ก่อนอื่นขอดราม่าซักหน่อย นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของผม หลังจากที่อ่านของคนอื่นมานาน อยากลองแบ่งปันดูบ้าง ผิดพลาดยังไงพวกเรายินดีรับคำติชม ครับบ _/\_
ฝากแฟนเพจ และ Blog ของพวกเราด้วยน่ะ Page :https://www.facebook.com/Manudvan
Blog : https://manudvan.wordpress.com/


จุดเริ่มต้นของการเดินทาง . . .
” เห้ย !! พวก ก่อนเรียบนจบเราแบกเป้เที่ยวภูกระดึงกันซักครั้งดีไหม ? ไป ๆ กูไปด้วย กูด้วย (หลายคน) เก็บตังค์รอได้เลย เมื่อถึงวันจอง กูไปไม่ได้ว่ะ ไม่มีตังว่ะ สุดท้ายเหลือผู้ร่วมอุดมการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ 3 คน . . . “

ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 7 วัน 6 คืน 12 – 17 มกราคม 2017 จากภูเก็ต แวะเที่ยวเชียงคาน ต่อด้วยภูกระดึง
การเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการ ของเจ้า หางแดง Air asia ค่าตั๋วไปกลับ 4,327 รวมกระเป๋า 15 KG (1 คน)


Flight ของเราตามกำหนดการคือ 15.05 แต่เนื่องจากมีการซ้อมบินโชว์ของทหารอากาศ เลยทำให้ไฟท์ที่ออกจากดอนเมืองดีเลย์ ทำให้เราต้องเดินทาง เวลา 16.30


ตอนนี้สนามบินภูเก็ตกำลังปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภานในประเทศ ทำให้มีผู้โดยสารค่อนข้างแออัด ใครที่กำลังจะบินจากภูเก็ตก็เตรียมตัวเผื่อเวลา พกพัด มาด้วยน่ะครับ


ถึงเวลาขึ้นเครื่องเราต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องที่จอดรออยุ่อีกฝั่ง เป็น Airbus A320 ที่นั้ง แบบ 3 - 3


แล้วเจ้าหางแดงก็พาเรามาถึงท่าอากาศยานนานชาติอุดร เวลา 18.00 พวกเราจองโรงแรม ประจักรตรา ซิตี้โฮสเทลเอาไว้ ทางโรงแรมมีบริการ รถรับส่ง สนามบิน ฟรี มาถึงเจ้าหน้าที่จาก โรงแรมก็มารออยุ่แล้ว นี่คือรถที่จะพาพวกเราไปที่พักครับ


ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินถึงที่พักประมาณ 15 นาที พวกเราจองที่พักผ่าน Booking.com ในราคา 850 บาท รวมอาหารเช้า แต่พวกเรามากัน 3 คนเลยต้องเพิ่มเตียงเสริม ราคาอยู่ 400 รวมทั้งหมดเราต้องจ่าย 1250 บาท/คืน สำหรับเราราคานี้กลับบริการที่ได้รับถือยอมรับ เมื่อเทียบกลับโรงแรมในระดับเดียวกันในภูเก็ต


ถึงที่พักท้องก็เริ่มร้อง มื้อแรกของทริปนี้พวกเราฝากท้องไว้ที่ร้าน "แม่หยา" ร้านเก่าแก่ ชื่อดังของเมืองอุดร ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามที่พักของเรา (นี่เป็นอีกเหตุผลที่เราเลือกมาพักที่นี่ ) พวกเราสั่งอาหารที่ขึ้นชื่อของร้านนี้นั้นก็คือ "ห่อหมกทะเล" และ "แกงส้มชะอมกุ้ง" อาหารทั้งหมด 4 อย่าง กิน 3 คน อิ่มมาก มื้อนี้ค่าเสียหายทั้งหมด 750 บาท

13/01/2560 พวกเราต้องเดินทางไปยังเชียงคาน วันนี้อาหารเช้าที่โรงแรมมีข้าวต้มหมู และ อาหารเช้า แบบอเมริกัน ไว้บริการ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรา Check out ออกจาก โรงแรม พวกเราจะต้องไปขึ้นรถไปเชียงคานที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานี แห่งที่ 2 หรือ บขส นอก ตามแต่จะเรียก ทางโรงแรมโทรเรียกรถสกายแล็ปมารับ โดยคิดราคาเหมาอยู่ที่ 80 บาท หน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจะมีรถสกายแล็ป รอบริการทั้งวัน


