รีวิวนี้ปิงจะพาไปเที่ยว ' ภูเก็ต ' แบบครบรส !

ตั้งแต่กินอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ นั่งร้านกาแฟ ไปเที่ยวเกาะชิคๆ

ถึงจะเคยรีวิวจังหวัดนี้ไปแล้วใน https://goo.gl/y9oPB9

แต่ปิงรับรองว่าครั้งนี้ไม่ซ้ำกับครั้งที่แล้ว และแซ่บกว่าเดิมแน่นอนนน

เพราะภูเก็ตมีอะไรให้ทำเยอะ มีของอร่อยให้กินเพียบ

ใครมีที่ใหม่ๆก็เอามาแนะนำปิงได้ในเพจนะคะ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/



ค่าใช้จ่ายตลอด 3 วัน 3 คืน ( ต่อคน , ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน )

1. ค่าที่พัก 1,245 บ. ( 2 คืน ห้อง 4 beds mixed ที่ Hao Hostel 660 บ.

+ 1 คืน ห้อง superior ที่ O'nya Hotel 585 บ. )

2. ค่า airport bus ไป – กลับ สนามบิน – เมืองภูเก็ต 200 บ.

3. ค่าทัวร์ one day trip เกาะไม้ท่อน 2,800 บ.

4. ค่าทัวร์ดูพระอาทิตย์ตกบนเรือยอร์ช เกาะเฮ – แหลมพรหมเทพ 1,900 บ.

5. ค่ากิน 860 บ.

*** รวม 7,005 บ. ( ส่วนใหญ่เดินเที่ยว จะมีค่ารถจากที่พักไปท่าเรือยอร์ช

ค่ารถไปร้านหมอมูดง และ ค่ารถไป Cafe Del Mar ที่ไม่รวมอยู่ในนี้

เพราะเพื่อนคนภูเก็ตขับรถพาไป ถ้าเพื่อนๆอยากประหยัดกว่านี้ก็เลือก

ไปทริปใดทริปหนึ่งระหว่างเกาะไม้ท่อนกับเกาะเฮ ) ***


ความจริงทริปนี้ปิงไป 4 วัน แต่วันแรกไปถึงสนามบิน 5 โมงเย็น

มาถึงที่พักเกือบ 2 ทุ่ม เลยขอนับเป็น 3 วัน 3 คืน แล้วกันนะ


จากสนามบินปิงกับเพื่อนนั่ง Airport Bus มาลงที่ บขส. ภูเก็ต

100 บ. แล้วเดินต่ออีกไม่กี่ก้าว ก็ถึงที่พักของพวกเรา.. ' Hao Hostel '



ก่อนไปกินมื้อค่ำ ขออธิบายเกี่ยวกับ ' Hao Hostel ' คร่าวๆก่อนว่า

โฮสเทลนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังดี ใช้สีขาวเป็นหลัก ทำให้ดูสะอาดตา

จะมีถ้วยรางวัล เสื้อ หมวก และ อุปกรณ์เกี่ยวกับจักรยานตกแต่งอยู่รอบๆ

เพราะเดิมทีพี่หาว เจ้าของที่นี่ เขาตั้งใจทำโฮสเทลสำหรับนักปั่น

แต่ตอนนี้ก็ตอบโจทย์คนที่มาพักทุกกลุ่มนะ เพราะที่พักทำเลดี เที่ยวสะดวก

มีเซเว่นใกล้ๆ และ เดินไปถนนถลางได้ ประมาณ 12 นาที ค่ะ

( ขออนุญาตเอารูปที่ถ่ายตอนกลางวันมาใช้ อิ_อิ )



ห้องพักมีหลายแบบ หลายราคา

ช่วงนี้มีโปรโมชั่นอยู่ด้วย คือ

8 Beds Mixed Room 300 บ. / คน / คืน

4 Beds Mixed Room 330 บ. / คน / คืน

4 Beds Female Room 350 บ. / คน / คืน

และ Private Room สำหรับคนมีคู่ 700 บ. / คืน

** ราคาไม่รวมอาหารเช้า แต่บริเวณส่วนกลาง

มีขนมปัง เครื่องปิ้ง และ โอวัลตินให้บริการฟรี **

ถ้าเพื่อนๆสนใจ สามารถจองผ่าน inbox ในเพจโฮสเทลได้เลย

https://www.facebook.com/HaoHostel/inbox/



ก่อนจะหิวไปมากกว่านี้ เราไปหามื้อค่ำทานกันดีกว่า !

