ผมเชื่อว่าใครหลายคนคงอยากเห็นธรรมชาติที่สวยงาม ผมบอกได้เลยว่าที่นี้สามารถตอบโจทย์ได้เกือบทุกสิ่งอย่างของการเจอธรรมชาติที่สวยงาม แต่คงไม่ทั้งหมด ครั้งนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวพร้อมกับบอกสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเดินป่าที่ดอยหลวงเชียงดาว นับเป็นครั้งที่สามของผมที่จะขึ้นดอยหลวงเชียงดาว(ผมไม่ใช่ลูกหาบนะครับ ฮ่าๆ) แต่เพราะความสวยงามของมันนี้แหละมันทำให้ผมต้องขึ้นไปถึงสามครั้ง ครั้งแรกขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วโน้นแต่สภาพอากาศขาวไปหมดเลยครั้งนั้นไป 2 วัน 1 คืนจากครั้งแรกมันทำให้เกิดความแค้นว่าทำไมดวงซวยยังงี้วะ เลยทำให้เกิดครั้งที่สองขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วเอง วันแรกมองอะไรไม่เห็นเหมือนกันเริ่มจะท้อๆ แล้ว แต่ตอนกลางคืนเห็นดาวพอสมควร และตอนเช้าฟ้าก็ใสมากและมาพร้อมกับทะเลหมอกอย่างสวยงาม และนี้คือครั้งที่สามของผมก็คือเดือนมกราคมเดือนนี้ จะเป็นอย่างไรมาดูกัน

1. การเดินทาง

การเดินทางที่ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุดก็คือการเหมารถตู้ไปนี้แหละครับสบายสุดแล้ว เพราะไม่ต้องมีการทรานเฟอร์อะไรเลย ยิงยาวถึงจุดหมายปลายทางได้เลย และจะดีไปมากกว่านั้นคือในรถตู้มีหนังให้เราได้ดูด้วย ^_^ แต่ว่าการนั่งรถตู้เราจะใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงจาก กทม. - เชียงใหม่(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ)

เรามีสเปคการเลือกรถตู้คร่าวๆ มาด้วย

  1. ควรเลือกรถตู้ที่สามารถนั่งได้ 10 คนจะได้นั่งสบายๆ กัน (รวมนั่งข้างคนขับแล้ว)
  2. ต้องมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 220V/12V อย่างน้อย 3 จุด เราจะได้มีที่ชาร์จโทรศัพท์กัน
  3. ต้องมีทีวีและเครื่องเล่น DVD/ช่องเสียบ USB สำหรับความบันเทิง
  4. แอร์ต้องเป็นแอร์ที่ติดตั้งเพิ่มเติม (ไม่ใช่แอร์เดิมๆ ที่ติดมากับรถ) ซึ่งหนาวแน่ๆ ควรขวักถุงนอนออกมาจากกระเป๋าด้วย
  5. เบาะต้องไม่แข็งจนเกินไป ไม่งั้นจะปวดมาก มันตัดกำลังตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย

รถทัวร์ แต่จะใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงเลยทีเดียวเพราะรถทัวร์ก็ต้องแวะตามจังหวัดต่างๆ พอไปถึงก็ต้องเหมารถแดง ซึ่งตรงนี้จะใช้เวลานานมากเพราะรถแดงเขาก็ไม่ได้ขับไวอะไร นั่งไปเรื่อยๆ ให้ลมเย็นๆ ตีหน้า

นั่งเครื่องไฟท์เช้าที่สุด เพื่อไปถึงที่สนามบินเชียงใหม่ตอนเช้า แล้วก็เหมารถแดงให้เขาไปส่งที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาว ทั้งไป-กลับ


2. เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค

สำหรับช่วงฤดูหนาวควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปแบบจัดเต็ม เพราะอากาศข้างบนจะหนาวมากยิ่งตอนช่วงกลางคืนแล้วเนี้ย โครตหนาวเลยละหนาวจะแบบนอนกันไม่ได้ โปรดเชื่อผมเถอะ ฮ่าๆ ถ้ามีเสื้อกันลมเอาไปด้วยก็จะดีมากเพราะที่ยอดดอยลมจะแรงมาก ยิ่งหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้วเนี้ยลมก็ยิ่งเย็นขึ้นไปอีกเกือบ 2 เท่าไม่ได้โม้นะ เรื่องยาก็เอาไปด้วยสำคัญมาก ใครคิดว่าไม่ฟิตโปรดเตรียมดังนี้

