวนี้ ใครไม่จอง "ม่อนจอง" กันเถอะจ้าาา :")

วันนี้ใหม่จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่นี่กันจ้า

ม่อนจองอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จ.เชียงใหม่

ขับรถจากตัวเมืองมาที่นี่ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ถือว่านานพอสมควรเลย

ทริปนี้โคตรโชคดีมากับแก๊งช่างภาพ ชาย 4 หญิง 2 เลยได้ภาพสวยๆ มาเพียบ

และเป็นอะไรที่ Unseen สุดๆ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

อยากรู้ว่ามีอะไร อ่านให้จบ ชมภาพให้ครบทุกภาพนะคะ มีร้องงงงงแน่ >\\<


เรา Start ที่ตัวเมืองเชียงใหม่จ้าาา ขับรถหารค่าน้ำมันกันเอง ออกตอน ตี 5 มาถึง ที่ทำการหน่วยพิทักษ์มูเซอ ตอน 09.30 น. ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมงครึ่ง คือแบบบ หลับแล้วตื่นมาหลับต่อได้หลายรอบมากๆ พยายามมาก่อนบ่าย 2 นะ ไม่งั้น จนท. ไม่อยากให้เดินขึ้นค่ะ จะถึงด้านบนเย็นและค่ำ จากนั้นจะต้องเปลี่ยนเป็นรถ 4x4 โดยจะใช้รถของชาวบ้านเท่านั้น ราคา 2500-3000 บาทค่ะ

ขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเลย

โอ้มายก๊อตตตตต คนจะเยอะไปไหนเนี้ยยย ได้ข่าวว่าวันที่เราเป็นช่วงหยุดยาว 3 วันไง น่าจะประมาณ 40 คณะ


และนี่คือโฉมหน้าดอะแก๊งและลูกหาบในวันนี้ค่ะ ค่าลูกหาบวันละ 300 บาท/วัน(ใครไม่จ้างก็แบกขึ้นเองได้เลย) ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 300 บาท/วัน(ช่วงเทศกาล จนท.อาจจะไม่พอ ก็ต้องเกาะกลุ่มเดินขึ้นกันเอาเองจ้า) มีทาง มีรอยเดินไว้ไม่หลงแน่นอน ไปง่ายมาก อ่อ มีค่าธรรมเนียม 20 บาท/คน ค่ากางเต้นท์ 50 บาท/เต็นท์ด้วยจ้า ม่อนจองรองรับนักท่องเที่ยวได้ 60 คน/คืน มาสัก 2 วัน 1 คืน กำลังดี แต่ถ้าใครอยากไปกลับก็ได้นะ ถ้าไหว ห้าาาา

จากนั้นเราก็นั่ง 4 x 4 เข้าป่ากันค่ะ มีทั้งป่าสน สลับกับป่าอื่นๆ ทางตอนแรกๆ จะเป็นคอนกรีต สักพักนี่ลูกรังเลยจ้าาา


หัวแดงไปตามๆ กัน หาที่ปิดจมูกมาด้วยนะ คือเมาหัวมาก มือนี่จับ เกาะ ราวรถกันไม่ปล่อยเลย

ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ กว่าจะถึงจุดเริ่มเดิน คือเดี๋ยว..อะไรนะ นี่เราเสียเวลานั่งรถจากเชียงใหม่มาถึงทางขึ้น รวมแล้ว 6 ชั่วโมงครึ่ง ห้าาาา บ้าไปแล้ววว แต่ก็นะ อยากมาลำบากเอง สมน้ำหน้า !! ระหว่างนี้ลูกหาบกำลังจัดเรียงของเพื่อแบกขึ้นเขาค่ะ แก๊งเรากระเป๋าเบามากพูดเลย จะหนักก็กระเป๋ากล้องนี่แหละ เราว่าเอามาคล้องคอทีคงเป็นอัมพาตได้

ระหว่างนี้จกข้าวนึ่งสิคะ รออะไร กินกับหมูเค็ม ไข่ต้ม ตบด้วยน้ำเปล่าเพราะไข่แดงติดคอ ห้าา

กินเสร็จไม่รอให้อาหารย่อยค่ะ ลุยโลดดดด จากสถิติคนปกติจะใช้เวลาเดิน 3-4 ชั่วโมงค่ะ ก็จะถึงด้านบน ซึ่งม่อนจองจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ หลังจากนี้ไปคือช้างป่าจะออกมาเยอะ อันตราย และช่วงหน้าร้อนจะเกิดไฟป่าง่าย เลยไม่อนุญาตให้ขึ้น



เดี๋ยวนี้ถ้าจะชวนสาวๆ ไปเดท ไม่ต้องพาไปดูหนังไปเดินห้างแล้วนะคะ ชวนเข้าป่าหาธรรมชาติเลยจ้าาา เดทแบบลำบากๆบ้าง จะได้รู้ว่า...เขาดูแลเราได้มั้ย พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันรึเปล่า จะมีสักกี่คน...ที่คอยอยู่ข้างๆ ทำให้การเดินทางมีความหมายในทุกๆนาทีที่ "มีกันและกัน" เอ้าฮิ้วววว เสี่ยวกลางทางเฉยเลยยย


