สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน เค้าว่ากันว่า "ทะเลไทยเที่ยวได้ทั้งปี" เห็นจะจริงนะคะ

ช่วงวันที่ 9-12 พ.ย.2559 เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว คนส่วนใหญ่จะขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวอยู่บนภูเขา

แต่เรากับเพื่อนขอสวนกระแสนิดนึงค่ะ ขอไปท้าลมฝน + ร้อน ที่ “เกาะช้าง"

เกาะช้างเป็นเกาะที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก และมีกิจกรรมให้ทำเยอะเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง เที่ยวน้ำตก ปีนเขา ขี่ช้าง ตกปลา บลาๆๆๆ สนุกๆมันส์ๆทั้งนั้น

ทริปนี้เราใช้กล้อง sony a5100 ถ่ายตามใจ+แต่งไปมั่วๆ 55555


Day 1: 9 พ.ย. 2559

เราไปขึ้นรถตู้กรุงเทพ-ตราดที่เอกมัยประมาณ 10.00 น. ซื้อตั๋วไป-กลับ คนละ 600 บาท


รถตู้จะส่งให้เราลงตรงที่ซื้อตั๋วขึ้นเรือ ซื้อตั๋วไป-กลับ คนละ 150 บาท แล้วนั่งรถสองแถวสีส้มเข้าไปที่ท่าเรือ


นี่คือท่าเรือเฟอร์รี่ไปลงที่อ่าวธรรมชาติ จะมีเรือออกทุกๆ 45 นาที ตั้งแต่เวลา 6:30 น.-17:00 น. ใช้เวลาในการข้ามฟาก 30 นาที


ขึ้นมาบนเรือฝรั่งเยอะมาก แทบไม่มีคนไทยเลย 55555


ถึงเกาะช้างแล้วววววววว เย้!!!


ที่เกาะช้างจะมีรถรับ-ส่ง เป็นรถสองแถวเขียนหน้ารถว่า Taxi จะคล้ายๆรถเมล์ คือไปส่งเราตามเส้นทางที่ขับผ่าน ค่ารถคนละ 50 บาท


เช็คอินเข้าที่พักกันเลย เราพักที่ “Paddy's Palms Resort" ตั้งอยู่บนหาดทรายขาว (แต่ไม่ได้ติดทะเลนะ) เป็นหาดที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในเกาะช้าง มีโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า ฯลฯ มากมาย และไปมาสะดวก เพราะอยู่ติดถนนหลักของเกาะ ด้านหน้าของ Paddy's Palms จะเป็นร้านอาหาร เราต้องเดินเข้ามาอีกนิดหน่อย ห้องพักจะอยู่ด้านหลัง


บรรยากาศโดยรวมของรีสอร์ทถือว่าโอเค ห้องพักก็โอเค ราคานักศึกษาพันนิดๆ ในห้องมีชา กาแฟ ให้บริการด้วย ด้านนอกก็มีสระว่ายน้ำให้เล่น (สระปิด 2 ทุ่ม >>> ปิดเร็วไปไหน)


เช็คอินแล้วก็ไปหาอะไรกินกันค่ะ แถวที่เราพักร้านอาหารค่อนข้างเยอะ ไม่รู้จะกินร้านไหน เดินเข้าไปแบบมั่วๆ (ด้วยความหิว) ชื่อร้านข้าวต้มลุงดำ สั่งอาหารมา 4 อย่าง รสชาติก็โอเค แต่ค่อนข้างรสจัดไปนิดนึง (เราไม่กินเผ็ด อิอิ) ค่าเสียหาย 1000 นิดๆค่ะ


กินข้าวเสร็จก็ไปซื้อทัวร์ดำน้ำดูปะการัง ซึ่งร้านขายทัวร์จะอยู่สองข้างทางของถนนเส้นหลัก มีหลายร้าน เลือกเข้าได้เลย


