ทริปนี้ขับรถแอ่วจากไทยไปหลวงพระบางนะคะ เดินทางช่วงเดือน ต.ค เวลาท่องเที่ยว3 คืน 4 วันค่ะ แวะนอนที่น่านหนึ่งคืนรอข้ามฝั่งตอนเช้า ขับรถเข้าไปทางด่านห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ทริปนี้สืบเนื่องมากจากคำร่ำลือถึงความสวยงามของธรรมชาติสปป.ลาว อยากเห็นธรรมชาติสวยๆ บ้านเรือน บรรยากาศสองฝั่งข้างทางของลาว เลยขับรถกะบะเที่ยวกันค่ะ พอดีมีน้องสนิทกันเป็นวิศวกรที่เมืองหงสาช่วยพาเที่ยว เลยค่อนข้างสะดวกในการเดินทางค่ะ รถวิ่งเส้นทาง จากน่าน - หงสา - ไชยบุรี -หลวงพระบางค่ะ ก่อนเดินทางไปทำพาสปอร์ตรถที่ขนส่งจังหวัด ราคา 150.- บาท และค่าป้ายรถทะเบียนสากล ประมาณ 100.- บาท และเตรียมใบขับขี่ไปให้พร้อมนะคะ

ถึงด่านห้วยโก๋น ทำวีซ่าเข้าประเทศลาว ทั้งคนทั้งรถค่ะ และที่สำคัญ ****ต้องทำประกันรถที่ประเทศลาวด้วยนะคะ สำคัญมาก อยู่ใกล้กับด่าน ราคาประมาณ 200.- บาท เวลาเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่เดือดร้อน เพราะถ้าเราไม่มีประกันรถ โดนตำรวจลาวตรวจจับจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ควรทำให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางค่ะ

ทำเอกสารผ่านแดนเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันเลยค่ะ เส้นทางไปเมืองหงสา ถนนหนทางจากด่านห้วยโก๋นไปถึงเมืองสงหา ถนนดีมากค่ะ ทางการไทยเข้าไปสร้างให้เพราะที่เมืองหงสา มีโรงไฟฟ้าถ่านหินผลิตไฟฟ้าป้อนขายให้ไทยถึง 90 % ค่ะ จัดเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในสปป.ลาวเลยทีเดียว


ระยะทางจากด่านห้วยโก๋นของไทย มาเมืองหงสาประมาณ 30 กิโลค่ะ

หงสาเป็นเมืองที่ค่อนข้างทันสมัยทีเดียว มีปั๊มน้ำมันของปตท. และมีร้านอเมซอนด้วยนะคะ ใครขับขี่รถเข้าไปควรเติมน้ำมันให้เรียบร้อยค่ะ เพราะถ้าเลยเมืองหงสาไปจะหาปั๊มน้ำมันค่อนข้างยาก ปั๊มน้ำมันที่นี่ทันสมัยที่สุดแล้วในเส้นทางสายนี้ค่ะ

มีอเมซอนด้วยขากาแฟคงถูกใจค่ะ

ห้องน้ำก็สะอาดค่ะ ทำธุระให้เรียบร้อยก่อนเดินทางต่อไปไชยบุรี

ระหว่างทางเจอ แม่หญิงลาว กลับบ้านหลังโรงเรียนเลิก ที่นี่น่ารักค่ะ ส่วนใหญ่จะขี่จักรยานและกางร่มกันทุกคน แต่งตัวเรียบร้อย

เส้นทางสายไชยบุรี-หลวงพระบาง สวยงามค่ะธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มากป่าไม้น่าอิจฉาที่สุด ออกจากเมืองหงสามาได้สักระยะ ถนนจะเริ่มแคบลง เส้นทางคดเคี้ยว ค่อยๆขับไป

ระหว่างทางเจอน้องช้างด้วยเจอไปเรื่อยๆตลอดเส้นแขวงไชยบุรีเลย เห็นว่าเขาเอาไว้ช่วยลากไม้ในป่าค่ะ เพราะมีการทำป่าไม้ ป่าไม้ที่แขวงนี้สมบูรณ์จริงๆ

ถนนเริ่มไม่ตีเส้นกลางและเส้นขอบตลอดสายแล้ว ถนนส่วนใหญ่ลาดยางแต่แคบชันและต้องขับขึ้นเขา ขับยากเพราะถนนที่ลาวเขาไม่มีเส้นแบ่ง ไม่มีตีขอบข้างทางให้ และต้องระมัดระวังเด็กและคนที่อยู่ข้างทางด้วยค่ะ ควรขับไปให้ถึงจุดหมายก่อนค่ำดีที่สุดค่ะ และขับขี่อย่างระมัดระวัง(หลอกให้เราดีใจนึกว่าจะเหมือนถนนที่หงสาไปตลอดสาย 5555) ข้างทางเป็นเหวลึกนะคะ ทางแคบมาก

