นาแห้ว..ไม่มีแห้ว ... ไปเที่ยวเลย กันเถอะ ภูป่าเปาะ ห้วยกระทิง ไปกันรึยัง

สวัสดีครับเพื่อนพี่น้อง ผู้พิสมัยการท่องเที่ยวเป็นชีวิต ...วันนี้หอบเอารีวิวมาฝากอีกละ ... รอบนี้สบายๆมาเที่ยวกันในประเทศกันน่ะ

..



จังหวัดเลย ... เคยไปกันมั้ยครับ ...

อย่างน้อยก็น่าจะคุ้นหูบ้าง ที่เราคุ้นๆ แหล่งท่องเที่ยวก็จะมี ภูกระดึง ภูเรือ เชียงคาน

และเทศกาลผีตาโขน ที่โด่งดังที่สุด ...

ถามว่าถ้าเราอินดี้จะไปเที่ยวอื่น ยังมีอะไรน่าสนใจอีกมั้ย ... นู๋ชอบไปที่ชาวบ้านไม่ไปกัน

ผมบอกเลยว่า มีครับ และการไปเที่ยว "เลย" รอบนี้
ผมเลย เอาใจชาวอินดี้ ที่ไม่เที่ยวตามใคร ...

พาไปมุมเล็กๆ ที่เรียบง่าย แต่สวย มีอะไรให้ถ่ายรูป มีพื้นที่ให้ได้อยู่กับตัวเอง

แล้วคุณจะเริ่มหลงรัก จ.เลย ขึ้นมาครับ ... เอ้าตามมาๆๆๆ



ทริปนี้ สามวันสองคืน กำลังดีครับ ...

ออกเดินทางโดยสายการบิน นกแอร์ ขึ้นเครื่องจากดอนเมืองไปลงที่อุดร ครับ ...

เพราะเราจองรถเช่าไว้กับไทยเร้นท์อะคาร์ครับ ซึ่งที่สาขาเมืองเลย ยังไม่ได้เปิด

เลยต้องมารับรถที่นี่ ...

เที่ยว จ.เลย การเช่ารถขับดีที่สุดครับ เพราะแต่ละสถานที่ค่อนข้างไกลกัน

และเพื่อสะดวกในการจอดรถ ถ่ายรูปตามมุมที่ต้องการด้วยครับ ...




ทุกเที่ยวบินมีรอยยิ้มครับ ... นกแอร์น่ารักเสมอ เป็นกันเองและบินราบรื่น

ตอนนี้สามารถเช็คอินผ่าน Application ได้แล้วด้วยครับ สะดวกขึ้นมากกกกก

ลองโหลดใช้งานกันดูน่ะครับ ไม่ยากเลย ....

เส้นทางของนกแอร์ตอนนี้ครอบคลุมเกือบจะทั้งประเทศละ ... แข่งขันกันทุกสายการบิน

ผลดีตกกับผู้โดยสารอย่างเราๆนี่แหละครับ ...




ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนึงครับ อากาศดี มาถึงอุดรธานีแบบชิลๆ แต่เช้าตรู่

ออกมารับรถเช่าที่จองเอาไว้กันเลยครับผมมม น้องๆก็พร้อมต้อนรับเรากันตั้งแต่เช้าๆ แล้ววว






ถนนหนทางค่อนข้างดีครับ จะมีทำถนนบางช่วงบ้าง .... ขับตรงยาวเลยครับ

ขับรถด้วยความไม่ประมาทกันน่ะครับ ... คาดเข็มขัดนิรภัย ตลอดการเดินทางเน้อ ...

แพลนของผมคือ

วันแรกที่ อ.นาแห้ว

วันที่สอง ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย

วันที่สาม ห้วยกระทิงครับ

คือจริงๆ มันสามารถยัดจับให้หมดในสองวันก็ได้ แต่ด้วยจริตการเที่ยวส่วนตัวของผม

มักจะไปแบบช้าๆ อ้อยอิ่ง เจอมุมไหนสวยๆ ก็แวะจอดถ่าย ไม่รีบร้อนครับ ...