อุดรไปเชียงคารต้องนั่งรถโดยสาร สาย220 อุดรธานี – เมืองเลย บริษัทที่ให้บริการก็คือ หนองบัวลำภูเดินรถ ราคา 91 บาทต่อคน รถออก 9.10 นาที โดยรถจะออกทุกชั่วโมง และไปถึง บขส เลยเกือบ 12.30


นั่งรถเกือบ ๆ 3 ชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึง บขส จ.เลย เราต้องต่อรถสองแถวไปยังเชียงคาน โดยรถสองแถวสีฟ้า จะจอดอยู่ด้านหลังบขส


สำหรับค่าโดยสาร 35 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทางถึงเชียงคานประมาณ 1.30 เนื่องจากเป็นรถสองแถวท้องถิ่จึงจอดแวะรับตลอดทาง แนะนำให้นั่งไปจนถึงโรงพยาบาลเชียงคานสุดสายพอดี



**หลังจากถึงที่พักทราบข้อมูลว่าเราสามารถนั่งรถของบริษัท นครชัยขนส่ง จากบขส จ.เลย ไปยังเชียงคานได้ ใช้เวลาเดินทาเพียง 45 นาที เป็นรถปรับอากาศส่วนค่าโดยสารน่าจะแพงกว่ากันประมาณ 20 บาท **
พวกเราเลยรู้สึกว่าพลาด ๆ มาก ๆ เพราะรถสองแถวแออัดมาก แต่ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศ นั่งรถสองแถวชิว ๆ ก็ได้ครับ


พวกเราลงรถที่หน้าโรงพยาบาลเชียงคาน ซึ่งจะตรงกับถนนศรีเชียงคาน 25 เดินลัดเข้าไปถึงถนนคนเดิน จริง ๆ หากใครไม่อยากเดินไกลก็สามารถใช้บริการรถสกายแลปได้ หรือ กดกริ่งลงที่ซอยของโฮมเสตย์ที่พักได้ครับ


แผนที่เส้นทางต่างในเชียงคาน


ที่พักของพวกเราอยู่ที่ ซ.6 เราเลยต้องเดินย้อนกลับไป เพราะตรงกันวันศุกร์ บรรยากาศเลยเงียบแต่เริ่มมีร้านมาวางขายบ้างแล้ว


บรรยากาศเมืองเชียงคานในวันที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน นั่งชิว คิดอะไรไปเรื่อยย . . .


ที่เชียงคานเราพักที่ "เฮือนคุ้มฮัก" จองผ่าน Booking.com เช่นเคยเพราะ เราสามารถจองและไปจ่ายเงินวันที่เข้าพักได้ ราคาห้องพักของเราอยู่ที่คืนล่ะ 800 บาท เพิ่มเตียงเสริมอีก 150 บาท พวกเราพักทั้งหมด 2 คืน รวมทั้งหมด 1900 บาท คุณป้าที่อยู่ที่พักใจดีมาก ให้ยืมจักรยานด้วย . . .


แต่เดี๋ยวก่อน !!! อย่าพึ่งไว้ใจเพราะว่ากฏของแต่ละที่พักไม่เหมือนกัน ใน Booking.com บอกว่าจองก่อนจ่ายวันที่เข้าพักก็จริง เราควรติดต่อไปยัง โรงแรมที่พักเพื่อยืนยันและตอบสอบเงื่อนไข
ในเคสของเราต้องขอบคุณทาง เฮือนคุ้มฮักที่โทรมาบอกเราว่าจะต้องมัดจำ 50 % ก่อนเพื่อยืนยันเพราะหากมีลูกค้าท่านอื่นจ่ายเงินก่อนจำเป็นต้องให้สิทธิก่อน ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเรา ไม่งั้นเราอาจะไม่มีที่พัก . . .



