วันนึงเมื่อกลางปีที่แล้ว เราได้มีโอกาสไปเห็นภาพวิวยอลายเส้นบนฉากพระอาทิตย์ขึ้นสีสวยๆ บน FB Wall ของเพื่อนคนนึง

กดต่อเข้าไปใน Album รูปของเค้า โอ้โห...ทริปนี้คือที่ไหนกัน มันสวยมาก มีวิวยอแสงสวยๆ มีทะเลบัวแดงด้วย

ไม่รอช้าเลยค่ะ รีบส่งข้อความหาเพื่อนทันที ได้ความว่าเป็นที่ปากประ ทะเลน้อย พัทลุง

เอ..เราก็เคยได้ยินชื่อนะทะเลน้อย แต่ไม่รู้ว่าสวยขนาดนี้เลย

หลังจากนั้นก็รีบหาข้อมูลค่ะ ค้นใน Pantip ก่อนเลยค่ะ แล้วก็พบว่าที่นี่สวยจริงๆด้วย

ฤดูกาลที่เหมาะสม ที่บัวจะบานเต็มที่จะเป็นเดือนมีนาคม เราก็วางแผนทริปนี้กันเลยค่ะ

เพื่อนเราแนะนำให้ไปนอนที่ Wetland Camp เราก็จองล่วงหน้ากันเกินครึ่งปี ด้วยความที่รู้มาว่าเค้ามีบ้านพักแค่ 4 หลัง

และพอมีโปรน้องนกไปตรังออกมาด้วยราคาเบาๆ ก็รีบซื้อทันทีค่ะ หลังจากนั้นก็เฝ้ารอทริปนี้ด้วยความตื่นเต้น

แล้วเราก็สมหวังค่ะ ทริปนี้วิวสวยและเที่ยวสนุกมากๆ เป็นทริปที่ประทับใจมากจริงๆ

ลองตามไปดูกันนะคะว่าทริปนี้จะสนุกและตื่นเต้นแค่ไหน วิวงามยังไง ไปพัทลุงกับเด็กจิ๋วกันค่ะ

เด็กจิ๋วออกเดินทางท่องเที่ยวมาตั้งแต่อายุ 5 เดือนนะคะ ชมเรื่องราวการเดินทางของเด็กจิ๋วได้ที่นี่ค่ะ


https://www.facebook.com/DekJewChillOut

http://www.dekjewstory.blogspot.com/

https://www.youtube.com/user/DekJewChillOutการเดินทางไปปากประ พัทลุง เราต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ตรังค่ะ เพราะพัทลุงไม่มีสนามบิน

คณะเรามี 6 คน เราเช่ารถตู้เล็กจากตรัง แวะเที่ยวตรังก่อน แล้วค่อยไปพัทลุงค่ะ

มาถึงสนามบินตรังแต่เช้าเลย เด็กจิ๋วยังคงชุดนอนอยู่ เพราะอุ้มจากที่นอนมาแบบนี้เลยค่ะ นอนต่อบนเครื่อง ตื่นมาถึงตรังพอดีค่ะ

มาถึงตรังแล้ว ก็ขอลองอาหารเช้าแบบตรังหน่อยค่ะ มีหลายร้านที่หน้าสนใจ เราเลือกร้านเรือนไทยติ่มซำค่ะ


อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งพวกติ่มซำ โจ๊ก บักกุ๊ดเต๋ ของทอดต่างๆ

อิ่มแล้วก็เริ่มเที่ยวเลยค่ะ ปะป๊าเพิ่งมีมีโจทย์มาให้แม่ก่อนเดินทางวันเดียวว่าขอแวะเที่ยวตรังก่อน เอาที่แปลกๆหน่อย แม่ก็หามาได้ที่นี่แหละค่ะ


ถ้ำเลเขากอบ อยู่ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นถ้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลผ่านตลอดใต้แนวถ้ำ การจะไปเที่ยวชมภายในถ้ำ ต้องล่องเรือเข้าไปเท่านั้น

แม่พยายามหาข้อมูลในเวลาอันน้อยนิดว่าล่องเรือภายในถ้ำเป็นยังไง มีแต่คนบรรยายประมาณว่า ประสบการณ์สุดเสียว หวาดเสียวสุดๆ รอดตายหวุดหวิด แต่ไม่ทันได้ค้นรูปดูว่ามันหวาดเสียวยังไง แล้วก็นึกไม่ออกว่า กะแค่นั่งเรือลอดถ้ำ มันจะรอดตายยังไง

