ดอยสะโง้ I นั้นโก้จริง ๆ ที่นอนหลักร้อย ห้อยโล้ชิงช้า วิถีอาข่าสไตล์



ทำความรู้จักฉัน ดอยสะโง้




ดอยสะโง้ ตั้งอยู่บ้านสะโง๊ะ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นหมู่บ้านของชาวเขาชนเผ่าอาข่า ที่ได้บริหารจัดการพื้นที่ชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชาวอาข่า

ได้มีโอกาสคุยกับพี่ที่เป็นกลุ่มก่อตั้ง จุดชมวิวดอยสะโง้ พี่เค้าเล่าว่า "บนยอดดอยแห่งนี้มีวิวสวย เราสามารถมองเห็นวิวแบบ 360 องศา ของ 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ ตอนเช้ามีทะเลหมอก ยามเย็นมีพระอาทิตย์อัสดง ซึ่งจุดชมวิวแห่งนี้สร้างขึ้นมา นอกจากให้ผู้ที่มาเยือนได้ซึมซับความสวยงามของธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายคือ อยากให้ผู้มาเยือนได้ลองเรียนรู้และสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาชนเผ่าอาข่าอย่างแท้จริง ได้พักในบ้านสไตล์อาข่า ได้เล่นสนุกสไตล์อาข่า ได้ลองทานอาหารขันโตกสไตล์อาข่า ซึ่งก็จะสร้างรายได้ให้กับชุมชน นำมาสู่การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน"


ดอยของฉันมีดาวน้อย น้อย กระพริบคอยอยู่บนฟ้า

ลมชื่นเย็นโชยพัดมาสำราญใจ

ป่าน้ำค้าง ดงดอกไม้ ยังท้าทายให้มาเห็น

แม่น้ำโขงไหลเย็น ทะเลสาบแสนงาม


** แม้จะอยู่ไกลถึงปลายฟ้า ยังได้มาล้อมกองไฟ

ดาวบนไหล่ดอย แสนสดใสกระพริบพราวชวนใจให้ชม

มองไปสุดไกลถึงปลายฟ้าชวนให้ความฝันโบยบิน

มีความเบิกบานไม่รู้สิ้นมีดาวบนดินให้เพลิดเพลิน


หมอกยามเช้าชวนฝันน้อย น้อย มีชาวดอยร่วมเรียนรู้

ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมากล่าวอำลาและทักทาย

มา " ดอยสะโง้ " เธอจะได้เห็นธรรมชาติสวยงามตา

หากว่าใครได้ขึ้นมาก็อยากกลับมาเยือน


( คัดมาจากบทเพลง : ดอยสะโง้ I เนื้องร้อง : ทรงพล สุขเรือน )



การเดินทางมาหา

พิกัด GPS : 20°20'51.0"N 100°01'59.5"E


เราเลือกเช่ารถขับจากตัวเมืองเชียงราย ก่อนหน้านี้แอบกังวลเรื่องทางขึ้นเขาจะขับรถยากเหมือนกัน แต่พอไปเจอของจริงแล้วต้องบอกว่าเส้นทางขึ้น ดอยสะโง้ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด การเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายถึงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำเป็นถนนลาดยางเส้นทางปกติ เป็นภูเขาสูงชันแค่ช่วงก่อนถึงหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ชันมาก รถทั่วไปสามารถขับขึ้นได้จนถึงบริเวณจุดจอดรถก่อนถึงยอดดอย

- จากตัวเมืองจังหวัดเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (กรุงเทพ – แม่สาย) วิ่งตามป้ายบอกทางไปอำเภอแม่จัน ระยะทางประมาณ 30 กิโล

- ถึงแยกแม่จัน ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1016 (เชียงแสน – แม่จัน) วิ่งตามป้ายบอกทางไปอำเภอเชียงแสน ระยะทางประมาณ 30 กิโล

- ก่อนถึงตัวอำเภอเชียงแสน จะเจอวงเวียน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1290 (แม่สาย – เชียงของ) ขับไปเรื่อยจนถึง สามเหลี่ยมทองคำ ระยะทางประมาณ 9 กิโล