ชมธรรมชาติข้างทางป่าไม้เขาสมบูรณ์จริงๆ

เส้นทางแขวงไชยบุรีไปหลวงพระบาง จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำฮุง - หลวงพระบาง เป็นจุดชมวิวที่สวยมากค่ะ


สภาพบ้านเรือนข้างทาง ได้อยู่กับธรรมชาติสวยๆ ดีจังเลย


ถึงหลวงพระบางใกล้ค่ำแล้วเข้าที่พักหาอาหารกินกัน ที่ริมแม่น้ำโขงมีหลายร้านค่ะ ชอบบบรยากาศแบบไหนก็เข้าไปนั่งสั่งอาการกันได้ อิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ก็ไปแวะร้าน Joma Bakery Cafe' อยู่ริมถนนหน้าโรงแรม MyLaoHome Hotel เป็นร้านดังของหลวงพระบาง เค้กอร่อยค่ะ ราคาพอๆกับร้านในไทย ตกแต่งสวยเหมาะสำหรับนั่งเล่นหรือพักเหนื่อยจากการท่องเที่ยวในตัวเมืองค่ะ

กลับที่พัก กผ่อนรอเที่ยวต่อ ที่พักที่หลวงพระบางมีมากมายหลายแห่งค่ะ เลือกพักกันได้ตามอัธยาศัยและตังค์ในกระเป๋า ตั้งแต่หลักพันต้นๆ จนถึงหลักหมื่นกันเลย นอนหลับพักผ่อนเอาแรง ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียวกันค่ะ เราเอาสะดวก บริเวณที่ตักบาตรข้าวเหนียวจะมีแม่ค้าเขาจัดเตรียมเป็นชุดๆไว้ให้ชุดละ 150.- บาทค่ะ อยากได้กี่ชุดก็บอกเขาได้ เราเอามาสองชุดค่ะ

ตักรบาตรเสร็จเดินเที่ยวตลาดเช้าของหลวงพระบาง มีของแปลกตาเยอะแยะเลยค่ะ


ผักและผลไม้ของเขาลูกค่อนข้างใหญ่สมบูรณ์ น่าทานจริงๆ

เดินเที่ยวตลาดเสร็จแล้วหาอะไรรองท้องกันค่ะ ที่หลวงพระบางมีร้านอาหารเช้าที่ขึ้นอยู่ติดริมแม่น้ำโขงที่หลายคนรู้จักกันดีคือร้าน ประชานิยม ค่ะ มาลองทานดูหน่อย


นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว โจ๊กเขาอร่อยดีค่ะ ชุดนี้ 60.- บาทค่ะ แต่ปาท่องโก๋แข็งม๊ากกกก บ้านเรานิ่มกรอบอร่อยกว่าค่ะ

เจอคุณยายหาบข้าวหลามมาขาย น่ารักดีอุดหนุนคุณยายสักหน่อย กระบอกละ 30.- บาทค่ะ

ทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปชม วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำโขงค่ะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ วัดเชียงทองจัดเป็นวัดสำคัญของหลวงพระบางได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสกุลช้างล้านช้างค่ะ ค่าเข้าชมของนักท่องเที่ยวตกคนละประมาณ 100.- บาทค่ะ


บริเวณผนังด้านหลังของพระอุโบสถกมีการตบแต่ง นำเอากระจกสีมาตัดต่อกันเป็นรูปต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ด้านข้างก็ติดเป็นรูปสัตว์ในวรรคดีสวยงามค่ะ

"โรงเมี้ยนโกศ" หรือเป็นโรงเก็บพระโกศ พระราชรถ ราชยานของเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนาค่ะ สวยงามเป็นสีทองอร่ามค่ะ

ชมวัดเสร็จ เช่าเรือนั่งชมชมสองฝั่งโขงเพื่อไปถ้ำติ่ง นั่งเรือชมโขง ไปถ้ำติ่งเหมาเรือไปค่ะ ลำละประมาณ 1800.- บาทอยู่ที่การต่อรองราคากันค่ะ เสื้อชูชีพคุณภาพไม่ดีเท่าไหร่ค่อนข้างเก่าและบาง คือใส่แล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าใครมีลูกเล็ก หรือว่ายน้ำไม่เป็นจะนั่งเรือควรตรวจสอบเสื้อชูชีพก่อนค่ะเพื่อความปลอดภัย หรือเตรียมเอาไปเองก็ดีค่ะ