ดังนั้นท่านสามารถเอาไอเดียของผมไปเสริมเติมแต่งในทริปของท่านๆได้

ถ้ายังไม่เคยไป เชียงคานอาจจะเลือกไปเชียงคานในวันที่สอง

แล้วค่อยกลับมาในตัวเมืองเลยวันต่อมาก็ได้ครับ

หรือถ้าไปหน้าหนาวจะเลือกไปค้างภูเรือเพิ่มอีกวัน

แล้วขยับทริปเป็น 5 วัน 4 คืนก็ไม่เลวเลย ...



จุดชมวิวระหว่างทางครับ ...

พอเราผ่านอำเภอเมือง เข้าสู่ ภูเรือ ก็จะเริ่มเป็นที่ราบสูง

เป็นช่วงภูเขาสลับไปมา เห็นวิวสวยๆ สีเขียวๆ แล้วสดชื่นขึ้นเยอะเลยครับบบบบ

ว่ากันด้วย นาแห้ว ... ไม่มีแห้ว

เป็นอำเภอที่ผมอยากมาตั้งนานแล้วครับ เคยเห็นภาพในหนังสือท่องเที่ยวสักเล่มนึง หลายปีก่อน

จริงๆ แนะนำว่ามา นาแห้วควรจะมาช่วงนาเขียวๆ ฟูๆ แบบที่ผมมา

จะสวยหน่อยครับ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม

มักจะเป็นนาข้าวครับ ... จะสวยเขียวสดชื่นหน่อย ถ้ามาช่วงหน้าฝนไปจนถึงหน้าหนาว

นาแห้วอยู่ตรงไหน ..

อยู่เลย อำภอด่านซ้ายไปอีกครับ ... เป็นเมืองเล็กๆ กลางหุบเขา ที่ยังคงชีวิตแบบเดิมๆ

ใช้ชีวิตช้าๆ ... ไม่มีห้างร้านซุปเปอร์ เหล้า บาร์ให้เสียงดังอึกทึก ...

ยังเห็นภาพคนเฒ่าคนแก่เดินหิ้วปิ่นโตเดินริมท้องนาไปตักบาตร

มีนักเรียนปั่นจักรยานไปโรงเรียน ... ชาวบ้านรู้จักกันหมดทั้งหมู่บ้าน ...

รอยยิ้มและไมตรี มีให้พบเห็นเต็มเปี่ยมครับ ...



เที่ยวอะไรใน นาแห้ว ...

สูดไอดินกลิ่นธรรมชาติกันให้เต็มปอดครับ .. ฮ่าๆๆ

อำเภอนี้ สงบเสงี่ยมมากกกก ....

มีแหล่งท่องเที่ยวที่ควรไปอยู่สามสี่ที่ครับ

นั่นคือ วัดแสงภา (วัดศรีโพธิ์ชัย) ,วัดโพธิ์ชัย ,เจดีย์หินแทน ,

ภูหัวฮ่อม อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย




จากตัวเมือง เลย .. ใช้เวลาขับรถราวสองชั่วโมงครับ ความเร็ว 100 กิโลโดยเฉลี่ย

ช่วงเลยด่านซ้ายไปจะเป็นช่วงขึ้นเขา ข้ามเขา เข้าอ.นาแห้วน่ะครับ ..

ขับการด้วยความระมัดระวังกันด้วย



จากถนนหลักเราจะเจอ วัดโพธิ์ชัยก่อนครับ ....

อยู่ก่อนถึงตัวอำเภอนาแห้วน่ะครับ ลงจากเขามาระวังขับเลยกันครับ

ที่นี่มีความน่าสนใจที่วิหารโบราณอายุกว่าสี่ร้อยปี ....

ซึ่งมีภาพเขียนจิตรกรรมเก่าแก่รอบวิหาร ... สวยงามและคลาสสิคมากๆครับ




เมือ่เดินเข้ามาจะเจอคุณน้าซึ่งเป็นไวยาวัจกรณ์

ที่เหมือนเป็นมัคคุเทศน์คอยนำเที่ยวในวัดครับ

แกบอกว่าอยู่ที่วัดทุกวัน ..ถ้ามาเที่ยวที่วัดโพธิ์ชัย ทันทีที่จอดรถก้าวลงมา

แกจะเดินมาทักทายและเล่าประวัติความเป็นมาของวัดครับ ...



