"ที่ไหนมีวิ่ง ที่นั่นเราเที่ยว" เพราะเราคือ นักเที่ยว สายวิ่ง

นี่คือรีวิวแรกของเรา ที่เราแทนตัวเองว่า "เรา" ก็เพราะมั่นใจว่า ทุกรีวิวนั้น จะมีผม และเธออยู่ในทริปเสมอ

เหตุผลที่เราเลือกที่จะรีวิวในเรื่องของการเที่ยวด้วยวิ่งด้วย ก็เพราะส่วนหนึ่งก็คือเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่รักในการท่องเที่ยว และชื่นชอบในการวิ่ง เราจึงอยากเป็นตัวแทนของคนที่ชอบทั้ง 2 สิ่งนี้

สำหรับครั้งนี้ เราได้มีโอกาสมาร่วมงานวิ่งที่ถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่มีงานวิ่งเกิดขึ้นที่นี่ แต่เราก็มั่นใจว่าด้วยศักยภาพหลายๆ อย่างที่จังหวัดนี้มี ต้องจัดงานวิ่งที่ดีได้แน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง

และที่นี่คือจังหวัดบุรีรัมย์ กับงานวิ่ง Buriram Marathon ครั้งที่ 1


1 วันก่อนวิ่ง

ก่อนไปเราก็ศึกษาก่อนว่าที่เซราะกราวบุรีรัมย์นั้นมีที่ไหนน่าเที่ยว น่าแวะ น่ากินบ้าง (แน่ล่ะ เรามันนักเที่ยวสายวิ่งอยู่แล้ว) โดยข้อมูลจากเพจ สะบายดี บุรีรัมย์ และน้องอ้อยแอดมินของเพจก็ช่วยเราได้มากเลย ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 6 ชม. (รถค่อนข้างเยอะเพราะเป็นช่วงหยุดยาว) ก็มาถึงที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สถานที่ที่จัดไว้ให้เรารับบิบวิ่ง

ถึงแล้วสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต


ซึ่งสตาฟเยอะมาก ทุกอย่างดูเป็นระบบที่ดี เราก็เดินชมงานรอบๆ รวมถึงไปถ่ายรูป ณ จุดสตาร์ททุกระยะ ที่เราจะต้องมาที่นี่ในเช้าวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้เมื่อรับบิบเรียบร้อยแล้วยังแถมคูปองเพื่อนำไปแลกเป็นตั๋วดูบอลได้เลยในตอนเย็นหลังจากวิ่งจบ

จุดสตาร์ท ดูอลังฯ

แน่นอนมาถึงบุรีรัมย์ทั้งที ก็ต้องดูบอลที่ไอ-โมบาย สเตเดียมกันหน่อย และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ... เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องเข้าไปช้อปเสื้อบุรีรัมย์ ที่เมกะสโตร์ของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

เสื้อสวยมากมาย

ช้อปกระจายได้มาเพียบ

ช้อปจนหนำใจ ถ่ายรูปจนอิ่มหนำแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปเช็คอินที่พัก ที่จองไว้ตั้งแต่เดือนธันวา 2559 ผ่านเวบ agoda พอไปถึง ... จนท. ของโรงแรมแจ้งว่าไม่มีชื่อเราเข้าพัก เอาล่ะสิ!! agoda ทำพิษอีกแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จองโรงแรมผ่าน agoda แล้วไม่มีชื่อเราเข้าพัก (เคยเจอเหตุการณ์นี้ไปแล้วที่สุโขทัย และจันทบุรี) แต่โชคยังดีที่มีคนยกเลิกห้องพักไป ทำให้คืนนี้เรามีที่นอนล่ะ สอบถามไปมา พบว่าน่าจะเป็น พนง. คนอื่นที่ไม่ได้ลิสท์ชื่อเราเอาไว้ ทำให้ถูกข้ามไป ก็ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยคืนนี้มีที่นอนล่ะ ก็หายห่วง พร้อมออกไปหาอะไรโหลดลงท้องก่อนวิ่งในวันรุ่งขึ้นกัน