นั่งเรือกินลมชมวิวสองฝั่งโขงเพลินดีค่ะ

เจอเด็กๆริมน้ำโขง เล่นน้ำกันสนุก ว่ายน้ำเก่งเหมือนปลาเลยค่ะ แอบอิจฉาเล็กๆกับชีวิตที่ได้อยู่กับธรรมชาติสวยๆทุกวัน เรียกมาให้ตังค์ค่าขนมไปแบ่งกันกินเล็กๆน้อย ดีใจกันใหญ่ :)


ถึงถ้ำติ่งแล้วค่ะ เตรียมขึ้นฝั่งไปชมถ้ำกัน

เดินขึ้นไปหน่อยค่ะ ไม่ไกล

ถ้ำติ่งอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำโขง อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านปากอู ในสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถนเทวดาผาติ่ง มีการค้นพบพระพุทธรูปจำนวนมากค่ะ

ล่องเรือชมความงามของแม่น้ำโขงกันแล้ว กลับขึ้นฝั่งขับรถไปแอ่ว น้ำตกตาดกวางสีต่อค่ะ เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยมาก ไปช่วงนี้เดือนต.ค น้ำเยอะสวยๆเลยค่ะ ไม่ผิดหวัง ชื่อของน้ำตกกวางสี หมายถึง กวางหนุ่มที่เขาเพิ่งเริ่มงอก (ภาษาไทยเรียกกวางซีหรือกวางเขาซี) อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ห่างจากหลวงพระบางประมาณ 32 กิโลค่ะ เป็นน้ำตกหินปูนน้ำเลยเป็นสีเขียวมรกต นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะค่ะเดินเท้าเข้าไปจากทางเข้าจ่ายค่าผ่านทางประมาณ 300 เมตรค่ะ ค่าเข้าชมประมาณคนละ 50.- บาท น้ำตกสวยสมใจค่ะ น้ำสวยใสทีเดียว


ที่หลวงพระบาง มีอาหารที่ชอบอยู่อย่างค่ะ ที่ติดใจมากเป็นปลาแม่น้ำทอดค่ะ สอบถามพนักงานเรียกปลาเกล็ด สดอร่อยชอบมากๆค่ะ ไม่มีกลิ่นคาว เนื้ออร่อยดี ส่วนอาหารอื่นๆเช่น ต้มยำต่างๆ รสชาดไม่จัดจ้านเหมือนบ้านเรา จะจืดๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติพวกฝรั่งกินมากกว่า ปลาเกล็ดนี่ไปไหนที่ลาวจะสั่งตลอด จานประมาณร้อยกว่าบาทค่ะ

ส่วนที่เห็นอยู่ทั่วไปและราคาค่อนข้างถูก คือเบียร์ลาวค่ะ

กลับถึงหลวงพระบางยามเย็นขึ้นไปชมวิวและนมัสการธาตุพูสีกันค่ะ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงราว 150 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง เห็นเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบและเห็นสายน้ำโขง มีบันไดขึ้นยอดพูสี 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว) หรือที่บ้านเราเรียกว่าต้นลั่นทม พูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษีค่ะ ตอนไปถึงค่ำแล้วเลยเห็นวิวเล็กน้อย ได้ภาพมาไม่ชัดนัก

นมัสการพระธาตุภูสีแล้ว เดินเที่ยว ตลาดมืด กันค่ะอยู่รอบๆพระธาตุ แถวกาดมืดบริเวณพระธาตุภูสีมีร้านขายน้ำผลไม้มากมาย น้ำผลไม้บ้านเขาเป็นน้ำผลไม้จริงๆค่ะ มีเยอะแยะหลากหลายมาก ตกแก้วละ 40-50 บาท ปั่นกันสดๆไม่เติมน้ำตาลชอบมากๆ มีผลไม้หลากหลายมาเป็นลูกๆเลย แก้วมังกร มะม่วง มะเฟือง อะโวคาโด้ก็มีค่ะ

เดินเล่มอิ่มหนำสำราญกันแล้วกลับที่พักค่ะ เตรียมเดินทางกับไทยวันรุ่งขึ้น จบรีวิวเล็กๆ ทริปนี้นะคะ เป็นอีกทริปที่ประทับใจ:)

ไปต่อวังเวียง-แม่น้ำซองในทริปนี้นะคะ^^ https://th.readme.me/p/7780

ฝากติดตามเพจท่องเที่ยวเล็กๆในเฟสด้วยนะคะ รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวเคยไปมา เพจ: ไปแอ่วกัน Fun Trips ค่ะ กด ไปแอ่วกัน Fun Trip































ไปแอ่วกัน Fun Trip

 วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.27 น.

ความคิดเห็น