ทริปนี้ เป็น VIP Trip (เป็นบล็อกแรกของเรานะ ถ้ามีบทความบรรยายน้อย ต้องขออภัยนะจ้ะ)

เริ่มต้นเดินทาง ที่เข็มนาฬิกา 10.00 นาฬิกา จากโรงแรมสิกขรา พลาโช่ รีสอร์ท บางพระ โดยจุดมุ่งหมายของวันนี้ กัปตันเรือของเราได้บอกว่า วันนี้เราจะไป เล่นน้ำทะเลใสๆ ที่เกาะไผ่ แวะทานข้าว เยี่ยมชม พระจุฑาธุชราชฐาน หนึ่งในตำนานของรัชกาลที่ 5 ที่เกาะสีชัง ซึ่งลูกเรือในทริปนี้ ทั้งหมด 14 ท่าน


มีหนึ่งในลูกเรือ เมาเรือง่าย ก็ต้องเตรียมเวชภัณฑ์ให้พร้อมต่อการเดินทางและก็เสบียงเล็กๆระหว่างออกเดินทาง (ขอบคุณน้องบริกรที่น่ารักที่เตรียมเสบียงไว้ให้)


ออกเดินทางได้ !!


โฉมหน้ากัปตันเรือ


อากาศวันนี้ค่อนข้างแจ่มใส ฟ้าสวย ทะเลสงบนิ่ง ทำให้ลูกเรือแฮปปี้ในการถ่ายภาพกันตลอดทาง









ถึงแล้ว จุดหมายที่แรก ก็คือเกาะไผ่ มาถึงปุ๊บ!! กัปตันเรือสั่งให้ลงเล่นน้ำได้



เกาะไผ่มีทะเลที่สวยงามตามธรรมชาติ น้ำทะเลใสเป็นสีฟ้าอ่อนๆ มีหาดทรายละเอียดที่ธรรมชาติรังสรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ความประทับใจแรกที่ทุกคนร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน คือ " ว้าว!! สวยมาก สีน้ำทะเลสวยมาก " ลูกเรือทุกคนไม่รอช้าว่าแล้วก็โดดลงน้ำกันอย่างสนุกสนาน






ทริปนี้ นอกจากลูกเรือของเราแล้วก็ยังมีลูกเรือจากเรือลำอื่นๆมาเยี่ยมเยียนที่เกาะไผ่แห่งนี้









ลูกเรือจากเรือลำอื่นเริ่มเยอะ ทางเราจะช้าอยู่ไย ก็ขึ้นเรือและเดินทางต่อ ไปยังจุดหมายต่อไป



จุดหมายต่อไป คือ เกาะสีชัง สถานที่แรกที่ต้องไปในเกาะสีชัง คือ จุดชมวิว ช่องอิศริยาภรณ์ (ช่องเขาขาด)

จุดชมวิวช่องเขาขาด เป็นจุดชมวิวที่สวย บรรยากาศดี มีลมพัดเอื่อยๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้ลูกเรือในทริปนี้แฮปปี้มากกับการออกเรือในครั้งนี้


เสร็จสิ้นภาระกิจที่ช่องเขาขาด ก็ต่อด้วยจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือ พระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของรัชการที่ 5 พอมาถึงก็จะเห็น สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้สีขาวยื่นไปในทะเลอยู่ทางซ้ายมือเป็นจุดที่ลูกเรือทุกลำต้องมาเก็บความทรงจำกัน


บรรยากาศยามเย็น อากาศไม่ร้อนเท่าไรนัก ประจวบเหมาะกับแสงอ่อนๆ ของอาทิตย์ที่กำลังจะตกทะเลเป็นอะไรที่สวยงามและเหมาะแก่การถ่ายภาพเพื่อบันทึกความทรงจำ


ยืมตัวลูกเรือมาท่านหนึ่ง เป็นนางแบบเฉพาะกิจ


และแล้ว ลูกเรือท่านอื่นๆก็ตามมาแจม ^^



พระจุฑาธุชราชฐานเป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๔๓๒ เพื่อใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ โดยตั้งชื่อตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติ ณ ที่แห่งนั้น คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ (กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย) จนกระทั่งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ในร.ศ.๑๑๒ ซึ่งมีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย การก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ จึงยุติลง และต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างบางส่วนไปสร้างที่อื่น นับแต่นั้นมา การเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังเกาะสีชังจึงได้ยุติลง

ซึ่งในปี พ.ศ.๒๕๒๑ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิการใช้ที่ดินในพระจุฑาธุชราชฐาน จากกรมธนารักษ์ ดังนั้นจึงได้จัดตั้งสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตในบริเวณนี้ทั้งยังดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐาน โดยบูรณะซ่อมแซมอาคารต่างๆ ในเขตพระราชฐานด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๕ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ปรับปรุงพระราชฐานให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น และในวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานแห่งนี้ (Credit : อ้างอิงข้อมูลมาจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย)


อาทิตย์จะลับขอบฟ้า ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับ

เก็บบรรยากาศก่อนอาทิตย์ตกทะเลสักนิดก่อนจะขึ้นฝั่ง

ถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ

ทริปนี้เป็นทริปเพียงวันเดียวที่คุ้มค่ามาก ขอขอบคุณ โรงแรม สิกขรา พลาโช่ รีสอร์ท ที่จัดทริปสนุกๆ และไปยังสถานที่สวยงามทั้งเกาะไผ่และเกาะสีชัง



จบทริป!!
Powered By SAMSUNG GALAXY KZoom

Photo By Tirondroid

Tirondroid

 วันพฤหัสที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.46 น.

ความคิดเห็น