.

.

สำหรับผม การจะเลือกที่พักสักแห่งในทริปที่ผมจะไป ผมจะคำนึงถึงทำเลที่ตั้งของรีสอร์ท จะต้องค่อนข้างสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากความเจริญมากนัก ที่สำคัญ ราคาของห้องพักต้องไม่สูงเกินไป แล้วบ้านสับปะรดก็ตอบโจทย์เรื่องที่พักบนเกาะเสม็ดของผมได้ทุกข้อครับ

บ้านสับปะรด เป็น 1 ใน 7 ในเครือเสม็ดรีสอร์ท ซึ่งราคาที่ทำการจอง จะรวมค่าเรือไปกลับ บ้านเพ-เสม็ด-บ้านเพ , รถรับ-ส่ง ท่าเรือ-รีสอร์ท-ท่าเรือ และค่าเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เรียกได้ว่าจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวก็ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องการหาพาหนะในการเดินทางไปยังรีสอร์ทครับ

สำหรับการเดินทางไปยังท่าเรือเสรีบ้านเพ ซึ่งเป็นที่ขึ้นเรือของเครือเสม็ดรีสอร์ท ไปไม่ยากครับ เริ่มจากตัวเมืองระยอง มุ่งหน้าไปที่บ้านเพ เมื่อถึงแยกอ่าวเพ ให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับรถตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสามแยก จะมองเห็นท่าเรือเสรีบ้านเพอยู่เยื้องๆ สามแยกทางซ้ายมือครับ

เรือที่จะไปเกาะเสม็ดจะมี 3 รอบต่อวัน คือรอบ 11.00 น., 13.30 น. และ 16.00 น. หากเดินทางมาไม่ทัน สามารถไปกับเรือด่วนของทางรีสอร์ทได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนะครับ

เมื่อเข้ามาถึงท่าเรือ จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสัมภาระที่เราจะเอาข้ามไปด้วย จากรูปจะอยู่ตรงอาคารด้านซ้ายมือ สามารถเอาของที่จะข้ามไปบนเกาะมาวางรวมกันตรงจุดนี้ได้เลย เจ้าหน้าที่จะทำการติดแทคกระเป๋า และลำเลียงกระเป๋าขึ้นเรือพร้อมไปส่งยังรีสอร์ทเลยครับ เพียงแต่เราจะต้องเก็บต้นขั้วของแทคเอาไว้ดีๆ เพื่อไปแสดงตัวตอนรับกระเป๋าเท่านั้นเอง สำหรับผู้ที่เอารถยนต์มา ทางรีสอร์ทได้จัดเตรียมที่จอดรถไว้ให้ด้านหลังอาคารด้านซ้ายมือเช่นกันครับ

จากจุดนี้จะมีรถคอยบริการนำลูกค้าไปส่งยังท่าเรือครับ สะดวกสบายจริงๆ

บริเวณท่าเรือ

เกาะข้างหน้าคือเกาะเสม็ดครับ

เพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเกาะเสม็ดแล้วครับ ท่าเรือของเสม็ดรีสอร์ทจะอยู่ข้างๆ ของท่าเรือที่มีหลังคาสีน้ำเงินนะครับ จุดนั้นเป็นที่ขึ้นเรือของเรือสาธารณะครับ

เมื่อเรือเทียบท่า จะมีเจ้าหน้าที่ประจำโรงแรมในเครือเสม็ดรีสอร์ทชูป้ายคอยต้อนรับ ใครพักรีสอร์ทไหนก็ให้สังเกตป้ายดีๆ นะครับ เพราะแต่ละรีสอร์ท จะแยกกัน ณ จุดนี้ครับ

จากนั้นก็จะมีรถที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ (รถปิคอัพสองแถวไม่มีหลังคา) มารับไปส่งยังรีสอร์ทครับ

มาดูแผนที่เกาะเสม็ดกันสักหน่อยนะครับ จะเห็นว่าบนเกาะเสม็ด จะมีรีสอร์ทในเครือเสม็ดรีสอร์ทอยู่ 7 แห่ง คือ Paradee, Le Vimarn, Ao Prao Resort, Samed Club, Baan Ploy Sea, Baan Supparod และ Sai Kaew Beach Resort ครับ

