เจอกับ HM TOUR TH กระทู้ที่สองกันคร๊าบบบบ
ฝากกระทู้แรกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยครับ
เวียงจันทร์ - วังเวียง - หลวงพระบาง กับเงินหนึ่งล้านกีบ l HM TOUR THAILAND
https://pantip.com/topic/35408197

เช่นเคยครับ รีวิวละเอียดยิบพร้อมค่าเสียหาย เน้นให้ภาพถ่ายบอกอารมณ์
" เที่ยวตรัง นอนเกาะรอก ฉบับคนมีตังค์ (น้อย) "
14-18 FEB 2017

ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวทะเลทางใต้มาหลายที่ ได้ไปมาหลายเกาะ บางเกาะประทับใจบ้าง บางเกาะเฉยๆบ้าง


ส่วนตัวแล้วถ้าเรื่องใต้น้ำ ผมยกให้ หลีเป๊ะ เป็นที่หนึ่งในใจไปเลย

ส่วนหาดทรายขาวๆ นุ่มๆ ชายหาดยาวๆ ก็คงหนีไม่พ้นเกาะตาชัย เกาะไม้ท่อนเป็นแน่


แต่มีอีกหนึ่งเกาะที่ผมอยากมามากถึงมากที่สุด นั่นก็คือ เกาะรอก ครับ

เพราะอ่านรีวิวของหลายๆคนแล้วรู้สึกอยากมาเห็นกับตา ว่า "ของจริง" มันเป็นยังงายยยยยยยย

ทริปนี้เราได้แผนการเดินทางจากอ่านรีวิวมาอย่างหนักหน่วงครับ จนในที่สุดก็ได้ไปที่ที่อยากไป ในวันเวลาที่กำหนด เอาจริงๆ ผมว่าเรื่องการวางแผนเป็นอะไรที่ยากที่สุดแล้วสำหรับทริปๆนึง (แต่เรื่องเงินสำคัญกว่าครับ 55555)
วันแรก : ดอนเมือง - ตรัง (นอนเมืองตรัง)
วันที่สอง : เกาะรอก (ดำน้ำ, นอนเกาะรอก)
วันที่สาม : ดำน้ำ 4 เกาะ (นอนเมืองตรัง)
วันที่สี่ : เที่ยวเมืองตรัง
วันที่ห้า : ตรัง - ดอนเมือง
**คำเตือน : ทริปนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ไม่ชอบดำน้ำ เมาคลื่น เมาเรือ เพราะเกือบครึ่งของทริปนี้มีแต่ดำน้ำ ดำน้ำ แล้วก็ดำน้ำ 555555

ทริปนี้ผมมากับแฟนสองคน แต่ !!! ขอสารภาพก่อนเลยว่า ตอนจองตั๋วเครื่องบิน เราไม่ได้แพลนกันเลยว่าจะมาเที่ยววันวาเลนไทน์ เห็นวันไหนถูก เราก็จิ้มๆๆจองเลย อย่างที่บอกครับ ผมเป็นพวกชอบจองตั๋วข้ามปี หรือเรียกง่ายๆว่าตั๋วถูกของนกหางแดงนั่นเอง เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าค่าตั๋วของเราไป-กลับ ไม่ถึงหนึ่งพันบาท


ทริปนี้มีเรื่องตื่นเต้นตั้งแต่ขาไปเลยครับ ก็แฟนตัวดีของผมดันลืมทั้งบัตรประชาชนทั้งใบขับขี่ไว้ที่เพื่อนของคุณเธอ งานเข้าสิครับ !! วิ่งวุ่นไปถามเค้าเตอร์หางแดงที ถาม AOT ที กว่าจะยอมอ้อนขอเค้าได้ ไม่ใช่ขี้ๆเลยครับ ในที่สุดคุณเธอเค้าก็ใช้บัตรประจำตัวนิสิตที่มีรูปยืนยันตัวอยู๋ใบเดียวที่มี แทนยื่นแทนได้ เกือบได้นั่งรถไฟไปแล้วมั้ยล่ะ !!!!