ใหม่กับมิวก็มา เฮ้


ระหว่างทางเราจะผ่านแลนด์มาร์กสำคัญของดอยม่อนจอง คือ “ภูหินช่อ" เป็นก้อนหินใหญ่ ใหญ่มาก จะปีนขึ้นไปก็ได้ หรือจะเดินอ้อมหินก็ได้ แล้วแต่เลยจ้า ส่วนแก๊งเราทั้งปีน ทั้งเดินอ้อม เอาให้คุ้ม ห้าาาา


มายืนอยู่บนภูหินช่อแล้วจะได้เห็นอะไรบ้าง ตามภาพเลยจ้าา


หลังจากที่เราเดินลงมาจากภูหินช่อแล้ว เดินต่อไปอีกประมาณ 40 นาที ก็จะมาถึงเนินหมาหอบค่ะ


ไงล่ะแค่ชื่อแม่มก็โดนขู่แล้ว...เดี๋ยวเอาภาพมาให้ชมค่ะที่นี่ลมไม่ค่อยพัดเลย อากาศจะร้อนๆ อ้าวๆ แต่จะมีจุดพักที่เป็นช่องลมผ่าน มาถึงแล้วนั่งพัก จิบน้ำ โอ้ยยย...ฟินนน เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอกับแลนด์มาร์กที่ 2 “เนินหมาหอบ" เป็นทางขึ้นภูเขาหนึ่งลูกเลยก็ว่าได้ ชั้นมาก ชันโคตรๆ เดินขึ้น 10 ก้าว พัก 10 ก้าว พัก แบบนี้ หอบแดรกสิคะ สมชื่อจริงๆ ห้าาาา

มาถึงด้านบนสภาพตามภาพเลยค่ะท่านผู้ชม เอิ้กกกก


มองย้อนกลับไปด้านล่าง..


เหนื่อยก็พัก


หายเหนื่อยค่อยไปต่อ


แกดูทางซะก่อน ว่ามันทำมุม 45 องศาจริงๆ


มีคนเดินนำหน้าไปแล้วววว จูงมือกัน น่าอิจฉาาาา ><



จากเนินนี้ไปก็สบายแล้วค่ะ เราจะเจอกับวิวภูเขา ทิวเขาสวยๆ สุดลูกหูลูกตาเลย


ลุงลูกหาบของเราเอง คือ มาถึงพร้อมกัน !! นับถือเลยค่ะ


เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นแลนด์มาร์กที่ 3 “ยอดดอยม่อนจอง" ที่มีลักษณะเหมือนหัวสิงห์ เราเลยเรียกจุดนี้ว่า “หัวสิงห์" ค่ะ สามารถเดินไปได้จนถึงจุดสูงสุดเลย ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตรค่ะ


ระหว่างทางด้านซ้ายจะมีทางแยกให้ไป ณ จุดกางเตนท์ มี 2 จุด ต้องเดินลงไปด้านล่าง ตรงนี้ลมจะไม่พัดผ่านนะคะ อากาศเลยโอเคไม่หนาวตายซะก่อน ห้าาา ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ หรือร้านค้า และไม่มีบริการเช่าเตนท์ เครื่องนอนนะคะ เตรียมไปเองหมดทุกอย่าง


และนี่คือกระเป๋าของพวกเราค่ะ



ช่วยกันกางเตนท์จ้าาา งานนี้ใช้ 2 เตนท์เอาอยู่จ้า นอนละ 3 คน


พี่ๆ ลูกหาบไม่ได้มีแค่ผู้ชายนะคะ ผู้หญิงก็มี คืนนี้พวกเขาจะพิงไฟนอนไม่ได้กางเตนท์ใดใดทั้งสิ้น OMG


กางเตนท์เสร็จก็เดินไปดูวิวสวยๆ ค่ะ นอกจากแลนด์มาร์กทั้ง 3 จุดที่ใหม่บอกไปแล้ว ไฮไลท์ของการได้มาม่อนจองอีกอย่างก็คือ การได้ชมพระอาทิตย์ตกขอบภูเขา และได้เห็นแสงสุดท้าย เป็นอะไรที่ฟินมากๆ อากาศจะเริ่มเย็นจนถึงหนาว มีหมอกตอนใกล้ค่ำด้วยนะ ลอยมาหนามาก ลอยมาคลุมยอดหัวสิงห์ด้วย สวยโคตร

เฮ้ยยย หมอกมาล้าวววว



เมื่อก้อนเมฆลอยมาบังพระอาทิตย์ที่กำลังตกขอบภูเขา เราเลยได้ภาพสวยๆ แบบนี้ค่ะ ส่วนตัวชอบมากก


และนี่คือภาพท้องฟ้าและแสงดาวที่หัวสิงห์ค่ะ


พรุ่งนี้เช้าจะพาไปชมทะเลหมอกกันนะคะ และที่สำคัญ ม่อนจองจะมีความ Unseen ที่สุดในรอบปี ติดตามกันนะคะ ว่าจะ Unseen Thailand ขนาดไหน :")อรุณสวัสดิ์ค่ะ :")