  1. ยาคลายกล้ามเนื้อ
  2. เคาท์เตอร์เพลน
  3. ยาแก้ปวดหัวส่วนตัวเราคิดว่าการเหมารถตู้ไปคุ้มค่าที่สุดและประหยัดที่สุด

เตรียมแค่นี้แหละแล้วชีวิตจะดีขึ้น แต่ที่สำคัญมากๆ สำหรับการมาเดินป่าแบบนี้ ไฟฉายถ้าไม่มีไฟฉายแล้วเนี้ยลำบากแน่ๆ

3. อาหารการกิน

เรื่องอาหารการกินนี้ขาดไม่ได้จริงๆ ยังไงกองทัพของเราก็ต้องเดินด้วยท้อง ฮ่าๆ ไม่ว่าจะเป็น หมูเห็ดเป็ดไก่ จะเอาไป อุ่นหุงตุ๋นต้มนึ่ง แม้กระทั้ง จานช้อนตะเกียบแก้วซ่อม เราต้องเตรียมให้ครบ


ข้างบนไม่มีขาย อยากทำอะไรกินก็ซื้อมาตั้งแต่ข้างล่างให้เรียบร้อยเลย ส่วนเรื่องสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบกเขาคิด กิโลกรัมละ 50 บาท ทั้งขาขึ้นและขาลง ไม่มีแบกแค่ขาขึ้นอย่างเดียวหรือขาลงอย่างเดียว


ควรเตรียมน้ำไปให้เพียงพอสำหรับจำนวนคนที่ไปด้วย เรื่องน้ำสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเลยแหละ และของที่เราเอาขึ้นไป ทางอุทยานจะจดจำนวนของกระป๋องและขวดพลาสติกต่างๆ ไว้และแน่นอนขาลงเราต้องนำกลับลงมาด้วยเพราะทางอุทยานเขาก็จะเช็คจำนวนเช่นกัน และที่สำคัญหลังอาหารมื้อค่ำจะขาดไม่ได้เลยนั้นคือ "ดาวลอย" เป็นน้ำดื่มที่ทรงพลังที่สุดถ้าได้สักสอง สาม สี่จอกนั้นดีนักแล


ถ้าใครมาดอยหลวงเชียงดาวแล้ว แล้วไม่ได้กินดาวลอยถือว่ามาไม่ถึง ฮ่าๆ กินนิดๆ หน่อยๆพอหายหนาวพอครับ ถ้ากินหมดเลยเดี๋ยวคนอื่นจะไม่ได้กินเอา ฮ่าๆ หรือถ้าอยากกินเบียก็ต้องแบกเบียขึ้นมาเองครับ

4. ขับถ่าย

ส่วนเรื่องการขับถ่ายนั้นจะบอกว่าลืมส้วมธรรมดาๆ อย่างชีวิตระจำวันเราไปเลย แล้วถ้าต้องการถ่ายหนักจริงๆ แนะนำให้เข้าป่าเถอะครับดีกว่าส้วมที่เขาทำไว้เสียอีก ทั้งบรรยากาศ กลิ่น และเสียงเนี้ย ถือว่าดีกว่าส้วมที่ถูกจัดทำไว้อย่างแน่นอน

5. รถไฟ 4x4


นอกจากเราจะสนุกกับการเดินป่าแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ก็สนุกไม่แพ้กันคือนั่งรถกระบะ 4WD ขึ้นไปจุดเริ่มเดินที่เด่นหญ้าขัดมา 3 ครั้งนั่ง 3 ครั้ง ขับมันส์ทุกที


เราว่าการนั่งรถขาไปควรนั่งหน้าน่ะ ถ้าข้างหลังมีที่หนังก็นั่งหลังจะดีกว่า ถ้านั่งรถที่ไม่มีที่นั่งแล้วได้เกร็งกันจนตะคริวขึ้นไปข้างมันจะตัดกำลังเราตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยละ ฮ่า


