ถ้าพูดถึงสระแก้ว ในหัวดูจะว่างเปล่ามากกับสถานที่เที่ยว ตั้งแต่สระแก้วยังเป็นแค่อำเภอหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี จนตอนนี้กลายเป็นจังหวัดสระแก้วแล้วก็ตาม แต่เรากลับรู้จักที่นี่น้อยมาก

ซึ่งครั้งนี้คงจะเป็นโอกาสที่ดีกับการไปรู้จักที่นี่มากขึ้นแม้ว่าจะมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน แต่เราจะรู้จักกันมากขึ้น สระแก้ว จังหวัดที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไร จะไปกลับหรือค้างคืนบอกเลยว่าจะไม่ลืมจังหวัดนี้แน่นอน





เราใช้เวลาออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสระแก้ว ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า หลับกันได้คนละ 1 ตื่น ก็ถึงที่แรกที่เราหลายๆ คนไม่รู้จัก โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ มีคุณบัญชาทรัพย์ ปรีวิลัย วิทยากรปรจำโรงเรียนได้เล่าให้เราฟังว่า ที่นี่เป็นศูนย์อบรมกระบือในการทำนา สอนคนและกระบือให้ใช้ชีวิตร่วมกันตามวิถีของเกษตรกร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำกระบือของตัวเองมาเรียนรู้การทำนา จากกระบือครูได้ โคยมีการฝึกสอน 10 วัน วันที่ 1-5 ฝึกไถในที่แห้ง วันที่ 6-9 ฝึกไถในพื้นที่จริง วันที่ 10 จะมีการประเมินผล ถ้าไม่ผ่านจะต้องเรียนซ่อมอีก 5 วัน และที่นี่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ความรู้แก่เกษตรกรที่สนใจในด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ทั้งการปลูกข้าว การทำบ้านดิน การทำปุ๋ย ฯลฯ

ภายในโรงเรียนแห่งนี้ ยังมีโรงเรือนแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้ทำนาอีกด้วย ที่นี่จะแบ่งพื้นที่ 30-30-30-10 พื้นที่สำหรับเพาะปลูก ขุดสระน้ำ และพื้นที่ทำนา อย่างละ 30 ส่วนและพื้นที่พักอาศัย 10 ส่วน ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่





หลังจากนั้นเราก็นั่งรถเข้าไปชมข้างในและไปดูวิธีการสาธิตการไถนาจากกระบือครู ซึ่งปกติจะมีการสอนโดยให้กระบือครูทำให้ดูแล้วให้กระบือนักเรียนทำตาม แต่ละวันจะให้ไถไม่กิน 6 ชม . และจะสอนช่วงเช้าช่วงที่แดดไม่แรงมาก ที่นี่จะฝึกให้กระบือไถนาช่วงอายุ 2 ปี เพื่อเตรียมไถนาจริงๆ ช่วงอายุ 3 ปี ซึ่งกระบือที่ได้รับการฝึกไถนาแล้วเขาก็จะสามารถไถนาได้ตลอดไป วิทยากรบอกว่าความจำของควายดี อย่าไปด่าว่าโง่เหมือนควายนะ เพราะควายไม่โง่






ที่โรงเรียนกาสากสิวิทย์ยังมีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกอีกด้วย ร้านควายคะนองที่มีชื่อเมนูเครื่องดื่มแค่เห็นก็สนุกละ ทั้งควายคะนองทุ่ง ควายเผือก ความเลี้ยง ส่วนเมนูอาหารเรียบง่ายแต่ใส่ใจในรายละเอียด อย่างข้าวก็ใส่ขมิ้นกลายเป็นสีเหลืองน่ากินมาก เมนูอื่นๆ ที่นี่ก็ใช้ของภายในโครงการทั้งหมด มีน้ำมะพ้าวที่เก็บมาจากต้น หอม สดชื่นมาก และเราก็ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่เย็นชื่นใจคลายร้อนกันไปในช่วงเวลาเที่ยงแบบนี้





หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อไปยังที่ต่อไป ที่นี่จะมีแปลงสาธิตด้านการเกษตร สวนผลไม้นานาชนิด ซึ่งเกิดจากพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาตามแนวเทือกเขาบรรทัด ต่อมาได้ขยายผลสู่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ เหมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต และเรียกขานกันว่า สวนของพ่อ





ต่อจากนั้นเราก็มุ่งหน้ามายังโครงการตามรอยพระราชดำริที่ทรงต้องการปรับปรุงระบบชลประทานในเขตพื้นที่ราบเชิงเขา จนเกิดอ่างเก็บน้ำท่ากระบากขึ้น ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ในการอุปโภค บริโภค ที่นี่จะรายล้อมไปด้วยต้นไม้ทั้งขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีการปลูกประดับเพิ่มเติม จนทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม

ช่วงกลางวันท้องฟ้าสว่างสดใส ก้อนเมฆสีขาวเป็นรูปต่างๆ ราวกับภาพวาด ทำให้เราลืมร้อนไปชั่วขณะ เสียดายที่เราไม่มีเวลามากพอที่จะรอพระอาทิตย์ตก เพราะมีหลายคนบอกว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่งดงาม เราคงต้องมาสัมผัสและดูให้เห็นกับตาสักครั้ง