Photo Credit : facebook fanpage ครัวบ้านลิล

ร้านอาหารที่เราพาไปโหลดกันวันนี้ก็คือ ร้าน "ครัวบ้านลิล" ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะว่าผมเคยมาทำงานพาพี่ๆ สื่อมวลชนมาทำข่าวที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาแล้ว และร้านอาหารที่สามารถรองรับคนจำนวนเยอะๆได้มีไม่กี่ร้าน และร้าน ครัวบ้านลิลก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งพี่สื่อมวลชนที่เป็นชาวบุรีรัมย์แท้ๆ ก็บอกว่าร้านนี้โอเค ถ้าไม่ต้องสนใจบรรยากาศมากนัก ส่วนใหญ่ถ้าให้เลือก ก็จะเลือกทานที่นี่น่ะแหล่ะ อ้อ ... ลืมบอกสถานที่ตั้ง ร้านนี้ตั้งอยู่ในปั๊มเชลล์ครับ ห่างจากตัวเมืองมาประมาณ 5 กิโลได้ ส่วนเรื่องรสชาติก็ลิ้นใครลิ้นมันเนอะ แต่ส่วนตัวผมว่าอร่อยใช้ได้เลย โดยเฉพาะของหวานตบท้ายมีให้เลือกเยอะแยะมาก ยังไงปีหน้า (2018) ถ้าใครมีโอกาสมาวิ่งบุรีรัมย์มาราธอน 2018 หรือผ่านมาก็ลองแวะมาชิมได้นะครับ


Let's Run : ได้เวลาออกไปวิ่ง

เนื่องจากได้อ่านคู่มือไว้แล้ว ทราบว่ามีการปิดถนนหลายจุดเหมือนกัน ทำให้เราต้องรีบออกแต่เช้า เนื่องจากกลัวหลงทางด้วยและ กลัวรถติดด้วย (คู่มือนี้ดีมาก และการจัดการก็ดีมากครับ มีส่งให้มาทั้ง sms และ e-mail รวมถึงมีบอกในเพจด้วย ใครจะอ้างว่าไม่รู้นี่ไม่ได้เลยครับ เพราะผู้จัดนี่แจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วทุกช่องทาง) ส่วนการจัดการรถที่เข้ามาในงานนี่ก็ถือว่าดีในระดับนึงเลยทีเดียวครับ

มาถึงแล้วจุดสตาร์ทของเรา

ภายในงานก็ถือว่าคึกคักพอสมควร มีการแบ่งจุดสตาร์ทเป็นบล็อคๆ ตามเวลาที่ตัวเองคาดว่าจะใช้ในการวิ่งที่ได้มีแบบสอบถามมาตั้งแต่ตอนสมัครแล้ว แน่นอนว่าจุดสตาร์ทก็ต้องอลังการงานสร้างอยู่แล้ว เพราะนี่คือสนามแข่งรถที่ทันสมัย และยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็ต้องถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ ที่ได้เข้ามาวิ่งในสถานที่แห่งนี้ (แม้ระยะ 21 k. ที่ผมลงจะวิ่งในนี้กระจิ๊ดเดียวก็ตาม)

อีกกลุ่มที่สร้างสีสันให้กับงานนี้ กลุ่มนักวิ่งแฟนซีครับ

อยากจะเล่าถึงอากาศ และเส้นทางการวิ่งหน่อย เอาเฉพาะระยะ 21 k. ที่ผมลงนะครับ ก่อนอื่นคือเรื่องอากาศ อยากบอกว่าหนาวมาก อุณหภูมิในวันนั้นราวๆ 18-19 องศา และหนาวไม่พอ ลมยังแรง ทำเอาสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีครับ เพราะอากาศแบบนี้โอกาสที่จะวิ่งได้ในเวลาที่ดีก็จะมีไปด้วย ส่วนเส้นทางก็ถือว่าดีมาก สวย สะอาด ได้ข่าวว่าคืนก่อนแข่งมี จนท. มาล้างถนนให้ด้วย สุดยอดมากๆ

และนอกจากอากาศดี ทางดีแล้ว ยังมาเจอกองเชียร์ที่น่ารักตลอดทางอีก วิ่งไปจุดไหนก็จะได้ยินแต่เสียง "คนไทยสู้ๆ" "สู้ๆ นะ" เชียร์ซะจนเราไม่กล้าจะหยุดเดินเลย เรียกได้ว่าวิ่งลืมตายกันเลยทีเดียว

และพอเมื่อมาถึงเส้นชัย ก็ยังคงมีกองเชียร์รายล้อมตลอดทาง ส่งเสียงเชียร์อย่างเมามันส์ และหลังจากที่เข้าเส้นชัยไปแล้วนั้น ยังมีน้องๆ ใส่ชุดขอมโบราณมายืนต้อนรับ พร้อมกับแจกเหรียญให้อีก จุดนี้ประทับใจผมน่าดูเลยครับ ฮี่ๆ