จนมาพบคำตอบอย่างชัดเจนก็ตอนไปด้วยตัวเองนี่แหละค่ะ อยากรู้ว่าเป็นยังไง ลงเรือมาด้วยกันเลยค่ะ

ค่าเช่าเรือท้องแบนลำละ 300 บาท มีคนพาย 2 คน รับผู้โดยสารได้ 5 คน คณะเรามี 5 ผู้ใหญ่ 1 เด็ก ก็ลงได้ค่ะ


บรรยากาศก่อนเข้าถ้ำ ร่มรื่นมากๆ

เริ่มมุดถ้ำแล้วค่ะ ช่วงแรกๆ เพดานถ้ำก็เตี้ยนะคะ แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าน่ากลัวตรงไหน ก้มๆหัวกันหน่อยก็พ้นแล้วค่ะ


แวะจอดเรือลงเดิน 2-3 จุด ต้องเดินเกาะกลุ่มกันกับคนนำทาง (คนพายเรือนั่นแหละค่ะ) หน่อยนะคะ เพราะพี่เค้ามีไฟฉาย


ถึงแม้ในถ้ำมีไฟส่องสว่างให้ตลอดทาง แต่บางทีลิงไปโดนปลั๊ก โดนสายไฟ ไฟดับขึ้นมาจะยุ่งค่ะ

หินงอกหินย้อยภายในถ้ำก็สวยงามดีค่ะ เด็กลงมาเดินเล่น โพสต์ท่าให้ปะป๊าถ่ายรูปด้วยความคึกคักค่ะ


เด็กจิ๋วชอบมากแบบนี้ ได้ล่องเรือ ได้เดินถ้ำ เด็กบอกสนุกมากๆ

หินย้อยภายในถ้ำหักไปเยอะมากๆค่ะ เค้าไปมองดูใกล้ๆแล้วเสียดายจริงๆ ถ้าไม่หักน่าจะสวยกว่านี้มากๆ


เราสังเกตเห็นที่เสื้อพี่คนพายเรือ เขียนว่า สนุกสุดยอด ลอดท้องมังกร


เลยถามพี่เค้าว่าคืออะไร พี่เค้าอธิบายว่าคนแถวนี้เชื่อว่าการได้ลอดถ้ำเลเขากอบออกไป เสมือนการลอดท้องมังกร จะโชคดี เอาทุกข์ เอาโชคร้ายทิ้งไป จะโล่ง เหมือนเกิดใหม่ (โอ้ว...ขนาดนั้นเลยเหรอคะ)

พอแวะเดินเที่ยวครบทุกจุดแล้ว พี่คนพายเรียกลงเรือ บอกว่าเดี๋ยวขาออก จะต่ำมากๆนะ ให้นอนๆลงไปกับพื้นเรือเลย ไม่งั้นหัวกระแทกหินนะ


สภาพก็ประมาณนี้ พวกเราก็นอนๆเงยๆ ปะป๊ายังยกกล้องมาถ่ายรูปได้บ้าง ยังหัวเราะสนุกสนานกันอยู่ค่ะ

คนเรือเห็นพวกเราลั้นลา ถ่ายรูปกัน สนุกสนานกันใหญ่ ก็จอดเรือบอกว่าให้ปะป๊าเก็บกล้อง ถ่ายไม่ได้แล้ว อันตรายมาก เพราะต่อจากนี้ไปเพดานถ้ำจะเตี้ยมากๆเลย


แล้วพี่เค้าก็จัดระเบียบการนอนในเรือให้พวกเรา แบบนอนแบนราบที่สุด พยายาม อย่าให้มีส่วนไหนโผล่พ้นกาบเรือเลย

ถึงตอนนี้แม่ก็ยังถือกล้อง GoPro ตัวจิ๋ว เอาวางไว้บนพุง คนเรือบอกว่าวางแบบนี้ก็ไม่ได้ เราก็เริ่มใจเสียละ มันจะเตี้ยแบบนี้เลยเหรอ