เราซื้อแพ็คแกจดำน้ำของบริษัทเพิ่มพูลทรัพย์ จากคำแนะนำของคนขาย เค้าบอกว่าดำน้ำ 5 เกาะ มีรถรับ - ส่ง ที่หน้ารีสอร์ท มีอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ อาหารว่างยามบ่าย เสื้อชูชีพและหน้ากากดำน้ำ (ฟินหรือตีนกบต้องเสียค่าเช่าเพิ่ม 100 บาท) มีเรือคายัคให้พาย รวมทั้งหมดคนละ 700 บาท


Day 2: 10 พ.ย.2559

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ไปกินข้าวรอรถมารับไปดำน้ำ ห้องอาหารจะอยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท ตรงที่เราเดินเข้ามา อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ มีทั้งอเมริกันสไตล์และไทยสไตล์ รสชาติก็โอเค แต่เรากินแบบรีบๆ กลัวจะไม่ทันรถ


กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงๆนะ ถึงรีบขนาดไหน ก็ต้องกินให้อิ่มไว้ก่อน 555555


รถมาส่งเราที่ท่าเรือบางเบ้า ระหว่างทางไปขึ้นเรือ ก็จะมีร้านขายของฝาก ร้านอาหาร อยู่หลายร้าน


เช็คชื่อ พร้อมรับหน้ากากดำน้ำก่อนขึ้นเรือ


นี่คือเรือที่จะพาเราไปดำน้ำในวันนี้ เป็นเรือ 2 ชั้น คนส่วนใหญ่ (ทั้งหมด) จะนั่งชั้น 2 ชั้นล่างว่างงงง 555


พอขึ้นเรือครบแล้ว จะมีการแนะนำตัวสตาฟให้รู้จักว่าใครทำหน้าที่อะไร และจะพาเราไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะไหนบ้าง


พอแล่นเรือออกมาได้ซักพัก เราก็มองไปทางซ้ายทำไมท้องฟ้าครึ้มๆ อ้าวเฮ้ย!!! ฝนตก (ใครก็ได้ปักตะไคร้ด่วน)


ฝนตกได้ซักพัก ก็หยุดตก เย้ๆๆๆๆๆ ขอบคุณฟ้าฝนที่เป็นใจให้เราไปดำน้ำดูปะการัง


เราจะดำน้ำทั้งหมด 5 เกาะ มีเกาะยักษ์เล็ก เกาะยักษ์ใหญ่ เกาะรัง เกาะมะปริง และหาดอุทยานฯเกาะรัง (หาดนี้ไม่ได้ดำน้ำนะ แค่ลงไปเดินเล่นชิวๆ)


เกาะที่เราไปดำน้ำนั้น จะมีเรือของนักท่องเที่ยวอีกลำหนึ่งมาดำน้ำด้วย และบริเวณรอบๆนั้น จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่ด้วย


พร้อมแล้ว ก็เตรียมตัวลงน้ำกันเลยยยย


นักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มก็จะมีสตาฟคอยดูแลอย่างใกล้ชิด กลุ่มเราได้ “น้องลา" มาดูแลและพาดำน้ำรอบเกาะ คุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 555555


go go go!!!

เราไม่ได้ถ่ายรูปใต้ทะเลมานะ แบบว่ากล้องเราลงน้ำไม่ได้ (เก็บเงินซื้อโกโปรแปป) โดยรวมถือว่าโอเค มีปะการังให้ดูพอสมควร แต่ก็คงไปเทียบกับทะเลทางใต้ไม่ได้อ่ะ


นี่คือสภาพหลังจากดำน้ำทุกเกาะแล้ว เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมาก อันนี้เราให้สตาฟบนเรือถ่ายให้ก่อนจะขึ้นเรือนะ ถ่ายออกมาสวยเลยทีเดียว


ที่สุดท้ายในวันนี้ หาดอุทยานฯเกาะรัง มีสะพานให้เดินด้วย หรือใครจะว่ายน้ำไปก็ได้นะ สตาฟเค้าบอกมาแบบนั้น อิอิ


หาดอุทยานฯเกาะรัง มีค่าเข้าชมด้วยนะ แต่เราไม่ได้พกเงินไปด้วย เลยไปนอนเล่นชิวๆริมหาดแทน