เริ่มต้นวันแรกของเรากับการเดินทางจากดอนเมืองมาจังหวัดตรัง


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงจังหวัดตรังกันแล้วครับ ขอบอกว่าสนามบินที่นี่เล็กมาก แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน

ลงเครื่องมาปุ๊บ สิ่งแรกที่เ่ราต้องทำก็คือการซื้อตั๋วขึ้นรถไปในเมือง เค้าเตอร์ขายตั๋วจะอยู่ตรงประตูทางออกเลยครับ ยื่นเงินให้ไปเลย 90 บาท/คน

ถึงแล้วคร๊าบบบบ ที่พักของเราในวันนี้ "ศรีตรัง"


แอบกระซิบว่าเราจองผ่าน travelogo ทำให้ราคาถูกว่า walk in หน่อยนึงครับ ซึ่งราคาปกติก็ถูกอยู่แล้ว

ข้างในที่พักมีร้านอาหารอยู่ด้วยนะครับ เหมาะสำหรับใครขี้เกียจเดินออกไปหาอะไรกิน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น


หลังจากท้องอิ่มแล้ว เก็บของเรียบร้อยแล้ว เมืองตรังนี้ก็ตกเป็นของเราาาาาาาาา เดินเที่ยวซิครับรออะไร


ผมแอบถามพี่ๆแถวนั้นดูว่า อยากไปเดินเล่นตลาด มีตรงไหนให้ไปบ้าง เอาแบบเดินอ่ะครับ ไม่ต้องเช่ามอไซด์


พี่แกเลยบอกมาว่า หน้าโรงแรมไงแต่เป็นตลาดเล็กๆนะ แต่ถ้าอยากไปเดินตลาดใหญ่ๆ ต้องเดินไปไกลหน่อ่ยนะ เป็นกิโล ชื่อ "ตลาดชินตา" ลองเดินไปดู ของกินเยอะดี



คุยก็แล้ว แวะถ่ายรูปก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงซักที ไกลพอตัวเลยครับ


ถ้าใครไม่ใช่สายเดิน โปรดเช่ามอเตอร์ไซด์ 555555



ในที่สุดก็ถึงครับ "ตลาดชินตา" เป็นตลาดที่มีของกินเยอะมากอย่างที่พี่เค้าบอกจริงๆ ผมเดินวนเลือกประมาณ 2 รอบก็ยังตัดสินใจไม่ได้

ถ่ายรูปเล่นซะเลย

ภายในตลาดนอกจากมีของกินแล้ว ยังมีของขายเล็กๆ น้อยๆ แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เล่นเอาเดินเพลินกันเลยทีเดียว


แต่ลืมอะไรไปรึเปล่า พรุ่งนี้เรามีแพลนไปเกาะรอกนะ เกาะรอกนะเว้ยยยยยยย รีบนอนเร็ววววว



และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง รีบเก็บกระเป๋ารอรอมารับดิครับ เกาะรอกจ๋ารอพี่ก่อนนน

วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถตู้จากที่พักมายังท่าเรือควนตุ้งกู ซึ่งเป็นท่าเรือหลักที่จะข้ามไปเกาะมุก


ลืมบอกไปครับ ว่าทริปนี้เราได้ทำการจองกับบริษัทเกาะมุกชาวเลทัวร์ กับทริป แคมปป์ปิ้งเกาะรอก+ดำน้ำ4เกาะตรัง


โดนส่วนตัวผมว่ามันคุ้มมากกกกกกก เพราะตลอด2วัน1คืน เราได้ไปแบบส่วนตัวโดยไกด์ท้องถิ่น เหมือนเราเหมาเรือหางยาวพาเราเที่ยวดีๆนี่เอง

นั่งรถมาไม่นานเราก็ถึงท่าเรือควนตุ้งกูแล้วครับ เป็นท่าเรือเล็กๆ ส่วนมากจะเป็นหมู่บ้านชาวประมง ผู้คนไม่จอแจทำให้รู้สึกเหมือนรอญาติมารับไปเที่ยวทะเลก็ว่าได้



นั่งรอซักพักก็มีผู้ชายตัวเล็กผิวเข้มเดินเข้ามาหาเราแล้วพูดว่า your bag your bag เราก็งงสิ พูดภาษาอังกฤษใส่ตรูทำไมฟระ

เราเลยสวนกลับด้วยภาษาไทยไปเลยว่า สวัสดีครับ พี่แกเลยทำท่าเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดว่า นึกว่าคนฝรั่ง (สำเนียงใต้)