พี่คนเรือก็บอกตลอดว่าต้องเชื่อฟังนะครับ เพื่อความปลอดภัย เราก็เริ่มเครียดกันแล้ว แม่ก็เลยเอา GoPro วางไว้ข้างๆตัว เก็บภาพเท่าที่จะเก็บได้ละกันค่ะ

นาทีจากนั้นไป เป็นอะไรที่น่ากลัว และหวาดเสียวมาก พี่คนเรือเอง ก็ยังต้องนอนราบไปเหมือนกัน


คือเพดานถ้ำชิดกับตัวเรามากๆ หินย้อยบางก้อนเฉียดพุงแม่ไปแบบรู้สึกได้ แล้วเรือก็ล่องออกมาค่อนข้างเร็ว เพราะพี่คนเรือ เค้าเอามือผลักเพดานถ้ำให้เรือผ่านออกมาได้เร็วๆ

ภาพที่พวกเราเห็นคือ มีหินย้อย อันแล้วอันเล่า วิ่งผ่านหน้าแบบใกล้ชิดสุดขีด บางอันแทบจะแตะปลายจมูก

มีจังหวะนึงหันไปมองหน้าปะป๊าที่นอนอยู่ถัดไป เห็นหินแล่นเฉียดแว่นปะป๊าไปแค่มิลเดียวเองมั๊ง

เด็กจิ๋วจากที่ช่วงแรกๆยังสนุกอยู่ ก็เริ่มกลัวแล้ว เพราะผู้ใหญ่ก็กลัว แบบมีร้องกรี๊ดกันเป็นระยะๆด้วย

เด็กจิ๋วเริ่มดิ้นๆ แล้วบอกว่าไม่ไหวแล้ว อึดอัดมาก ก็ต้องบังคับให้นอนท่านั้นก่อน เพราะถ้ากระดกหัวขึ้นมา มีชนหิน หัวแตกแน่นอนค่ะ



พอพ้นแนวถ้ำ ออกมาสู่โลกภายนอกเท่านั้นแหละ...ที่พี่เค้าเล่าสรรพคุณไว้ว่าลอดท้องมังกรนี้แล้ว จะเป็นยังไง ตามนั้นเลยค่ะ

มันโล่งมากๆ โอ้ว...เหมือนเกิดใหม่จริงๆด้วย ไม่น่าเชื่อ 555 คืออารมณ์ประมาณว่า รอดตายแล้ว เย้เย้

(รูปถ่ายที่เอามาลง ไม่ได้ความรู้สึกหวาดเสียวเลยค่ะ ลองดูคลิปที่ คคห ด้านล่าง แล้วจะรู้ค่ะ หุหุ)

ก่อนลงเรือลอดถ้ำ เราไม่รู้มาก่อนจริงๆว่าจะหวาดเสียวขนาดนี้ เพราะไม่เคยเห็นภาพใดๆ


มีแต่คนบอกว่าหวาดเสียวก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ตอนนี้รู้ซึ้งเลยค่ะ และสำหรับเด็กเล็กๆ เราไม่แนะนำให้ไปลอดนะคะ

เพราะขนาดเด็กจิ๋ว 5 ขวบแล้ว พอจะพูดรู้เรื่องบ้าง ยังกลัวและอึดอัด บอกว่าอยากลุก แม่ต้องจับเอาไว้ไม่ให้ลุก

ถ้าเด็กเล็กๆ เค้าไม่บอก แล้วเกิดลุก หรือแค่ผงกหัวขึ้นมา นี่หัวแตกได้เลยค่ะ อันตรายไปนิดนึงค่ะ

คือถ้าให้เล่นอีก ไม่เอาแล้วนะคะ เพราะเคยลองแล้ว รู้แล้วค่ะ



วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนแวะตรังเที่ยวถ้ำเลเขากอบ

ชิลๆ ชมหินงอกหินย้อย


สุดหวาดเสียว ลอดท้องมังกร

จากนี้เราก็มุ่งหน้าพัทลุงเลยค่ะ ขับรถจากถ้ำเลเขากอบจังหวัดตรัง ไปปากประจังหวัดพัทลุง ก็เกือบๆ 2 ชั่วโมงค่ะ มาถึงที่พักก็บ่ายแล้ว

เราพักที่ Wetland Camp ตามคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ชอบที่นี่มากๆ