เกาะสุดท้ายชื่ออะไรก็ไม่รู้ เราจำไม่ได้ สตาฟบอกเป็นเกาะที่มีลิงเยอะที่สุด (เพื่อนเรากระซิบว่า “ก็คงมีไม่เยอะเท่าลพบุรีหรอกนะ" 5555555) จะพาแวะดูลิงก่อนกลับเกาะช้าง


ขากลับว่าจะไปนั่งถ่ายรูปอยู่หัวเรือซะหน่อย แต่มีคนมานั่งก่อนละ เราถ่ายรูปเค้ามาแทนก็ได้ 555555


กลับถึงรีสอร์ทประมาณ 4 โมงเย็น เล่นน้ำที่รีสอร์ทต่ออีกถึง 6 โมงเย็น (ติดลม 555555) แล้วค่อยไปอาบน้ำแต่งตัว ออกไปหาข้าวเย็นกินกัน ร้านที่เราจะไปกินวันนี้ เราไปตามรีวิวนะ เห็นบอกว่าอร่อย จะลองตามไปชิมซะหน่อย แต่ร้านค่อนข้างอยู่ไกลจากที่พักเรา เราเลยต้องเช่ารถมอไซค์ วิธีไปก็เปิดแอพ Wongnai ดูได้เลย อิอิ ถึงแล้ว “ไอยราซีฟู้ด" ในรีวิวเค้าบอกจะมองเห็นวิวคลอง วิวทะเล แต่เรามองไม่เห็น เพราะมันมืดแล้ว


เราสั่งอาหารมาทั้งหมด 5 อย่าง บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง สมคำร่ำลือจริงๆ ค่าเสียหายมื้อนี้ 1,050 บาท


กินอิ่มแล้ว ถ่ายรูปเล่นก่อนกลับแปปนึง (คิดในใจ ม้านั่งร้านเค้าจะหักมั๊ยเนี่ย 555555)


Day 3: 11 พ.ย.2559

วันนี้เราว่าจะเที่ยวชิวๆ ขับรถไปเล่นน้ำตกกัน แล้วก็ไปหาซื้อของฝากที่ท่าเรือบ้านบางเบ้า เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ต้องสวมหมวกกันน็อคด้วยนะคะ ดู 3 คนนี้เป็นตัวอย่างค่ะ แต่ซ้อน 3 ก็คงไม่ดีเท่าไหร่นัก กลัวรถยางแตก 55555555


เราไปเที่ยวที่ “น้ำตกคลองพลู" อยู่ห่างจากอ่าวคลองพร้าวประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 3 ชั้น และต้องเดินเท้าเข้าไปน้ำตกอีกประมาณ 500 เมตร ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท

ก่อนอื่นเราก็ต้องมาอ่านป้าย ศึกษาเส้นทางเดินไปน้ำตก ตามสไตล์นักท่องเที่ยว อิอิ


ข้างๆ มีร้านสวัสดิการเล็กๆด้วยนะ เผื่อใครอยากซื้อน้ำไปกินระหว่างทาง


เริ่มออกเดินทางไปน้ำตกกันเถอะ


ทางเดินไปน้ำตก จะค่อนข้างลำบากบ้างในบางจุด ควรใช้ความระมัดระวังในการเดินนะคะ


ระหว่างทางก่อนจะถึงน้ำตก จะมีจุดให้หยุดพักและเล่นน้ำด้วย


ปลาเยอะมาก เราลองเอาเท้าจุ่มน้ำให้ปลาตอดดู ตอดเจ็บมากกกกก


เดินต่อไป ใกล้ถึงแล้ว


ถึงแล้ววววววว “น้ำตกคลองพลู" ฝรั่งเยอะมากเช่นเคย 555555


น้ำค่อนข้างลึก มีเชือกไว้ให้จับด้วย ใครจะลงไปเล่นควรระมัดระวังนะคะ


น้ำใสมากกกกกกก ปลาก็เยอะมาก ตอดเจ็บมากเช่นกัน 555555


เรากับเพื่อนเล่นอยู่แค่บนโขดหินข้างๆ ไม่ได้กล้าลงไปเล่นข้างล่าง มันลึกอ่ะ (ทะเลเมื่อวานลึกกว่ามั๊ย? 555555)