นี่คือโฉมหน้า บังละ ไกด์ผู้นำทริปของเราครับ พร้อมด้วยลูกสมุนอีกหนึ่งคน ซึ่งชวนคุยกันตลอดทั้งทางแต่ดันลืมถามชื่อซะได้


ได้เวลาที่เรือเล็กควรออกจากฝั่งแล้วครับ มุ่งหน้าไปยังเกาะรอกกันเลยยยยย

เรือแล่นผ่านหมู่บ้านชาวประมง ผ่านป่าชายเลนไปซักพัก ก็มองเห็นทะเลสีฟ้าครามอยู่ข้างหน้า

ไม่น่าเชื่อว่าฟ้าจะเป็นใจให้เรา เพราะตอนที่ลงจากเครื่องมาเมื่อวาน อากาศอึมครึมมาก เมฆก็เยอะ ลมก็แรง


ได้แต่แอบลุ้นในใจว่า พรุ่งนี้แดดต้องมา แล้วแดดก็มาตามนัดจนได้

ระหว่างทางดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ธรรมดาๆ ที่ไหนก็เจอ แต่หน้าแปลกที่ผมไม่สามารถวางกล้องในมือลงได้เลย



ชัตเตอร์ลั่นถี่มาก ประหนึ่งว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวทะเลใต้



ลืมบอกไปครับ เราออกจากท่าเรือควนตุ้งกูประมาณสิบโมง ซึ่งเราจะถึงเกาะรอกประมาณเที่ยง ใช้เวลาไป2ชั่วโมงเต็มๆ


บอกแล้วครับว่าทริปนี้ไม่เหมาะกับคนเมาเรือเป็นอย่างมาก แต่ก็คุ้มที่จะเสี่ยง ถ้าไม่เชื่อรอดูภาพต่อไป

ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ เกาะรอกที่ผมใฝ่ฝันมานานว่าจะต้องมาให้ได้


บอกได้คำเดียวว่าตาชัยก็ตาชัยเหอะ ไม้ท่อนก็ไม้ท่อนเหอะ เจอหาดทรายขาวๆนุ่มๆตัดกับสีของน้ำทะเลสีฟ้าขนาดนี้ เป็นใครใครก็ต้องยอมครับ

ความจริงบังละ จะพาเราไปดำน้ำแถวๆเกาะรอกก่อน แต่ผมขอบังละ แทบจะยกมือไหว้เลยว่าขอผมกินข้าวก่อนเถอะบัง ผมหิวววว


อย่างที่บอกครับ เรือนี้เป็นของเรา เราสามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดทั้งทริป ซึ่งอันนี้คือข้อดีของการเหมาเรือมานั่นเอง



นั่งกินข้าวอยู่ดีๆ ก็มีสัตว์ตัวน้อยแวะเวียนมาทักทายเราเป็นระยะๆ


บ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของเกาะรอกนี้มาก อย่างว่าแหล่ะครับ เพราะเกาะรอกตั้งอยู่บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ทำให้มีการเข้มงวดเรื่องการเข้าพัก โดยมีกฏเลยว่า ต้องนำขยะกลับคืนสู่ฝั่ง ห้ามทิ้งไว้ที่เกาะรอกแม้แต่ชิ้นเดียว ซึ่งได้รับการดูแลจากพี่ๆเจ้าหน้าที่ของที่นี่

พอกินข้าวเสร็จ เราก็ได้เวลาออกตามล่าหาปลานีโม่กันแล้วครับ
ไปต่อกันยาวๆเลยกับจุดดำน้ำบริเวณรอบๆ เกาะรอกทั้งหมด 4 จุด ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันครับ
ภาพใต้น้ำทั้งหมดมาจากกล้อง sj wifi4000 ตัวถึกของผม