จากท่าเรือ นั่งรถประมาณ 10 นาที ผ่านหาดทรายแก้ว แล้วรถก็มาส่งที่บ้านสับปะรดครับ

กำแพงเหลืองสีโดดเด่นขนาดใหญ่เขียนบอก “Baan Sup Pa Rod"อยู่ติดถนน รับรองไม่มีขับรถเลยอย่างแน่นอนครับ เมื่อเลี้ยวมาตามทางเข้า จะรับรู้ถึงความร่มรื่นด้วยเงาไม้ขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่บริเวณทางเข้า รถมาจอดสนิทอยู่บริเวณลานจอดรถหน้ารีสอร์ทครับ

จากหน้าป้ายรีสอร์ทเดินไปประมาณร้อยเมตรก็จะถึงลอบบี้ครับ ผนังกำแพงสีเหลืองที่ตกแต่งด้วยกิ่งไม้ขนาดใหญ่ พอจะบ่งบอกถึงความชิคของที่นี่ได้เป็นอย่างดี

ด้านข้างของลอบบี้จะมีชานระเบียงไม้ที่ตกแต่งแบบง่ายๆ ด้วยพันธุ์ไม้ประเภทเฟิร์นนำมาเกาะติดกับต้นไม้ใหญ่ ดูร่มรื่นดีครับ พื้นที่ส่วนนี้สำหรับให้แขกได้นั่งพักผ่อนครับ

หรือถ้าใครชอบแนวสีสันสดใส ก็มีมุมสุดเก๋ไว้ให้นั่งพักผ่อนเหมือนกันครับ

ถัดจากมุมนั่งพักผ่อน จะเป็นพื้นที่สำหรับให้นั่งทานอาหารครับ ตกแต่งด้วยชุดเก้าอี้สีเจ็บๆ โดนใจวัยรุ่นแน่นอนครับ

ระหว่างทำการ Check in จะมี Welcome drink เป็นชาดำเย็น เดินทางมาเหนื่อยๆ เจอชาดำเย็นแบบนี้ ยอมรับว่าสดชื่นขึ้นเยอะเลยครับ ติดที่ดื่มยังไม่ทันหายกระหาย ชาดำเย็นก็หมดซะก่อน จะขอเพิ่มก็เกรงจะดูไม่ดีครับ อิอิ

บ้านสับปะรดเป็นรีสอร์ทน้องใหม่ในเครือเสม็ดรีสอร์ท ที่ราคาไม่สูงเกินเอื้อม เพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือนตุลาคม 2556 ครับที่นี่เน้นความเรียบง่าย ความสะดวกสบายในการพักผ่อนบนชายหาดหินของอ่าวสับปะรด ที่นี่ห่างจากหาดทรายแก้ว ซึ่งเป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมที่สุดบนเกาะเสม็ดก็ว่าได้ เพียงการเดินเท้าประมาณ 10 นาที Concept ของบ้านสับปะรด ประมาณ เสม็ดเมื่อวันวาน ครับ

บ้านสับปะรดได้ทำการปรับปรุงบ้านพักของรีสอร์ทเก่าที่ขายกิจการให้เสม็ดรีสอร์ท โดยการปรับปรุงห้องพักยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรีสอร์ทเดิมเอาไว้ทุกอย่าง ตัวบ้านพักถูกแปลงโฉมให้เป็นสีขาว แต่ภายในถูกตกแต่งใหม่หมด ด้วยสีสันจัดจ้าน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม ดูน่ารักดีครับ ส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่เห็นจะมีอาคารบริเวณลอบบี้เพียงแห่งเดียว

บ้านพักของบ้านสับปะรดจะมีทั้งหมด 32 หลัง ประกอบด้วยห้อง Garden View Cottage (พักได้ 2 คน) จำนวน 20 ห้อง, ห้อง Garden View Cottage Triple (พักได้ 3 คน) จำนวน 3 ห้อง, Sea Side Cottage (พักได้ 2 คน) จำนวน 6 ห้อง, Family Room (พักได้ 6 คน) จำนวน 1 ห้อง และ Resident Room (พักได้ 2 คน) อีกจำนวน 2 ห้องครับ

มาดูห้องแบบ Garden View Cottage กันก่อนครับ อย่างที่บอกห้องพักแต่ละห้องจะถูกทาสีเป็นสีขาว ด้านหน้าของห้องพักจะมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวสวนที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ ดูสดชื่นมากๆ ครับ

สำหรับด้านในห้องทาสีสดใส ห้องพักประเภทนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ภายในมีทีวี ตู้เย็น โทรศัพท์ ไดร์ฟเป่าผม และราวตากผ้า ในห้องไม่มีพื้นที่สำหรับให้เขียนหนังสือนะครับ แต่สามารถออกมานั่งเขียนนั่งอ่านหนังสือที่ระเบียงหน้าห้องได้