ส่วนขาลงนั้นก็มันส์ไม่แพ้กับขาขึ้นเลย แต่ว่า นั่งตรงไหนก็ได้ เพราะขาลงถ้าลงที่ปางวัว ถนนทางกลับก็จะเป็นทางลาดยางธรรมดา แต่ว่าจะมีสิ่งอะไรแปลกๆ ข้างทางให้เราได้ชมกันด้วย


และอย่าลืมสั่งข้าว+น้ำ ในวันที่มารับเราขาลงที่ปางวัวด้วย อันนี้สำคัญมาก อยากกินไรสั่งเขาไว้เลย

6. แม่คะนิ้ง

ใครว่าแม่คะนิ้งจะมีแต่ที่ดอยอินทนนท์ เราจะบอกว่าที่ดอยหลวงเชียงดาวก็มีนะ คือแบบอากาศหนาวมากจนทำให้เกิดแม่คะนิ้ง

หนาวจนถึงขั้นที่แบบน้ำค้างที่อยู่บนเต็นท์เกิดเป็นน้ำแข็ง และมีเด็ดกว่านั้นคือ


มันมีเป็นก้อนขนาดนี้เลยหรอซิ่งมันเกิดที่เราเก็บบลูชีทแล้วน้ำค้างยังคงอยู่ข้างในแต่พอแดดออกก็กะว่าจะเอามาตาก แต่พอกางออกมาอ้าวเห้ยยย แมร่งน้ำแข็งมาจากไหนวะ ทุกคนแบบตื่นเต้นขนาด พี่ลูกหาบยังตื่นเต้นเลย ฮ่าๆ


7. จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก

การที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกนั้น เราต้องเดินขึ้นไปที่ยอดดอยหลวงเชียงดาวโดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินขึ้น แต่ 30 ที่ว่าเนี้ยทางอย่างชัน ฮ่าๆ


แต่ว่าเดินไปเรื่อยๆ แหละเดินมันก็ถึง จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ก็จะมีที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว ยอดกิ่วลมใต้(ตรงนี้จะสามารถมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวด้วย ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน) และกิ่วลมเหนือ ส่วนเรื่องมุมนั้นแล้วแต่คนชอบเลยจ้า ข้างบนมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก

แต่มันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่จะเดินขึ้นมาตั้งแต่เช้า จนถึงตอนเย็น




8. จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น


แน่นอนพระอาทิตย์มีขึ้นแล้วก็ต้องมีตก ตรงนี้เป็นทางแยกระหว่างทางขึ้นกิ่วลมเหนือ-ใต้ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นนั้นสามารถดูได้ 3 ที่เช่นเคย คือ

1. กิ่วลมเหนือ

จากทางแยกให้เลี้ยวซ้ายมา เลี้ยวขวาจะไปกิ่วลมใต้

นี้เป็นวิวของกิ่วลมเหนือเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เราจะสามารถ มองเห็นคนที่ยืนอยู่บนกิ่วลมใต้ได้ด้วยนะ สามารถตะโกนคุยกันได้สบายๆ เลยฮ่าๆ แต่อย่าทำจะดีกว่าเนอะ

แต่ว่ากิ่วลมเหนือต้องเตรียมเสื้อกันลมมาด้วยนะเพราะบริเวณนี้ไม่มีอะไรบังลมเลย ตัวเราจะโดนลมเต็มๆ โครตหนาวเลยแหละ

แสงแดดมาหมอกปุยขาวๆ ก็ค่อยๆ ลอยผ่านไป

ชมวิวแถวนั้นได้ไม่นานแดดก็เริ่มแผดเผาแล้วละ

2. กิ่วลมใต้

นี้ก็เป็นวิวของกิ่วลมใต้

เป็นไงวิวที่กิ่วลมใต้ขาวโพลนเลย ฮ่าๆ กิ่วลมใต้มีพื้นที่ให้ยืนและนั่งมากกว่ากิ่วลมเหนือเยอะ และมีมุมที่หลบลมด้วยนะ ทำให้ร่างกายเราอุ่นกว่าเดิมเยอะเลย ยังๆ เรามาถึง 3 ครั้งจะไม่ให้ได้รูปสวยๆ กลับไปเลยก็ยังไงอยู่