ก่อนลงน้ำครับ ชูสองนิ้วสู้ตาย


แต่สภาพหลังจากนั้นคงไม่ต้องบอก เหนื่อยแทบตายยยยยย 55555

จุดดำน้ำจุดแรกของเราค่อนข้างจะลึกพอสมควรเลย เลยถ่ายภาพมาได้ไม่ค่อยจุใจ


แต่จุดที่เหลือตื้นอยู่ครับ ถ่ายภาพมาฝากเพื่อนๆได้สบายยย

อยากบอกว่ามีเจ้านีโม่ทุกจุดที่เราดำน้ำเลย แต่เจ้ากล้องไม่รักดีดันแบตหมดซะได้


พอถึงจุดดำน้ำสุดท้าย บังละบอกเราว่าคลื่นแรง ไม่น่าลงไปดำน้ำซักเท่าไหร่


จริงครับ ถึงบังไม่บอก ผมก็จะขอกลับเข้าฝั่งแล้ว เพราะจากที่เรือนิ่งๆ กลายเป็นเรือโคลงเคลง เกือบทำให้ข้าวเที่ยงของผมได้ออกมาทักทายประชาชีกันซะแล้ว เราเลยได้กลับเข้าฝั่งเร็วกว่าปกติประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ

พอถึงฝั่ง แฟนตัวดีของผมไม่พูดเพร่าทำเพลอะไรเลยครับ รีบตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนใครพวก
เพราะเกาะที่เมื่อตอนเที่ยงคึกครื้นเพราะมีหลายทัวร์มาจอดแวะพักกินข้าวเที่ยง ตอนนี้เงียบสงบ มีชาวต่างชาติไม่กี่กลุ่มที่มานอนค้างบนเกาะรอกเหมือนอย่างผม

สำหรับใครที่กังวลว่าที่พักจะเป็นยังไง ห้องน้ำจะดีมั้ย ตอบได้เลยครับว่าไม่เลว ทางบริษัททัวร์ของผมได้ทำการจองเต้นท์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สภาพเต้นท์ก็ดีครับ มีหมอนผ้าห่มผ้าปูรองนอนให้พร้อม ส่วนห้องน้ำมีแยกหญิงแยกชาย มีหลายห้องครับแถมยังค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว

ไม่รุ้จะบรรยายอะไรครับ เพราะมันสวยมากกกกกกกก



เกาะรอกเป็นเกาะที่ผมคิดว่าครบเครื่องมาก ตอนเย็นสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ ส่วนตอนเช้าก็สามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ทางอีกฝั่ง เรียกว่าคุ้มครับ ไม่ต้องเดินไปไหนไกล ไม่ต้องนั่งเรือคอยดูว่าเมื่อไหร่พระอาทิตย์จะขึ้น เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะตก เราแค่เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเวลาก็พาให้เราได้เห็นสิ่งพวกนี้เอง



เจ้าปูเสฉวนออกมาทักทายผมอีกแล้ว



ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ ว่าแฟนผมมีความสุขกับการถ่ายรูปแค่ไหน


เกาะนี้เป็นของเธอ


ไม่น่าเชื่อว่าเวลา2-3 ชั่วโมงที่ผมถ่ายรูปเล่นกันมันผ่านไปไวมาก

ผมเดินเล่นลัดเลาะไปตามหาดทรายทางขวามือตามแสงของพระอาทิตย์ กดชัตเตอร์ไปเท่าไรก็ไม่พอ กดชัตเตอร์ไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกถึงความเบื่อเลย


คนโสดหลบไป คนมีคู่ขอเสียงหน่อยครับบบบบ


พระอาทิตย์เริ่มดวงใหญ๋ขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยๆตกลงสู่พิ้นทะเล


ไม่เบื่อเลยครับ ที่จะเฝ้าดูจนตะวันลับขอบฟ้าไป

ความจริงแล้วบนเกาะจะมีจุดชมวิวที่สามารถดูเกาะรอกแบบมุมสูงด้วยนะครับ พี่เจ้าหน้าที่บอกเราว่าทางเดินค่อนข้างชัน แต่ก็บันได้สำหรับเดินไป ไม่ลำบากครับ ที่สำคัญคือได้ชมพระอาทิตย์ตกในมุมที่ไม่เหมือนใครด้วย แต่ผมไม่ได้ไปนะครับ กว่าจะคิดได้ว่าต้องเดินขึ้นไป พระอาทิตย์ก็ตกไปซะแล้ว



เหมือนท้องของผมมันจะรู้เวลา พระอาทิตย์ตกปุ๊บ ท้องร้องปั๊บ

บนอุทยานมีร้านค้าสวัสดิการนะครับ ไม่ต้องกลัวอด แต่จะมีเวลาเปิดปิดเป็นช่วงเวลานะครับ ไม่ได้เปิดตลอด