สำหรับห้องน้ำ แยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง โดยทำเป็นพื้นที่ต่างระดับ มีม่านกั้นให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์มีสายฉีดชำระให้พร้อมครับ

รีสอร์ทในเครือเสม็ดรีสอร์ททุกแห่ง จะมีเครื่องผลิตน้ำประปาเป็นของตัวเอง ต่างกับรีสอร์ทอื่น ๆ บนเกาะเสม็ดที่จะต้องซื้อน้ำส่วนกลางมาใช้ในรีสอร์ท ผมไม่แน่ใจว่าน้ำส่วนกลางมาจากไหน แต่ผมเห็นมีอ่างเก็บน้ำเล็กๆ อยู่บนเกาะ ไม่แน่ใจว่าน้ำส่วนกลางจะมาจากอ่างเก็บน้ำนี้หรือไม่ ดังนั้นเรื่องน้ำที่ใช้ในบ้านสับปะรดจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดครับ เห็นว่าสะอาดกว่าน้ำกลั่นที่ใส่ในรถด้วยซะอีก

นอกจากนี้รีสอร์ททุกแห่งในเครือเสม็ดรีสอร์ทยังมีเครื่องปั่นไฟด้วยครับ หมดปัญหาเรื่องไฟดับครับ

ต่อไปเป็นห้องแบบ Garden View Cottage Triple พักได้ 3 คน สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงห้องน้ำ เหมือนกับห้อง Garden View Cottage ครับ

ต่อไปเป็นห้องแบบ Resident Room จะมีทั้งหมด 2 ห้องครับ อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีสระว่ายน้ำให้ด้วย ห้องนี้อยู่ติดทะเลเลยครับ

ภายในห้องค่อนข้างกว้างขวาง มีโซฟาให้นั่งเล่น มีพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือ ตกแต่งน่ารักดีครับ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้จะคล้ายๆ กับสองห้องที่แนะนำไปแล้ว คือทีวี ตู้เย็น โทรศัพท์ ไดร์ฟเป่าผม และราวตากผ้า

ด้านหลังของเตียง จะเป็นพื้นที่ในส่วนของห้องน้ำ ห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวาง แยกส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน ห้องอาบน้ำเป็นกระจก สำหรับอ่างล้างหน้ามีให้ 2 อ่างครับ แขกสามารถใช้งานได้พร้อมกัน

สำหรับอีกหลัง การตกแต่งเหมือนกันเลยครับ

ห้อง Family Room ห้องนี้พักได้ 6 คน ผมไม่ได้ถ่ายมาให้ชมครับ เพราะว่ามีแขกอยู่ ห้องนี้จะอยู่ด้านล่างของ Lobby ครับ ที่หน้าห้องมีระเบียงให้นั่งเล่นชมวิวได้ทั้งทะเลและสวนครับ

มาดูห้อง Sea Side Cottage ซึ่งเป็นห้องที่ผมได้พักคืนนี้กันครับ

ยืนยันว่าอยู่ติดทะเลเลยจริงๆเพียงไม่กี่ก้าวจากหน้าห้องก็ถึงทะเลแล้วครับ ตื่นเช้ามา สามารถนั่งที่ระเบียงหน้าห้องชมพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย

ภายในห้องพักใช้โทนสีขาวบริเวณห้องนอน และสีส้มบริเวณห้องน้ำที่ดูฉูดฉาด บวกกับการเล่นสีของหมอนและโคมไฟ ทำให้ห้องดูน่ารักดีครับ สำหรับห้องน้ำที่นี่จะไม่มีประตูนะครับ จะมีเพียงผ้าม่านที่จะแบ่งพื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้น ผมว่าอาจเนื่องมาจากข้อจำกัดในเรื่องขนาดของห้องพัก การตกแต่งจึงต้องพยายามทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และวิธีแบบนี้ผมว่าใช้ได้ผลเลยทีเดียว ห้องพักดูมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น มากกว่าการกั้นผนังถาวรเพื่อแบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องน้ำครับ

เมื่อหันหน้าเข้าหาห้องน้ำ ตรงกลางจะทำเป็นอ่างล้างหน้า ด้านซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนด้านขวาจะเป็นที่อาบน้ำฝักบัวครับ

วิวหน้าห้อง Sea Side Cottage เป็นอย่างที่เห็นในภาพเลยครับ ขอบอกว่าถึงแม้ว่าชายหาดที่นี่จะเป็นหาดหิน แต่จุดนี้เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังด้วยนะครับ จากภาพจะเห็นเรือที่มาส่งนักท่องเที่ยวดำน้ำครับ และบริเวณหาดหินนี้ยังเป็นแหล่งตกปลาได้อีกด้วยครับ