พอเข้าเส้นชัยแล้วชื้นใจจริงๆ ครับ

วิ่งเสร็จแล้ว ท้องก็หิว ไม่ต้องห่วงครับ อาหารการกินมีเยอะมาก ทราบว่าทางผู้จัดได้นำเอาร้านค้าที่ถือว่าเป็นของอร่อยในจังหวัดมาออกร้าน ให้นักวิ่งผู้หิวโหยได้กินกันอย่างอิ่มหนำมากมาย

ผัดไทยแสนอร่อย มาพร้อมกับข้าวเหนียวหมูแดดเดียว ที่มีไข่ต้มใส่มาในถุงด้วย

ร้านนี้ขอบอก ทีเด็ดมาก ลูกชิ้นไส้กรอกแบบอร่อยโคตรๆ กับน้ำจิ้มที่โคตรอร่อย

นี่เป็นแค่ตัวอย่างนะครับ เพราะผมเห็นมีอีกเยอะเลย แต่ จนท. บอกว่าได้คนล่ะ 1 อย่างเท่านั้น เลยหยิบมาเพียงแค่นี้ (เผอิญนั่งพักอยู่ตรงใกล้ๆ ร้านลูกชิ้น ป้าแกบอกให้มาชิม เลยลองไปไม้สองไม้ 55)

อิ่มหนำแล้วก็ได้เวลากลับ ซึ่งขากลับนั้นจุดเส้นชัย กับจุดสตาร์ทนั้นห่างกันค่อนข้างไกล จึงต้องมีรถรับส่ง ทางผู้จัดก็ได้จัดรถสองแถวมาให้บริการฟรีเพื่อไปยังจุดจอดรถ แต่ก็มีจุดผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็คือ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยจัดระเบียบในการขึ้นรถ คนมาก่อนถ้าแย่งไม่ทัน หรือจังหวะไม่ดีก็จะไม่ได้ขึ้น จริงๆ แล้วมันควรมีการจัดระเบียบเช่นการต่อแถวใครมาก่อนขึ้นก่อนอะไรแบบนี้ แต่ก็เป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ครับ คาดว่าปีหน้าน่าจะปรับปรุง และทำได้ดีกว่านี้ เอาเป็นว่างานนี้ซึ่งจัดครั้งแรก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ และทำได้ดีมาก สมควรได้รับคำชมจากนักวิ่งทั่วทุกสารทิศที่ได้มาวิ่งที่นี้ ที่อาจจะได้เห็นตามเพจอื่นๆ ไปแล้วครับ


Let's Go : ได้เวลาออกไปเที่ยว

เอาล่ะหลังจากวิ่งจบแล้วก็รอเวลาดูบอลตอนเย็นคู่ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับชลบุรี เอฟซี แต่กว่าบอลจะเตะก็ปาไป 6 โมงเย็น ก็ต้องไปหาที่กิน ที่เที่ยวกันก่อน เราเลือกสถานที่ที่ใกล้ตัวเมือง นั่นก็คือวนอุทยานเขากระโดง การเดินทางไม่ยากครับ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 10-15 นาที ถ้าวัดจากสนามบอลไอ-โมบาย สเตเดียม ก็อยู่ที่ 3.5 km. ใช้เวลา 8 ยาทีแค่นั้น เมื่อไปถึงแล้ว ก็แล้วแต่คนแล้วล่ะครับ ว่าจะจอดรถข้างล่างแล้วเดินขึ้นไป หรือขับรถขึ้นไปเลย แต่เราตัดสินใจขับรถขึ้นไปครับ

ระหว่างทางขึ้นเขาก็พบว่ามีหลายคนจอดรถถ่ายรูปกัน ทราบภายหลังว่าจุดนั้นคือปากปล่องภูเขาไฟ แถมยังเกิดตำนานรักเมืองบุรีรัมย์ให้นักท่องเที่ยวมาคล้องกุญแจอธิษฐานเกี่ยวกับความรักด้วยนะ

จุดนี้มุมสวยๆ นี่จะอยู่บนสะพาน ซึ่งคนก็เยอะมาก เราใช้เวลาไม่นานในการถ่ายรูปเล่นกันพอหอมปากหอมคอ ก็ออกจากที่นั่น และตรงไปสักการะ พระสุภัทรบพิตร บนยอดเขาต่อไป


ใช้วิชาหลบมุม และหามุมกล้องโดยปราศจากผู้คน จนได้ภาพนี้มาจ้ะ

อีกมุมกับโพสเบาๆ พร้อมด้วยคอลเลคชั่นจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ลุงเนสนใจพรีเซ็นเตอร์ก็บอกได้นะครับ ฮา)

พระสุภัทรบพิตร เขาว่าภายในพระเศียร มีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้ว ย (ข้อมูลจากเพจ สะบายดี บุรีรัมย์)