อีกอย่างคือผมไม่แนะนำให้เอาอาหารเข้ามากินเองนะ เพราะมดที่นี่ไวมาก ผมวางกล่องนมที่กินแล้วไว้ในเต้นท์แค่ 10-15 นาที เจ้ามดดำก็บุกมาในเต้นท์ผมแล้วครับ มีอีกอย่างที่ต้องระวังคือตัวเงินตัวทองครับ พี่แกเดินเล่น ทักทายกล้อง แบบไม่กล้วอะไรเลย ก็อย่างว่าแหล่ะครับ เราไปอาศัยที่ของพวกเค้านอน ยอมๆเค้าหน่อย 55555


ปิดทริปแค้มป์ปิ้งเกาะรอกวันนี้ไว้ด้วยภาพอาบแดดแล้วกันนะครับ ผมเห็นทีไรก็ยังไม่ชิน ไม่ใช่อะไรนะ ร้อนแทน !


ไว้พรุ่งนี้เรามีนัดกับบังละเพื่อไปตลุย 4 เกาะตรัง ดำนำยาวปายยยยยยยยยย

เช้านี้ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้หกโมงครึ่งเพื่อตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเห็นเค้าบอกว่าเป็นไฮไลต์ของเกาะรอกอีกอย่างนึงเลย
แต่ความขี้เกียจได้ครอบงำตัวผมไว้ อดดูสิครับ
แต่แฟนผมไม่แคร์เลยว่าผมจะตื่นมั้ย นางถือกล้องออกจากเต้นท์แล้วไปนั่งรอจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น แล้วตาผมก็ปิดอีกครั้ง zZZ

นอกจากตอนเช้าผมยังไม่ตื่นแล้ว ผมยังทำเรื่องที่ทำให้ผมหูชาจนถึงตอนนี้


ทำไมหน่ะหรอ ก็ผมดันไปกดฟอร์แมตกล้องเพราะคิดว่าลงรูปหมดแล้ว แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อเช้านี้แฟนผมตื่นเต้นและใจจดใจจ่อกับการนั่งรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นขนาดไหน แม้แต่รูปในกล้องมือถือก็ไม่มีครับ ผมผิดไปแล้ววววว T T

เช้านี้เป็นเหมือนเคย แฟนผมอาบน้ำแต่งตัวรอเพื่อให้ผมไปเก็บภาพความประทับใจสุดท้ายบนเกาะรอก


เพราะบังละจะมารับเราที่หน้าเกาะตอนแปดโมงเช้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะกระดาน แห่งท้องทะเลตรัง

อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น คนหน้างอคนเมื่อเช้าที่รู้ว่าผมลบรูปพระอาทิตย์ขึ้นไป หายไปไหน 55555


แดดยามเช้าสวยงาม ส่องสะท้อนน้ำทะเลสวยงามแบบไม่มีทางยอมแพ้แดดตอนเย็นเลย


แปดโมงเช้า ตรงตามเวลาเป๊ะ บังละมารับเราถึงหน้าเกาะ พร้อมกับช่วยยกกระเป๋าลงเรือ


แล้วเจอกันใหม่นะเกาะรอก สัญญาว่าต้องมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน

ขากลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเกาะกระดาน จุดดำน้ำแรกของเรา


วันนี้ลมค่อนข้างแรงกว่าตอนขามาพอสมควรเลย ทำให้คลื่นแรง แต่ก็ไม่แรงมาก ความรู้สึกตอนอยู่บนเรือเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นไปด้วย หวาดเสียวดีครับ

ถึงแล้วครับ จุดดำน้ำแรกของเรา บริเวณหน้าเกาะกระดาน


บังละบอกว่าจุดดำน้ำนี้มีกัลปังหาทะเลสีแดงอยู่ด้วย รออะไรล่ะครับ โดนตู๊มลงน้ำไปเลย

ผมค่อนข้างประทับใจกับจุดดำน้ำนี้นะ มีปลาหลายตัวที่ผมไม่เคยเห็น


มีปลานีโมที่อยู่ลึก ซึ่งคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างผมไม่มีทางที่จะดำลงไปถ่ายได้ 5555