- เราจะเห็นจุดชมวิวพร้อมป้ายสามเหลี่ยมทองคำใหญ่ ๆ อยู่ทางขวามือ ให้สังเกตใกล้กันนั้นทางซ้ายมือจะมีป้ายชี้บอกทางเข้า บ้านสะโง๊ะ หรือ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ เลี้ยวซ้ายตามป้ายผ่านชุมชนลัดเลาะภูเขาไปเรื่อย (ถนนลาดยางดี ไม่ชัน มีช่วงเขาสูงชันประมาณ 1.5 กิโล ก่อนถึงหมู่บ้านชาวเขาเท่านั้น) รวมระยะทางจากปากทางเข้าสามเหลี่ยมทองคำถึงหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 6 กิโล จะเจอจุดจอดรถ ซึ่งเป็นบ้านของชาวเขาเปิดรับจอด คิดค่าบริการจอดค้างคืนคันละ 50 บาท

- จุดชมวิว บ้านพัก และลานกลางเต็นท์ อยู่บริเวณยอดดอย จะต้องเดินทางขึ้นไปอีกประมาณ 500 เมตร เป็นทางดินลูกรัง คับแคบ และสูงชัน ดังนั้นหากจอดรถไว้ที่จุดจอดรถชาวบ้านมีรถอีแต๋นไว้บริการพาขึ้นยอดดอย คิดราคารอบละ 100 บาท ขึ้นได้ครั้งละ 7-8 คน แต่เห็นนักท่องเที่ยวบางส่วน เลือกเดินหรือใช้รถ 4WD ขับขึ้นเอง




มาดอยสะโง้เธอจะได้เห็น ...


เห็น .. วิถีชีวิตชาวเขาชนเผ่าอาข่า

หมู่บ้านชาวเขาเราเริ่มเห็นตั้งแต่ก่อนขึ้นมาบนยอดดอย เป็นหมู่บ้านที่สะอาดสะอ้าน มองเห็นผู้คนมักจับกลุ่มนั่งพูดคุยกัน และอังกองไฟเพิ่มความอบอุ่น ด้านบนยอดดอยมีวัดเล็ก ๆ ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวบ้าน มีร้านขายของที่เสมือนเซเว่นบนที่สูง




เห็น .. รอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะจากการละเล่นที่สนุกสนาน

การโล้ชิงช้า เป็นประเพณีปฏิบัติของชาวเขาเผ่าอาข่า เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของเทพธิดา "อึ่มซาแยะ" เทพผู้ประทานความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชพันธุ์อาหาร และเป็นการฉลองให้พืชผลที่มีความเจริญงอกงามรอการเก็บเกี่ยว ดังนั้นในมุมต่าง ๆ บนดอยสะโง้ เราจะเห็นชิงช้าเรียงรายตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสทดลองและสัมผัสความสนุกสนานจากการโล้ชิงช้า




เห็น .. วิวของ ๓ ประเทศบนดอยเดียว

บนยอดดอยสะโง้นั้น เราสามารถมองเห็นวิวของสามประเทศริมฝั่งโขง ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ เรียกได้ว่ามาดอยเดียวแล้วคุ้มจริง ๆ




เห็น .. พระอาทิตย์อัสดงที่สวยงาม

บนยอดดอยสะโง้ ฝั่งตะวันตกเราสามารถมองเห็นวิวจังหวัดเชียงรายได้สุดลูกหูลูกตา และเป็นมุมกว้าง 180 องศา สำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดินที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตา แสงสีส้มยามเย็น เคล้าไอหมอกเย็น ๆ โรแมนติกสุด ๆ