ลงจากเขากระโดงแล้ว ที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ซึ่งที่นี่เป็นเส้นทางวิ่งของนักวิ่งระยะ 21 km. และ 42 km. ที่เพิ่งวิ่งมาเมื่อตอนเช้านี้เอง แต่การกลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อตอนเวลาบ่ายโมงนี่ช่างตรงข้ามกับบรรยากาศตอนเช้าเหลือเกิน เพราะร้อนมาก แต่ ... ด้วยวิวทิวทัศน์ที่มีแต่แม่น้ำ ต้นไม้ ก็ทำให้แม้แดดจะร้อน แต่ภาพตรงหน้าก็สวยจนเอาชนะอากาศทำให้เราอดใจไม่ไหวต้องลงไปถ่ายรูปเล่นกัน


ร้อน แต่สวย

น้องมายืนรอพี่ที่ห้วยจระเข้มากนานแล้วนะคะ ... ร้อนค่ะ รีบๆ ถ่าย จะได้เข้าที่ร่มๆ = =

บ่นมากนัก เลยไล่ให้มายืมริมถนนซะเลย 55


ถ่ายรูปไปซักพักท้องเริ่มหิว ได้เวลากินข้าวแล้ว ตอนแรกก็กะจะเข้าไปหาอะไรกินในเมือง แต่เมื่อเราขับรถผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนึง มีรถจอดกินข้างทางเยอะมาก ไม่ได้ล่ะ อย่างนี้ต้องลอง ร้านนี้มีชื่อว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวริมคลอง - ตะโกราย

แล้วก็ได้ลองสมใจหลังจากต้องนั่งรอไป 1 ชม. เข้าใจว่าวันนี้คนเยอะ และมีทั้งสั่งใส่ถุงกลับ ทั้งมานั่งรอเป็นครอบครัว ตอนแรกก็โมโหหิว หงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่พอก๋วยเตี๋ยวมาก็โอเคฮะ หายงอน 55 อยากบอกว่าหมูนุ่มอร่อยมั่กๆ

Photo Credit : Facebook Fanpage ร้านก๋วยเตี๋ยวริมคลอง - ตะโกราย


อิ่มแล้ว อากาศก็ร้อน ง่วงด้วย เลยถือโอกาสเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมอีกที่เลย ที่นี่มีชื่อว่า "Srianunt Boutique Hotel" อยากบอกว่าโรงแรมที่นี่เป็นแรร์ไอเท็มมาก คือดีมาก ดีงามทั้งห้องพัก สะอาด ดูดี แถมใกล้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตมาก ห่างแค่ 2.5 km. เท่านั้น พนักงานก็บริการดี พี่ที่เป็นเจ้าของก็ดูแลดี มีคำแนะนำดีๆ ให้ตลอด ดีจนชนิดที่ว่าบุรีรัมย์มาราธอนปีหน้า เราจะมาอีก และจองที่นี่ไว้แล้วเรียบร้อยแล้วด้วย อันนี้ชมจริงๆ ประทับใจจริงๆ ครับ


Photo Credit : Facebook Fanpage srianunt boutique hotel


นอนพัก อาบน้ำ นอนเล่นได้ซักพัก ก็ได้เวลาออกไปกินขนมก่อนเชียร์บอลที่สนามไอ-โมบาย สเตเดียม ความพิเศษของนัดนี้นอกจากเจ้าบ้านจะได้เจอทีมใหญ่อย่างชลบุรีแล้ว ยังเป็นนัดเปิดสนามของการแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2017 ด้วย คนเลยเยอะเป็นพิเศษ เรามาถึง 4 โมงเย็น (บอลเตะ 6 โมง) ที่จอดรถก็หายากแล้ว

ส่วนร้านขนมที่เราเลือกนั่งชิวก่อนบอลเตะก็คือร้าน The Library Cafe' Buriram ซึ่งอยู่ในโซน Castle ของสนามไอ-โมบาย สเตเดียมนั่นเอง

ที่นี่ถ้าเวลาคนว่างๆ เชื่อว่าผู้ที่ชอบถ่ายรูปจะเพลิดเพลินไปกับมุมถ่ายรูปที่หลากหลาย และใครที่ชอบอ่านหนังสือ ก็สามารถสิงอยู่ที่นี่ได้เป็นวัน เพราะหนังสือเยอะมาก เสียดายที่เรามาตอนช่วงมีอีเว้นท์ คนเลยแน่นร้านมากแต่ก็ได้อารมณ์อีกแบบ (ปล. พนักงานในร้านก็น่ารักนะเออ นี่แอบกระซิบบอกหนุ่มโสดเลยนะ)