Wetland Camp มีบ้านพักทั้งหมด 4 หลังค่ะ อ่านจากรีวิวมาบอกว่าหลัง 2 กับ 3 วิวงามสุด เราก็เลือก 2 หลังนี้เลยค่ะ

ทางเดินเป็นสะพานยกพื้นแบบนี้ทั้งหมดค่ะ เพราะตัวบ้านตั้งอยู่ริมน้ำเลย

บ้านนี้เบอร์ 2 ค่ะ เปิดเข้ามาเจอวิวนี้ค่ะ วิวงามมากๆ


ห้องน้ำสะดวกสบายค่ะ มีฝักบัวน้ำอุ่นและชักโครก แต่เราไม่ได้ใช้ฝักบัวกันเลย ตักอาบจากโอ่งสนุกกว่าเยอะ


เด็กจิ๋วไม่เคยตักน้ำอาบจากโอ่งมาก่อน ชอบใจมากๆ

นั่งเล่นระเบียงหลังห้องค่ะ เห็นวิวยอเต็มๆ ลมพัดเย็นสบาย


แอบมาดูบ้านเบอร์ 4 ค่ะ ตกแต่งคล้ายๆกัน ห้องน้ำเหมือนกันค่ะ


อันนี้ระเบียงของบ้านเบอร์ 3 ค่ะ


บ่ายแก่ๆ เราไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารวิวยอ ที่ศรีปากประรีสอร์ท ใกล้ๆที่พักเราค่ะ


ที่นี่จะเป็นรีสอร์ทด้วย และมีร้านอาหารด้วยค่ะ


บ้านพักของศรีปากประก็วิวยอเหมือนกันค่ะ


วันที่เราไปอากาศดี มีแดด ลมก็แรงดี ไม่ร้อนค่ะ


มาดูเมนูที่เราสั่งบ้าง อร่อยทุกเมนูเลยค่ะ


แกงคั่วหอยโล่ (คล้ายๆหอยขมบ้านเรา)

ยำปลาลูกเบร่ (ปลาเล็กปลาน้อยที่หาได้จากยอ)


ใบเหลียงผัดไข่ ชอบมาก สั่งสองจานเลยค่ะ


แล้วก็...กุ้งเผา ปลาทอด และต้มข่าไก่ค่ะ


วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนเข้าที่พัก และกินข้าวบ่าย


อิ่มแล้ว ไปดูวิวพระอาทิตย์ตกดินกันที่สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษากันค่ะ

สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กับอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา


สะพานเส้นนี้สร้างคร่อมพื้นที่ชุ่มน้ำระหว่างทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลา สะพานยาวถึง 8 กิโลเมตร และเป็นสะพานที่วิวสวยงามมากๆ

มีผู้คนนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกดินบนสะพานแห่งนี้เยอะอยู่เหมือนกันนะคะ


ยิ่งใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก รถที่จอดตรงบริเวณจุดพักรถต่างๆบนสะพานก็ยิ่งเยอะค่ะ

จุดที่เราจอดรถชมวิวนั้น มีคอกควายอยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ บางคนเรียกว่าควายน้ำ เพราะเลี้ยงอยู่ในน้ำ แต่ความจริงเป็นควายปลักค่ะ

(อันนี้แม่อ่านเจอจาก Website Manager Online นะคะ ขอบคุณข้อมูลค่ะ )

ชาวบ้านเลี้ยงควายนี้แบบปล่อยให้หากินอิสระในทุ่งพรุทะเลน้อยแห่งนี้

ตอนเช้าออกจากคอกกินหญ้า ว่ายน้ำกันอย่างอิสระ บ่ายๆเย็นๆ ก็กลับเข้าคอกค่ะ

เราย้ายจุดชมวิว 2-3 จุดจนได้วิวที่ปะป๊าพอใจ เก็บภาพแสงสุดท้ายของวันแล้วก็กลับค่ะ


วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานเฉลิมพระเกียรติ


ก่อนเข้าที่พัก เราแวะที่ศรีปากประอีกรอบ เพื่อไปเก็บภาพแสดงทไวไลท์

ดูเหมือนท้องฟ้ามีเมฆมาก คิดว่าคืนนี้คงไม่ได้เห็นพระจันทร์ขึ้นค่ะ


เรากลับมาที่ห้องได้พักนึง ก็โผล่ออกไปดูที่ระเบียง ปรากฎว่าเห็นพระจันทร์ดวงกลมโต สวยมากๆ แต่ก็ขึ้นไปสูงมากแล้ว


