บางที การใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมืองกรุงที่รีบเร่ง ต้องรีบตื่นแต่เช้า ต้องรีบอาบน้ำ ต้องรีบแต่งตัว ต้องรีบไปทำงาน ต้องรีบทานข้าวเที่ยง ต้องรีบเลิกงาน ต้องรีบกลับบ้าน

รีบบบบบบบบบ ไปหมดเลย

การใช้ชีวิตแบบนี้มันเหนื่อยนะ แต่งานมันก็ต้องดำเนินไปตามปกติของมัน

แต่หากเลือกได้ เราก็อยากเลือกใช้ชีวิตแบบช้าๆ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับบรรยากาศดีๆ ที่เราจะซึมซับความสุขรอบตัวได้อย่างเต็มที่

คิดแบบนี้แล้ว เสาร์อาทิตย์นี่แหล่ะสวรรค์ของเรา ว่าแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่กุยบุรีดีกว่า

หลายๆ คนบอกว่าทะเลปราณเงียบสงบ แต่ๆๆ แต่เราอยากไปไกลกว่านั้น

ไปกุยบุรีกันค่ะ



วันนี้เราจะพาไปพักรีสอร์ทเล็กๆ ริมทะเลที่แสนเงียบสงบ ได้บรรยากาศธรรมชาติเต็มๆ ค่ะ



ไปกันเลยค่ะ

ที่นี่ Vartika Resovilla Kuiburi


ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า กล้องที่ใช้เป็นคอมแพ็คธรรมดา รูรับแสงน้อย บางภาพนี่น้อยส์เต็มเลย


สเป็คต่ำกว่า G11 คู่ชีพเยอะเลย แต่ G11 ที่เคยอยู่คู่บุญกันมานี่ก็เสียชีวิตแบบไม่ฟื้นเลยค่ะ เศร้ามากๆ เลยต้องซื้อกล้องตัวนี้มาใช้แทน ไม่งั้นเวลาไปเที่ยวไหนไม่มีกล้องด้วยเนี่ย มันเหมือนไม่ได้เที่ยวเลยค่ะ


นอกจากกล้องจะถ่ายในที่แสงน้อยได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โน้ตบุคของเราก็ยังไม่มีโฟโต้ช็อปอีกค่ะ ตอนย่อรูปเลยได้แต่ปรับ contrast ปรับ sharpness ปรับสีได้นิดหน่อย น้อยส์เลยเพียบเหมือนเดิม 5555

นอกเรื่องไปเยอะ กลับมารีสอร์ทของเรากันต่อดีกว่า


ใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนกันกว่าจะเดินทางมาถึงรีสอร์ท แต่หาไม่ยากค่ะ วิ่งตามเส้นเพชรเกษมมาเรื่อยๆ จนถึงแยกไฟแดงสถานีตำรวจกุยบุรี เลี้ยวซ้ายเข้ามาเรื่อยๆ ข้ามทางรถไฟ ตรงไปอีกนิดแล้วเลี้ยวขวา ไปตามแผนที่เลยค่ะง่ายมาก

มาถึงวาฏิกา แล้วค่ะ


ด้านหน้า ทางเข้ารีสอร์ทค่ะ เราจอดรถกันตรงนี้ได้เลย รองรับรถได้ประมาณสิบกว่าคันค่ะ

เดินตามเข้ามากันเลยจ้าาาา ^_^

ฟ้าใสพอสมควร มีเมฆบ้างแต่ไม่เยอะค่ะ แดดจัดเอาการ

ตรงนี้เป็นส่วน lobby ของรีสอร์ทค่ะ เดี๋ยวเราเข้าไปเช็คอินกันก่อน

มีชุดเก้าอี้สวยๆ อยู่ด้านหน้าล็อบบี้ด้วย น่ารักดีค่ะ

ที่เด็ดกว่าเก้าอี้คือ......