อันนี้เป็นกุฏิของพระที่วัดนี้ครับ สร้างได้น่ารักดีครับ เลยถ่ายภาพมาให้ดู



ขับเลยต่อไป ถึง อ.นาแห้ว

และต่อไปอีกราวสิบกิโล จะถึง บ้านแสงภา ซึ่งเป็นอีกไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่นี่ครับ

เป็นที่ตั้งของ วัดแสงภา หรือวัดศรีโพธิ์ชัย ...

ตรงนี้ เป็นวัดเก่าแก่ที่อายุราวสี่ร้อยปีเช่นกันครับ

น่าจะเป็นยุคเดียวกับการสร้างเมืองมาเลย ....

ตามคำบอกเล่าบอกว่า เริ่มจากคนฝั่งลาวที่เข้าป่าข้ามมาตั้งรกราก




งานที่เป็นงานไฮไลท์ของที่นี่

คือ ประเพณีการแห่ต้นดอกไม้ในช่วงงานบุญใหญ่ช่วงสงกรานต์ครับ

ลองดูวิดิโองานเมื่อสองปีก่อนครับ ผมไปหามาในยูทูป


วัดก็จะสไตล์ออกแนววัดทางหลวงพระบาง ฝั่งลาว ครับ

ศิลปะ วัฒนธรรมก็ถูกเคลื่อนย้ายมาตามการอพยพของคนต่างพื้นที่

มุมไฮไลท์อยู่ตรงนี้ครับ เราจะเห็นทุ่งนาขนาดใหญ่สีเขียวสวยงาม

โดยมีฉากหลังเป็นวัดศรีโพธิ์ชัยนี่เองครับ

ตรงนี้สวยทั้งช่วงเช้าและตอนเย็นเลยครับ เลือกมาได้

ถ้ามาช่วง ตุลาคม ทุ่งนาจะทอสีทองสวยงามกว่านี้อีกเยอะ

ถ้ามาหน้าหนาวหมอกก็น่าจะงดงามไปอีกแบบครับ ....


ที่พักที่นาแห้วต้องบอกว่าไม่ค่อยมีเลยครับ ...

คนส่วนใหญ่จะไปกางเต้นท์ในหน้าหนาวที่ภูหัวฮ่อม อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ..

สำหรับท่านที่ต้องการที่พักแบบรีสอร์ท ....

ผมเลือกที่ทัศนีย์ รีสอร์ท ครับ ห้องพัดลม ห้องแอร์ 400-600 ต่อคืน ..

ห้องโอเคเลยครับ เป็นห้าดาวประจำอำเภอเลย 5555+



สำหรับคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าอย่างผม

ต้องบอกว่าได้รับการต้อนรับที่ดีมากๆจากชาวบ้านครับ

ส่งยิ้มให้และทักทายผมกันตลอด ถามว่ามาจากไหน พักที่ไหน อบอุ่นมากๆ ...

การมาเที่ยวหมู่บ้านเล็กแบบนี้ ควรจะจอดรถแล้วลองเดิน

ดื่มด่ำกับบรรยากาศชีวิตช้าๆแบบนี้ดูครับ ...



ใกล้ๆ กับวัดแสงภา เป็นที่ตั้งของ พระธาตุดินแทน หรือ เจดีย์ดินแทนครับ

ถือเป็นเจดีย์ที่หาดูได้ยาก

เป็นเจดีย์ที่เกิดจากชาวบ้านเอาดินหินมาถมกันสะสมเรื่อยมานับสิบนับร้อยปี

จนเป็นเนินดินสูงขนาดใหญ่ครับ ...