เจอแล้วครับ กัลปังหาสีแดง แต่ไม่ได้มีแค่ต้นเดียวนะครับ มีเยอะมาก



เหล่าบรรดาปลาพากันว่ายมาต้อนรับเรา เหมือนตื่นเต้นที่แขกมาเยี่ยมบ้าน


อีกอันนึงที่เจอบ่อยครับ ประการังสมอง เหมือนสมองจริงๆ


ดำได้พักใหญ่ บังละก็เรียกพวกเรา แล้วพาพวกเราไปยังชายหาดของเกาะมุก เพื่อไปรับข้าวเที่ยง


เริ่มสายแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จากที่มีเรือไม่กี่ลำ ก็กลายเป็นหลายสิบลำแล่นสวนกันไปมา


สถานีต่อไปของเราก็คือ ถ้ำมรกต ไฮไลต์ของจังหวัดตรังและเป็นหนึ่งใน unseen thailand อีกด้วย


น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เอากล้องเข้าไป เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากเลย


ไว้มีโอกาสไปให้เห็นกับตาตัวเองนะครับ ตอนลอยน้ำลอดถ่ำเข้าไปสนุกมาก ตื่นเต้นดีเพราะมืดมาก แต่ไม่น่ากลัวเพราะมีนักท่องเที่ยวต่างแข่งกันส่งเสียงตะโกนร้องด้วยความดีใจปนความตื่นเต้น

เราใช้เวลาอยู่ในถ้ำมรกตประมาณครึ่งชั่วโมง ท้องผมกันก็ร้องด้วยความหิวโหยอีกแล้ว
ได้เวลาสำหรับข้าวเที่ยงแล้วครับ มื้อนี้บังละขับเรือพาเราไปกินข้าวเที่ยงบนหาดแฮปปี้ เป็นหาดเล็กๆที่อยู่ใกล้กับเกาะมุก

แล้วก็ได้เวลาเดินทางไปดำน้ำอีกจุดครับ อยู่ใกล้ๆกับเกาะมุกเลย แต่สภาพผมเริ่มไม่ไหวแล้ว เมาเรืออย่างหนักหน่วง เพราะยิ่งเย็น คลื่นทะเลก็ยิ่งแรงขึ้น บอกได้คำเดียวว่า ถุงสองใบก็ไม่พอ 5555555


แต่แฟนผมนี่สิ ยังดำผุดดำว่ายเหมือนว่าคลื่นทะเลทำอะไรเธอไม่ได้เลย

สวรรค์ของผมแล้วครับ ได้เวลากลับแล้วครับ บังละใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็พาพวกผมกลับมาส่งที่ท่าเรือควนตุ้งกูอย่างปลอดภัย ที่ท่าเรือมีห้องอาบน้ำจืดไว้บริการด้วยนะครับ 15 บาทไทยหยอดใส่กล่องเลย


ล้างตัวได้ซักพัก พี่รถตู้ก็มารอรับเราเพื่อไปส่งในตัวเมืองตรังกันแล้ว


คืนนี้ผมไม่ได้นอนที่เดิมนะครับ ผมเปลี่ยนมานอนโรงแรม Hop inn ไม่รู้ทำไมถึงชอบโรงแรมนี้ ถ้าจังหวัดไหนมีโรงแรมนี้ ผมขอเลือกโรงแรมนี้ทดไว้ในใจเป็นอันดับหนึ่งเลยครับ

พอถึงโรงแรมเราก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินกันแถวๆโรงแรม

ณ จุดๆนี้ไม่เลือกมากแล้วครับ มีร้านตรงไหนก็กินตรงนั้น เพราะสิ่งที่คิดถึงมากที่สุดตอนนี้คือเตียงนอน 55555


ตัดภาพไปที่วันต่อไปเลยนะครับ

------------------------

17 FEB 2017

ผมนัด taxi ให้มารับที่โรงแรมเพื่อไปส่งที่สนามบินตอนแปดโมงครึ่ง ไฟล์ทบินกลับดอนเมืองของเราคือ 09.50 ครับ

ทริปนี้เหมือนจะผ่านไปด้วยดี แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ


" จำวันบินกลับผิด " ใช่ครับ ผมจำวันบินกลับผิด กว่าจะรู้ได้ก็ตอนติดแท๊คโหลดกระเป๋าว่า bording pass ของเราเป็นวันที่ 18 ไม่ใช่ 17

ผมกับแฟนได้แต่มองหน้ากันแล้วคิดในใจว่า ซวยแล้วตรู 555555555

ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ โทรเคลียร์งานสิครับ อยู่เที่ยวเมืองตรังต่อสิครับรออะไร ดังนั้นทริปของเราจาก 4 วัน 3 คืน เลยกลายมาเป็น 5 วัน 4 คืนไปโดยปริยาย



เหมือนเดิมครับ ขึ้นรถเข้าเมืองมาด้วยเงิน 90 บาท/คน แล้วบริการส่งถึงที่


คืนนี้ผมนอนที่นี่ครับ "ไมตรี เฮ้าส์" อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟและตัวเมืองตรัง เหตุผลที่ผมเลือกที่นี่เพราะว่าวันนี้ทั้งวันผมจะเช่ามอเตอร์ไซด์เพื่อเที่ยวในเมืองตรัง

ชั้นสองของที่นี่มีห้องนั่งเล่นไว้สำหรับพักผ่อน และมีระเบียงด้านหน้ายื่นออกมาไว้นั่งกินลม ดูวิถีคนท้องถิ่น เพลินไปอีกแบบครับ กับอีกวันที่ไม่ต้องรีบร้อนอะไร


ไหนๆก็ตื่นเช้าแล้ว ไหนๆก็ตกเครื่องแล้ว เอากระเป๋าไปเก็บในห้องแล้วเช่ามอเตอร์ไซด์เตรียมขี่รถรอบเมืองกันเลยครับ
ผมวางแผนไว้ว่า เราจะไปหาร้านชิค บรรยากาศดีๆ นั่งกินข้าว พักสติกันซักแป๊บ แล้วเราก็ไปจะสวนพฤกษศาสตร์ เพราะกลางวันร้อนขนาดนี้คงไปไหนไม่ได้ นอกจากไปเดินเล่นชมนกชมไม้ และที่สำคัญเห็นเค้าบอกว่า ที่นี่มีสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ที่สูงมากๆอีกด้วย

ผมขี่รถมาเรื่อยๆ ตระเวณดูร้านโดยที่ไม่ได้ถามที่กู (google) เลยว่าร้านไหนเด็ด ร้านไหนดัง
วนไปวนมา เอ๊ะ! ทำไมมาที่เดิมอีกแล้ว 555555 จนในที่สุดก็เจอแล้ว ผ่านหน้าร้านปุ๊บ จอดปั๊บ นี่แหล่ะร้านที่ต้องการ

ร้านนี้ชื่อร้าน old town ครับ อยู่แถวๆตึกเก่าเมืองตรัง


ที่นี่มีเมนูอาหารอย่างเดียวนะครับ ก็คือข้าวซอย ไม่พลาดที่จะสั่งมาลองครับ อร่อยครับ ให้สามผ่าน !

ภายในร้านตกแต่งได้สวยงามทีเดียว ถ่ายรูปกันเพลินเลย


ผมว่าราคาค่อนข้างถูก สั่งน้ำไป 1 แก้ว ข้าวซอย 1 ถ้วย ขนมเค้กเมืองตรังอีก1 ผมจ่ายไปแค่แบงค์แดงใบเดียวเองครับ


อย่างที่บอกว่าครับว่าร้านนี้อยู่แถวๆตึกเก่าเมืองตรัง เพราะฉะนั้นบรรยากาศข้างนอกร้านก็ให้บรรยากาศเป็นเมืองเก่าสมชื่อจริงๆ


แอบมี street art ซ่อนอยู่ด้วย


หลังกองทัพเติมพลังกันไปแล้ว ก็ได้เวลาแว๊นซ์ออกไปนอกเมืองกันแล้วครับ


สถานีต่อไป สวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไปประมาณ 13 กิโล โดยที่นี่จัดให้มีเส้นทางเพื่อเดินศึกษาธรรมชาติ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สำคัญ คือ เส้นทางสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ ที่เค้าบอกว่าเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย โดยสะพานมีความยาว 175 เมตร ความสูง 3 ระดับ ตั้งแต่ 10 – 18 เมตร ต้องขอลองไปดูซะหน่อยว่าเป็นยังไง