ที่วาฏิกามีจักรยานสำหรับให้แขกใช้ ฟรีค่าาาาาา

ด้านในล็อบบี้ค่ะ ตอนไปถึงจะมี welcome drink เย็นๆ ไว้ต้อนรับแขกด้วย เราได้เป็นน้ำส้มคั้น และน้ำกีวีค่ะ

แต่ด้วยความเหนื่อย ไม่ทันได้ถ่ายรูปหรอกค่ะ ลงท้องไปเรียบร้อยเลย ^O^


check in เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่วาฏิกาจะมีห้องพักสองประเภทคือ ในส่วนที่เป็นตัวตึก และส่วนที่เป็นวิลล่า

วันนี้เราได้ห้องพักที่ตัวตึกค่ะ เป็นห้อง Japan ต้องเดินเข้าไปด้านในอีก

ที่นี่ ห้องพักจะมีชื่อแตกต่างกันไป การตกแต่งห้องก็แตกต่างกันด้วยค่ะ


รีสอร์ทที่นี่จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้เยอะมาก ดอกไม้สวยๆ ไม้ประดับสีเขียวๆ ก็มีเยอะมาก เพิ่มความรู้สึกสบายตาสบายใจได้เยอะเลยค่ะ

นี่ทางเข้าห้องน้ำนะ สวยจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ เหมือนว่าสีส้ม สีแดง จะเป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยค่ะ

ตัดกับต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ ดีมากเลย


รีสอร์ทสวยมาก แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือ ไม่มีพนักงานยกกระเป๋ามาที่ห้องพัก เราต้องยกเข้ามาเองอ่ะ แต่ไม่เป็นไร เดินไม่ไกลมากค่ะ

แต่ถ้ามีกระเป๋าหลายใบ อาจเหนื่อยหน่อยอ่ะ พอดีเรามีใบเดียว ยกสบายๆ

ทางเดินร่มรื่นจริงๆ

ทางเข้าตัวตึกที่จะไปห้องพักของเราซึ่งอยู่บนชั้นสอง


ทางเดินสวยดีค่ะ

นั่นไง พอเริ่มแสงน้อยแล้ว กล้องเราก็เริ่มจะงอแง น้อยส์มาเต็มเลย อิอิ


มีขนมหวานๆ ไว้ต้อนรับด้วยค่ะ

มุมมินิบาร์ มีดอกลีลาวดีวางไว้สวยๆ ดูละมุนละไม


บนเตียงนอนก็ยังมีดอกลีลาวดีวางอยู่สวยๆ


เดี๋ยวสำรวจห้องน้ำก่อนค่ะ เป็นอะไรไม่รู้นะเรา เวลาไปพักที่ไหน ต้องสำรวจห้องน้ำก่อนเป็นที่แรกเลย 555


บริเวณอ่างล้างหน้า มีกระจกสวยๆ ผ้าเช็ดมือสองผืน ด้านข้างมีผ้าเช็ดหน้าแขวนอยู่ อุปกรณ์ครบครันค่ะ



เจลอาบน้ำ แชมพู และคอนดิชั่นเนอร์ค่ะ อยู่ในขวดปั๊มสวยๆ


ในห้องน้ำจะเป็นแบบปูนเปลือยค่ะ ซึ่งถูกใจเรายิ่งนัก ^_^


โดยรวมแล้วห้องน้ำสวย และกว้างขวางมากเลยค่ะ เดินยังไม่ทั่วเลย 555


กลับมาสำรวจในห้องกันต่อ มุมมินิบาร์ค่ะ

ตอนที่ถ่ายรูปในห้อง บางรูปไม่ได้ใช้แฟลช และปิดม่านบางๆ ด้วยค่ะทำให้แสงน้อย


เลยทำให้บางภาพ น้อยส์จะเยอะมากหน่อยนะคะ (จะมาก หรือจะหน่อยดี)

ตู้เสื้อผ้า เป็นแบบ open เลยจ้า ไม่มีตู้ที่มีฝาปิดนะ มีตู้เซฟ (ซึ่งเสียพอดีเลยตอนที่เราไปพัก)