เราได้แวะชมแปลงไผ่สีสุกแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งที่เสด็จมายังจังหวัดสระแก้ว แค่ได้เห็นต้นไม้ที่พ่อปลูก ทำให้รู้สึกตามเพลงที่เคยได้ยินมาตลอด ทั้งสวย ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่






เราได้แวะไปชมอ่างเก็บน้ำอีกแห่ง คือ อ่างเก็บน้ำช่องกล่ำบนแม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าที่แรก แต่ที่นี่ก็มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีฐานปฏิบัติการหน่อยทหาร ร้อย ร.122 ในอดีตให้ได้เดินขึ้นไปดูด้วย เสียเหงื่อกันไปเล็กน้อย





ซึ่งใกล้ๆ กันก็มีสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จัดตั้งขึ้นมาตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าหายากรวมทั้งที่ใกล้จะสูญพันธุ์อีกด้วย ซึ่งที่นี่ก็มีสัตว์นานชนิด จะดูแลจนสามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ และที่ผ่านมาก็ปล่อยไปเรื่อยๆ ในแต่ละชนิด





หลังจากที่เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน แวะที่โน้น ที่นี่ตลอดทาง จนค่ำ เราก็เข้าเก็บของที่พัก ก่อนที่จะออกมาทานมื้อเย็นกันข้างนอก ท้องเริ่มร้อง สองข้างทางก็มืดสนิท รถก็ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ หลายคนเริ่มบ่นและคาดเดากันไปต่างๆ นานา จนในที่สุดเราก็เห็นแสงไฟ แล้วรถก็จอดพอดี เราทยอยลงจากรถ และได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากเจ้าของไร่ทั้งสอง

ไร่วันจันทร์เพ็ญ อยู่อำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว เป็นของสาว จันทร์เพ็ญ อินทรจักร หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ แชมเปญ เอ็กซ์ กับแฟนหนุ่มกัปตัน แวน วันชาติ ชุมศรี ซึ่งหากใครสนใจอยากจะไปนอนชิวๆ ที่นี่ก็มีให้บริการ แต่เป็นนอนเต้นท์นะ ซึ่งมันก็เข้ากับบรรยากาศที่สุดละ





ที่พักของเราคืนนี้คือ ธนาสิริ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ตั้งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง สปา ฯลฯ ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย สะอาด มีโซนทำครัวเล็กๆ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า และกำลังก่อสร้างห้องพักโซนด้านในเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งน่าจะเป็นโซนที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นไปอีก






ในครั้งนี้ อาสาเที่ยว ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการ ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่เมืองชายแดน ประจำปี พ ..2560 "กิจกรรม การท่องเที่ยวตามเส้นทางพระราชปณิธาน (เส้นทางตามรอยพ่อ)" ณ โพธิวิชชาลัย จังหวัดสระแก้ว

ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้มีความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้จังหวัดสระแก้วเป็นเมืองท่องเที่ยว และเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9

ภายในงานยังมีวิธีการสาธิตผลิตภัณฑ์จากชาวบ้านมาสอนผู้ที่สนใจไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ รวมทั้งการได้เข้าร่วมไถนาที่น้องๆ จากโพธิวิชชาลัยกำลังสอนเพื่อนๆ จากที่อื่นถึงวิธีการและลงมือปฏิบัติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเป็นกันเอง

โพธิวิชชาลัย ได้เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างตามเป้าหมายคือการให้ชาวบ้านในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการศึกษา ช่วยกันออกแบบการศึกษาที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนได้ ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วนานถึง 3 ปี





เราแวะกินอาหารเที่ยงกันที่ เขื่อนพระปรง ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดสระแก้ว เป็นหนึ่งในโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเพื่อกั้นต้นน้ำห้วยพระปรงอันเป็นลำน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดา

ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ มีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะนั่งแพ เล่นน้ำ หรือแวะมารับประทานอาหารก็ทำให้ผู้คนที่มาผ่อนคลายกับบรรยากาศที่นี่ ลมพัดตลอดแม้ว่าแดดจะแรงในช่วงเที่ยงแบบนี้





ที่นี่ไม่น่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ปราสาทสด๊กก๊อกธม เป็น โบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก คำว่าสด๊กก๊อกธม หมายถึง "เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่" ประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง ชั้นในทำด้วยหินทรายรวมทั้งตัวปราสาทด้วย

เป็นสถานที่ที่ไม่มีในแผน แต่กลับได้มาอย่างที่ใจคิด แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่นาน แต่ก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่และความขลังเมื่อครั้งอดีตได้ดีพอสมควร





สอบถามเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก

(พื้นที่รับผิดชอบ: นครนายก,ปราจีนบุรี,สระแก้ว) โทร.0-3731-2282, 0-3731- 2284


ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rsatieow.com

May Macro

 วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.32 น.

ความคิดเห็น