มีคนภูเก็ตกระซิบมาว่า แถวที่พักเรามีร้านข้าวอร่อย ชื่อ ' ร้านนายยาว '

เราก็ต้องไปลองซะหน่อย.. เมนูแนะนำของร้านนี้คือ ไก่แป๊ะซะ ต้มยำกุ้ง ปลาน้ำแดง

ร้านนี้เปิดมากว่า 70 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเมนูอื่นๆก็รับประกันความอร่อยนะ : )

ร้านอยู่บนถนนคณิตหงษ์หยก เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น. มาโดนกันได้




กินเสร็จสามทุ่มกว่า กลับไปนอน ตื่นมากินอีกแล้ว ฮ่าๆ

เช้าวันที่สอง เราไป start ที่ ' ร้านบุญรัตน์ ' ค่ะ

ร้านนี้เป็นร้านขายติ่มซำเจ้าเก่าของภูเก็ต ทำต่อกันมา 4 รุ่นแล้ว

โชคดีที่ร้านอยู่ใกล้กับที่พัก เดินแค่ 5 นาทีก็ถึง


ร้านบุญรัตน์เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงประมาณ 10 โมง 11 โมงค่ะ

เราไปถึง 9 โมงก็มีของให้เลือกน้อยแล้ว แง T_T

แต่ก็รับประกันความอร่อยทุกอันที่สั่งมา

ร้านมี 3 สาขา ดูที่อยู่ได้ในลิงก์นี้ได้เลย

http://www.boonratdimsum.com/branch_th.htm

มาไม่ถูก โทร 076 – 212 – 034 จ้าาาาา




อย่าเพิ่งตกใจว่า เห้ย มาสองคน มันกินแค่นี้เองหรอ..

( ทั้งหมดในรูปหาร 2 แล้ว ตกคนละ 52 บ. )

พวกเราเก็บท้องไว้กินต่อที่ ' ร้านข้าวต้มหมูภูเก็ต ' ตรงสี่แยกแถวน้ำค่ะ

ถึงจะชื่อร้านข้าวต้มหมู แต่ทีเด็ดของร้านเขาอยู่ที่เมนูอื่น นั่นก็คือ..

หมี่สั่ว ! หมี่สั่วเป็นเส้นหมี่ปรุงรส ทานคู่กับหมูสับ กระดูกหมู ไข่ลวก

บางคนก็สั่งเครื่องใน + เลือดหมูเพิ่มด้วย มีทั้งแบบแห้งและแบบน้ำค่ะ

เราสั่งแบบแห้งไป ราคา 45 บ. เหยยยยยยยยยยย มันอร่อยมาก !

ชั้นมาภูเก็ต 4 -5 รอบ ทำไมชั้นเพิ่งมารู็จักสิ่งนี้ *O*

ร้านเปิดทุกวัน 6.00 – 11. 00 น. เบอร์ติดต่อ 076 – 211 – 472

มาค่ะ มาลอง แล้วจะติดใจ ( ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมาให้ ขอโทษน้า )



กินคาวเสร็จแล้ว เราไปกินหวานกันต่อค่ะ

จากสี่แยกแถวน้ำ เพื่อนๆก็เดินเข้าถนนถลางได้เลย

ใครยังไม่เคยมาเดินย่านนี้ก็ถ่ายรูปตึกสวยๆกันไป

ใครเคยมาแล้ว ตรงไปที่ซอยรมณีย์ด่วนๆค่ะ



ถึงแล้ว ' Torry's ice cream boutique '

ตัวร้านด้านนอกเป็นสีชมพูน่ารักมากกกกก

ด้านในตกแต่งด้วยสีเหลือง น้ำตาลเป็นหลัก

ร้านนี้ขายไอศกรีม และ ของหวานเย็นๆหลายอย่างเลย

อากาศร้อนๆอย่างนี้ไม่แวะไม่ได้แล้ว

เราเลือกอยู่นานว่าจะสั่งอะไรดี จนเหลือบไปเห็นมาการองไอศกรีม

เห้ย ! น่ามาก ! จัดไปรสกุหลาบ – วานิลลา ราคา 95 บ.