ตามคำบอกเล่าต้องย้อนไปหลายร้อยปีก่อน สมัยที่ชาวบ้านนับถือผีสาง

มีพระธุดงค์ได้เดินทางมายังหมู่บ้าน และได้สอนชาวบ้านว่า

ถ้าไม่อยากให้เกิดเภทภัยใดจะต้องถือปฏิบัติตนสามข้อ

คือ 1. ห้ามผิดศีล 2.ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 3.ห้ามเล่นไสยศาสตร์

หลังจากนั้นจึงร่วมกับชาวบ้านสร้างพระธาตุเมื่อวันเพ็ญปี พ.ศ. 2146

ปัจจุบัน ศรัทธาของชาวบ้านมิได้เสื่อมคลาย

ชาวบ้านก็ยังมาทำบุญด้วยการตักดินถมอยู่เลยครับ






หากมาปลายหน้าฝน หรือหน้าหนาวอากาศเย็นๆ จุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่แนะนำคือ

การชมทะเลหมอกที่ จุดชมวิวของ ภูหัวฮ่อม อุทยานแห่งชาติภูสวนทรายครับ

ขับรถจากตัวหมู่บ้านแสงภาไปราวๆ สิบกิโลครับ น่าเสียดายช่วงที่ผมไปแดดแรง

ฝนไม่ตก เลยไม่มีหมอก

แนะนำถ้ามาช่วงหน้าหนาวแวะมาชมกันน่ะครับ ในตอนเช้า

น่าจะสวยมากๆ เลยครับ






เป็นหนึ่งคืนที่ชิลมากๆครับ ถ้าชอบความสงบเงียบ ... นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน

เดินช้าๆ สูดอากาศดีๆเข้าเต็มปอด นาแห้ว มาแล้วไม่มีแห้วแน่นอนครับ ...

ข้อสังเกตอีกอย่างคือ เป็นหมู่บ้านที่เล็กมากครับ ...

ร้านอาหารจะไม่ค่อยมีครับ มีร้านอาหารตามสั่งอยู่สองสามร้าน

และมีร้านหมูกะทะอยู่ร้านนึง ฝากท้องได้ครับ ...

(บ็อบ หมูกะทะ ร้านเดียวกับสาขาที่ อ.ด่านซ้ายครับ)

อันนี้ผมถามชาวบ้านแล้วเค้าก็แนะนำมากันครับ ...

ช่วงเช้ามีร้านขายไก่ย่างอยู่ริมถนนร้านนึง ฝากท้องได้ 5555+


.

.

.
บ้านแสงภา แบบมุมสูงกันบ้างครับ ....

เห็นความเขียวขจีกันแบบกว้างๆ เลย


.

.

.


.

จากนั้นเราออกเดินทางกันกลับมาพักที่ตัวเมือง เลย ครับ ...

ทางกลับเราก็จะผ่าน อ.ด่านซ้าย ผ่านภูเรือ ... เส้นทางเดิมที่เรามากัน

ซึ่งก่อนกลับเข้าเมือง เราสามารถแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเลย

อย่างพระธาตุ ศรีสองรักได้ด้วยครับ

.

เป็นเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐถือปูนมีฐานเป็นเหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละประมาณ 8 เมตร

สูงประมาณ 32 เมตร เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุจำวัดครับ

.

จากนั้นเดินทางเข้า อ.เมืองเลย

สำหรับในตัวเมืองนี่ ผมมาพักที่ Crystal Box ครับ

น่าจะเป็นบูติกโฮเทล ที่พึ่งพิงได้มากสุด ...สำหรับวัยรุ่นอย่างเราครับ

ที่พักใหม่เอี่ยม ผ้าปูที่นอนใหม่ๆ นุ่มๆ ราคาห้องไม่แพงครับ

เจ็ดร้อยต่อคืนประมาณนี้ครับ

นอกจากห้องพักแล้วก็มีส่วนของคาเฟ่ร้านกาแฟร้านเค้กในบรรยากาศดีๆ ด้วยครับ

... ลองแวะชิลได้ สไตล์ห้องพักแบบกล่องๆ ตู้คอนเทนเนอร์ครับ

ถือว่ามีความตั้งใจในการทำดีครับ แม้จะดูแลและสร้างยากกว่าห้องพักปกติ

โรงแรมตั้งอยู่ทางไปภูเรือก่อนถึง แยกไฟแดงเข้าตัวเมืองราว 1 กิโลเมตร ครับ ...

ว่ากันด้วของกิน ตัวเมืองเลย ...

สำหรับท่านที่มาพักในตัวเมืองเลย แล้วปรารถนาจะหาร้านอะไรกิน ...