เช้าที่พลาดไม่ได้คือ การตื่นมาดูทะเลหมอกค่ะ แต่พระอาทิตย์อาจจะเห็นยากหน่อยเพราะต้นไม้บังนะ ตอนเช้าอุณภูมิที่เราวัดได้คือ 6-8 องศาค่ะ (ถึงขั้นพกปรอทไป ห้าาา)


ขาบเหมยก็มาจ้าาา


มองไปที่หัวสิงห์ จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางซ้ายมือค่ะ แต่จะมีต้นกุหลาบพันปีต้นใหญ่มากบังเอาไว้ ถ้ามาเดือนมกราคมเพื่อนๆ จะได้เห็นดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดบานเต็มม่อนจองเลยค่ะ แบลกราวที่เห็นคือเมฆและทะเลหมอก ว้าวว

ท้องฟ้าสีสวยจังเลยน้อ ^^


บางทีก็แค่อยากมานั่งโง่ๆ ให้ลมหนาวๆ ตีหน้าเล่น ได้เห็นอะไรเขียวๆ สบายตา ก็เท่านั้นเอง


แสงตอนเช้ามันสวยแบบนี้นี่เอง


โคตรเท่ ห้าาาาาาาาา


และอย่างที่บอกว่าทริปนี้พิเศษสุดๆ เซอร์ไพรส์มากๆ Unseen ยิ่งกว่าการได้ดูพระอาทิตย์ตกและเห็นทะเลหมอก ก็คือการได้เห็นพระสงฆ์ 160 รูป เดินธุดงค์ธรรมะห่มดอยด้วยเท้า แบกสัมภาระด้วยระยะทาง 299 กิโลเมตร 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ จากอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก และมุ่งสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ (ข้อมูลจาก : พระดร.อรุณเมธี พ.)


ซึ่งเดินผ่านดอยม่อนจองแห่งนี้ ไม่รู้ว่าต้องขึ้นมาที่นี่อีกกี่ทีถึงจะได้เห็นภาพแบบนี้อีก ถือเป็นความโชคดี เป็นบุญที่มาพร้อมกับความศรัทธาจริงๆ ตอนนั้นกล้องใหม่แบตหมดค่ะ โชคดีแก๊งที่มามีกล้องคนละตัว เลยได้เก็บภาพสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ กัน


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 11 ธันวาคม 2559 เวลา 08.00 น. โดยประมาณ ค่ะ :")


ไปชมภาพกัน...

ทริปนี้คุ้มค่ากับการเดิน 2 ชั่วโมง 40 นาที จากด้านล่างมาด้านบนม่อนจอง นี่ยังไม่รวมเวลาที่ใช้ในการเดินทางมาอีกนะ นานโคตรๆ แต่ทริปนี้ก็เป็นทริปที่สนุกมากๆ ไม่เหงาเลย ฮาลั่น ฮาแล้ว ฮาอีก ฮาจนขากรรไกรค้าง ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป เฮียวิทย์ มิว น้องไดฟ์ น้องอู๋ และน้องโจ้นะจ้ะ ขอบคุณภาพสวยๆ ของ 4 ตากล้องหนุ่มหล่อด้วย ได้เอามาลงในกระทู้หลายภาพเลย

ใครอยากชมภาพสวยๆ ของ 4 หนุ่ม ตามได้ที่ ด้านล่างเลยจ้าา

เฮียวิท : https://www.facebook.com/Akangggs

น้องไดฟ์ : https://www.facebook.com/hadrive

น้องโจ้ : https://www.facebook.com/nathapongjojo

น้องอู๋ : https://www.facebook.com/auaua.p


สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากมาเที่ยวม่อนจอง สอบถามข้อมูลได้ที่ พี่สมบัติ อ่อนสะอาด หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ โทร 085-7087441 จ้าาา

ปล.ความยากในการเดินขึ้นดอยม่อนจอง ส่วนตัวใหม่เลยนะ ใหม่ว่าพอๆ กับกิ่วแม่ปาน เดินไม่ยากเลยค่ะ สาวๆ สบายเลยทีนี้ แค่เดินนานกว่าเท่านั้นเองค่ะ ม่อนจองที่โหดสุดคงเป็นช่วง "เนินหมาหอบ" ที่ต้องขึ้นเขา ทางจะชันมาก ผ่านตรงนี้ไปได้ สบ๊ายยยย ^^

ข้อมูล : http://www.doimonjong.com

ติดตามข่าวสารการเดินทางได้ที่ :

Fanpage : www.facebook.com/kepkrapao
IG : instagram.com/kepkrapao
Youtube : https://www.youtube.com/kepkrapao
Twitter : https://twitter.com/kepkrapao
Readme : https://th.readme.me/id/kepkrapao

#ชีวิตมีความหมายอีกครั้งเพราะการเดินทาง

#เก็บกระเป๋า

เก็บกระเป๋า

 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.53 น.

ความคิดเห็น