ชิ้นใหญ่พอสมควร สั่งมาแบ่งกันกินสองคนได้



พวกเรานั่งแช่แอร์อยู่ในร้านนี้สักพัก ก็ออกไปเดินเล่นต่อแถวถนนพังงา

ทีแรกกะว่าจะหาที่เที่ยวต่อในเมืองอีก แต่ฝนดันตกซะงั้น

พวกเราเลยหาที่หลบฝน พอฝนซาก็รีบกลับที่พักไปอาบน้ำแต่งตัว

ก่อนที่เพื่อนจะมารับไปส่งที่ท่าเรือ เพื่อจะไปเกาะเฮ – แหลมพรหมเทพ ตอนบ่ายสาม



นี่เป็นการล่องเรือยอร์ชครั้งแรกของเราค่ะ

เราเลือกไปกับ ' Zea Sailing ' เป็นบริการเรือยอรช์เหมาลำ

เรือลำหนึ่งจุได้มากสุด 15 คน อย่างโปรแกรมที่เราเลือก ราคา 19,000 บ.

หารกัน 10 คน ก็ตกคนละ 1,900 บ. ราคานี้คือรวมอาหารเย็นบนเรือ เครื่องดื่ม

และ ทีมงานที่คอยดูแลพวกเราแล้ว เทียบกับรูปชีวิตดีๆที่ได้มาคือคุ้มสุด ฮ่าๆ

ถ้าใครสนใจก็ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.zeasailingphuket.com

หรือโทร 095 – 281 -1858 ค่ะ เขามีโปรแกรมไปเกาะอื่นๆอีก

ส่วนตอนนี้ ออกเรือเลยค่ะพี่ : D



ถ่ายรูปให้ครบทุกซอกทุกมุมนะจ๊าาาาา



ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พวกเราก็มาถึงเกาะเฮแล้วค่ะ

จุดนี้พี่ไกด์จะให้พวกเราเลือก ใครอยากลงไปดำน้ำก็ได้

ใครจะขึ้นไปเดินเล่นถ่ายรูปบนเกาะก็ได้ ซึ่งเราเลือกอย่างหลัง

แล้วค่อยไปดำน้ำที่อีกจุดหนึ่งแถวแหลมพรหมเทพค่ะ



ไปต่อกันที่แหลมพรหมเทพค่ะ

ตอนพวกเรามาถึง พระอาทิตย์ยังไม่ตก

พวกเราเลยถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ ดำน้ำ

แล้วขึ้นมาทานมื้อเย็นบนเรือ



ที่ชอบคืออาหารทุกอย่างที่เขาเสิร์ฟให้เรา เขาทำสดๆบนเรือค่ะ

กุ้ง หมึก ปลา น้ำจิ้ม จัดเต็มมากกกกกกกก

ตอนกินอาจจะมึนหัวนิดนึง เพราะเรือจะโคลง

ใครรู้ตัวว่าเมาเรือง่าย รีบขอยาแก้เมาเรือไว้ก่อนเลยนะ



ได้เวลาไปรอดูพระอาทิตย์ตกแล้ว

อย่างที่บอกว่าเมื่อเช้าฝนตก ตอนบ่ายเมฆก็เยอะ

เราก็ลุ้นค่ะว่าวันนี้จะได้เห็นพระอาทิตย์มั้ย

แล้วสุดท้ายนางก็โผล่มาาาาาาาาาา เย้ !

กดชัตเตอร์รัวๆ ทั้งรูปคนทั้งรูปวิว



ส่วนตัวคิดว่าทริปนี้คุ้มมาก จ่ายคนละไม่ถึง 2,000 บ.

ได้ไปดำน้ำ ดูพระอาทิตย์ กินข้าว และ ถ่ายรูปชิคๆบนเรือยอร์ช

ใครมีโอกาส อยากให้มาลองสักครั้งนะ <3

ส่วนตอนนี้ ปิงขอไปพักก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเกาะไม้ท่อนอีกค่ะ สู้ !