เล่นน้ำเสร็จแล้ว เราก็พากันขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของฝากที่ท่าเรือบ้านบางเบ้า

เราเพิ่งรู้ว่าถนนบนเกาะช้างมันสูงและชันมากกกกกกกกก (ประมาณ 45 องศามั้ง) ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง


ร้านขายของฝากที่ท่าเรือบ้านบางเบ้ามีเยอะพอสมควร มีทั้งกินได้และกินไม่ได้ แต่เราเลือกซื้อที่กินได้มากกว่า เพราะเราจะเอาไปกินเองด้วย 555555


ซื้อของเสร็จก็นั่งถ่ายรูป พักหายใจแปปนึงแล้วค่อยไปต่อ


กลับจากท่าเรือบ้านบางเบ้า เราก็มาแวะ "จุดชมวิวไก่แบ้"


เราชอบข้อความอันนี้มาก อยู่ทางขึ้นไปชมวิว "เราจะไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากรอยเท้า เราจะไม่เก็บอะไรไปนอกจากภาพถ่าย"


แล้วไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกกันต่อที่ชายหาด เพราะตั้งแต่มาเกาะช้าง เรายังไม่ได้เล่นน้ำที่เกาะช้างเลย (มีแต่ไปเล่นเกาะอื่น 555)


เดินเล่นไปมา ก็เริ่มหิวอีกแล้ว เห็นร้านโรตีอยู่แถวนั้นน่ากินมาก เลยสั่งมากินรองท้องก่อนกินข้าวจริง อิอิ

บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง ไม่ใช่เป็นเพราะหิว แต่มันอร่อยจริงๆ พี่คนขายก็ใจดีด้วย


เมื่อกี๊เป็นออเดิร์ฟ ถึงเวลาของอาหารหลักแล้ว ร้านที่เราไปกินวันนี้ก็อยู่ใกล้ๆกับร้านขายโรตี อยู่บนถนนเส้นหลักเลย

ชื่อร้าน "หนองบัว ซีฟู้ด"


ด้านหน้าร้านจะมีอาหารทะเลสดให้เราเลือกไปให้แม่ครัวทำกับข้าวได้ ซึ่งหนึ่งจานทำได้ 1-2 เมนู


แต่ถ้าไม่อยากไปเลือกอาหารทะเลสดอยู่หน้าร้าน ก็สั่งในเมนูก็ได้


เราสั่งอาหารมา 5 อย่าง (ในรูปมี 4 อย่าง เพราะเราลืมถ่ายไปหนึ่งอย่าง อิอิ) บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง และเราชอบมากที่สุด ชอบกว่าทุกร้านที่ไปกินมาก่อนหน้านี้ ค่าเสียหาย 1,200 บาท


สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เราไปกับเพื่อน รวมกันเป็น 5 คน เก็บเงินคนละ 5,000 บาท รวมเป็น 25,000 บาท

ค่ารีสอร์ท 3 คืน 6,440 บาท

ค่ารถตู้ ไป-กลับ 3,000 บาท

ค่าเรือ ไป-กลับ 750 บาท

ค่ารถสองแถว 250 บาท

ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ 2 คัน 750 บาท

ค่าแพ็คเกจดำน้ำ 3,500 บาท

ค่าข้าว+ขนม+อื่นๆ 5,785 บาท

รวมทั้งหมด 20,475 บาท เหลือเงิน 4,525 บาท

หารคืนได้คนละ 905 บาท (เหลือเงินกลับไปกินขนมต่อที่บ้าน อิอิ)


สามารถติดตามกันต่อได้ที่ https://www.instagram.com/plartwo

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมค่ะ

Plartwo

 วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 14.46 น.

ความคิดเห็น