มีหนังสือวางอยู่ใต้ทีวีสำหรับแขกที่ชอบอ่านหนังสือด้วยค่ะ เริดเลย


ตรงข้างหัวเตียงยังมีหนังสืออยู่อีกสามสี่เล่มค่ะ เป็นหนังสือภาษาจีนค่ะ (เอ๊ะ ห้อง Japan แต่มีหนังสือจีน---หรือมันคือหนังสือญี่ปุ่น)


เตียงนอนใหญ่มาก นอนสบายค่ะ มีโต๊ะเล็กๆ ตรงปลายเตียงเป็นโซฟา


มีภาพผู้หญิงในชุดกิโมโนสวยๆ ประดับห้อง ทำให้ห้องดูสวยมากขึ้นค่ะ


เราไม่ได้มีเวลาเก็บรายละเอียดมากนัก รีสอร์ทตอนค่ำๆ สวยมากเลยค่ะ แต่เราต้องรีบออกไปซื้อปูม้านึ่งที่หมู่บ้านข้างนอกรีสอร์ท ก่อนที่จะมืดค่ำ

เลยไม่ได้มีเวลาเก็บภาพยามค่ำคืนเลย (ห่วงปูสดๆ มากกว่านั่นเอง) อิอิ

ตัดมาที่ตอนเช้าเลยค่ะ (เพราะตอนกลางคืน หม่ำปู 7 ตัวเสร็จก็นอนสลบเหมือดเลย)

เราตื่นประมาณ 8 โมงกว่าๆ (นอนนานไปไหม) นอนเต็มอิ่มเลย ดีที่ยังตื่นมาทันอาหารเช้าค่ะ ห้องอาหารก็อยู่ตรงข้ามกับตึกห้องพักของเรานี่เอง



9 โมง แขกท่านอื่นคงทานข้าวกันเสร็จแล้ว เราเพิ่งมา อิอิ


เนื่องจากเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก อาหารเช้าของที่นี่จึงจะจัดเป็นเซ็ตๆ ค่ะ เลือกระหว่างเป็นอาหารจานเดียว (จานใหญ่) หรือเป็น ABF ค่ะ

เราเลือกเป็นแบบอาหารไทย 1 จาน และ ABF 1 จานค่ะ

ก่อนที่ main course จะมาเสิร์ฟ ต้องพบกับออเดิร์ฟเต็มๆ แบบนี้ก่อน ทานกับแยมสับปะรด แยมสตรอเบอรี่ และเนยค่ะ

เช้าๆ แบบนี้ ต้องขอกาแฟก่อนสักแก้ว ตามด้วยน้ำเย็นๆ น้ำส้มคั้นสดๆ และนมสดค่ะ ^_^


ABF ของเรา และอาหารไทยจานเดียว มาแล้วค่ะ เราสั่งกระเพรากุ้งไข่ดาวสุกไป ไข่ดาวมาแบบสุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่ะ ^_^ แต่อร่อยค่ะ กุ้งสดดี


และปิดท้ายด้วยผลไม้สดๆ ค่ะ




ทานอิ่มแล้ว เดี๋ยวจะไปเดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทค่ะ

ห้องอาหารเช้าอยู่ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ แต่วันนี้แดดจ้าเลย ยังไม่พบใครมาเล่นน้ำ

สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระว่ายน้ำเล็กๆ ค่ะ เหมาะสำหรับเล่นน้ำชิลด์ๆ มากกว่า หากใครที่อยากจะว่ายน้ำจริงจังกางแขนกางขา สงสัยต้องลงทะเลแล้วค่ะ ^_^


เดี๋ยวไปเดินเล่นริมทะเลดีกว่า เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึงทะเลเนาะ อิอิ


เป็นทะเลที่สะอาดมาก เงียบสงบ และกว้างสุดลูกหูลูกตาเลย

ทรายที่นี่ไม่ใช่ชายหาดทรายสีขาวค่ะ เป็นทรายสีน้ำตาลอ่อนๆ แต่ละเอียดมาก นุ่มเท้าดี ^_^