ส่วนถ้าใครมา 3 วัน 2 คืนก็เดินเล่นข้างบนของกิ่วลมใต้ก่อนก็ได้นะครับและนี้ก็เป็นวิวที่ยอดกิ่วลมใต้

3. ยอดดอยหลวงเชียงดาว (สามารถมองเห็น กิ่วลมเหนือและใต้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นได้)

อันนี้เราก็ไม่ได้ขึ้นไปเหมือนกัน ฮ่าๆ แต่ว่าเราเห้นมีคนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกเหมือนกัน แต่ที่ไหนจะสวยกว่ากันก็ต้องให้คุณเป็นคนตัดสินใจกันเองแล้วละครับ แต่ผมขอแนะนำให้เป็นกิ่วลมเหนือนะแต่พื้นที่ในการยืนจะน้อยไปหน่อยแต่ก็สวยกว่า)

9. ดาวบนฟ้า

เดี๋ยวๆๆ นี้ไม่ใช่ดาวลอยเหมือนข้อ 3 นะ แต่นี้คือดาวจริงๆ เราแนะนำว่าหลังจากดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยหลวงเชียงดาวแล้ว เราก็ควรที่จะดูดาวบนยอดดอยไปด้วยเลยทีเดียว

เพราะข้างล่างแสงจะรบกวนเยอะกว่า มันจะมองเห็นไม่ชัดเท่าข้างบน แต่ทั้งนี้ถ้ากลัวหิวก็เตรียมอาหารมากินข้างบนด้วยเลยก็ได้นะทุกที่ที่เราไปต้องเก็บทางช้างเผือกให้ได้ ฮ่าๆ

แต่มันได้มากกว่าทางช้างเผือกเสียอีก เรามาดูรูปนี้กันดีกว่าว่า เงาที่เกิดจากข้างหลังมันเกิดขึ้นได้ไง

ตอนนั้นเป็นช่วงำลังลองกล้อง ภาพพี่แกก็เลยเบลอแบบนี้ซึ่งเราก็ยังงงจนถึงตอนนี้ ถ้าเอาไฟฉายส่งแต่ทำไมฉากตกกระทบมันใกล้จังซึ่งก็ไม่ได้มีหมอกอะไร

10. ออกกำลังกายกับขาลง

แน่นอนว่าเดินขึ้นไปแล้วก็ต้องเดินลง เราขึ้นทางเด่นหญ้าขัดแต่ลงทางปางวัวเส้นทางที่ลงปางวัวนั้นมันชันทีเดียวเลยละ เรต้อง จิกๆๆๆๆ เท้า เพื่อที่จะเบรคไม่ให้ความเร็วสูงเกินไป เราก็มาจะแนะนำวิธีการลงที่ไม่ต้องเจ็บเท้าคือ วิ่งลงเลยจ้า ฮ่าๆ ถามว่ากลัวลื่นมั้ยบอกเลยว่าก็กลัวแต่ทุกก้าวที่ลงให้ควรนึกว่ามันไม่ลืมแต่เราต้องพร้อมลื่นตลอดเวลา

ที่เราอยากลงมาไวๆ ไม่ใช่อะไรนะ เพราะเราคิดถึง ข้าว+น้ำอัดลมเย็นๆ ที่คนขับรถ 4WD เอามาจัดเตรียมไว้ให้ แล้วก็มีไอติมแท่งที่มีขายอยู่ที่ปลายทาง


มันยิ่งกระตุ้นให้เรารีบอยากถึงไวๆ และนี้ก็คือเวลาที่เราทำไว้กับกระเป้น้ำหนัก 10 กิโลเศษ และมาพร้อมกับบาดแผลที่หัวเข่า ฮ่า

ขอขอบคุณครับ ที่ให้พื้นที่เล็กๆ เพื่อที่จะแนะนำสิ่งดีๆ ที่อยากจบอกต่อ


7NOVEMBER

 วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.37 น.

ความคิดเห็น