...เมื่อย่างเข้าสู่ green season อย่างเป็นทางการ หลายคนที่ชอบสูดไอดินกลิ่นหญ้าในหน้าฝนคงกำลังมองหาทริปกันอย่างสนุกสนาน สำหรับผมแล้วเมื่อหน้าฝนมาถึงผมมักจะขับรถออกเดินทางไปตามเส้นทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนักเพื่อไม่ให้เหน็ดเหนื่อยจากการขับรถทั้งไปและกลับนานๆ แค่อยากออกไปพักผ่อนสมองชารจ์แบ็ตเบาๆให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานก็เท่านั้น และส่วนใหญ่ผมมักจะหลีกเลี่ยงการเดินทางในวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่จะเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดาแทน ขับรถออกจากกรุงเทพแต่เช้ามืด หรือไม่ก็สายๆ แล้วกลับเข้ากรุงเทพสักช่วง 3-4 โมงเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนอันแสนน่าเบื่อหน่ายของชีวิตคนเมืองกรุง..

...เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี คือจุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้ ขับรถชิลๆออกจากกกรุงเทพแค่ 2 ชมกว่าๆชมทิวทัศน์ 2 ข้างทางมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงตัวเขื่อน ฝนไล่ช้างห่าใหญ่ก็มาต้อนรับกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมนำรถจอดข้างทางในที่ปลอดภัยเพราะทัศนวิสัยไม่ค่อยดี นั่งชมวิวอ่างเก็บน้ำอยู่ในรถ เปิดเเพลง "ฝนตกที่หน้าต่าง"ของเสก โลโซ แค่นี้ก็เกินบรรยายแล้ว

พอฝนเริ่มซาออกเดินทางต่ออีกนิดหน่อย แวะหาอะไรรองท้องที่ร้านอาหารริมเขื่อนสักหน่อยไปเจอร้านอาหารวิวดีอยู่ร้านนึงชื่อร้านอาหาร "ริมแก่ง"บรรยากาศหลังฝนตกที่ร้านอาหารแห่งนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ เบื่องหน้าตรงระเบียงร้านอาหาร มองออกไปเห็นเมฆหมอกไหลเอื่อยๆไปตามทิวเขาที่เรียงรายบนผืนน้ำกว้างใหญ่ แสงสีทองนุ่มๆยามเย็นของดวงอาทิตย์ที่เล็ดลอดออกจากหมู่เมฆช่วยทำให้บรรยากาศน่าหลงใหลยิ่งขึ้น แค่ยืนนิ่งๆกวาดสายตาซึมซับบรรยากาศก็ทำให้ลืมเวลาหิวไปได้ชั่วขณะ

ร้านนี้ความจริงเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในรีสอร์ทชื่อเดียวกัน จึงมีบริการด้านที่พักด้วยราคาห้องพักจะอยู่ที่ 1000 นิดๆมีทั้งแบบบังกาโลกับห้องพักบนตัวตึก (ตอนไปตอนนั้นยังไม่ได้ปรับปรุงตอนนี้ปรับปรุงใหม่แล้ว) หลังจากที่คุยกับทางร้านให้ติดต่อคนขับรถพาขึ้นพะเนินทุ่งในตอนเช้าในราคา 1600 บาท เพราะเส้นทางต้องใช้รถกระบะขึ้นเท่านั้น

เช้าวันถัดมานัดรถมารับตอนตี 5 ระยะทางประมาณ 45 กิโลจากที่ทำการอช.เขื่อนแก่งกระจานไปยังพะเนินทุ่ง

พะเนินทุ่งจะเปิดให้ขึ้นลงวันล่ะ 2 รอบเท่านั้นคือ

  • เวลาขึ้นช่วงเช้าเวลา 05.30- 07.30 . ช่วงบ่ายเวลา 13.00 – 15.00 .
  • เวลาลงช่วงเช้าเวลา 09.00 – 10.00 . ช่วงบ่ายเวลา 16.00 – 17.00 .

ในที่สุดก็ถึงจุดบรการนักท่องเที่ยวพะเนินทุ่ง.ใช้เวลานั่งอยู่บนรถที่โยนตัวไปมาอยู่เกือบ 2 ชัวโมงจากที่ทำการอุทยาน จุดนี้จะมีลานกลางเต้นท์และจุดให้บริการนักท่องเที่ยวที่มีอาหารเครื่องดื่มขาย เดินไปอีกประมาณ 200 เมตรจะเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก กม.30

หลังจากนั้นมาต่อที่จุดชมวิว กม.36 ชมหมอกแบบใกล้ชิดกันยาวๆเลย ทางเข้ามารถพอสวนกันได้ ขากลับต้องไปหาที่กลับรถด้านใน

ขากลับแวะชมวิวตรงบริเวณบ้านพัก อากาศที่นี่ชุ่มชื้นมาก ยืนมองวิวเพลินๆรู้สึกเหนียวๆเท้า ถอดรองเท้าเท่านั้นแหละ เห็นตัวเลย เข้าป่ามาหลายที่ไม่เคยโดนทากกัด มาโดนครั้งแรกก็ที่นี่แหละ แค่เดินออกจากข้างทางไปหน่อยเดียวก็มีน้องทากรอต้อนรับแล้ว


ลงจากพะเนินทุ่งมาถึงลำธารใกล้ๆบ้านกร่างแคมป์ มีฝูงผีเสื้อบินโฉบเฉี่ยวอยู่เต็มไปหมด ถ้ามาช่วงมิถุนาจะได้ชมผีเสื้อไปด้วย แอบเสียดายว่าผีเสื้อสวยๆเหล่านี้คงถูกรถชนตายกันไปหลายตัวทีเดียว

ลงจากพะเนินทุ่งแวะชมวิวทิวทัศน์ตรงสะพานแขวนและจุดกลางเต้นท์ของอช.แก่งกระจาน วิวเบิ้องหน้าสวยงามมาก ยิ่งวันธรรมดาจะได้ความสงบเงียบเป็นพิเศษ ตรงลานกางเต้นท์มีห้องน้ำที่ดูแลอย่างดีมีความสะอาดมาก

ที่นี่ถือว่าเป็นตัวเลือกระดับต้นๆในการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากจากกรุงเทพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยว หากเพื่อนๆคนไหนสนใจลองมาเที่ยวชมทะเลหมอก หรือจะล่องเรือชมเขื่อนจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของบรรยากาศหน้าฝนที่สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลยทีเดียว..


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด







สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.13 น.

ความคิดเห็น