ทัวร์เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล - Sealection

หากพูดถึง "เกาะหลีเป๊ะ" จ.สตูล หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของที่นี่กันมามากมายแล้ว

แต่ผมเองพึ่งจะเคยได้ไปสัมผัสก็ปาเข้าไปอายุเลข 3 แล้ว ไปอยู่ไหนมา ฮาๆๆ

ซึ่งจากที่ตัวเองได้ลองศึกษาการเดินทาง และหาข้อมูลบน Internet มานั้น

" ยังเข้าใจว่าที่นี่เดินทางค่อนข้างยาก การเดินทางไม่ค่อยสะดวก

และบนเกาะอาจจะไม่สะดวกสบายซักเท่าไหร่ "

ผมคิดว่ายังคงมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยมา และคิดแบบนี้เช่นเดียวกัน

วันนี้ผมเลยอยากจะนำเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางทริปนี้ มาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ

ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางโดยสายการบิน นกแอร์ (Nok Air) ที่มีเที่ยวบินจาก กรุงเทพ – หาดใหญ่ 5 เที่ยวบินต่อวัน

และเพื่อไม่ให้เสียเวลาระหว่างสนามบิน เราจึงเลือกที่จะเช็คอินออนไลน์ผ่านเว็บก่อนเดินทาง เพื่อความสะดวก

โดยเที่ยวบินภายในประเทศของนกแอร์ เคาร์เตอร์ปิดก่อนเดินทาง 45 นาที

โดยเราเลือกนั่งเครื่องเพราะอยากประหยัดเวลาในการเดินทางสำหรับทริป 3 วัน 2 คืน วันหยุดน้อยก็งี้ล่ะเนอะ!!

ค่าตั๋วโปรจะมีให้เราเลือกเริ่มต้นที่หลักร้อยเป็นต้นไป หาช่วงเวลาเหมาะๆ แล้วกดจองกันเลยครับ สะดวกดี

การเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะนั้น เราจะต้องขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล

ทริปนี้เราเลือกใช้บริการทัวร์ของ Sealection เป็น Package เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน

ซึ่งเค้าจะจัดการให้เราหมดทุกอย่าง ตั้งแต่การเดินทางจากสนามบิน หรือ ตัวเมืองหาดใหญ่

ไปยังท่าเรือปากบารา จากท่าเรือไปเกาะหลีเป๊ะ รวมทั้งห้องพักบนเกาะอีกด้วย

ซึ่งเราว่ามันสะดวกสบายดี ไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยาก

แค่เราเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร็อมจัดเต็มมาสำหรับทริปนี้ก็พอแล้ว ฮาๆ

โดยเมื่อเราขึ้นเรือไปยังเกาะหลีเป๊ะแล้ว ระหว่างทางจะมีการแวะเพื่อให้เราได้ถ่ายรูป 2 จุด

จุดแรกที่แวะ คือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

ซึ่งจะแวะที่นี่ประมาณ 15 นาที ให้เราได้ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศชิลๆบนเกาะแห่งนี้

หาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ บรรยากาศฟินไปอีก...


และจุดต่อมาที่ทางเรือจะจอดแวะให้เราได้ถ่ายรูป และลงสัมผัสบรรยากาศสวยๆระหว่างทาง คือ เกาะไข่

ซึ่งบนเกาะไข่นี้จะมี ซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ ที่กลายเป็นสัญลักษ์ของ จ.สตูล ไปแล้ว

ว่ากันว่าหากใครมีโอกาสพาคนรักมาที่นี่ และอยากให้ความรักมั่นคงยืนยาว

ต้องพากันมาลอด " ซุ้มรักนิรันดร (Lover's Gate)" ที่ตั้งอยู่บน "เกาะไข่" กันครับ

เกาะไข่ น้ำใสมากกกก... หาดทรายก็ขาวและนุ่มท้าว ได้รูปสวยๆกลับมากันเยอะเลย... ^_^

เมื่อเสร็จจากเกาะไข่ เรือก็จะพาเรามุ่งสู่เกาะหลีเป๊ะ โดยจะจอดบริเวณ หาดพัทยา(บันดาหยา)

ซึ่งก็อย่างชื่อบอกล่ะครับ หาดพัทยาตรงนี้ เวลากลางคืนจะครึกครื้น ปาร์ตี้ และถนนคนเดิน

เกาะหลีเป๊ะ จะมีหาดทั้งหมด 3 หาดด้วยกัน คือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา)

หลังจากถึงเกาะ เราก็เดินทางเพื่อทำการเช็คอินเข้าที่พัก โดยทริปนี้เราพักกันที่ The Cliff Lipe

ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณ หาดซันเซ็ท เป็นชายหาดที่เงียบสงบ และเหมาะแก่การพักผ่อนมากกกก...