เช้าวันที่สอง รถตู้ของ ' Love Andaman ' มารับเราที่ที่พักตอน 9 โมง

พวกเราเอาของออกมาเลย เพราะเย็นนี้จะให้รถตู้ไปส่งที่ที่พักใหม่

( บ๊ายบาย Hao Hostel แล้วเจอกันใหม่รอบหน้าน้า )

จริงๆก่อนรถมารับเราก็กินข้าวต้มแถวที่พักแล้วแหละ

แต่ท่าเรือของ Love Andaman เขาก็มีของว่าง เครื่องดื่มไว้บริการ

แล้วทำไมเราจะไม่เอาล่ะ ฮ่าๆ



นอกจากทริปนี้จะเป็นการไปเกาะไม้ท่อนครั้งแรกของเราแล้ว

ยังเป็นการไปกับ Love Andaman ครั้งแรกด้วย

ที่ชอบคือ เรือ ! จากที่เคยไปทัวร์ดำน้ำมาพอสมควร

เรือของที่นี่นั่งสบายสุด เพราะมันกว้าง และ

ทุกคนนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ ทำให้ไม่มึน ไม่เมาเรือค่ะ

จากท่าเรือไปเกาะไม้ท่อนใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที

รวดเร็วมากกกกกกกกกกกกก !



โปรแกรมหลักๆของวันนี้ คือ ดำน้ำที่จุดแรก

เดินเล่น ถ่ายรูปรอบๆเกาะ ก่อนจะทานบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยง

ขึ้นไปจุดชมวิวเกาะไม้ท่อน และ ปิดท้ายด้วยการดำน้ำจุดที่สอง

แต่เนื่องจากเมื่อวานเราตากฝน และ ไปดำน้ำต่อ เลยไม่ค่อยสบาย

วันนี้เลยไม่ได้ดำน้ำค่ะ เดินถ่ายรูปบนเกาะอย่างเดียว

เกาะไม้ท่อนเป็นเกาะไพรเวท มีที่พักที่เดียว มีทัวร์มาลงแค่ 3 เจ้า

ทำให้เกาะสะอาด และ สงบ เหมาะจะมากับแฟนมากกกกๆ

ไปดูรอบๆกันเลยดีกว่าเนอะ : )



ใครอยากเช่าเรือคายัคก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ

หรืออยากนั่งเล่น นอนเล่น เขาก็มีชิงช้าให้หลายจุด



จุดที่คนจะชอบไปถ่ายรูปคือตรงนี้..

มีศาลาชิคๆ ล้อมรอบด้วยโขดหิน และ น้ำใสๆ



ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วววววววววววววว

บอกเลยว่าไลน์อาหารของที่นี่อลังการมาก

กับข้าวตักได้เรื่อยๆเลย มีกุ้ง หมึก บริการไม่อั้น

มีขนม เค้ก ชิ้นเล็กๆ มีโอ้เอ๋ว ( ขนมพื้นเมืองของภูเก็ต )

น้ำผลไม้ปั่น และ อิตาเลี่ยนโซดา ซึ่งไม่คิดค่าบริการเพิ่ม



กินอิ่มแล้ว นั่งย่อยแป๊ปนึง พี่ไกด์ก็พาพวกเราเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวค่ะ

ทางขึ้นไปจุดชมวิว ลาดชันปานกลาง เดินระวังๆกันด้วยนะ

แต่พอขึ้นไปก็จะหายเหนื่อยเอง เพราะวิวสวยยยยยยยยย

มีบางมุมที่ต้นไม้บัง แต่รวมๆก็ประทับใจ <3



เกือบลืมบอกไป เกาะไม้ท่อเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นฝูงโลมา

พวกเขาจะอาศัยอยู่แถวนี้ ตอนเช้าที่คนอื่นไปดำน้ำกันก็บอกว่าเห็นน้องโลมาว่ายอยู่

นี่เสียดายเลยจ้าาาาาาาาา ไว้รอบหน้ามาแก้ตัวใหม่

พอลงจากจุดชมวิว เขาก็ไปดำน้ำจุดที่สอง ( หน้าหาด ) กันอีกประมาณ 30 นาที ค่ะ

พี่ไกด์บอกว่าจุดนี้จะมีปลาการ์ตูนอยู่เยอะ เราก็มองอยู่ห่างๆ

ทุกคนดูเอนจอยมากมาก : D



กินติมรอ ฮ่าๆ



พวกเราออกจากเกาะไม้ท่อนประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ

พอไปถึงท่าเรือก็มีรถตู้มารอรับเลย ไปค่ะพี่ มุ่งหน้าสู่ ' O'nya Hotel ' ค่ะ



' O'nya Hotel 'เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่ใกล้ index, Big C และ Central ภูเก็ต