เอาล่ะ! ถึงเวลาไปดูบอลแล้ว เราดูตั๋วที่แถมมาจากงานวิ่ง เค้าจัดกลุ่มนักวิ่งทั้งหมดมาอยู่ด้วยกันที่โซน S หรือโซนด้านหลังประตูนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นวิวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อากาศและเกมวันนั้นก็ฟินจริงๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาเธอเข้าสนามบอล เพราะปกติเธอก็ไม่ได้ชอบดูบอล แต่วันนี้ดีใจที่เห็นเธอสนุก และมีอารมณ์ร่วมไปกับเกมมากขนาดนี้ และ... เธอได้ชอบนักฟุตบอลหล่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ฮา~

บัตรโซน S หลังประตู

บรรยากาศในสนาม

ผลการแข่งขันจบไปแบบสุดมันส์ด้วยสกอร์ 2-2 และก็ถึงโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ก็คือการไปเดินถนนคนเดิน ตรงแถวสถานีตำรวจบุรีรัมย์ (ตามที่พี่เจ้าของโรงแรมศรีอนันต์ฯ แนะนำ) ถนนคนเดินที่นี่มีความหลากหลายมากครับ ทั้งของกินที่เลือกไม่ถูกเลยทีเดียวว่าจะกินอะไร เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ แต่เราเน้นของกินครับ

มาถึงแล้ว ถนนคนเดิน

ที่เด็ดๆ ตามความเห็นส่วนตัวนะครับ นี่เลย ข้าวกล้องอบเผือก ราคาไม่แพงกล่องล่ะ 40 บาท แต่อุดมไปด้วยธัญพืชมากมาย คนรักสุขภาพน่าจะชอบ (ส่วนผมไม่ได้รักสุขภาพขนาดนั้น เลยซื้อไปลองกินแกล้มเบียร์ อร่อยเลยครับ)

ข้าวกล้องอบเผือก

อีกหนึ่งทีเด็ด เกี๊ยวซ่า แป้งข้าวกล้องนี่เด็ดมาก

และข้าวคลุกน้ำพริก ที่มีให้เลือกกับข้าว กับผักสดเหมือนเลือกท้อปปิ้งยังไงยังงั้น อันนี้ก็เด็ดครับ

เลือกซื้อของกินก็อย่างอิ่มหนำแล้ว ก็ได้เวลากลับโรงแรม จิบเบียร์ก่อนนอนซักกระป๋อง พร้อมเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้นต่อไป

ก่อนออกจากโรงแรม พี่เจ้าของโรงแรมศรีอนันต์ฯ แนะนำว่าให้เราขับกลับทางเส้นลำปลายมาศน่าจะสะดวกและเร็วกว่ากลับทางนางรองที่จะมีรถวิ่งมาจากทางอุบลฯ รถมันจะเยอะกว่า ผมเลยฟังคำแนะนำของแกกลับทางลำปลายมาศไป ซึ่งก็จริงครับ ถนนดี และถึงเร็วมาก เรียกได้ว่าการมาวิ่งที่บุรีรัมย์ครั้งนี้ได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะเลย ทั้งได้วิ่งในเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แถมยังเจอกับผู้คนน่ารักๆ ได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานมาก (ตอนนี้นางทำงานอยู่ที่บุรีรัมย์) ได้กินของอร่อยๆ มากมาย สัญญาว่าจะไม่ลืมเมืองน่ารักแห่งนี้เลยครับ เมืองเซราะกราว บุรีรัมย์


หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ ข้อมูลผิดพลาดสามารถแนะนำ หรือบอกกล่าวเพิ่มเติมได้นะครับ และขออภัยกับภาพบางภาพด้วยครับ เพราะผมใช้กล้องมือถือถ่ายภาพอาจจะชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างนะครับ

กล้องที่ใช้ถ่ายภาพในรีวิวนี้ก็คือ :
- Canon 60 D Lens Fix 50 f.1.8 และ 18-135 f.3.5
- HUAWEI P9 Plus


ยังไงสามารถติดตามเพจผมได้นะครับ สำหรับเพจกิน เที่ยว วิ่งเล่น

https://www.facebook.com/TouristsRunner/ (Tourist Runner) ที่ไหนมีวิ่งที่นั่นเราเที่ยว

และเพจงานออกแบบ เรื่องสั้น บทความ และถ่ายรูป

https://www.facebook.com/Pinkyangmatoy/ (Pink (Yangmatoy) Design ปิ๊ง!! ดีไซน์)


ขอบคุณมากครับ



Pink Yangmatoy

 วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 17.15 น.

ความคิดเห็น