หลังจากที่พวกเราเช็คอิน ทำธุรส่วนตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เรารอคอยย นั่นก็คือ หาของกิน ของกินที่เชียงคานมีให้เลือกมากมาย ถ้าไม่รู้ว่าร้านไหนอยู่ตรงไหน Wongnai ช่วยคุณได้ ฮ่า ๆ อยากลองชิมทุกร้านแต่คงจะไม่ไหว ฮ่า ๆ ร้านแรกก็คือร้านผัดไทยโบราณ นอกจากผัดไทย ยังมีหอยทอดขายด้วย

ผัดไทย + โค๊ก 55 บาท แอบกระซิบว่าอร่อยมาก แต่ค่อนข้างเผ็ด พวกเราเป็นเด็กใต้กินเผ็ดจนชิน ยังแอบเหงื่อตก ย้ำเลยว่าควรชิมก่อนปลุง หรือสั่งแบบเผ็ดน้อยไปเลยย . . .



เมนูของคาวผ่านไป เมนูของหวานต้องมา . . . "สังขยาคุณแม่" ร้านขายขนมปังสังขยาชื่อดังตั้งอยู่ใน ซ.9 ขนมปังนุ่ม กินกับสังขยาอุ่น ๆ ฟินมาก ราคาอยู่ที่ชุดล่ะ 80 บาท


ตอนเย็นพวกเราไปเดินเล่นริมโขง รอดูพระอาทิตย์ตกดิน ลมเย็น ๆ อากาศดี อิจฉาคนเชียงคานจัง ^^
เดินมาซักพักนึงท้องเริ่มร้องอีกแล้ว



พวกเราเดินลัดเลาะริมโขงมาเรื่อย ริมโขงมีร้านอาหารบริการมากมาย และคนแน่นทุกร้าน เป้าหมายของเราคือกินเมนูปลาเนื้ออ่อน พวกเราเดินหาร้านไปเรื่อย จนมาเจอร้าน ลุกโภชนา พวกเราเลยตัดสินใจแวะที่ร้านนี้ นี่คือเมนูที่เราทานกัน อาหารที่นี้รสชาติดี เผ็ดกำลังดี ใครแวะมาแนะนำให้ลองสั่ง ต้มยำปลาเนื้ออ่อนมาทาน รับรองไม่ผิดหวัง มื้อนี้ค่าเสียหาย 540 บาท อิ่มจนเกือบเดินไม่ไหวเลยทีเดียวว . . .



อื่มแล้วก็ถึงเวลาเดินเที่ยว " ถนนคนเดินเชียงคาน "


ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของ จขกท ที่มาเชียงคานย้อนกลับไป เมื่อ 6 ปีก่อน จนถึงตอนนี้เชียงคานเปลี่ยนไปมากมีโฮมสเตย์เปิดขึ้นมากมายแทบจะทุกซอย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนของเชียงคานก็คือ " ความมีเสน่ห์ของเชียงคาน " เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยมาที่นี่ อยากกลับไปเชียงคานอีกแน่ ๆ . . .



กลับมาถึงภูเก็ตเราตกใจว่าทำไมรูปถนนคนเดินเชียงคานน้อยจัง (จริง ๆ มี หลายรูป แต่เบลอบ้าง คนเดินตัดหน้ากล้องบ้าง เลยไม่เอามาลงดีกว่า _/\_ ) พึ่งนึกได้ว่าพวกเราเดินซื้อของเพลินไปหน่อยจนลืมถ่ายรูป แต่เราก็ไม่ลืมเจ้k
กุ้งแม่น้ำโขงย่างเสียบไม้ . . .