ปะป๊ารีบหยิบกล้องแทบไม่ทันเลยค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้น เรามีโปรแกรมไปล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นด้านหน้าที่พัก และเลยไปทะเลน้อยด้วย


เราตื่นมาเตรียมพร้อมกันตั้งแต่ตี 5 แต่ปรากฎว่าลมแรง คลื่นแรงมาก ไม่สามารถออกเรือได้ เรารอกันพักใหญ่ ก็ยังไม่มีทีท่าจะสงบ

คุณหนุ่ม เจ้าของที่พัก เลยขับรถนำเราไปดูวิวยอกับแสงเช้ากันที่สะพานปากประ

ที่นี่เราได้พบกับคุณฟองสบู่ เจ้าของภาพปากประ ทะเลน้อยสวยๆ ที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้มาที่นี่ด้วยค่ะ

วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานปากประ


จากสะพานปากประ คุณหนุ่มขับรถนำเราไปที่อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เพื่อไปลงเรือชมทะเลน้อยจากที่นั่นแทน

ตรงนี้น้ำไม่แรงเหมือนเมื่อตอนเช้ามืดที่หน้าบ้านพักเรา และวันนี้อากาศดีมากๆ ไม่ร้อน ฟ้าใสๆ มีเมฆเป็นหย่อมๆ เพิ่มลวดลายให้ท้องฟ้า

น้ำนิ่งๆ ฟ้าสะท้อนน้ำสวยมากจริงๆ

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของไทย เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ทั้งสัตว์ป่า สัตว์น้ำ พรรณพืช โดยเฉพาะนก ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก


นอกจากชมนกแล้ว อีกจุดเด่นของการท่องเที่ยวทะเลน้อย คือทะเลบัวแดง หรือบัวสาย ซึ่งจะบานสะพรั่งกันช่วงเดือนมีนา-เมษา และจะบานเฉพาะตอนเช้านะคะ สายๆก็จะเริ่มหุบแล้ว

นกเยอะ บินไปบินมา


เด็กจิ๋วพกขนมมาหม่ำด้วย เลยเพลินตลอดการล่องเรือ กินขนม ชมนก ดูดอกไม้


วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนล่องเรือทะเลน้อยชมบัวแดง


ด้วยสภาพอากาศ ทำให้การล่องเรือของเราวันนี้มีความสุขมากๆ

(วันต่อมาเราไปล่องเรืออีก แดดแรงมาก จ้าๆ เลยค่ะ ไม่มีวิวสะท้อนน้ำสวยๆแบบนี้)

นกที่ทะเลน้อยนี่เยอะจริงๆ มีให้เห็นตลอดเส้นทาง


นกแบบนี้มีเยอะจริงๆค่ะ แรกๆเห็นจะตื่นเต้นมาก ปะป๊าถ่ายภาพรัวๆทุกครั้งที่เห็นโผบิน


หลังๆเริ่มไม่ไหวค่ะ memory card จะเต็มเอา เพราะมีนกบินไปมาเยอะมากๆ อุดมสมบูรณ์จริงๆค่ะ

ในทะเลน้อยก็มียอ และมีชาวบ้านมาจับปลากันด้วย อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา บนฟ้ามีนก


พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงมากแล้ว ฟ้าเข้มๆตัดกับเมฆขาวๆ งามมากๆค่ะ


ไม่รู้ว่าล่องเรือนานเท่าไหร่เลยค่ะ ไม่ได้ดูนาฬิกากันเลย เพราะเพลิดเพลินกันมากๆ


เรือกลับมาส่งเราที่จุดเดิม ตรงใกล้ๆท่าเรือบัวจะหนาแน่นมากๆค่ะ

วิดีโอคลิป เด็กจิ๋วพาเที่ยวพัทลุง ตอนล่องเรือทะเลน้อย ดูนกน้ำ


กว่าจะกลับมาจากอุทยานนกน้ำทะเลน้อย ก็สายมากแล้ว หิวกันโซ ยกเว้นเด็กจิ๋วเพราะมีขนมหม่ำตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ

อาหารเช้าที่ Wetlan Camp หน้าตาบ้านๆ แต่อร่อยมากทุกอย่างค่ะ


โดยเฉพาะปลาลูกเบร่ทอดกรอบ กินกับข้าวต้มร้อนๆ อร่อยกว่า American Breakfast เป็นไหนๆ

กลางวันนี้เรายังลังเลกันอยู่ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี คุณหนุ่มแนะนำให้ไปล่องแก่งหนานมดแดง


แต่ก่อนมาแม่ลองดูรูปแล้ว เห็นเป็นเรือแบบเรือแคนูลำเล็ก ไม่ใช่เรือยาง เลยกลัวว่าจะอันตรายไปหน่อยสำหรับเด็กจิ๋ว

เราเดินไปถามคุณหนุ่มกันอีกรอบ ว่าแบบเด็กจิ๋วไปได้มั้ย คุณหนุ่มยืนยันว่าไปได้ และปลอดภัย เพราะเจ้าของหนานมดแดงเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันดี และรู้ว่าเค้ามีเจ้าหน้าที่ดูแลดี มีระบบรักษาความปลอดภัยดี เราก็เลยลองตัดสินใจไปดู เพราะคุณหนุ่มยืนยันนักหนาว่าสนุกและดีมาก

เราขับรถไปหนานมดแดงกันกว่าครึ่งชั่วโมงค่ะ ไปถึงก็ซื้อตั๋วลงเรือ ผู้ใหญ่ 200 เด็ก 100 บาท

เสร็จแล้วก็เดินไปเลือกชูชีพ และหมวกกันน็อคที่เหมาะกับเราเลย ของเด็กจิ๋วเอาชูชีพไปเองค่ะ จะได้พอดีๆตัวหน่อย

พร้อมแล้วก็นั่งรถกระบะไปจุดเริ่มต้นล่องแพเลยค่ะ เราจะใช้เวลาในการล่องนานถึง 2 ชั่วโมงค่ะ


อันนี้เพิ่งมารู้ตอนกำลังจะขึ้นเรือค่ะ ว่า 200 บาทได้ล่อง 2 ชั่วโมงเลย คุ้มมากๆค่ะ

ทีมเรามี 2 ลำ คือมีลำแม่กับเด็กจิ๋ว มี staff พายให้ สบายไป อีกลำเป็นปะป๊ากับเพื่อน

ปะป๊าพอจะพายเป็นบ้าง เพราะเคยไปพายแคนูที่โน่นที่นี่หลายรอบแล้ว แต่คู่ของปะป๊านี่ไม่เคยพายเลย ไม่รู้จะรอดมั้ยลำนี้

พายๆเรือไปจนถึงแก่งใหญ่อันนึง staff ที่พายให้เรา บอกกับแม่ว่าตรงนี้จะมีทีมงานมาถ่ายวีดีโอตอนลงแก่งให้


แม่รีบบอกว่าไม่เอาๆ ถ่ายเองก็ได้ค่ะ เอากล้องมา เพราะแม่เข้าใจว่าต้องเสียเงินเพิ่มแพงๆ เหมือนตอนเราไปสวนสนุก

แต่เอะใจไงไม่รู้ ถามน้อง staff ว่าราคาเท่าไหร่ น้องบอกว่าฟรี รวมอยู่ในค่าล่องแก่งแล้ว

อ่าว...ฟรีก็ถ่ายสิคะ ถ่ายเลยค่ะ อิอิ

ลงแก่งนี้ คว่ำทุกลำค่ะ เลยเป็นจุดถ่ายภาพของทางทีมงาน จริงๆลำของแม่กับเด็กจิ๋วไม่คว่ำนะคะ แต่น้ำซัดมาพาแม่กับลูกลอยออกจากเรือค่ะ แม่กอดลูกมือนึง จับกล้องมือนึง ไม่มีมือยึดเรือค่ะ เลยลงน้ำไปตามระเบียบ

ล่องมาได้ครึ่งทาง มีแวะพักเหนื่อย และให้เล่นน้ำกัน แม่กับเด็กจิ๋วไม่เหนื่อยอะไรเลย เพราะนั่งมาเฉยๆ