ผมไปลุยกินมาให้ละ คัดสรร ออกมาให้ตามตูดไปกินกันได้ตามนี้ครับ

เรื่องรสชาตินี่แล้วแต่ลิ้นแต่ละคนน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

.

ร้านมะกัน ....

ร้านฝากท้องยามเช้า .. ขายทั้งต้มเลือดหมูรสชาติดีและไข่กะทะแสนโอชา

ร้านนี้ก็ดังเหมือนกันครับ คนค่อนข้างเยอะ เปิดถึงราวๆ เที่ยงก็ปิด อินดี้ ขายไม่เยอะ ....

อดีตสืบทอดมาจากร้านตัดเสื้อ มะกัน เทลเลอร์ครับ

ปัจจุบัน ตัดชื่อเหลือแค่มะกัน ขายอาหารเป็นหลักมากว่าสี่สิบปีละ

.

.

ข้าวเปียกปากหมา ...

ร้านข้าวเปียกดังของเมือง ไม่ได้มากินเหมือนมาไม่ถึง

อย่าบอกใครว่ามาเมืองเลยแล้วไม่ได้มากินร้านนี้

จุดเด่นคือ เสียงดังๆของ เฮียเจ้าของร้าน ฮาๆ ... มาให้เฮียเค้าด่ากันสักหน่อยครับ ...

คนในร้านนี่นั่งกินสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากกกกกกก

มีทั้งแบบเส้นเปียกและวุ้นเส้นครับ ช่วงเที่ยงคนเยอะมากกกก

แต่ได้ฟิลลิ่งความวุ่นวาย เหมือนมาดูโชว์การจัดการในร้านของเฮียครับ

มากินดู .... พิกัดไม่บอก ฮ่าๆๆ เลี้ยวเข้าเมืองแยกโรงพยาบาลและขับตรงๆไป

อยู่แถวๆ วงเวียน ถามคนดูได้ เจอแน่นอน

.



ร้านบะหมี่เตี่ยเฮง ...

ร้านนี้เปิดแต่เช้าๆ ไปจนถึงเย็นๆเลยครับ ขายบะหมี่หลากหลาย มีบะหมี่สามสีครับ

เป็นบะหมี่หยก บะหมี่แครอท บะหมี่เหลือง

เกี๊ยวทำเองอร่อยเลยครับ นอกจากเส้นแล้วมีข้าวหน้าเป็ดข้าวหมูแดง หมูกรอบด้วย

แต่อยากให้เน้นที่บะหมี่ครับ

ยังมีร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำอีกสองสามร้าน

เช่น รสเลิศ ไข่กะทะ ขนมเบื้องเมืองเลย ในตลาด ..

แต่ไม่มีเวลาไปตามกินให้ครบครับ

นอกจากนี้ยังมีร้านใหม่ๆ นั่งชิล ริมถนนสายหลักด้วยร้านสวยๆ แนวร้านในกทม

ขึ้นมาเยอะเหมือนกันครับ ฝากไปกิน ไปเสี่ยง มาฝากกันด้วย 555+



.

.

อีกมุมสวยๆที่อยากแนะนำ ถ้ามีเวลาน่ะครับ คือ ภูป่าเปาะ ครับ

.

ภูป่าเปาะ จะมีมุม ภูหอครับ เป็นภูเขาที่มียอดปลายถูกตัด ด้านบน ....

ด้วยความละม้ายคล้ายกับ ภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ได้รับฉายา ว่า ฟูจิ เมืองเลย ครับผม

จากตัวเมืองเลย ราวๆ 50 กิโลได้มั้งครับ ... จำเป๊ะๆ ไม่ได้ละ

ใช้เวลาขับรถชิลๆ ราวๆ ชั่วโมงนึงได้ครับ

เราจะเริ่มเห็น ภูหอ ชัดเจนตั้งแต่ใกล้ๆ ถึงละครับ

(จริงๆ มองเห็นตั้งแต่ออกจากตัวเมืองไม่ไกลละครับ)

แนะนำว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ได้ครับ ...

เราสามารถขึ้นไปจุดชมวิว เพื่อดูวิวภูหอ มุมสุงได้ครับ ...

โดยจะต้องนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นไปครับ จะแวะตามจุดชมวิวให้เราได้ถ่ายรูปครับ

.