กุ้งแม่น้ำโขงเสียบไม้ ของทานเล่นยอดฮิตที่ทุกรีวิวต้องมี ไม้นี้ราคา 10 บาท วันนั้นเรากินไปหลายไม้ มาก ๆ แต่จะให้เด็ดกว่านี้ ลองขอน้ำจิ้มซีฟู๊ดราดซักหน่อย รับรองกินเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็โดนกุ้งทิ่มปากไปแล้ว )

14/01/2560 ภาพตัดมาที่เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้พวกเราตื่นกันคั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพื่อจะไปดูแสงเช้า กับทะเลหมอกที่ ภูทอก และ ต่อด้วยไปชมวิว ที่แก่งคุดคู้ พวกเราเหมารถสกายแล้ป โดยคุณป้าที่โฮมสเตย์แนะนำให้ ไปกลับ 150 บาท ระยะทางจากเชียงคาน ไป ภูทอก ประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที


เมื่อถึงที่ภูทอก เราจะต้องโดยสารรถกระบะสองแถวขึ้นไปที่ยอดภู ค่าโดยสาร 25 บาทต่อคน
ตรงทางขึ้นมีห้องน้ำบริการด้วย


เนื่องจากตอนขึ้นถ่ายไม่ทัน รถจะขึ้นไปพอดี เลยแอบถ่ายภาพตอนลงมาแทน )



นั่งรถกระบะมาประมาณ 10 นาทีก้ถึงบนยอด เราก็เลือกมุมกันตามอัธยาศัย ข้างบนมีห้องน้ำให้บริการด้วยน่ะ
เช้าวันนั้นหมอกมาเป็นแพ สวยมาก เราไม่เคยเจอหมอกที่แน่นแบบนี้มาก่อน ไปกี่ที่เจอแต่หมอกฟุ้ง ไม่ก็ไม่มีเลยสงสัยเราไม่ถูกกับหมอกแน่ ๆ เลย ฮ่า ๆ


วันนั้นเหมือนว่าฟ้าจะเน่า เนื่องจากมีเมฆบังเยอะ คนส่วนใหญ่จะถอดใจและลงจากภูไป แต่สำหรับเราเป็นพวกบ้าถ่ายแลนด์สเคป เราคิดว่าถึงไม่ได้ฟ้าระเบิด คงจะได้เห็นหมอกสะท้อนแสงสีทองแน่ ๆ เราเลยรอก่อน
** เราแนะนำว่าถ้าเห็นทะเลหมอกหนา ๆ แบบนี้ให้อยู่ลุ้นซักหน่อยแล้วคุณจะได้พบความสวยงามของธรรมชาติ**


ประมาณ 7 โมง เราก็เริ่มเห็นแสงทอง สามารถถ่ายได้เรื่อย ๆ จนแดดแรง เราลงจากภูทอกประมาณ 8 โมง มุ่งหน้าไปแก่งคุดคู้ต่อ วิธีลงมากข้างล่างก็คือ รอรถสองแถวตรงจุดที่มาส่งพวกเรานั่นแหละ รถจะเวียนมารับเรื่อย ๆ เราว่าการบริการแบบนี้ดีน่ะ ตัดปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอได้เลย และยังปลอดภัยกว่าขับรถขึ้นมาเองด้วย . . .


สถานีต่อไปที่พวกเราไปกันก็คือ "แก้งคุดคู้"
แก่งคุดคุ้ ห่างจาก ภูทอกประมาณ 5 กิโล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที


นี่คือโชวเฟอร์ของพวกเรา แว๊นซ์มาก โดนใจวัยรุ่น ฮ่า ๆ ๆ


บริเวณด้าหน้าแก่งคุดคู้จะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย และมีร้านอาหารของกลุ่มแม่บ้านด้วย มื้อเช้าพวกเราฝากท้องไว้ทีนี่


พวกราหิวมากเลยฝากท้องไว้ที่ร้าอาหารของกลุ่มแม่บ้าน มื้อนี้ค่าเสียหาย 480 บาท รสชาติใช้ได้ แต่ถ้าใครยังไม่หิว จะหิ้วท้องไปกินที่เชียงคานก็ได้ครับ . .


หลังจากอิ่มท้องแล้วเราก็กลับไปยังที่พักและนัดหมายให้พี่โชวเฟอร์มารับพวกเราไปส่งทืท่ารถ นครชัยขนส่ง ในวันรุ่งขึ้นเพราะพวกเราจะต้องไปวัดใจที่ภูกระดึงกันต่อ ถึงที่พักหนังตาก็หล่น จริง ๆ เราวางแผนจะไปถ่ายรูปเมืองเชียงคานต่อแต่ต้านความง่วงไม่ไหว เลยคิดว่าจะงีซักแปป รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็บ่ายโมงกว่าแล้ว . . .