เราลองมาดูบรรยากาศที่พัก และบริเวณโดยรอบกันครับ ว่าจะเป็นยังไง



บรรยากาศภายในที่พัก The Cliff Lipe จะดูร่มรื่น เย็นสบาย เพราะที่พักตกแต่งด้วยไม้ และปลูกต้นไม้ไว้ทั่วรีสอร์ท

มาลองดูในส่วนของห้องพักคืนแรกของเรากันก่อนครับ


ภายในห้องพักตกแต่งเน้นในเรื่องของวัสดุที่เป็นไม้ และตกแต่งโทนสีขาว ทำให้รู้สึกสบายตา

ภายในห้องน้ำ มีการปลูกต้นไม้และปรับให้เข้ากับห้องพัก ดูเก๋ไปอีกแบบ

ข้าวของเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มี free wifi ด้วย

แต่ห้องดูเล็กไปนิสสส... และกลางคืนจะมียุง แนะนำใครมาหลีเป๊ะ

อย่าลืมพกยากันยุงแบบพกพามาด้วย

ที่พักตั้งอยู่ติดหาดและมองเห็นวิวทะเลน้ำใสๆ สวยและฟินมาก

ที่นี่มีมุมให้เราพักผ่อนและทำกิจกรรมหลากหลาย ทั้งนอนชิลริมหาด พายเรือคายัค

และดำน้ำดูปะการังจากหน้าหาด จะบอกว่าแค่ดำน้ำหน้าหาดก็ฟินแล้ว

น้ำโคตรใส ปะการังยังอุดมสมบูรณ์ แถมมีปลานานาชนิด รวมทั้งมีปลานีโม่ ด้วยนะ

อากาศร้อนๆ เราเลยไม่รอช้า ขอตัวไปโดดน้ำหน้าหาด เก็บภาพบรรยากาศมาฝากกัน


นี่แค่ดำน้ำหน้าหาด ยังฟินขนาดนี้... เรานี่ตั้งตารอจะไปออกทริปดำน้ำของวันพรุ่งนี้กันเลยครับ

และในช่วงเย็น เราจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้จากที่พัก The Cliff Lipe

เสียดายช่วงที่เราไปเดือนที่แล้ว พระอาทิตย์ยังตกหลังเขาอยู่ ไม่งั้นคงได้ถ่ายภาพพระอาทิตย์สวยๆกันแน่

แต่ช่วงนี้ได้ข่าวว่าเริ่มขยับออกมาจากหลังเขาแล้ว ทำให้ถ้าพักที่นี่คงจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกฟินๆ

บรรยากาศสุดโรแมนติกแน่นวลล พูดแล้วก็อยากกลับไปอีก สวยจริงไรจริง

มื้อเย็นวันแรกเรานั่งแทกซี่เปิดประทุนไปเดินเล่น หาของกินกันที่ ถนนคนเดิน บริเวณหาดพัทยาครับ

ค่าบริการรถแทกซี่บนเกาะนั้น ตกคนล่ะ 50 บาท ลองมาดูคลิปกันว่าบรรยากาศจะสนุกและน่าเที่ยวแค่ไหน...

เช้าวันต่อมา เรามีโปรแกรมไปดำน้ำรอบๆเกาะหลีเป๊ะกันครับ ตื่นมามาเติมพลังกันกับอาหารเช้าที่รีสอร์ท

อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบ a la carte (อาลาคาร์ท) คือ สั่งตามเมนูที่มีให้เลือกครับ

หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย เราก็พร้อมที่จะไปลุยทริปดำน้ำกันแล้ว

ที่นี่ได้ยินชื่อเสียงเรื่อง ปะการังที่สวยงาม ปะการัง 7 สี ปะการังอ่อน

ที่สวยงามติดอันดับต้นๆของเมืองไทย แค่ติดก็ตื่นเต้นแล้ว...

โดยที่เราไปกับทัวร์ของ Sealection นั้น จะมีเรือหางยาวมารับเราจากหน้าหาดของรีสอร์ทเลยครับ

น้ำใสมากกกก มองเห็นปะการังใต้น้ำ ฟินๆกันไป

จุดแรกที่เราจะแวะคือ เกาะหินงาม (จุดดำน้ำและจุดแวะ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ)

ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหินงาม ไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แต่มีหินที่มีลักษณะสวยงาม

เรียงกันอยู่เต็มเกาะไปหมด ดูแล้วก็สวยและแปลกดีครับ

หลังจากแวะเกาะหินงามเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาลงดำน้ำกันแล้วครับ

โดยเราขอรวมภาพใต้น้ำไว้ตรงนี้เลยแล้วกันนะ โดยที่ไปดำมาก็จะมี

เกาะหินงาม ร่องน้ำจาบัง เกาะอาดัง (อันนี้ก็ตามที่บอกตอนแรก ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศครับ)


ปะการังที่นี่ยังคงความอุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล และปลาสวยงามนานาชนิด

โดยไฮไลท์ของการมาดำน้ำที่ "หลีเป๊ะ" จะอยู่ที่ ร่องน้ำจาบัง ซึ่งจะมี ปะการังอ่อน และปะการัง 7 สีที่สวยงาม

จุดนี้ขอบอกเลยว่าพีคมาก ดำน้ำมาทั่วฟ้าเมืองไทย ทำไมพึ่งเคยมาที่นี่..