แต่ปะป๊าและเพื่อน สภาพย่ำแย่พอสมควรค่ะ

พอขึ้นจากเรือ เราก็พาเด็กจิ๋วไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปรับ CD บันทึกภาพเรือคว่ำค่ะ


สรุปว่าพวกเราชอบการล่องแก่งหนานมดแดงมาก แก่งเยอะ สนุก น้ำตื้นๆ ไม่อันตราย และน้อง staff ดูแลเราดีมากค่ะ

แถมมี CD เรือคว่ำให้ฟรีด้วย ห้องอาบน้ำก็มีให้เยอะ สะดวกสบายค่ะ

ฉะนั้นใครไปพัทลุง ลองแวะไปเล่นล่องแก่งที่นี่นะคะ สนุกจริงๆค่ะจากหนานมดแดง เราแวะชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่จุดชมวิวทะเลน้อย

อันนี้ตามรอยคุณฟองสบู่ อีกแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ชี้เป้านะคะ

มื้อค่ำ เราฝากท้องกันที่ร้านวิวยอ ศรีปากประ กันอีกมื้อค่ะ นั่งหม่ำไป รอดูพระจันทร์ขึ้นไป


เมื่อวานพลาดตอนกำลังขึ้นไปทีแล้ว วันนี้ต้องไม่พลาด แต่รอแล้วรอเล่า พระจันทร์ก็ไม่มาซะที เลยกลับที่พักค่ะ

พอกลับมาได้แป๊บนึง พระจันทร์ขึ้นมาซะงั้นค่ะ

พระจันทร์ขึ้นมาเป็นสีแดงค่ะ เหมือนพระอาทิตย์เลย แต่สว่างน้อยกว่าแค่นั้นเอง ปกติอยู่เมืองไม่เคยเห็นพระจันทร์ขึ้นกลมๆสีแดงขนาดนี้

(เคยเห็นแบบนี้แค่ครั้งเดียวที่เชียงคานค่ะ)

อันนี้ถ่ายจากที่พักเรา Wetland Camp

พอเก็บภาพที่พักเราเสร็จ ก็ขับรถไปที่ศรีปากประอีกรอบ เพราะวิวยอจะต่างกันหน่อย


คือยอที่ศรีปากประจะใกล้ๆกว่า ถ้าที่ Wetland Camp จะเป็นวิวไกลๆกว่า สวยทั้งสองค่ะ

พระจันทร์สว่างมากๆ


พระจันทร์ยิ่งขึ้นสูง สีก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากแดงๆส้มๆ ก็นวลๆขึ้นๆ จนอาบยอและน้ำให้เป็นสีเงินเลยค่ะ


เช้าวันสุดท้ายที่พัทลุง เรายังไม่ละความพยายามที่จะล่องเรือชมวิวยอตรงหน้าที่พักนะคะ นัดคุณหนุ่มตี 5 เหมือนเดิม


ตื่นมาก็พบว่าลมก็แรงเหมือนกัน คุณหนุ่มบอกว่าแรงน้อยกว่าเมื่อวาน วันนี้ลงได้ แต่ไม่อยากให้เด็กไปด้วย

เด็กจิ๋วก็ดีใจเลยค่ะ เพราะยังง่วงอยู่ ไม่อยากไป แม่เลยฝากเด็กจิ๋วไว้กับเพื่อน แล้วป๊ากับแม่ก็ไปล่องเรือกันอีกรอบค่ะ

เช้านี้เมฆที่ขอบฟ้าเยอะมาก เราเตรียมใจไว้แล้ว ว่าคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแน่ๆ แต่ยังไงขอแสงส้มๆ ก็ยังดี


น้องคนขับเรือพาเราค่อยๆลัดเลาะไปตามยอค่ะ ชอบมุมไหน วิวไหน ยกมือบอก น้องหยุดให้หมดค่ะ


ยกยอเป็นวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย งดงามนะคะ เช้าๆ ชาวบ้านล่องเรือมายกยอ