พวกเราเดินออมาหาของกิน สะดุตาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นร้านนี้ มีคนเยอะเป็นพิเศษ ก๋วเตี๋ยวแทบไม่ต้องปรุงเลย น้ำซุป อร่อยมาก ตีนไก่เปื่อยกำลังดี ที่สำคุญราคาไม่แพงง ด้วยย. . .



ทุกคนที่ไปเชียงคานต้องเคยเดินผ่าน "สองผัวเมียเกสเฮ้าส์" โฮมเสตย์ยอดฮิตของเชียงคานชั้นบนเป็นห้องพัก ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ พวกเราแวะหลบร้อนที่ สองผัวเมียเกสเฮ้าส์ สั่งกาแฟนกินคนละแก้ว นั่งดูคนเดินผ่านไปมา เพลินดีจริง ๆ . . .


นั่งจนเพลินดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบเย็นแล้ววันนี้พวกเราตั้งใจจะไปนั่งดูพระอาทิตย์ริมโขง และจะซื้ออาหารไปทานที่โฮมเสตย์ วันนั้นพระอาทิตย์สวยมาก หรือที่ เราชอบเรียกว่าฟ้าระเบิด นั่นแหละ . .


พวกเราเข้านอนกันเร็วเพราะต้องตื่นเช้าเพื่อไปขึ้นรถเพื่อไปภูกระดึง ถึงตอนนี้พวกเราเดินทางมาถึงเกือบครึ่งทางของการเดินทางในทริปนี้แล้ว รีวิวนีเราขอเล่าไว้แค่นี้ก่อน แล้วมาต่อการที่เหลือของพวกเราเร็ว ๆ นี้



สรุปป ค่าใช้ครึ่งทาง จาก ภูเก็ต - เชียงคาน
(ทุกอย่างที่ไปด้วยกันพวกเราหารเท่ากันหมด ยกเว้นค่า ตั๋วเครื่องบิน ค่าของกินเล่น ค่าของฝาก)
ค่าโรงแรมที่อุดรคืนแรก 1250 / 3 = 416 บาท
ค่าอาหาร 750 / 3 = 250 บาท
ค่ารถสกายแลป = 80 / 3 = 26 บาท
ค่ารถโดยสาร อุดรธานี - เมืองเลย คนล่ะ 91 บาท
ค่ารถสองแถว เมืองเลย - เชียงคาน คนล่ะ 35 บาท
ค่าโฮมสเตย์เชียงคาน 1900 / 3 = 633 บาท
ค่าผัดไทย คนล่ะ 55 บาท
ค่าอาหารเย็น 540 / 3 = 180 บาท
ค่ารถสกาย แลปไปภูทอก 150 / 3 = 50 บาท
ค่าเข้าภูทอก คนล่ะ 25 บาท
ค่าอาารที่แก่งคุดคู้ 480 / 3 = 160 บาท
ค่าก๋วยเตี๋ยว คนล่ะ 55 บาท



ค่าใช้จ่ายจากภูเก็ต ถึง เชียงคาน 1,976 + ค่าตั๋วเครื่องบิน 2163 บาท
รวมทั้งหมด 4139 บาท (บวกลบนิดหน่อย)



เราไม่ได้หวังว่าบันทึกการเดินทางของเราจะดังเหมือนพลุแตก แต่เราอยากเป็นไกด์ให้สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบพวกเราที่การเดินทางต่างจากรีวิวอื่น ๆ ที่เริ่มต้นจากรุงเทพ เราไม่สามารถเดินทางจากภูเก็ตไปภูกระดึงด้วยงบ 3,xxx บาทได้ แค่ค่าตั๋วเครื่องบินของพวกเราขนาดมีโปรโมชั้นก็แพงแล้ว TT พวกเราเน้นกิน อยู่ สบาย และไม่แพงมาก แล้วพบกับภาคต่อ จาก เชียงคาน ไป ภูกระดึงเร็ว ๆ นี้ครับ ))

#มนุษย์แว่น

 วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.01 น.

ความคิดเห็น