เห็นเค้ามาถ่าย pre-wedding กันด้วยล่ะ


มองเห็นประจวบฯ อยู่ไกลๆ


มานั่งกินลมชมวิวกันชิลด์ๆ ไหมคะ


เริ่มสายมาก แดดเริ่มแรงค่ะ เดี๋ยวเดินกลับเข้าไปชมบรรยากาศและความร่มรื่นในรีสอร์ทกันดีกว่า


ฟ้าค่อนข้างใสค่ะ มีเมฆบางส่วน แต่หน้าฝนแบบนี้ ได้ฟ้าใสๆ แบบนี้โชคดีจังค่ะ


นั่งพักรับลมตรงนี้ก่อนค่ะ


ชอบร่มตรงนี้มากเลยค่ะ เป็นไอเดียที่สร้างสรรค์ creative มากๆ


คือช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนไงคะ ทางรีสอร์ทเค้าเลยเตรียมร่มไว้ให้แขกด้วย

ครั้นจะวางไว้เฉยๆ ก็ธรรมดาไป พอกางร่มแล้วจัดแบบนี้แล้ว สวยเก๋มากเลย

แถมยังเป็นร่มสีส้มอีก เข้ากับสไตล์ของรีสอร์ทเลยค่ะ

ดอกลีลาวดีที่ร่วงหล่นอยู่ใต้ต้น


เราขึ้นไปเก็บกระเป๋าและสัมภาระบนห้องพัก เตรียมตัวไป check out ค่ะ เพราะวันนี้เราจะไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ

ระหว่างทางเดินไป check out เจอดอกไม้สวยๆ มากมาย ไม่รู้ว่าชื่อดอกไม้อะไรอ่ะ แต่พยายามจะถ่ายออกมาให้สวย อิอิ

สีชมพูก็สวยค่ะ


ระหว่างทางเดิน สองข้างทางจะเป็นห้องพักแบบวิลล่าแบบต่างๆ ค่ะ

ทางเดินยังคงสดใสไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ร่มรื่น และดูสบายตามากเลยล่ะค่ะ

ตรงนี้เป็นด้านหน้าวิลล่า Japan ค่ะ


อันนี้เป็นวิลล่า โบฮีเมียน สีสันสดใสได้ใจเลย



ดอกลีลาวดีที่ร่วงหล่นอยู่ระหว่างทางเดิน


เอ๊... แล้วนี่ดอกอะไรเอ่ย


และปิดท้ายรีวิวด้วยดอกลีลาวดี ที่หล่นมาอยู่บนไม้ไผ่นี้พอดีเลยค่ะ อิอิ


ตอนที่ check out ออกไป ทางรีสอร์ทมีของฝากให้เป็นสับปะรดกวนสองชะลอมเล็กๆ น่ารักมาก ที่สำคัญอร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณทางรีสอร์ทมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


โดยรวมแล้ว ทริปนี้มีความสุขมากที่ได้พักที่นี่ ชอบแบบห้องพักสวยดี บรรยากาศดี ร่มรื่น ชายหาดก็สะอาดมากๆ

อาหารเช้าถึงจะจัดเป็นเซ็ต แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะทานพออิ่มและอาหารก็อร่อยดีค่ะ

พนักงานเอาใจใส่แขกดี มีบริการรถจักรยานให้ฟรีอีก ชอบมาก ตอนเราออกไปซื้อปูก็ปั่นจักรยานไปแหล่ะ สนุกดี (แต่เหนื่อยมาก) อิอิ


อ้อ... เสียอย่างเดียว ไม่มีบริการยกกระเป๋ามาให้ที่ห้องค่ะ

หรืออาจจะมีบริการให้เฉพาะเด็กและคนชราอย่างเดียวรึเปล่าไม่รู้นะ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ


แต่โดยรวมแล้ว ประทับใจกับรีสอร์ทสวยๆ ที่นี่ค่ะ... Vartika Resovilla Kuibui

ขอบคุณสำหรับการติดตามและทุกกำลังใจ คิดว่ารีวิวที่พักที่นี่อาจจะพอเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ต้องการหาที่พักที่สวยและสงบเงียบนะคะ

My Phuphing

 วันพฤหัสที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.07 น.

ความคิดเห็น