ดูห้องพักกันครบแล้ว เที่ยงนี้ผมมีร้านแนะนำคือ บ้านพลอยเสม็ด ซึ่งเป็นห้องอาหารของบ้านพลอยสี อีกรีสอร์ทหนึ่งในเครือเสม็ดรีสอร์ทครับ

โครงสร้างของบ้านพลอยเสม็ดเป็นไม้ทั้งหมด ดูสูงโปร่ง ออกแบบเป็นรูปปลากระเบน ด้านในจะเป็นลักษณะนั่งกับพื้นห้อยขา จะมีเบาะรองนั่งพร้อมหมอนสามเหลี่ยมให้แขกใช้นั่งพิงหลัง สำหรับโต๊ะจะใช้กระจกเข้ามาเป็นส่วนประกอบครับ

ด้านหน้าของร้านจะมีพื้นที่เป็นลานระเบียงวงกลม และเป็นตาข่ายคล้ายเปล ให้แขกได้นั่งเล่นระหว่างรออาหารครับ

วัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารนั้นถือว่าสดใหม่ครับ จะทานอะไรสามารถชี้ได้เลย


สำหรับอาหาร ทราบมาว่าคุณหมึกแดง ได้มาแนะนำสูตรอาหารต่างๆ ให้กับบ้านพลอยเสม็ดด้วยครับ บ้านพลอยเสม็ดอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือของเสม็ดรีสอร์ท ใช้เวลาเดินจากท่าเรือมาที่ร้านประมาณ 5 นาทีครับ

หลังอาหารกลางวัน ผมไปเดินเล่นที่หาดทรายแก้วครับ

ผมมาลงชายหาด ที่ Sai Kaew Beach Resort อีกหนึ่งรีสอร์ทในเครือเสม็ดรีสอร์ทครับ ผมว่าทรายที่หาดทรายแก้ว ขาว และนิ่มเท้ามากๆ จึงไม่แปลกที่จะมีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันที่นี่มากมาย ที่ Sai Kaew Beach Resort อยู่ห่างจากบ้านสับปะรดไม่ไกลครับ เพียงเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

จากหาดทรายแก้วผมเดินทางต่อไปทางท้ายเกาะ เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่อ่าวกิ่วหน้าใน ในพื้นที่ของ Paradee ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทหนึ่งในเครือเสม็ดรีสอร์ทครับ ช่วงที่ไปบนเกาะกำลังปรับปรุงถนนอยู่ ทำให้ต้องหัวสั่นหัวคลอนกันพอสมควร

ที่ Paradee จะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือฝั่งอ่าวกิ่วหน้านอก จะเป็นโซนที่พัก และอ่าวกิ่วหน้าในจะเป็นโซน Sunset Bar ครับ บริเวณ Sunset Bar เหมาะอย่างยิ่งกับการชมพระอาทิตย์ตกจริงๆ บรรยากาศดีมากๆ ครับ

ที่ Sunset Bar สามารถสั่ง Cocktail มาจิบระหว่างรอพระอาทิตย์ตกได้นะครับ รับรองว่าฟินสุดๆ ครับ

Signature ของที่นี่จะเป็นแก้วซ้ายมือครับ ที่ก้นแก้วจะเห็นเป็นชั้นๆ ของแอลกอฮอล์ สีส้ม และสีเขียว เวลาจะดื่มต้องคนให้เข้ากัน จะได้ Cocktail เป็นสีม่วงครับ แพรวพราวมากสำหรับลูกเล่นนี้

สำหรับลูกค้าที่พักที่ Paradee สามารถนั่งเรือจากบ้านเพ มาขึ้นที่ท่าเรือของ Paradee ได้เลยครับ

ไม่นานนักพระอาทิตย์ดวงกลมโตเริ่มสัมผัสขอบน้ำ และค่อย ๆ หายไป แสงจากดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเส้นของฟ้าเริ่มเปล่งแสงเป็นลำ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี บรรยากาศแบบนี้เกินบรรยายจริงๆ ครับ คงต้องมาชมกับตาตัวเองแล้วจะรู้ว่ามันสวยงามขนาดไหน