แต่จุดนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพน้ำด้วยนะครับ เพราะว่าจุดนี้น้ำเชี่ยวและแรงมาก

ช่วงกลางวัน ทางเรือจะพาเราไปทานอาหารกลางวันกันบนเกาะราวี

บนเกาะแห่งนี้มีความขาวของหาดทราย และมีความใสของน้ำทะเล เป็นจุดพักผ่อนที่สวยมากกก...

บนเกาะมีของขายนะครับ พวกน้ำ ขนม หรือ อาหาร แต่ราคาก็สูงกว่าปกติ

หลังจากจบทริปทัวร์ดำน้ำกับ Sealection เราก็กลับที่พักช่วงบ่ายแก่ๆ

ก็ได้เวลาพักผ่อนของเรา โดยคืนที่ 2 เราพักห้องจากุชชี่ ของ The Cliff Lipe

ขอบอกเลยว่าห้องนี้พีคมาก เพราะห้องนี้มันมองเห็นวิวทะเล แถมมีอ่างจากุชชี่ให้เรานอนแช่ชิลๆกันอีก

โดยเย็นวันนี้เราเลือกที่จะทานอาหารอยู่ที่พัก เนื่องจากเหนื่อยจากการดำน้ำมาทั้งวัน

จริงๆถ้าเป็นทริป 3 วัน 2 คืน แบบเรา จะมี Dinner Set ให้สำหรับแพ็คเก็จที่เข้าพักที่นี่อยู่แล้ว

ทานมื้อเย็นเสร็จก็ได้เวลาแช่อ่าง จิบเครื่องดื่มเย็นๆ นอนดูดาวกันแล้ว... ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรฟินกว่านี้อีกล้าวววว...

บรรยากาศแบบนี้ดีต่อใจแค่ไหน ถามใจตัวเองดู... รักที่นี่มาก รักเกาะหลีเป๊ะ ... หลีเป๊ะไปไม่ยากเลย

ก่อนกลับวันสุดท้าย เราก็เหมารถแท็กซี่สามล้อ พาวนเที่ยวรอบเกาะซักหน่อย

ชั่วโมงละ 400 บาท เราจัด 1 ชั่วโมง ก่อนกลับนั่งรถชมชิลๆ เก็บบรรยากาศรอบเกาะกันครับ


การเดินทางมาเที่ยว เกาะหลีเป๊ะ ครั้งนี้ ทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไปมาก

ที่นี่เดินทางไปง่าย ไม่ลำบากอย่างที่คิด บนเกาะมีความสะดวกสบาย แต่ก็ไม่วุ่นวายจนเกินไป

มีมุมให้เราได้พักผ่อนมากมาย มีร้านค้าและร้านสะดวกซื้อ มีสัญญาณโทรศัพท์

แต่ราคาสินค้าอาจจะสูงกว่าปกติ ที่พักหลายๆที่จะมีน้ำและไฟให้เราใช้ตลอด 24 ชั่วโมง


ที่นี่มีความสวยงามในเรื่องของทะเลที่สวยมาก หาดทรายที่ขาวละเอียดนุ่มเท้า

และที่สำคัญปะการังยังคงความอุดมสมบูรณ์มาก ปลาหลากหลายชนิด

ไม่แปลกใจเลยว่า.. ทำไมที่นี่ถึงได้ชื่อว่าเป็น "มัลดีฟส์ เมืองไทย"

ทำให้ เกาะหลีเป๊ะ ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสวรรค์ของนักเดินทางไปเรียบร้อย


สำหรับผม 3 วัน 2 คืน คงน้อยเกินไป กับการมาเที่ยว "เกาะหลีเป๊ะ"

โอกาสหน้าจะกลับไปอีกแน่นอน ผมยกให้ที่นี่เป็นเบอร์ 1 ของทะเลไทยในดวงใจเลยครับ

เมืองไทยยังมีสถานที่ที่สวยงาม ที่รอการไปสัมผัสจากเรา หากมีเวลาว่างแนะนำให้ออกไปดูด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ

หากเพื่อนๆต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามเราได้ที่ www.facebook.com/9aooddy.travel

วันนี้ขอลากันไปเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า


ขอบคุณและสวัสดีครับ

อู๊ดดี้
กินเพลินเดินเที่ยว

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อทัวร์ Sealection สำหรับทริปเที่ยว หลีเป๊ะ ตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ

FB : https://www.facebook.com/sealection

Tel : 061 942 8899

Line : @sealection


กินเพลิน เดินเที่ยว

 วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 21.47 น.

ความคิดเห็น