.

มุมตรงนี้ผมหลงไปเจอฮ่าๆ

เป็นบ้านพักของเกษตรกรในตอนกลางวันที่มาทำไรทำนากันตรงตีนเขา

ยามเย็นแสงมาสวยงามมากกกกกกกกกกกก

อากาศก็ดีครับ จนเคลิ้มมมม นั่งเล่น

ปล่อยเวลาไปอย่างช้าๆ นั่งฟังเสียงริ่งเรไร ขับร้องอยู่ไม่ไกล

แบบนี้สิ ถึงเรียกว่าสโลไลฟ์ของจริง.


.

.


ลองดูมุมมองของภูป่าเปาะอีกมุมในกระทู้ของ My Sweet Bear
ซึ่งเป็น 1 ในทีมตะลุย จ.เลย กับผมเช่นกันครับ
พาน้องหมีไปลุย 3 ภูดังๆของ จ.เลยมาครับ รูปสวยมากๆ ตามลิงค์เลย

[น้องหมีหนีเที่ยว] ~ ตอน น้องหมี(สาม)ภู..ลั้ลลาเมืองเลย (^0^)/


.

เอ้า ถ้ามีเวลาเหลือ .... ไปไหนกันต่อดี ฮ่าๆๆ ...

ถ้าไม่อยากไปไกลมาก ก็ไปลองแพ ชิลๆ ยามเย็นที่ ห้วยกระทิงก็ได้ครับ ..

.

อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง" เรียกอีกชื่อว่า "อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน"

ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่การดูแลของวนอุทยานหริรักษ์

โดยมีลักษณะของพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำที่ห้อมล้อม

ด้วยผืนป่า และขุนเขาอันอุดมสมบูรณ์

.

ขับจากตัวเมืองเลยไปไม่เกินยี่สิบกิโลครับ ...

กิจกรรมหลักคือการล่องแพ ...

แพ มีทั้งเล็กและใหญ่ครับ เล็กๆ ก็นั่งได้ สามสี่คนสบายๆครับ

สามารถเลือกได้แบบลาก ให้ไปปล่อยตรงกลาง น้ำ

เราสามารถสั่งเครื่องดื่มและอาหารได้เลยครับ

ราคาอาหารไม่แพงมากก .. ซึ่งเราจะใช้เวลาในการล่องแพเท่าไหร่ก็ได้ครับ

ให้ขอเบอร์คนลากเอาไว้ครับ

อยากกลับมาช่วงไหนก็โทรเรียกได้เลย แล้วให้เค้ามารับครับ ...

.

.

ตรงห้วยกระทิงนี้ เป็นเหมือนที่ชิลของคนเมืองเลยก็ได้ครับ เพราะไม่ไกลมากนัก

ช่วงวันหยุด ตั้งแต่บ่ายๆ ไปก็จะเห็นแพเล็กแพน้อยออกมาลอยกันเยอะละครับ ...

ใครว่ายน้ำแข็งๆ ก็สามารถกระโดดน้ำเล่นได้เลยครับผม

ชูชีพก็มีบริการครับผม อย่าลืมติดไป... เน้นความปลอดภัยกันด้วยเวลาไปเที่ยวครับ

ราคาล่องประมาณ 300 ครับ ถ้าล่องไปไกล แบบไปกลับราวๆ หกร้อยครับ

ไปกันหลายๆคน แชร์กันไม่แพงเลย ชิลมากกกกกกกกกกกกกกกกก ....

.


แป้บๆ เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ สามวันสองคืนที่ จ.เลย

ในมุมมองที่หลายคนอาจจะไม่เคยเห็นครับ ....

น่าจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆของการมาเที่ยว จ.เลย ครับ

หน้าหนาวที่จะถึง ไม่รู้จะไปไหน ลองมาค้นหาสเน่ห์ที่ถูกซุกซ่อนที่ "เลย" กัน ครับ

เอ้า ...แรงบันดาลใจมาละ

ออกไปเที่ยวกานนนนนนนนนนนนนนนน




Suwicharn Thesixthfloor Plikamin

 วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.44 น.

ความคิดเห็น