หลังสิ้นแสง ผมกลับไปเติมพลังที่บ้านสับปะรดและเก็บบรรยากาศยามค่ำต่ออีกนิดครับ

บริเวณ Lobby ช่วงเปิดไฟครับ

อาหารมื้อเย็นของผมครับ อิ่มต่อเนื่องมาตั้งแต่บ่าย เพราะมื้อกลางวันกว่าผมจะได้ทานก็เกือบบ่ายสองแล้ว มื้อนั้นซัดซะเต็มคราบ เลยอิ่มมาถึงเย็นครับ

หลังอาหารมาเก็บบรรยากาศที่หน้าห้องพักของผมต่อครับ มองเห็นเรือจับปลาหมึกอยู่เยอะพอสมควร คืนที่ผมไปฟ้าเปิด มองเห็นดาวเต็มไปหมด รวมถึงพระจันทร์เสี้ยวข้างแรมที่อยู่ตรงข้ามหน้าห้องผมเลยครับ

คืนนี้หัวถึงหมอน หลับสนิทยันเช้าเลยครับ

ตีห้าครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมตั้งใจจะมาเก็บแสงแรกของวัน แต่ชะโงกหน้าดู ฟ้าเริ่มขาวแล้ว รีบกระโจนตัวลุกจากที่นอนทันทีครับ

โชคยังดีที่ตื่นมาทันช่วงแสงแรกมาพอดี ขี้เมฆกำลังสวยเลยครับ

ไม่นานนักพระอาทิตย์ก็ค่อย ๆ เริ่มปรากฏโฉมให้เห็นครับ ดวงกลมโตมากๆ

บรรยากาศหน้าห้องพักของผมครับ หลังพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แสงสีทองสาดส่องมายังหน้าบ้านพัก ย้อมสีขาวของบ้านพักกลายเป็นสีทองในพริบตา

สำหรับอาหารเช้าไม่รวมในแพคเกจนะครับ ถ้าจะทานต้องสั่งเพิ่มเติมครับ บางครั้งคิดราคาอาหารเช้ารวมในแพคเกจ แต่แขกไม่ทานอาหารเช้า แขกก็จะเสียประโยชน์ไป ทางโรงแรมจึงไม่รวมอาหารเช้าไปในแพคเกจ จึงทำให้ราคาจะถูกลงมาจากที่รวมอาหารเช้าครับ

หลังอาหารเช้า ผมยังพอมีเวลาเหลืออีก 4 ชั่วโมง เลยไปเก็บบรรยากาศเพิ่มเติมที่อ่าวพร้าว อ่าวที่เคยถูกผลกระทบจากคราบน้ำมัน แต่บัดนี้ไม่หลงเหลือรอยบาดเจ็บดังกล่าวแล้วครับ อ่าวพร้าวกลับมาสวย น้ำใสเหมือนเดิม

ผมเดินชมบรรยากาศของอ่าวพร้าวอยู่หน้า Le Vimarn เลยเดินเก็บบรรยากาศของที่พักที่นี่มาฝากด้วยครับ Le Vimarn เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทในเครือของเสม็ดรีสอร์ทครับ

ห้องนี้มองเห็นอ่าวพร้าวมุมสูงด้วย แถมมีอ่าง Jacuzzi ให้แขกได้แช่น้ำไป ดูวิวอ่าวพร้าวไป ฟินสุด ๆ ครับ

จาก Le Vimarn เดินต่อไปอีกหน่อยจนสุดอ่าวพร้าว จะเป็นที่ตั้งของ Ao Prao Resort ครับ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเครือเสม็ดรีสอร์ทเช่นกัน บรรยากาศจะเงียบกว่าทาง Le Vimarn นิดหน่อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาลงเล่นน้ำอยู่บริเวณชายหาดอยู่หน้า Le Vimarn ครับ

ได้เวลาพอสมควรแล้ว ผมคงต้องอำลาเกาะเสม็ดไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับเรือที่จะข้ามกลับไปยังบ้านเพ มี 3 รอบ/วันนะครับ คือรอบ 10.00 น., 12.30 น., และ 15.00 น. ครับ ทางรีสอร์ทจะเตรียมรถเพื่อไปส่งยังท่าเรือ โดยรถจะไปรับที่รีสอร์ทก่อนเรือออกครึ่งชั่วโมงครับ

จากการเข้าพักที่บ้านสับปะรด ผมว่าที่นี่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว เด่นทั้งในเรื่องบรรยากาศที่เงียบสงบ วิวหน้าหาดสวย สามารถว่ายน้ำเล่นได้ถึงแม้จะเป็นหาดหินก็ตาม และที่สำคัญราคาที่ไม่สูงจนเกินไปครับ

ลุงเสื้อเขียว

 วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.32 น.

ความคิดเห็น