ได้ปลาตัวเล็กตัวน้อย หรือปลาลูกเบร่ เอาไปเป็นอาหารสำหรับครัวเรือน

ถ้ามีเหลือเฟือก็เอามาขาย ได้เงินเลี้ยงครอบครัว วิถีพอเพียงจริงๆค่ะ

กำลังมองโน่นมองนี่เพลินๆ ปะป๊าก็เห็นว่ามีแสงสีแดงจัดโผล่ขึ้นมาจากน้ำ


ทีแรกปะป๊าถามว่า ตรงเรือลำโน้นมีอะไรส้มๆแดงๆอ่ะ ใช่พระอาทิตย์มั้ย

พอหันไปดูกันดีๆ สีแดงๆก็เริ่มลอยขึ้นมาช้าๆ แทบกรี๊ดเลยค่ะ พระอาทิตย์แดงแจ๋ขึ้นมาจากน้ำเลย

โอ้โห...สวยมากจริงๆค่ะ จำไม่ได้ว่าเคยเห็นซีนแบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หรือบางทีอาจจะไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ

(เซ็ทนี้ภาพเยอะหน่อยนะคะ ปะป๊าเก็บทุกช๊อตที่พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นมาเลยค่ะ)

ลอยเรือถ่ายภาพในสภาพที่ลมค่อนข้างแรงแบบนี้ก็ยากอยู่เหมือนกันค่ะ


บางทีช่างภาพอยากได้แบบพระอาทิตย์อยู่ตรงนี้ ยออยู่ตรงนี้ของเฟรม แต่ไม่ได้ค่ะ ลมไม่เป็นใจเลย

เก็บภาพไข่แดงโผล่จากน้ำกันอยู่พักนึง เราก็ให้น้องคนขับเรือพาไปแนวต้นลำพู ก่อนที่แสงสีทองจะหายไปซะก่อน


ชาวบ้านปลูกต้นลำพูเป็นแนวเอาไว้ตรงใกล้ๆตลิ่ง เพื่อเป็นแนวกันคลื่นลมค่ะ

และแนวกันคลื่นลมอันนี้ สวยงามมาก ของจริงงามมากๆนะคะ นั่งมองไม่มีเบื่อเลย

เราล่องเรือลอดใต้ยอกันอีกรอบ มุ่งหน้าทะเลน้อยค่ะ เราจะไปดูนกกันอีกแล้วค่ะ


ทะเลน้อยวันนี้ สวยสู้เมื่อวานไม่ได้เลยค่ะ เรามาคิดๆกันดูว่าเป็นเพราะเราเพิ่งมาเมื่อวาน เลยไม่ฟินแล้วหรือว่าอย่างไร


พบว่าน่าจะเป็นเพราะวันนี้แดดแรง แสงจ้า นั่งเรือทรมาน เพราะร้อนมากๆ หิวข้าวมากๆ ด้วยค่ะ

ตอนขากลับ น้องคนขับเรือพามาทางลัด เรือวิ่งตะลุยดงผักกะเฉด จุดนี้มันมาก โดนผักกระเฉดตบหน้าไปไม่รู้กี่รอบค่ะ


เราจากปากประ ทะเลน้อย พัทลุงมาด้วยความประทับใจมากๆ ทุกคนสนุก และมีความสุขมากๆ


ประทับใจที่พักด้วย คุณหนุ่มเจ้าของ Wetland Camp ใจดีมาก

ไม่ใช่แค่มีที่พักให้คนมาพัก หรือแค่แนะนำที่เที่ยวเฉยๆ ยังดูแล ขับรถพาเราไปชมวิว

พาเราไปล่องเรือทะเลน้อยแทนในวันแรก คือพยายามทำให้พวกเราเจอสิ่งที่ดีสุดอ่ะค่ะ

วันที่เราเก็บภาพไข่แดงขึ้นจากน้ำได้ ดูคุณหนุ่มจะดีใจกว่าเราอีก

ใครอยากมาเที่ยวที่นี่ แนะนำ Wetland Camp อย่างแรงนะคะ

(รีวิวนี้เป็น CR 100% นะคะ แต่อยากดัน อยากโฆษณาให้ด้วยใจจริงๆค่ะ)

เด็กจิ๋วต้องบ้าย บาย ไปก่อนนะคะ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวไหนอีก ติดตามกันนะคะ


ขอบคุณทุกท่านที่ไปเที่ยวเป็นเพื่อนกันค่ะ

Dek Jew Chill Out

 วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 16.28 น.

ความคิดเห็น