จุดเด่นของที่นี่คือการตกแต่งสไตล์ชิโน ที่เราเดาว่าหลายๆคนต้องหลงรัก

เพราะมันอบอุ่น และ ลงตัวมากๆ

ข้อดีอีกอย่างคือด้านล่างของอาคารเดียวกัน

มีร้านอาหารอิตาเลี่ยน ร้านอาหารญี่ปุ่น

และห้องอาหารเช้าของโรงแรม เปิดติดๆกัน

ทำให้เรามีตัวเลือกในการกิน โฮะๆ



ที่นี่มีห้อง 2 ประเภท คือ ห้องที่เราพัก.. superior

ราคาเริ่มต้นที่ 1,170 บ. / คืน ( หาร 2 คน ตกคนละ 585 บ. )

และ Deluxe เริ่มต้นที่ 1,710 บ. / คืน ( หาร 2 คน ตกคนละ 855 บ. )

ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.onyaphuket.com/




กรี๊ดกร๊าดกับความน่ารักของห้องเสร็จ

เรากับเพื่อนก็ออกไปหาข้าวเย็นกินใกล้ๆที่พัก

สุดท้ายจบที่ร้านอาหารตามสั่งตรงข้าม Big C

แล้วก็กลับมานอนยาวๆบนเตียงนุ่มๆ : p


ตื่นมาก็วันสุดท้ายในภูเก็ตแล้ว เร็วมาก

เช้านี้พวกเราไปเติมพลังกันที่ห้องอาหารของโรงแรมก่อนเลย

เมนูอาหารเช้ามีให้เลือก 3 เซ็ต คือ เซ็ตไข่คน ไข่กระทะ และ ข้าวผัด

จริงๆห้องอาหารนี่ ไม่ต้องเข้าพักก็มาทานได้นะ ร้านน่ารักกกก



เหมือนเดิมคือ เรากับเพื่อนกินน้อย

เพื่อจะเก็บท้องไปกินของอร่อยต่อในเมือง

จากที่พักพวกเราเดินไปเรียกมอเตอร์ไซค์ที่ Big C

เข้าเมือง คนละ 60 บ. แพงกว่ารถสองแถว แต่ก็ไม่ต้องรอ

แป๊ปเดียวก็ถึง ' ร้านโกปี้เตี่ยม ' บนถนนถลางแล้วค่ะ



มาเที่ยวภูเก็ตทีไรก็เดินผ่านร้านนี้ แต่ไม่เคยได้เข้ามานั่ง

รอบนี้ได้เข้ามา เห้ย ! มันดีอ่ะ มันมีความย้อนยุค

ร้านตกแต่งได้สวยงาม เป็นแบบจีนผสมภูเก็ต

โกปี้เตี่ยมขายตั้งแต่เครื่องดื่ม ของหวาน ของคาว

แต่แนะนำถ้ามาเดินเล่นถนนถลางอากาศร้อนๆ

ให้เข้ามาสั่งน้ำเย็นๆ อย่างเราโดนเมนูชานมอัญชันไป

น่ารักมาก เป็นสีฟ้าม่วง เดาว่าผู้หญิงหลายคนน่าจะชอบ <3



ร้านเปิด 11.00 – 21.00 น. แต่จะปิดแป๊ปนึงตอน 17.00 – 18.30 น.

( หยุดวันอาทิตย์ ) นี่เบอร์โทรค่ะ 083 – 606 – 9776


มาต่อกันที่ ' Macchiato House ' ร้านกาแฟชิคๆอีกร้านบนถนนถลาง

รีวิวที่แล้ว ปิงพาไป ' ร้านหนังสือ ' มาแล้ว คราวนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

Macchiato House มีทั้งโซน indoor และ outdoor ค่ะ

ร้านตกแต่งด้วยสีขาว ครีม น้ำตาล เป็นหลัก

ภายในร้านจะมีรูปภาพ / งานศิลปะอาร์ตๆติดอยู่

ร้านเปิดทุกวัน 8.00 – 21.00 น. แวะมาจิบกาแฟได้เด้ออออ

แปะเพจของร้านไว้ให้ https://www.facebook.com/MacchiatoHouse/



ไปกันต่อค่ะ ตัวไม่แตกไม่กลับกรุงเทพฯ ฮ่าๆ

จากถนนถลาง พวกเราเดินมาที่ ' ร้านแป๊ะหลี่ '

