ขับรถหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง มุ่งหน้ามาสู่สวนผึ้งจังหวัดราชบุรี ปลายทางคือ ฟาร์มเมล่อน CORO FIELD ที่จะให้เรามาสัมผัสความรู้สึกโล่งสบายใจไปกับการเก็บผัก ปลูกต้นไม้ ชิมเมล่อนหวานหอม เพลินเพลินกับเมนูแบบออแกนิค …

บรรยายกาศตอนมาถึง ก็มีฝนตกเล็กน้อย ท้องฟ้าครึ้มๆ แต่อากาศก็เย็นสบายดี

เข้ามาถึง เราก็พบเจ้าบ้านที่น่ารักอย่าง โคโรโระคุง Mascot สุดน่ารัก หลากหลายท่าทางในฟาร์มแห่งนี้กันด้วย

Advertisementshopee

เริ่มต้นด้วยการ ชมดอกMorning Glory เราโชคดีมาก ที่ดอกไม้นี้จะบานในช่วงเช้า ตามชื่อของดอกไม้ และจะบานวันที่มีแดดอ่อนๆ ช่วงที่เราไปอากาศครึ้มๆพอดี จึงเป็นจังหวะดีที่ได้เก็บรูปสวยๆมาฝากกัน

เสียดายที่ยังไม่ถึงช่วงที่เปิดให้เข้าไปทำกิจกรรมเก็บมะเขือเทศ และชมฟาร์มเมล่อน อดเลยยย -_-!

Advertisement

ถึงจะไม่ได้เข้าไปเก็บมะเขือเทศ ก็ยังพอถ่ายรูปจากข้างนอกมาได้

มาถึงสวนแล้วมาเขียน เอะมะ ซึ่งเป็นแผ่นไม้คำอธิฐาน เพื่อขอพรจากสิ่งศักสิทธิ์ ไว้หน่อย

ถัดมาเป็นกิจกรรมการปลูกและเก็บผักสลัด โดยจะแบ่งเป็นช่วงเวลานะจ๊ะ

มีจักรยานใช้เช่าปั่น เล่นๆด้วยนะ

มาในส่วนของ CORO GIY มุมนี้บอกเลยว่าประทับใจมากๆ เหมาะสำหรับคนรักต้นไม้ และสายชิลอย่างเรา ซึ่งเป็นโซนกิจกรรมออกแบบและตกแต่งต้นไม้อย่างอิสระ

ภายในจะมีต้นไม้ในเราเลือก เมื่อเราเลือกต้นไม้ที่ชอบได้แล้ว (ราคาแตกต่างกันไม้แล้วแต่แบบ)

เมื่อเราเลือกต้นไม้ได้แล้ว เราจะได้รับใบอุปถัมภ์ต้นไม้ เป็นใบเปรียบเสมือนเราได้อุปการระจะดูแลต้นไม้นี้ไปตลอด และต้องตั้งชื่อให้กับต้นไม้อีกด้วย

จากนั้นสามารถนำไป DIY ตกแต่งด้วยหินหลากสีสัน ตุ๊กตาประดับน่ารักๆ มีปากกาเมจิกหลากสี และตัวปั้ม ที่นำมาตกแต่งกระถางตามแต่จินตนาการของเรา

นอกจากนี้ยังมี DIY สวนขวด ให้เลือกอีกด้วย นอกจากได้รับต้นไม้ไปดูแลแล้ว ยังถือเป็นช่วงเวลาดีๆที่ได้มานั่งทำกิจกรรมกันเป็นครอบครัว หรือคนที่มาเป็นคู่ ก็ดูอบอุ่นน่ารักดี

ชักเริ่มหิวแล้ว ก็ออกมารับประทานอาหารที่ CORO Cafe ภายในตกแต่งแบบสไตล์ Minimal

รสชาติอาหารของที่นี่ก็อร่อยเกินคาด เพราะเค้าใสใจคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีจากฟาร์มและนำเข้าจากต่างประเทศมาปรุงแต่ง

อย่างส้มตำเมล่อนจานนี้ ที่นอกจากเมล่อนจะหวานฉ่ำแล้ว เนื้อมะเขือเทศกลมโตก็หวานกรอบ ฉ่ำ มะเขือเทศที่นี่เป็นพันธุ์ฮอลแลนด์ มีทั้งลูกสีแดงและสีเหลือง ผลิตผลของฟาร์มนี้ ก็อร่อยสุดๆ จนอยากซื้อเมล่อนและมะเขือเทศสดเป็นของฝากกลับบ้าน

ปิดท้ายที่ของหวานอย่างไอศรีมเมล่อน ทานคู่กับโรตี ฟินนนนนมาก เนื้อไอศรีมเมล่อน อมเปรี้ยวหวาน ที่ชอบคือแป้งโรตีที่ทอดกรอบกำลังดี จิ้มกับวิปครีม เข้ากั๊นเข้ากันนน ไม่ได้อยากอวยเยอะ แต่อร่อยจริงๆ

เมื่ออิ่มกายอิ่มใจแล้ว ก็ได้เวลาสุดท้ายของการเลือกซื้อของฝาก เดินตรงมาต่อที่ CORO Market

ซึ่งเป็นการขายผลผลิตแบบ Organic จากฟาร์ม รับรองความสดและคุณภาพเพราะนอกจากผลไม้ของที่นี่จะถูกดูแลแบบพิเศษแล้ว ยังบำรุงด้วยน้ำแร่ทุกต้นอีกด้วย

เราก็ไม่พลาดตามสัญญาที่จะต้องซื้อ โทมิเมล่อน เมล่อนเปลือกสีทองเนื้อด้านในเป็นสีเขียวสวยใส ให้รสสัมผัสเด่นสุด ๆ คือความหอม กลับไปฝากคนที่เรารัก และของโปรดอย่างมะเขือเทศ เพราะที่นี่เป็นมะเขือเทศฮอลแลนด์ มีทั้งสีแดงและสีเหลืองที่รสชาติจะหวานกว่ามะเขือเทศทั่ว ๆ ไป ใครที่ไม่ชอบทานมะเขือเทศอยากให้ลองชิมเผื่อจะเปลี่ยนใจ

นอกจากนี้ยังมีสินค้า

อื่นๆอีกมากมายให้เลือกซื้อเลือกชม อาทิ มันหวานญี่ปุ่น น้ำสลัด ของที่ระลึก เป็นต้น

อ๊ะ!! เกือบลืม ขอบอกว่า อย่าทิ้งใบเสร็จที่ได้ใช้จ่ายในฟาร์มนะ เพราะสามารถนำใบเสร็จไปแลกรับของที่ระลึกจากฟาร์มได้

ถึงเวลาต้องกลับแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าฟาร์มเล็กๆแห่งนี้จะสามารถทำให้เราอยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ ทุกกิจกรรมที่ได้ก็ทำอย่างสบายใจ ไม่รีบร้อน ถือเป็นทริปแห่งความสุขอีกทริปหนึ่ง ที่ถ้ามีโอกาศจะต้องขอกลับมาที่ฟาร์ม CORO FIELD แห่งนี้อีกแน่นอน..

ติดตามพวกเราได้ที่ : แล้วแต่ตัว

รีวิวอื่นๆ: คลิก

ความคิดเห็น