เห็น .. อาหารขันโตกที่ต่างจากที่เคยทาน

ขันโตกสไตล์อาข่า ตามที่เราเห็นประกอบด้วย ข้าวไร่ห่อใบตอง ซึ่งเป็นข้าวที่ชาวบ้านปลูกเอง จะคล้าย ๆ ข้าวเหนียว ที่ทานคู่กับกับข้าว อาทิเช่น เนื้อและหนังหมูหัน หมูรวนเกลือ น้ำพริกมะเขือยาว ผักดองเกลือ และผักสดต่าง ๆ เรียกว่าจัดหนักอิ่มยาวไปหลายวัน ฮ่า ฮ่า




เห็น .. การแสดงที่สวยงามและฟังเพลงเพราะ ๆ จากกลุ่มเด็กน้อยบนดอย

บริเวณใกล้ที่พักจะมีลานกิจกรรม ซึ่งเป็นสถานที่ทานอาหารของผู้มาเยี่ยมเยือน เมื่อเราไปนั่งปุ๊บ ระหว่างรออาหารจะมีฉายประวัติของดอยสะโง้ และประมวลภาพเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎรบนยอดดอยแห่งนี้ เราทานขันโตกไป พร้อมชมการแสดงจากน้อง ๆ ที่แต่งชุดชาวเขาสวยงาม รำพัดบ้าง เต้นโชว์บ้าง ร้องเพลงให้ฟังบ้าง ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน กลับมีจุดแสงสีเล็ก ๆ ที่สร้างความอบอุ่นและประทับใจให้ผู้มาเยือน




เห็น .. ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

เห็นแต่แสงสีในเมืองมามาก พอมาอยู่บนดอยรอบด้านมืดสนิท ทำให้เราได้สัมผัสและเห็นความสวยงามของดวงดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า นอนดูดาวบนเสื่อที่มีเตรียมไว้จนหลับเลยทีเดียว ธรรมชาติสร้างความสวยงามให้เราได้ตื่นตาตื่นใจเสมอ





เห็น .. ทะเลหมอกแบบ 360 องศา

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนขึ้นมาบนดอยสะโง้ คือการมาชมทะเลหมอกแบบ 360 องศา จะเดินไปด้านไหนก็เห็นแต่ทะเลหมอกรอบด้าน ทำให้บรรยากาศช่วงเช้าคึกครื้นนัก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คสถานที่ชมทะเลหมอกที่งดงามอีกหนึ่งแห่ง ของจังหวัดเชียงราย




ค่าใช้จ่ายบนดอยสะโง้


- ที่พักบนดอยสะโง้ นักท่องเที่ยวสามารถมากลางเต็นท์นอนได้ และมีบริการโฮมสเตย์ชาวเขาให้เราพักได้เช่นกัน ชื่อว่า "บ้านพักชนบท" โดยราคาจะปรับไปตามขนาดของบ้าน ซึ่งทริปนี้เราไปกับเพื่อนรวม 3 คน เลยเลือกบ้านแบบ 3 คน ราคาหลังละ 1,500 บาท พร้อมอาหารเช้า เฉลี่ยคนละ 500 บาท

- ราคาอาหารชนเผ่าอาข่า เป็นขันโตก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 250 - 1,000 บาท

- การแสดงชนเผ่าอาข่า สามารถ ชมฟรี ขณะรับประทานอาหาร

- บริการที่จอดรถก่อนถึงยอดดอย ราคาจอดค้างคืน คันละ 50 บาท จอดชั่วคราว คันละ 30 บาท

- ค่าบริการรถอีแต๋น หรือ กระบะ 4WD ขึ้นยอดดอย รอบละ 100 บาท นั่งได้ 7-8 คน


หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ : https://www.facebook.com/homestaydoisango/



ท้ายที่สุดนี้ ถ้าชอบท่องเที่ยวสไตล์เรา ติดตามได้ที่เพจ "บ้านฉัน กาญจนบุรี"

เราทำขึ้น เพื่อนำเสนอสถานที่สวย ๆ เรื่องราวทุกแง่มุม ของบ้านเรา กาญจนบุรี

สามารถติดตามได้ที่ : www.facebook.com/baanchan.kanchanaburi/


ความสุขของกะทิ

 วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.57 น.

ความคิดเห็น