เป็นรถเข็นเล็กๆที่ขายขนมพื้นเมืองของภูเก็ต

อยู่ในตรอกสุ่นอุทิศบนถนนเยาวราช

ขายดิบขายดี จนส่งต่อกิจการมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว


เมนูที่เราสั่ง คือ โอ้เอ๋ว

ส่วนประกอบหลักๆคือวุ้นใสๆด้านล่าง กับ น้ำแข็งใสด้านบน

ทานคู่กับเฉาก๊วย ถั่วแดง หรือ ผลไม้อื่นๆ ราคาถ้วยละ 15 – 20 บ.

ร้านแป๊ะหลี่เปิดบ่าย ปิดเย็น ( ไม่รู้เวลาที่แน่นอน )

นี่เบอร์ติดต่อค่ะ 086 – 940 – 2042

ป.ล. ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านอีกแล้ววววว อย่าโกรธเค้าเลยยย :'D



วันนี้พวกเราทำเวลาดีมากค่ะ ยังมีเวลาเที่ยวอีกเยอะ

เพราะว่ากลับไฟล์ทดึก เราเลยหาที่นั่งเม้ารอเพื่อนภูเก็ตมารับ

ประมาณบ่ายสองครึ่งนางก็มา แล้วพวกเราก็พุ่งตัวไปที่ ' ร้านหมอมูดง '

หมอมูดงเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลย เราชอบมาก !

ใครอยากลองอาหารแบบบ้านๆสไตล์ภูเก็ตแท้ๆต้องมา

เมนูแนะนำคือ หมูคั่วเกลือ ปลายัดไส้ ผักเหมียงผัดไข่

ร้านตกแต่งเหมือนกระท่อมริมกลอง แทบทุกโต๊ะจะได้นั่งในศาลาน่ารักๆ

ที่มีทั้งเก้าอี้คู่กับโต๊ะสูง และ หมอนนั่งพื้นคู่กับโต๊ะต่ำ

ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับรสชาติ รับรองว่าถูกใจจจจ <3

ร้านอยู่ในซอยป่าหล่าย ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ติดกับคลองมูดง

เปิด 10.00 – 21.30 น. โทร 076 – 282 – 302 ได้เลยยยยยยยยย



สถานที่สุดท้ายของวันนี้ และ ของทริปนี้.. ' Cafe Del Mar '

เป็นทั้งบาร์และร้านอาหาร อยู่ที่หาดกมลา ค่ะ ( ต้องมีรถส่วนตัวนะ ไกลนิดนึง )

ถึงจะเปิดได้ไม่นาน แต่ก็ติดอันดับบาร์ที่ต้องมาในหลายเว็บไซต์

เพราะนอกจากบาร์เก๋ๆจะอยู่ติดหาดมองเห็นพระอาทิตย์ตกตอนเย็นๆแล้ว

ด้านในยังมีสระว่ายน้ำไว้สำหรับจัดปาร์ตี้

เรียกได้ว่าที่นี่เหมาะสำหรับทั้งสายชิลและสายแดนซ์

ดูตารางปาร์ตี้อีเว้นท์ได้ในเว็บไซต์ http://cafedelmarphuket.com/

หรือโทรติดต่อ 063 – 081 – 2488




3 วัน 3 คืน หมดแล้วจริงๆหรอ ? หมดจริงอ่ะ ? แง

แล้วเจอกันใหม่รอบหน้านะภูเก็ต จะมาเที่ยวจนกว่าจะครบ ฮ่าๆ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่มีแพลนจะมาเที่ยวภูเก็ตไม่มากก็น้อย

ถ้ารีวิวนี้ไม่จุใจ ไปดูต่อได้ใน https://goo.gl/y9oPB9 ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามน้า แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า : )




ติดตามรีวิวอื่นๆของเราได้ที่ http://blissoutthere.com/

เข้ามาพูดคุย เม้ามอยกันได้ที่ https://www.facebook.com/BlissOutThere/

บ๊ายบายยยยยยยยยย <3

Bliss Out There

 วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.51 น.

ความคิดเห็น