เดินเท้าเข้ามาไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอแล้วครับ สะพานเป็นสะพานเหล็ก เวลาเดินเลยมีเสียงเหล็กลั่นอยู่ตลอด ผมนี่แอบเสียวๆอยู่เหมือนกัน


สะพานนี้ถูกสร้างมาเพื่อให้ศึกษาธรรมชาติ เพราะระหว่างที่เดินมีต้นไม้เยอะหลากหลายสายพันธุ์ มีเสียงนกร้องประสานเสียงกัน


ฟังแล้วได้ฟิลเหมือนอยู่ในป่าลึกจริงๆ แต่เอาจริงๆ ผมไม่ได้มองอะไรเลย มองแต่ทาง เพราะมันสูงครับ สูงมาก


คอเริ่มแห้ง ท้องเริ่มหิวอีกแล้ว แว๊นซ์กลับไปหาอะไรกินในเมืองดีกว่าครับ

โชคดีของเรามากที่อยู่อีกวัน เพราะวันนี้มีถนนคนเดินครับ อยู่หน้าโรงแรมเลย พี่ที่โรงแรมบอกว่าถนนคนเดินปกติแล้วจะมีทุกวัน พฤ-อาทิตย์ มีของกินเยอะมาก ไม่เชื่อครับ ต้องไปให้เห็นกับตา 55555

เดินมาไม่ถึงห้าสิบก้าวก็ถึงแล้วครับ ไม่อยากจะบอกว่า กลืนน้ำลายไปแล้วกี่รอบ


ของกินเยอะมาก แล้วที่สำคัญคือถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ของฝากเมืองตรังอีกอย่างนึงนอกจากเค้กเมืองตรังแล้วก็คือขนมเปี๊ยครับ


มีหลายรสให้เลือก แถมยังทอดตรงไหนสดๆเลย ขอชิมซัก 3 ชิ้นแล้วกัน

เหมือนน้ำย่อยผมจะเริ่มทำงานแล้ว มองอะไรก็น่ากินไปหมด

ปูตัวใหญ่ๆ ก็มาาาาาา


ปลาหมึกไม่ยอมน้อยหน้า มาด้วยเหมือนกัน


นอกจากของกินจะเยอะแล้ว ของขายก็เยอะเหมือนกันครับ ไม่แปลกที่ตลาดนี้จะครึกครื้น


สองมือถือของกิน หนึ่งปากเคี้ยวขมุบขมิบ สองเท้าก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินเล่นให้อาหารมันย่อยซะหน่อย ก่อนจะแว๊นซ์รถกินลมชมรอบเมือง สิ่งที่ผมสังเกตุได้หลังจากที่มาอยู่ที่นี่ก็คือ บ้านเมืองเค้าสะอาดมาก ทั้งๆที่ถังขยะก็ไม่ค่อยมี เป็นความประทับใจของผมอย่างหนึ่งของที่นี่ครับ

ไม่น่าเชื่อครับ ว่าความโชคดีที่ผมตกเครื่องยังไม่หมด เพราะผมได้ไปดูรำโนราห์ ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงที่ค่อนข้างหาดูได้ยาก แล้วยิ่งได้ดูในพื้นที่ด้วย ฟินครับบบบ


น้องๆแต่ละคนรำเก่งกันมาก ทั้งร้องทั้งรำดูเป็นมืออาชีพสุดๆ


ถึงเวลาได้กลับไปนอนแล้วครับ พรุ่งนี้ต้องบินกลับกันแต่เช้า

รถมารับเราแต่เช้าเพื่อไปส่งที่สนามบิน ได้เวลากลับแล้วครับ


5 วันที่อยู่ที่นี่ถือว่าคุ้มว่า เก็บทุกแลนด์มาร์ค ไปทุกที่ที่เราอยากไป และแต่ละที่ก็ทำให้เราประทับใจแบบสุดๆ

ท้องฟ้าแม้ว่าจะกว้างแค่ไหน ก็ไม่กว้างเกินไปที่คนตัวเล็กๆอย่างพวกเราจะออกเดินทาง


แล้วเราจะได้พบกันใหม่ " เมืองตรัง "

HMtourTH

 วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

ความคิดเห็น